แชร์

บทที่ 8

ผู้แต่ง: เอเวอร์กรีน ฉิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงของห้องเพรสซิเด้นเชียล สวีท ที่หรูหราที่สุดในโรงแรม เดอะ โกลเด้นเอท ออฟ ยูธ อเล็กซ์กลับนอนไม่หลับ

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นมันเกินคาด

เขาไม่ได้คาดหวังว่าพ่อของเขาจะเก็บความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไว้ กลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ นั้นมีอำนาจมากที่สุดในใต้ดินแห่งแคลิฟอร์เนีย นั่นหมายความว่าพ่อของเขาเป็นหัวหน้าแก๊งใต้ดินที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นกันหรือไม่?

การตายของเขาเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จริง ๆ หรือ?

หรือว่ามันจะมีอะไรที่มากไปกว่าสิ่งที่เห็น?

ในดึกดื่นเที่ยงคืน เมื่อเขากำลังหลับสนิทในที่สุด เขากลับถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นและเร่งรีบไปที่โรงพยาบาล

ในที่สุด เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาล เขาก็เห็นแพทย์หลาย ๆ คนมารวมตัวกันที่เตียงของแม่เขา ในหมู่ของพวกเขามีคุณหมอเชอริล โคนีย์ แพทย์สาวสวยที่มีทรวดทรงสุดเซ็กซี่เป็นพิเศษอยู่ที่นั่นด้วย

เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาคิดว่ามีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับแม่ของเขา

เขารีบถาม “ดร. เชอริล แม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง? อาการของเธอแย่ลงหรือเปล่า?”

คุรหมอเชอริลในชุดคลุมสีขาวและหน้ากากอนามัยหันกลับมาพูดว่า "อย่ากังวลไป อาการของเธอไม่ได้แย่ลง แต่เธออาการดีขึ้น"

อเล็กซ์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “จริง ๆ เหรอครับ?”

คุณหมอเชอริลพยักหน้า “ใช่ ก่อนหน้านี้เราคิดว่าอาการของแม่คุณไม่ค่อยดีนัก และเธอต้องผ่าตัดด่วน แต่อาการกลับดีขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด และตัวชี้วัดทั้งหมดกลับคืนสู่สภาพปกติ แม่ของคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอาตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่มันช่างยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ”

“แล้วไม่ต้องผ่าตัดแล้วเหรอ?”

“มาตรวจดูกันก่อน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว การผ่าตัดก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน”

สองชั่วโมงต่อมา

รายงานผลการตรวจออกมาแล้ว

เชอริลพยักหน้าและพูดว่า “ผลออกมาดี ไม่ต้องผ่าตัดแล้วค่ะ และจากการสังเกตของเรา โอกาสที่คุณแม่ของคุณจะฟื้นขึ้นมาก็เพิ่มขึ้นด้วย แสดงว่าเธอเริ่มมีการตอบสนองที่ดีขึ้น และฉันก็จะรักษาเธอด้วยการฝังเข็ม”

อเล็กซ์ดีใจมาก ๆ และโผเข้ากอดเธอแน่น

“ขอบคุณ ขอบคุณมาก ๆ ดร.เชอริล!”

เขามีความปิติยินดีเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่อาการของแม่เขาดีขึ้นในรอบสิบเดือนที่ผ่านมา

คุณหมอเชอริล ซึ่งจู่ ๆ ก้ถูกอเล็กซ์โผลเข้ามากอด เธอจึงขมวดคิ้วทันที

เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินเธอ เธอจึงไม่โทษเขา แต่ตบหลังเขาเบา ๆ แทน "เอาล่ะ ดูแลแม่ของคุณให้ดี สู้ต่อไปนะคะ!"

“โอเค” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี

“แต่คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม?” คุณหมอเชอริลเอ่ยถาม

"โอเค โอเค!" อเล็กซ์ตอบกลับ

"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!" เธอเริ่มดุเขา

"เปล่านะ ดร.เชอริล ผมของคุณติดอยู่กับเสื้อของผม..." อเล็กซ์ตอบ

ในเวลาเดียวกัน ที่วิลล่าของแอทแซค… นายน้อยสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้เข้ามาที่นี่ด้วยรถลัมโบร์กีนีสุดหรูหราของเขาเพื่อมาพบกับคุณหนูโดโรธีอีกครั้ง

เขาบีบแตรรถ

คุณหญิงแคลร์สวมชุดนอนสีดำเปิดประตูทักทายเขา “โอ้ คุณชายสปาร์คลูกเขยสุดที่รัก รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจอหน้าคุณเพียงแค่วันเดียวเอง แม่ก็คิดถึงลูกมาก ๆ เลย”

เธอไม่ได้แต่งหน้าและผมของเธอก็ยุ่งเหยิง

แต่เธอยังคงดูเด็กเหมือนอายุสามสิบปี และเต็มไปด้วยความยั่วยวนในแบบบับของผู้ใหญ่

เมื่อเห็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์เช่นนี้ สปาร์คก็รู้สึกกระตือรือร้นอยากที่จะวิ่งเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน แต่โชคดีที่เขาหักห้ามใจไว้ได้ เขาคิดในใจว่า 'รอจนกว่าฉันจะได้คุณหนูโดโรธีก่อน เมื่อถึงเวลานั้นไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นเงื้อมมือฉันไปได้หรอก อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ ที่ไร้ค่าคนนั้น ไม่ควรค่ากับสมบัติชิ้นนี้ ไอ้กระจอก’

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ สปาร์คก็ได้มอบของขวัญที่เขาถือให้กับคุณนายแคลร์

เขายังใช้โอกาสนี้ในการสัมผัสเธออีกด้วย

คุณนายแคลร์ไม่ได้ตระหนักอะไรเลย ได้แต่ยิ้ม “โอ้ คุณเป็นลูกเขยที่ดีที่สุดของฉัน คุณไม่เพียงมาเยี่ยมฉันแต่ยังนำของขวัญมาให้ฉันด้วย! เมื่อเทียบกับคุณแล้ว อเล็กซ์นี่ขยะก็เป็นแค่ขยะจริง ๆ คุณทั้งคู่มาจากตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ แต่มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากระหว่างพวกคุณสองคน!"

สปาร์คยิ้มและพูดว่า “คุณแม่ครับ ทำไมคุณถึงเอาขยะนั่นขึ้นมาทำให้คุณอารมณ์เสีย”

“โอเค โอเค ฉันไม่พูดแล้ว!”

พวกเขาทั้งสองเข้าไปในวิลล่า

โดโรธีและน้องสาวของเธอ เบียทริซต่างก็อยู่ที่นั่น โดโรธีรู้สึกอึดอัดมากเมื่อได้ยินสปาร์คเรียกแม่ของเธอว่า “คุณแม่” อย่างไร้ยางอาย เธอไม่มีทางออกและทำอะไรไม่ถูก

คืนก่อน อเล็กซ์สาบานอย่างหนักแน่นและบอกว่าเขามีเงินและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย แต่จนถึงตอนนี้เขาไม่มีวี่แววให้เห็นเลย แม้แต่โทรศัพท์ เธอยังจะเชื่อในตัวเขาได้ไหม?

อย่าบอกนะว่า!

“คุณแม่ครับ เมื่อคืนผมเลือกหยิบสร้อยข้อมือหยกเส้นนี้มาให้คุณแม่ คุณแม่ชอบไหมครับ? ผมคิดว่ามันเข้ากับข้อมือสวย ๆ ของคุณแม่พอดีเลย!”

“ในขณะที่สร้อยคอเพชรนี้ ช่างเหมาะกับน้องเบียทริซเสียจริง ๆ มันเหมาะสำหรับคุณมาก คุณสวย ลองใส่เลยสิ มันจะต้องดูดีมาก ๆ สำหรับคุณ”

ผู้หญิงทั้งสองตะลึงในทันที

พวกเขาแทบอดทนรอไม่ไหวที่จะสวมใส่มัน

คุณนายแคลร์เปรียบเทียบอเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ กับสปาร์คอีกครั้งและตั้งใจที่จะให้เลดี้โดโรธีหย่ากับอเล็กซ์อย่างเร็วที่สุด เมื่อเปรียบเทียบพี่น้องร็อคกี้เฟลเลอร์ทั้งสองคนแล้ว พวกเขาช่างแตกต่างกันคนละขั้ว

ยิ่งมองดูกำไลหยกที่มือเธอยิ่งชอบใจ แต่เมื่อเห็นโดโรธีนั่งอยู่บนโซฟาอย่างนิ่งเงียบ เธอจึงกลอกตาทันทีแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกเขยที่รัก คุณซื้อของขวัญให้ทั้งแม่และน้องสาว แล้วคุณได้ซื้อของให้ภรรยาคุณบ้างไหม ของโดโรธีล่ะ?”

โดโรธีรู้สึกไม่สบายใจและพูดขึ้นว่า "คุณแม่ ช่วยละอายใจแก่อเล็กซ์ด้วยค่ะ หนูกับเขายังไม่ได้หย่ากัน หนูยังคงเป็นภรรยาของอเล็กซ์อยู่"

คุณนายแคลร์ถอนหายใจอย่างเย็นชา “ภรรยาเหรอ?! ไอ้ขยะนั่นน่ะเหรอ?! เขาเคยแตะต้องตัวแกหรือเปล่า? แกขายแหวนแต่งงานไปแล้ว แล้วยังจะอะไรอีก? ในเมื่อสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ มาอยู่ที่นี่แล้ว ไปขอให้ไอ้ขยะมาที่นี่เดี๋ยวนี้และหย่ากันซะ แล้วก็ไปจดทะเบียนสมรสกับสปาร์ค และเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ ซะที”

สปาร์คได้ยินดังนั้นแล้วก็ชื่นใจ

เบียทริซกล่าวสนับสนุน “ใช่พี่สาว ฉันคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ยังไงซะ ฉันก็จะไม่ยอมรับอเล็กซ์ขยะนั่นว่าเป็นพี่เขยของฉันหรอก มีแต่ชายหนุ่มอย่างสปาร์คเท่านั้นแหละที่สมควรเป็นพี่เขยของฉัน”

โดโรธีรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอมาก

เธอพูดอะไรไม่ออก

สปาร์คพูดเสริมอีกว่า "โอเค ไปฟ้องหย่าและจดทะเบียนสมรสของเรากันเถอะ"

โดโรธีรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่งและพูดว่า "คุณยังไม่ได้แก้ปัญหาให้ฉันเลย ไว้มาคุยกันอีกทีเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว!"

สปาร์คยิ้มแล้วพูดว่า “ง่ายจัง… หึหึ ไม่มีอะไรที่พ่อแม่ของผมทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? เรื่องกล้วย ๆ ! นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหม หลังจากนั้นคุณก็ไปหย่ากับไอ้ขยะนั่นซะ พ่อของผมสามารถเข้ามาสู่ขอคุณได้... โดโรธีผมไม่ได้ขู่หรือเร่งรัดคุณนะ นี่คือการแสดงความจริงใจต่อพ่อของผม ไม่อย่างนั้นเขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าผมจะแต่งงานกับคุณจริง ๆ ในเมื่อคุณยังคงสถานะสมรสอยู่ จริงไหม?"

คุณนายแคลร์พยักหน้า

และเธอยังเอ่ยขึ้นอีกว่า "ขอฉันโทรหาขยะนั่นก่อน"

ในเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง อเล็กซ์เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลและกำลังจะไปสืบเรื่องจากท่านเล็กซ์ กันเธอร์ ว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง แต่จู่ ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณนายแคลร์ว่าพวกเขากำลังรับประทานอาหารกลางวันกับนายน้อยสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ อยู่ และขอให้เขานำทะเบียนสมรสมาด้วยเพื่อมาพบกับพวกเขา เธอต้องการให้พวกเขาตรงไปที่ออฟฟิศเพื่อหย่าร้างหลังอาหารกลางวันมื้อนี้

ใบหน้าของอเล็กซ์เคร่งขรึมขึ้น

หย่าเหรอ?

“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

เขาตัดสินใจนำสร้อยคอ รักแห่งเมืองปฏิหาริย์ มูลค่าสามสิบล้านดอลลาร์มาเพื่อยัดใส่หน้าของคุณนายแคลร์และสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

อเล็กซ์ก็รีบไปที่ร้านอาหาร

ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในร้าน เขาเห็นสปาร์คหยิบกล่องเครื่องประดับออกมา และพูดกับเลดี้โดโรธีภรรยาของเขาว่า “โดโรธี หัวใจของผมมีไว้เพื่อคุณ ผมขอให้สวรรค์และโลกใบนี้เป็นสักขีพยาน เหมือนกับสร้อยคอเพียงเส้นเดียวในโลกเส้นนี้” ผมต้องการคุณในชีวิตของผม เพียงแค่คุณและจะไม่มีใครอื่น”

จากนั้นเขาก็เปิดกล่องเครื่องประดับและเผยให้โดโรธีดูสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น

เบียทริซปิดปากและอุทานว่า "โอ้ พระเจ้า...นี่คือของล้ำค่าของแอลจี บัลโฟร์ 'รักแห่งเมืองปฏิหาริย์' ที่มีมูลค่าสามสิบล้านดอลลาร์หรือ? ฉันเห็นใครบางคนบนอินเทอร์เน็ตบอกว่ามีชายลึกลับคนหนึ่ง ที่ซื้อสร้อยคอเมื่อคืนนี้ ปรากฎว่าเป็นคุณ พี่สปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ หรอกหรือ พี่สาวคุณช่างโชคดีจริงเชียว!"

สปาร์คตกตะลึง

สร้อยคอ รักแห่งปฏิหาริย์ ที่เขาถืออยู่นั้นเป็นของเลียนแบบ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีคนซื้อสร้อยคอนั้นด้วยราคาสามสิบล้านดอลลาร์จริง ๆ อย่างไรก็ตาม มันจะดีกว่าถ้าสร้อยคอถูกซื้อไปแล้ว ไม่มีทางที่จะยืนยันได้ว่าสร้อยคอที่เขาถืออยู่นั้นเป็นของปลอม และเขารีบพูดขึ้นทันทีว่า “ใช่ ฉันซื้อมาในราคาสามสิบล้านดอลลาร์เมื่อคืนนี้”

“หืมมม ของปลอม!”

“สร้อยที่ฉันถืออยู่คือสร้อยคอ รักแห่งเมืองปฏิหาริย์ ของจริง!”

ในขณะนั้น อเล็กซ์เย้ยหยัน

เขาเดินเข้าไปและโยนกล่องเครื่องประดับในมือลงบนโต๊ะ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 9

    เกิดความเงียบสงบขึ้น!ทุกคนในห้องอาหารส่วนตัวนั้นกำลังตกตะลึงแต่ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงหัวเราะก็ดังลั่นทำลายความเงียบสงบนั้นทุกคนหัวเราะมีเพียงโดโรธีเท่านั้นที่รู้สึกผิดหวังอย่างมากหลังจากการตกใจนั้นคุณนายแคลร์จึงพูดขึ้นว่า “แกสามารถซื้อสร้อยคอ รักแห่งเมืองปฏิหาริย์ มูลค่าสามสิบล้านดอลลาร์ได้จริง ๆ หรือ? เมื่อคืนนี้แกนอนข้างถนนหรือเปล่า? แกคงยังหลับอยู่ และยังคงฝันถึงมันอยู่ใช่ไหมล่ะฮะ? ถ้าแกสามารถซื้อสร้อยคอนี้ได้จริง ๆ ฉันจะแทะโต๊ะนี้เลย"อเล็กซ์ตอบกลับอย่างนิ่ง ๆ ว่า “คุณแม่ คุณไม่ต้องแทะโต๊ะนี้หรอก ฟันของคุณไม่แข็งแรงพอที่จะกัดมันได้”คุณนายแคลร์เลิกคิ้วและจ้องเขม็ง "คุณแม่หรอ? ใครคือแม่ของแก? แม่ของแกยังนอนพะงาบ ๆ ในโรงพยาบาลโน่น! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายน้อยสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ จะเป็นลูกเขยเพียงคนเดียวของฉัน และเขาเป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ที่จะเรียกฉันว่าเป็นแม่ยาย แกต้องหย่ากับโดโรธีในตอนบ่ายนี้เลย”อเล็กซ์จ้องมองและกำหมัดแน่น“ทำไม? แกโกรธมากเลยเหรอ? ขยะอย่างแกกล้าดียังไงถึงมาเกรี้ยวกราดใส่ฉัน?” คุณนายแคลร์ชี้ไปที่หัวของเธอเอง “มานี่สิ ทุบหัวฉัน ถ้าแกกล

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 10

    แน่นอน สปาร์คจะไม่มีทางยอมรับว่าสิ่งที่เขาให้นั้นมันเป็นเพียงสร้อยคอปลอมที่มีมูลค่าเพียงสองพันเดอลลาร์เท่านั้นถ้าเขายอมรับ ความพยายามครั้งก่อนนี้ของเขาก็จะสูญเปล่าเป็นแน่ จริงไหม?เขายืนขึ้นทันที และชี้ไปที่แคสแซนดรา แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกับขยะนั่น อเล็กซ์ เขาให้คุณยืนหยัดเพื่อเขาหรือเปล่า คุณเป็นใครกันแน่ถึงได้มาสงสัยเครื่องประดับที่ผมให้ คุณรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร?"แคสแซนดราเยาะเย้ยและกล่าวว่า “แน่นอน ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นเด็กเหลือขอนิสัยเสียที่พยายามแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัวอเล็กซ์ พูดกันตามตรง ทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้มันก็เป็นของโดโรธี คุณฉกฉวยทรัพย์สมบัติของเธอและตอนนี้ยังมีหน้ามามอบของปลอมให้เธออีก เครื่องประดับจอมปลอมนั่นคุณมอบให้เพื่อใช้แลกกับร่างกายของเธอ คุณมันช่างหน้าด้านมาก”ในตอนนี้นั้นเธอเชื่อในอเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์เธอยังเรียกเขาว่าพ่อและเธอยังยืนหยัดเพื่อเขาอีกด้วยสปาร์คถอนหายใจอย่างเย็นชา “คุณเอาแต่พูดว่าคุณขายสร้อยคอ รักแห่งเมืองปาฏิหาริย์ แล้วคุณขายมันให้ใครล่ะ?”แคสแซนดราตอบว่า "ขายให้..."ขณะที่เธอกำลังจะบอกพวกเขาว่าคืออเล็กซ์ ทันใดนั้น เธ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 11

    ขณะที่แกสตันเริ่มจำชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาได้ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากชายชราเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ และเป็นอัลฟ่าแห่งโลกใต้ดิน ท่านเล็กซ์—เล็กซ์ กันเธอร์!เขาไม่กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับท่านเล็กซ์ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเขาเองแกสตันยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังรวบรวมสติ เขายิ้มและกล่าวคำขอโทษทันที “ท่านเล็กซ์ ผมเสียใจจริง ๆ ผมต้องขออภัยด้วย ไม่รู้ว่าเป็นท่าน! ได้โปรดยกโทษให้ผมสำหรับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมรู้ว่าท่านเป็นคนใจกว้าง โอ้ ผมชื่อแกสตัน ที่ท่านส่งคนมาเรียกผมมาที่นี่ จุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้เพื่อมอบหมายงานเพิ่มเติมให้ผมหรือบางทีเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้ผมเป็นผู้จัดการหรือเปล่าครับ? ผมสัญญาว่าผมจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเลยครับ"ใบหน้าของท่านเล็กซ์ย่นลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเคร่งขรึมและเย็นชาเขาพูดด้วยเสียงโมโนโทนว่า "เราไปคุยกันที่ห้องประชุมเถอะ"เมื่อแกสตันเห็นว่าท่านเล็กซ์ไม่ได้ลงโทษหรือโมโหอะไรเขาเลย เขาก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แม้ว่าท่านเล็กซ์นั้นจะไม่สามารถซ่อนความโกรธข

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 12

    ท่านเล็กซ์เตะแกสตันและตะโกนว่า “ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอความเมตตา! ลากมันออกไปแล้วจับมันไปถ่วงน้ำซะ”การ์ดรักษาความปลอดภัยพุ่งไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของแกสตันนันมันได้เอ่อล้นออกมา เขาคำนับหมอบลงกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหน้าผากของเขาแตกและเริ่มมีเลือดไหลนองออกมา แกสตันตะโกนว่า “ท่านเล็กซ์ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ลุงจอห์น ช่วยด้วย! ผมรู้ว่าผมผิดได้ทำผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว นายท่านอเล็กซ์ครับ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!”การทนดูการกระทำนั้นมันช่างเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับจอห์น เกตส์ ที่จะอดทนดูได้ แต่เขาก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้เลยสักคำอเล็กซ์ชำเลืองมองไปที่แกสตันและพูดว่า “ไว้ชีวิตเขา เขายังอาจจะมีประโยชน์สำหรับเรา”เมื่อได้ยินคำพูดของอเล็กซ์ ความกตัญญูกตเวทีก็ถูกจารึกไว้ทั่วใบหน้าของจอห์น เขาเตะแกสตันอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอบคุณนายท่านอเล็กซ์เดี๋ยวนี้เลย จำเอาไว้ว่านับจากนี้ไปเขาจะเป็นเจ้านายของแก!”แกสตันลุกลี้ลุกลนหมอบลงกับพื้นพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณครับ! ขอบคุณมาก ๆ นายท่านอเล็กซ์!”ท่านเล็กซ์ไม่สามารถซ่อนความโกรธเคืองในน้ำเสียงได้และกล่าวว่า "ส

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 13

    คุณหนูโดโรธีเชื่อมั่นในตัวอเล็กซ์ แต่สิ่งที่อเล็กซ์พูดนั้นมันก็ยากที่จะเชื่อ ที่สำคัญที่สุด เขาใช้เวลาถึงสิบเดือนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย และความทรงจำนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเธออเล็กซ์จ้องไปที่สปาร์คอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีกครั้งแล้วกับการโกหก ฉันต้องการเห็นมันจนกว่าที่นายจะหยุดโกหกเสียที นายคิดว่าคำโกหกของนายนั้นไร้ที่ติหรือเปล่า? นายจะใช้กลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เพื่อบังคับให้ฉันหย่ากับโดโรธีหรือ? ตลกอะไรเบอร์นั้น! จอห์น เกตส์ แห่งกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ใช่ไหม? เขาพึ่งมาคุกเข่าต่อหน้าของฉัน เพื่อร้องขอความเมตตาเอง”ทุกคนต่างหัวเราะ แม้แต่โดโรธีก็ยังรู้สึกผิดหวังในตัวของอเล็กซ์ด้วย เธอคิดว่าเขากำลังโกหกอยู่สปาร์คหัวเราะเสียงดัง “อเล็กซ์ ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเห็นภาพลวงตานั่นจริง ๆ และนายอาจจะมีอาการประสาทหลอนด้วย คุณจอห์น เกตส์ จากกกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เนี่ยนะที่เขาจะมาคุกเข่าต่อหน้านาย? ทำไมนายไม่บอกเลยล่ะว่าท่านเล็กซ์ทำงานให้กับนาย?”อเล็กซ์ยิ้มเยาะ 'ใช่ ท่านเล็กซ์ กันเธอร์ ทำงานให้กับฉัน'อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถึงเวลาที่จะเฉลยความลับนี้เขามองไปที่คุณหนูโดโ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 14

    เมื่อแกสตันได้รับโทรศัพท์ เขากำลังเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหน้าผากของเขาแตกและใบหน้าของเขาปูดบวม ทั่วร่างของเขามีแต่รอยฟกช้ำสีน้ำเงินและสีม่วงทุกครั้งที่เขารู้สึกเจ็บปวด เขาจะสาปแช่งสปาร์คในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยไอ้เจ้าเล่ห์นั่น เขาก็คงไม่มาตกอยู่ในสถานะปัจจุบันของเขาหรอก เขาแทบจะไม่รอดจากการถูกจับไปถ่วงน้ำเมื่อเขาได้ยินสปาร์คถามเขาเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากที่จะด่า อย่างไรก็ตาม เขาจำคำสั่งของอเล็กซ์ได้และบอกสปาร์คว่า “อย่ามาถามคำถามอะไรฉันมากมาย ฉันไม่มีคำตอบให้นายหรอก ฉันกำลังจะไปต่างประเทศ นายจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยตัวเองเลย”คลิก! แกสตันกดวางสายสปาร์ค และปิดโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เขาสามารถติดต่อได้อีก สปาร์คโกรธมาก เขานั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ แกสตันเอาเงินไปแล้วแต่กลับไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตาม แกสตันเป็นหลานชายของจอห์น เกตส์ ผู้มีอำนาจ บุคคลที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ และสปาร์คไม่มีความกล้าพอที่จะทำอะไรกับแกสตันและไม่นานเขาก็ถึงบ้าน บ้านของครอบครัวร็อคกี้เฟลเลอร์เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ในวันเกิดปีที่เจ็ดของอเล็กซ์ วิลเลียม ร็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 15

    เมื่อพวกเขาออกจากคฤหาสน์ ต้นตระกูลของแอสเส็กซ์ สปาร์คก็จ้องมองคุณท่านบิลอย่างชื่นชม “คุณปู่ครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณปู่มีเส้นสายถึงขนาดที่สนิทสนมกันกับท่านเล็กซ์ แถมยังจัดการช่วยให้เขาเซ็นสัญญาพันล้านดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว! ไม่น่าแปลกใจที่คุณมั่นใจว่าหญิงชราจะยอมรับข้อเสนอของพวกเรา!”คุณท่านบิลส่ายหัวและพูดว่า “ไอ้สัญญาพันล้านดอลลาร์นั่น ปู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิดเดียว”“หืม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณปู่ถึงได้พูดว่า…” สปาร์คเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ฉันก็แค่พูดไปตามน้ำเท่านั้นแหละ” คุณท่านบิลพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่สปาร์คจะทันได้พูดจนจบประโยคของเขา “โชคชะตาลิขิตสิ่งต่าง ๆ มาให้เราในวันนี้ ปู่ไม่ได้คาดหวังว่าครอบครัวแอสเส็กซ์จะทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องมีผู้ที่มีอำนาจยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาไว้ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับหลานที่จะแต่งงานกับคุณหนูโดโรธี เราอาจจะสามารถเชื่อมต่อหาช่องทางธุรกิจกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ผ่านทางหลานได้ในอนาคต"สปาร์คยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ความสงสัยนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ว่าใครบ้างที่จะสามารถช่วยครอบคร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 16

    “เจ้าสาวอะไรเหรอ?” โดโรธี ถาม คุณหนูเอ็มม่ายิ้มและพูดว่า “เธอไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ? น่าทึ่งมาก! แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้นะ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยแล้วกัน!” สายตาของโดโรธีและอเล็กซ์สบตากัน พวกเขารู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแน่ ๆ อเล็กซ์รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นสปาร์คอยู่ในห้องโถง นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วและมีผู้คนจำนวนมากอยู่ในห้องจัดเลี้ยง คุณท่านโจแอนน์กับแก้มที่มีสีเลือดฝาดในชุดสีขาวดั่งพระจันทร์ที่ยืนอยู่ใต้แสงไฟ เธอยื้นแขนทั้งสองข้างของเธอออกและทุก ๆ คนในห้องโถงก็เงียบ “วันนี้เป็นวันครบรอบสิบห้าปีของการก่อตั้งแอสเส็กซ์ ดิฉันขอขอบคุณหุ้นส่วนทางธุรกิจของพวกเราสำหรับการเข้าร่วมของคุณในค่ำคืนนี้” แปะ...แปะ... แปะ… (ปรบมือ) ฝูงชนต่างพากันปรบมือ “ตามปกติแล้วกิจกรรมของเราในวันนี้คือรุ่นเล็กของตระกูลแอสเส็กซ์จะได้รับรางวัลตามผลงานของพวกเขา แต่ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพราะวันนี้เรามีผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...” คุณท่านโจแอนน์ตั้งใจที่หยุดชั่วขณะ จากนั้นแสงก็ส่องไปที่ โดโรธี “โดโรธี! หลานสาวคนสวยของฉัน” “โดโรธีได้เ

บทล่าสุด

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 200

    “คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 199

    ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 198

    อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 197

    ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 196

    อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย ​​แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 195

    “ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 194

    สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 193

    ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 192

    “พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท

DMCA.com Protection Status