วราลีกำลังตกงาน
เพราะพิษเศรษฐกิจตกต่ำทำให้บริษัทที่หญิงสาวทำงานอยู่ต้องคัดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก และเธอก็เป็นหนึ่งในพนักงานกลุ่มนั้น หญิงสาวได้รับจดหมายเลิกจ้างพร้อมเงินชดเชยไม่กี่เดือน ต้องเสียเวลามาเริ่มนับหนึ่งใหม่ หางานทำใหม่ เธอเป็นเพียงพนักงานบัญชีธรรมดา เรียบจบออกมาก็ได้งานจากบริษัทที่เคยฝึกงาน แต่พอทำได้ไม่นานก็ดันถูกเลิกจ้างเพราะบริษัทต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ มีพนักงานหลายร้อยคนที่ถูกเลิกจ้างเช่นกัน บางคนคร่ำครวญ บางคนรวมตัวกันประท้วงบริษัท ส่วนวราลีเพียงเก็บข้าวของออกจากบริษัทเงียบๆ แล้วกลับบ้านไปค้นหางานตามอินเทอร์เน็ต เธออยากหางานใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะภาระผ่อนบ้านที่เพิ่งซื้อไม่ถึงปีกำลังรออยู่
หญิงสาวนั่งแท็กซี่มาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรที่ตัวเองอาศัยอยู่ จ่ายเงินให้กับแท็กซี่ด้วยแววตาละห้อย เมื่อแบงก์ร้อยที่น้อยนิดในกระเป๋าปลิวไปอีกสองใบก่อนขนข้าวของลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านใน บ้านสองชั้นขนาดสองห้องนอนสองห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น วราลีเพิ่งผ่อนไปได้ไม่ถึงครึ่งปี หากทำงานปกติก็คงจะผ่อนต่อไปได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เธอตกงาน ถึงแม้จะมีเงินชดเชย แต่ถ้ายังหางานทำไม่ได้ภายในเดือนสองเดือนนี้ต้องแย่แน่ๆ
หญิงสาววางข้าวของที่เก็บจากบริษัทวางไว้มุมหนึ่งของห้องเสร็จ ก็ขึ้นไปอาบน้ำชั้นบน หลังจากอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่นแล้วก็เดินมาเปิดโน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงาน หย่อนก้นลงนั่ง สายตากวาดมองหน้าจอ ไล่หางานที่ตรงกับสายงาน พอเห็นว่าบริษัทไหนที่ประกาศรับพนักงานอยู่ก็ส่งเรซูเม่ไป เธอใช้เวลาไปกับหน้าจอหลายชั่วโมง พอเงยหน้าขึ้นจากจอ ท้องฟ้าก็มืดมิด เห็นว่าควรพักสายตาได้แล้วจึงลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหาอะไรกินในห้องครัว โทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังลั่นอยู่ข้างโน๊ตบุ๊ค วราลีเดินกลับออกมาจากในครัวทั้งที่ปากยังคาบขนมปังแผ่นหนึ่ง พอมองชื่อปรากฏบนหน้าจอก็รีบดึงขนมปังออกจากปาก แล้วกดรับ
“ว่าไงคะแม่”
“แม่เห็นบริษัทที่เราทำงานด้วยออกข่าวในทีวี ปลดพนักงานหลายร้อยคน...” เสียงมารดาฟังดูเป็นห่วง นี่คงคิดว่าเธอได้รับผลกระทบด้วยสินะ ถึงได้รีบโทรมาน้ำเสียงร้อนรน
“ใช่ค่ะ...แล้วหนูลีก็เป็นหนึ่งในนั้น” หญิงสาวต่อท้ายประโยค มารดาเธอคิดไม่ผิดหรอก เธอโดนผลกระทบด้วย ถูกปลดไปพร้อมกับพนักงานอีกหลายร้อยคนนั้น
“ตายจริง! แล้วหนูลีจะทำยังไง กลับบ้านเราไหมลูกระหว่างที่ยังหางานทำไม่ได้”
“ยังก่อนค่ะแม่ หนูลีเพิ่งกลับจากบริษัทมา ตอนนี้ก็นั่งหาบริษัทที่เปิดรับสมัครงานในอินเตอร์เน็ตอยู่ มีส่งเรซูเม่ไปสองสามที่ รอเขาตอบกลับก่อน ยังไงถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยว่ากัน”
“อืม ลองยื่นใบสมัครไปก่อน แต่ถ้ายังไม่ได้งานจริงๆ กลับบ้านเรา มาช่วยแม่ดูแลร้านก็ได้นะลูกนะ”
“ค่ะแม่” หญิงสาวคุยกับมารดาอีกสองสามประโยคก่อนวางสาย ก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นคลึงขมับตัวเองเบาๆ วราลีเป็นลูกคนเดียว บิดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุได้ไม่กี่ขวบ มารดาที่เคยเป็นแม่บ้านพอขาดเสาหลักของครอบครัว จากที่เป็นแม่บ้านธรรมดา ก็ต้องหาลู่ทางทำมาหากิน โชคดีที่มีฝีมือทำกับข้าว สุดท้ายก็กลายเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง รสมือมารดาถูกปากลูกค้า หลายคนบอกปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าประจำมากมาย รายได้ก็มากขึ้นตาม ไม่กี่ปีนี้เลยพอมีเงินทุนซื้อตึกขนาดสองคูหาเพื่อเปิดร้านอาหาร
ความจริงฐานะทางบ้านวราลีก็ไม่ขัดสน ตลอดหลายปีที่ผ่านมากิจการร้านอาหารของครอบครัวก็เป็นไปด้วยดี เพียงแต่หญิงสาวอยากจะลองใช้ชีวิตเป็นพนักงานเงินเดือน อารมณ์คนรุ่นใหม่ อยากอยู่เมืองกรุงเพราะมันดูเจริญ และคิดว่าการได้มาทำงานที่กรุงเทพ จะหาเงินได้มากกว่าอยู่บ้านนอก พอมารดารู้ว่าเธอจะอยู่ทำงานที่กรุงเทพก็บอกจะซื้อคอนโด หรือบ้านที่กรุงเทพให้ แต่วราลีปฏิเสธ ตั้งมั่นว่าจะซื้อเอง ผ่อนเอง แล้วเป็นยังไง ผ่อนได้ไม่นานงานก็เข้าเธอเสียแล้ว
หลายวันต่อมา
หญิงสาวได้จดหมายตอบกลับจาก HR บริษัทหนึ่งที่เธอยื่นใบสมัครไป วันนี้จึงตื่นเช้าเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานด้วยเดรสสีครีมแล้วสวมสูทสีดำทับ เธอใส่รองเท้ารัดส้นสีดำ รวบผมไว้กลางหลัง แต่งหน้าอ่อนๆ เมื่อสำรวจตนเองหน้ากระจกคิดว่าเรียบร้อยดีก็เริ่มเดินทางออกจากบ้าน หญิงสาวโบกมือเรียกแท็กซี่ก่อนบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ ระหว่างทางนึกทบทวนการตอบคำถามคร่าวๆ ไม่นานรถก็จอดเลียบข้างทาง เธอจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนลงจากรถ ด้านหน้าเป็นบริษัทที่จะเข้าไปสัมภาษณ์งาน วราลีกระชับกระเป๋าตัวเองไว้แนบอกแล้วเริ่มเดินบนทางฟุตบาท อีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินเข้าไปในบริษัท เธอหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งเพราะฝนเพิ่งตกแล้วหยุดไปสักพัก ระหว่างทางสายฝนยังโปรยปราย แต่พอวราลีมาถึงหน้าบริษัทฝนก็หยุดตก นับเป็นนิมิตหมายอันดีจริงๆ
บรื้น!
เสียงรถแล่นผ่านหญิงสาวไป ทว่า ล้อที่กำลังวิ่งผ่านเหยียบแอ่งน้ำข้างถนน ด้วยความเร็วคงที่ น้ำจึงสาดกระจายกระเด็นใส่วราลีเต็ม ๆ
“ว้าย!” เธอยกมือขึ้นบังอัตโนมัติ ริมฝีปากเปล่งเสียงอุทานทันที ความรู้สึกเปียกชื้น ร่างกายเปียกปอนไปกว่าครึ่ง มองรถกระบะต้นเหตุที่ตอนนี้แล่นไปไกลด้วยอาการนิ่งอึ้ง หญิงสาวมองป้ายทะเบียนรถไม่ทัน แต่สายตาเหลือบไปเห็นตรงท้ายรถมีสติกเกอร์ตัวเบ่อเริ้มที่อ่านทันว่า ไร่ชานายสิงห์
เดรสสีครีมที่สวมใส่มาตอนนี้เปื้อนน้ำสกปรกเป็นด่างดวง ถึงแม้จะมีสูทสวมทับแต่ก็ไม่พ้น ผมที่รวบมัดไว้ด้านหลังเปียกน้ำจนหยดติ๋งๆ สภาพโดยรวมเรียกว่าดูไม่ได้ ทั้งอึ้ง ตะลึง โกรธ สุดท้ายก็ได้แต่ตัวยืนสั่นเป็นเจ้าเข้า รู้สึกโมโหจับใจ แต่เอาผิดใครก็ไม่ได้เพราะรถเจ้ากรรมขับหายไปไกลลิบแล้ว พอก้มดูนาฬิกาข้อมือ อีกสิบนาทีจะได้เวลาสอบสัมภาษณ์ เลื่อนสายตาลงมองสารรูปตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
ดูท่าเธอคงพลาดงานอีกแล้วสินะ...
พลาดจากงานแรกเพราะรถกระบะเฮงซวย หลายวันต่อมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีบริษัทไหนติดต่อมาอีก หญิงสาวนั่งๆ นอนๆ จนเบื่อ ระหว่างว่างงานก็ส่งใบสมัครไปหลายที่แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนตอบกลับ“เฮ้อ”วราลีถอนหายใจรอบที่ร้อย วันหนึ่งเธอถอนหายใจทิ้งไปไม่รู้กี่ครั้ง สงสัยคงจะได้กลับไปช่วยแม่ดูแลร้านอาหาร งานที่เมืองกรุงช่างหายากหาเย็น ก็แน่ล่ะ อัตราพนักงานที่ว่างงานเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นของประชากรในกรุงเทพแน่ ๆ แล้วแต่ละบริษัทที่รับพนักงานก็รับแค่ไม่กี่คน การแข่งขันมันก็สูง นักการบัญชีธรรมดาอย่างเธอมันก็อยู่ยากหน่อยครืด ครืด ครืดโทรศัพท์ที่ตั้งระบบสั่นไว้เคลื่อนไหวบนโต๊ะ วราลีเดินไปหยิบ เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอเป็นเบอร์เพื่อนสนิทที่ตอนนี้เรียนต่ออยู่อีกซีกโลก“รับช้าจังยายลี มัวทำอะไร ฮึ”หญิงสาวขมวดคิ้วขณะเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนัง จากเวลาทางนู้นก็คงจะดึกมากแล้ว แซนดี้ หรือ อาจารี บริรักษ์ เป็นเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไปเรียนต่อที่อเมริกา อีกหลายเดือนกว่าจะกลับ รายนั้นเป็นทายาทเพียงคนเดียวของบริรักษ์กรุ๊ป เจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมทางภาคใต้ พวกเธอสองคนรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเพราะนิสัยเข้ากัน
วราลีขีดๆ เขียนๆ ด้านข้าง โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่าน ถึงแม้รถราที่ขับผ่านบางคนจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ แต่ใครแคร์กันล่ะ ตอนนี้เธอขอระบายความโกรธก่อนก็แล้วกัน หญิงสาวใช้ขมิ้นขีดรถจนเหนื่อยหอบ พอความโมโหคลายลงก็รีบยัดส่วนที่เหลือใส่ถุง เหลียวซ้ายมองขวาอีกรอบ“เฮอะ โชคดีเท่าไรที่ฉันไม่เอากุญแจรถขูดให้” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายก่อนตั้งท่าจะข้ามกลับไปอีกฝั่ง รีบชิ่งหนีก่อนที่เจ้าของรถจะมา“เฮ้ย! ทำไมรถเป็นแบบนี้วะ”เสียงผู้ชายดังขึ้นด้านหลัง ขณะที่วราลีกำลังรอข้ามถนน หญิงสาวสะดุ้งเฮือกภาวนาให้ถนนโล่งเธอจะได้รีบข้ามรีบเผ่นไปจากที่นี่เสียทีแต่ดูเหมือนช้าไป เมื่อเสียงทุ้มร้องเรียกด้านหลัง....“คุณ! คุณ!”วราลีค่อยๆ หันหน้าไป พยายามตีหน้านิ่ง หญิงสาวสบตากับผู้ชายตัวโต รูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีซีด ผมสีดำยุ่งๆ ไม่เป็นทรง นัยน์ตาสีดำคมเข้ม คิ้วหนาเป็นปื้นรับกับดวงตา จมูกโด่งเป็นสัน ชายหนุ่มไว้หนวดไว้เคราเหมือนขุนโจรที่เธอเห็นในละคร ท่าทางเหมือนโจรผู้ร้าย วราลีรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออก และไม่ใช่เวลาที่จะมานึกด้วย เพราะเธอเพิ่งไปก่อวีรกรรมกับรถเขา
“พ่อเลี้ยงกลับมาแล้วหรือครับ”สิงหราชเปิดประตูรถก่อนก้าวลงมา ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาต้อนรับ ชายหนุ่มเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็บอกเสียงขัน“ถ้าฉันยังไม่กลับลุงมิ่งจะเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้เรอะ”“ฮ่าๆ นั่นสินะครับ” ชายที่ชื่อมิ่งหัวเราะผสมโรง ก่อนช่วยยกข้าวของที่อยู่ด้านหลังรถลง แล้วขนตรงไปยังเรือนไม้สักหลังใหญ่ เดินไปไม่กี่ก้าว เบื้องหน้าปรากฏสตรีวัยกลางคนสวมชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวกำลังเดินลงบันไดมา สิงหราชเห็นก็ตรงเข้าไปประคอง“แม่ลงมาทำไม สิงห์กำลังจะขึ้นไปพอดี”“ก็แม่อยากลงมาดูนี่ เห็นสิงห์ไม่มาสักทีก็นึกเป็นห่วง ช่วงนี้หน้าฝนถนนหนทางอันตราย พอเห็นหน้าสิงห์ตอนนี้แม่ถึงได้เบาใจ มาห้ามแม่เดินลงบันได ทำเหมือนแม่แก่แข้งขาไม่ดีอยู่ได้” นาตยาตีไหล่ลูกชายเบาๆ ก่อนใช้สายตาสำรวจลูกชายด้วยความรัก สิงหราชคือความภูมิใจของหล่อนและครอบครัว นาตยานึกถึงสามีที่ล่วงลับ ลูกชายคนนี้ถอดแบบสามีมาทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งความขยัน เอาจริงเอาจัง ความมุ่งมั่นพัฒนามรดกตกทอดของวงศ์ตระกูล ทำให้มีไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงรายในวันนี้ ชีวิตนี้นาตยาไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากขอให้ลูกชายมีครอบครัวที่อบอุ่น ช่วยกันดูแลไร่ชาสิงหราช มีลูกมีหลาน
“ตกลงยังไงหนูลี ทำไมหนูจะไม่ไป...” เสียงมารดาเร่งเร้าเอาคำตอบ“หนูลี...ไปก็ได้ค่ะ” วราลีกัดฟันตอบ เพราะไม่อยากอธิบายอะไร การที่ต้องใช้สมองนึกรื้อฟื้นความหลังมันไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยสำหรับเธอ “แล้วจะให้หนูลีเปลี่ยนตั๋วเดินทางไปเชียงรายเลยใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะลูกรัก...ถึงที่นู้นโทรหาแม่ด้วยนะ อ๋อ เดี๋ยวแม่ส่งไลน์เบอร์โทรนาตยาให้นะหนูลี ถึงสนามบินก็โทรบอกน้านาต” น้ำเสียงมารดาดูสดใสเป็นพิเศษ“ค่ะแม่”“เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ สู้ๆ จ้ะ”วราลีรับคำ พลางทำหน้าแปลกๆ เมื่อได้ยินประโยคปิดท้ายของมารดา แต่เพราะตอนนี้เธอกำลังกังวลกับการเผชิญหน้ากับผู้ชายในความทรงจำเมื่อวัยเด็ก ทำให้ไม่ได้เก็บคำพูดมารดามาใส่ใจอีก มารดาบอกสู้ๆ ก็คงเป็นการส่งกำลังใจให้เธอกับการเริ่มต้นงานใหม่ หญิงสาวพูดคุยกับมารดาอีกสองสามประโยคก่อนวางสาย หันไปมองกระเป๋าเดินทางของตัวแล้วก็ถอนหายใจจากมนุษย์เงินเดือนจะไปเป็นสาวชาวไร่เอาเถอะ...ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศก็แล้วกันสนามบินแม่ฟ้าหลวง (เชียงราย)วราลีลากกระเป๋าเดินทางเดินออกจากสนามบินมายังจุดรอรถ หญิงสาวล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกางเกง เลื่อนจอดูเบอร์มือถือที่มารดาส่งไว้ในไลน์ แล้วกดโทรอ
สิงหราชมองผู้หญิงที่ถือกระเป๋าใบโตลงจากรถด้วยสายตาเย็นชา ผู้หญิงคนนี้เขาเคยเจอที่กรุงเทพครั้งหนึ่งและไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ เมื่อหญิงสาวคือคนที่จะมาทำงานกับเขาในฐานะเลขาส่วนตัวคนอย่างสิงหราชจะต้องการเลขาไปทำไม ในเมื่อก็มีคนสนิทอย่าง พายัพ คอยเป็นมือขวา จัดการทุกอย่างให้ ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางขี้โรคอย่างหล่อนจะช่วยอะไรเขาได้ ไม่รู้ว่ามารดาเขาคิดอะไรอยู่ แถมแม่คุณยังเป็นคนที่เคยก่อวีรกรรมทำร้ายรถสุดรักของเขา ตีหน้าซื่อใส่ว่าไม่รู้เรื่อง มารยาสาไถยคงจะเยอะพอดูที่จะมาเป็นเลขาก็อาจจะมีแผนจับเขาทำผัวก็ได้ ใครจะรู้!ชายหนุ่มเดินลงจากรถแล้วมองวราลีนิ่งๆ ฝ่ายวราลีก็มองเขาก่อนจะมองกระเป๋าใบโตของตัวเอง ท่าทางเหมือนรอให้เขาเข้าไปช่วยถือ สิงหราชยิ้มเยาะก่อนหมุนตัวเดินหนีไป ไม่สนใจเสียงที่ร้องเรียกตามหลัง“คุณ คุณ!”วราลีมองแผ่นหลังของผู้ชายหน้าหนวดที่เดินห่างไปเรื่อยๆ จะว่าเขาหูหนวกก็ไม่ใช่ เพราะเธอและเขาก็ยังพูดคุยกันอยู่ถึงจะแค่ไม่กี่ประโยค หรือเขาจะจำได้ว่าเธอคือเด็กผู้หญิงที่เคยตามตอแย แต่ดูจากท่าทาง คำพูดคำจาที่ดูเย็นชา แปลกหน้า วราลีก็คิดว่าสิงหราชคงจำไม่ได้ท่าทางไม่ชอบขี้หน้าที่เขาแสด
หญิงสาวได้แต่รับคำแล้วมองเจ้าของบ้านเดินออกจากห้องไป เธอเดินไปปิดประตู ลากกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ตู้เสื้อผ้า ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงห้องพักหรูหรา เจ้าบ้านใจดี...ดีจนน่าตกใจ ทำเอาเธอไม่สบายใจเลยจริง ๆ วราลีนอนคิดเรื่อยเปื่อย ก่อนลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างกายขึ้นโทรหามารดา“ว่ายังไงจ๊ะหนูลี ถึงไร่แล้วเหรอลูก...”“ถึงได้สักพักแล้วค่ะแม่” วราลีตอบ “คือว่า...แม่คะ หนูลีอยากจะถามแม่อีกครั้ง ตกลง ให้หนูลีมาทำงานเป็นเลขาลูกชายน้านาต หรือทำอะไรกันแน่”“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ ก็ต้องทำงานเป็นเลขาสิจ๊ะ...”“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูลีคิดมากไปเอง”“อย่าคิดอะไรมากมายเลยลูก งานที่นู้นก็ลองทำก่อน ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรา แม่แค่อยากให้หนูลีได้พักผ่อนเลยให้หนูลีไปที่ไร่แทนที่จะกลับบ้านเรา ถือเสียว่าไปเที่ยวนะลูกนะ”“ค่ะแม่”“ดีมากจ้ะ ลองก่อน สู้สักตั้ง อย่าเพิ่งท้อนะจ๊ะ แม่จะคอยเป็นกองเชียร์ให้”“สู้? กองเชียร์?”“สู้กับงานใหม่ไงล่ะ แม่จะคอยเชียร์ให้หนูลีทำงานอย่างราบรื่น งั้นแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ แม่จะออกไปตลาดเสียหน่อย ไว้ค่อยคุยกัน...”“ดะ เดี๋ยวสิคะ แม่ แม่คะ!”วราลีมองหน้าจอที่ถูกกดตั
สิงหราชเดินไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ในโรงจอดรถ เป็นรถที่ใช้สำหรับเดินทางไปไร่ชา ชายหนุ่มเปิดประตูฝั่งคนขับก่อนเข้าไปนั่ง ฝ่ายวราลียืนมองไม่กล้าขึ้นรถ เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ มองแม่คนตัวเล็กที่ยืนเซ่ออยู่ไม่มีท่าทีจะขึ้นรถก็ตะคอก“นี่! จะไปไหม ยืนบื้ออยู่ทำไม ได้เวลาทำงานแล้ว!”วราลีได้ยินก็ใบหน้างอง้ำ เกลียดน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากของเขาเสียจริง หญิงสาวเดินไปเปิดประตูอีกฝั่งแล้วขึ้นไปนั่ง ขณะที่กำลังจะปิดประตู รถก็กระชากตัวออกไป ด้วยความตกใจก็เผลอหวีดร้อง“ว๊าย!”“หุบปาก! จะกรีดร้องขึ้นมาทำไม แค่นี้ยังตกใจแล้วจะทำงานที่ไร่รอดหรือ ฮึ!”วราลียกมือปิดปากตัวเองทันที มองสิงหราชที่ตะคอกเธอโดยที่สายตาไม่ละจากถนนเลยสักนิด ในใจก็ร้องคร่ำครวญทำไมต้องส่งเธอกลับมาเจอผู้ชายคนนี้อีกนะ ผ่านมาสิบกว่าปี เขาเปลี่ยนไปมากเลยจริง ๆ ตอนนี้ทั้งดุร้าย ปากจัด ทำเหมือนจ้องจะกินหัวเธอตลอดเวลา!วราลีมองออกนอกรถเห็นไร่ชากว้างสุดลูกหูลูกตาก็รู้สึกตื่นเต้น ถึงแม้จะเคยมาเมื่อตอนยังเด็ก แต่เพราะตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจวิวสวย ๆ ในไร่ชาเท่าไร พอมาอีกครั้งตอนโตกลับให้ความรู้สึกอีกแบบ การได้ชื่นชมธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกดีและมีพล
วราลียิ้มตามมารยาท พยักหน้าเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป เจ้านายหน้าโหดก็แค่นเสียงใส่“หึ มาทำงานวันแรกก็โปรยเสน่ห์ ตกลงนี่มาทำงานหรือมาหา...ผัว”“เอ๊ะ!” หญิงสาวเริ่มเก็บอารมณ์ไม่ไหว เมื่อเจอคำพูดร้ายกาจมาเกือบทั้งวัน ผู้ชายตรงหน้านี้ทำให้ความอดทนของเธอสั้น จนตอนนี้อยากจะตอบโต้“ทำไม พูดแทงใจล่ะสิ”“คุณสิงห์!”“หืม ทำไม ไม่พอใจเหรอ...ไม่พอใจก็ลาออกไปซะ”วราลีตั้งสติ นับหนึ่งถึงสิบในใจ เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการยั่วโมโหให้เธอรีบลาออกแล้วไปจากไร่ เขาไม่ชอบเธอเธอรู้ และเธอก็เคยไปก่อวีรกรรมกับรถสุดที่รักของเขา หญิงสาวตั้งสติได้ข่มความโกรธแล้วบอกอีกฝ่ายเสียงอ่อนเชิงขอร้อง“คุณสิงห์...เรื่องที่ผ่านมา ฉันขอโทษ”“ขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร” สิงหราชแกล้งถาม ความจริงเขาไม่ใช่คนนิสัยคิดเล็กคิดน้อย เพียงแต่ไม่ชอบใจ เด็กเส้น ของมารดา มีที่ไหนทำร้ายรถของเจ้านายแต่ยังตีเนียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมขอโทษ แล้วแบบนี้จะทำงานร่วมกันได้ยังไง เขายอมรับว่ามีอคติ ไม่เคยคิดอยากจะให้เจ้าหล่อนมาทำงานด้วย ก็ดูสิรูปร่างบอบบางแบบนี้มาทำงานที่ไร่จะไปได้รอดสักกี่น้ำ“ขอโทษที่เคยทำรถคุณเปื้อน ทำรถคุณเป็นรอย ขอโทษที่ทำเป็น
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย
สามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว และพม่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ที่มีทิวทัศน์สวยงดงาม โดนเฉพาะยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก สามเหลี่ยมทองคำยังเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย มีท่าเรือขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว มีกิจกรรมนั่งเรือไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ อาทิ คาสิโน คิงห์โรมัน หรือนั่งเรือไปเที่ยวทางตอนใต้ของจีน อย่าง สิบสองปันนา หรือ คุนหมิง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าฤดูหนาวนักท่องเที่ยวยิ่งมากวราลีเหลียวมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างสนอกสนใจ เช้าวันเสาร์เรวัตมารับเธอแล้วก็ออกเดินทางมาที่สามเหลี่ยมทองคำ ระยะทางเกือบสี่สิบกิโลเมตร แต่เมื่อได้มาถึง ได้เห็นแหล่งสำคัญทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศไทย หญิงสาวก็คิดว่าช่างคุ้มค่า“เสียดายที่เราไม่ได้มาแต่เช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นสวยมากเลยนะครับ” เรวัตเห็นหญิงสาวมีท่าทางตื่นตาตื่นใจก็รู้สึกดีใจ เขาบอกเล่า แนะนำสถานที่กับวราลีอย่างมืออาชีพ “ก่อนอื่นเราไปถ่ายรูปด้วยกันกับป้าย สามเหลี่ยมทองคำ กันก่อน ดีไหมครับ”วรา
“วราลี!” สิงหราชที่นั่งฟังหญิงสาวตัดสินใจ แทบจะคำรามออกมา กล้าไปกับชายอื่นสองต่อสองได้อย่างไร ทั้งที่เขานั่งอยู่ทนโท่ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด อยากลุกขึ้นแล้วล้มโต๊ะขึ้นมาทันทีพอได้ยินว่าหญิงสาวตอบตกลงจะไปเที่ยวกับเขาสองต่อสอง เรวัตก็ยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้น ปรายตามองสิงหราชอย่างผู้ชนะ ก่อนบอกลาวราลี“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้ววันเสาร์จะมารับคุณลี”“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”“ไปนะครับ พ่อเลี้ยง”สิงหราชถลึงตามองศัตรูความรัก ที่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องจากไป ก็แทบอยากจะลุกตามไปเตะก้น เมื่อไม่มีคนนอก เขาก็หันไปมองค้อนหญิงสาว ปากก็พูดจาตัดพ้อ“หนูลีไม่แคร์พี่เลยเหรอ ไหนว่าชอบพี่ แล้วจะไปเดตกับมันทำไม...”“คิดไปถึงไหนคะ” วราลีบอกเสียงอ่อน “ลีไปเพราะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณเรวัต ลีไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากเพื่อนร่วมงาน”ได้ยินหญิงสาวบอกอย่างนั้น สิงหราชตาเป็นประกาย ท่าทางเบิกบานผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธมันตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ” “พี่สิงห์คะ...” วราลีบอกน้ำเสียงอ่อนใจ “ปฏิเสธตอนนี้จะไม่เป็นการหักหน้าเขาเหรอคะ เขายังเป็นลูกค้าของไร่เรา แถมยังพาลูกทัวร์มาเที่ยวตลอด ลีถึง
“อ้าว! คุณลี” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากด้านหน้า วราลีเห็นเรวัตกำลังเดินตรงมา มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วถุงใบใหญ่อยู่“คุณเรวัต พาลูกทัวร์มาเที่ยวไร่เหรอคะ” วราลีหยุดเดินแล้วถาม“เปล่าครับ วันนี้ผมตั้งใจมาหาคุณลี...” เขามองหญิงสาวยิ้ม ๆ พลางยื่นถุงที่ถือไว้ให้ “ผมไปสวนเมลอนมา เลยซื้อเมลอนมาฝาก เป็นสวนเมลอนชื่อดังที่แกะสลักบนผลได้น่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจดี เลยซื้อมาฝากคุณลี”“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับ เห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจจึงเอ่ยชวน “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดื่มชาด้วยกันไหมคะ”“ครับ ไปครับ”วราลีและเรวัตเดินคุยกันไป ฝ่ายสิงหราชที่เดินตามมาเห็นหญิงสาวเดินไปกับใครก็หยุดมอง ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้ง เขากอดอก พ่นลมหายใจทางจมูก รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนกระทิงหนุ่มที่เจอผ้าแดงทำยังไงถึงจะไล่ไอ้หน้าอ่อนนี่กระเด็นไปได้นะ!“อ้าว พ่อเลี้ยง ผมอุตส่าห์เปิดทางให้ ทำไมปล่อยให้คุณลีเดินไปกับหนุ่มคนอื่นล่ะครับ” พายัพที่เห็นเจ้านายตนยืนเตะฝุ่นอยู่ไม่ไกล เดินเข้ามาใกล้ ปากก็พึมพำ “หรือว่าคุณเรวัตตามจีบคุณลีอยู่เหมือนกัน?”“เออสิ ท่าทางหูตั้ง หางกระดิกขนาดนั้น แกดูไม่ออกเรอะ!” สิงหราชหันมาตวาด แล้วรีบสาวเท้าเด