หญิงสาวได้แต่รับคำแล้วมองเจ้าของบ้านเดินออกจากห้องไป เธอเดินไปปิดประตู ลากกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ตู้เสื้อผ้า ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ห้องพักหรูหรา เจ้าบ้านใจดี...ดีจนน่าตกใจ ทำเอาเธอไม่สบายใจเลยจริง ๆ วราลีนอนคิดเรื่อยเปื่อย ก่อนลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างกายขึ้นโทรหามารดา
“ว่ายังไงจ๊ะหนูลี ถึงไร่แล้วเหรอลูก...”
“ถึงได้สักพักแล้วค่ะแม่” วราลีตอบ “คือว่า...แม่คะ หนูลีอยากจะถามแม่อีกครั้ง ตกลง ให้หนูลีมาทำงานเป็นเลขาลูกชายน้านาต หรือทำอะไรกันแน่”
“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ ก็ต้องทำงานเป็นเลขาสิจ๊ะ...”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูลีคิดมากไปเอง”
“อย่าคิดอะไรมากมายเลยลูก งานที่นู้นก็ลองทำก่อน ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรา แม่แค่อยากให้หนูลีได้พักผ่อนเลยให้หนูลีไปที่ไร่แทนที่จะกลับบ้านเรา ถือเสียว่าไปเที่ยวนะลูกนะ”
“ค่ะแม่”
“ดีมากจ้ะ ลองก่อน สู้สักตั้ง อย่าเพิ่งท้อนะจ๊ะ แม่จะคอยเป็นกองเชียร์ให้”
“สู้? กองเชียร์?”
“สู้กับงานใหม่ไงล่ะ แม่จะคอยเชียร์ให้หนูลีทำงานอย่างราบรื่น งั้นแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ แม่จะออกไปตลาดเสียหน่อย ไว้ค่อยคุยกัน...”
“ดะ เดี๋ยวสิคะ แม่ แม่คะ!”
วราลีมองหน้าจอที่ถูกกดตัดสายไป คำพูดมารดาฟังดูกำกวมที่เธอตีความหมายไม่ออก เอาเถอะ ก็อย่างที่ท่านว่า ลองดูสักตั้ง ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้าน แค่นั้น!
เช้านี้หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น อากาศที่นี่เย็นสบายจนไม่ต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เพียงแค่เปิดหน้าต่างสายลมธรรมชาติก็ผ่านพัดมา ไม่รู้สึกถึงความร้อนเลยสักนิด วราลีลุกขึ้นจัดเก็บที่นอนก่อนเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
เมื่อวานหลังจากเธอจัดเก็บข้าวของก็ใช้เวลาในห้องไปกับการนอน กว่าจะรู้สึกตัวก็มีแม่บ้านมาเคาะประตูเรียกให้ไปกินข้าวเย็น หญิงสาวเตรียมใจที่จะต้องลงไปเจอสิงหราชอีกครั้ง แต่โชคดีเมื่อเขาไม่อยู่เพราะติดพันงานในไร่จึงไม่ได้กลับมากินข้าว
ต้องได้เจอผู้ชายที่เคยชอบแทบทุกวัน แม้จะเป็นการชอบแบบเด็ก ๆ แต่ในใจก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะจำเธอไม่ได้และแสดงออกถึงการไม่เป็นมิตร หญิงสาวก็ยังรู้สึกกระอักกระอวนใจ พาลให้ทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“อ้าวหนูลี มาแล้วเหรอจ๊ะ” นาตยาเห็นหญิงสาวเดินลงบันไดท่าทางแจ่มใสก็ร้องเรียก “เป็นยังไงนอนหลับสบายไหมลูก”
“สบายดีค่ะคุณน้า” วราลีตอบยิ้ม ๆ ก่อนชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เธอนึกถึงเมื่อสักครู่ หญิงสาวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วก้มตัวเดินผ่านเขาไปยังโต๊ะกินข้าวก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เจ้าของบ้าน
“นี่แม่ให้ยายนี่พักอยู่ที่บ้านเราเหรอครับ”
เสียงห้วนดังขึ้นทันทีที่วราลีหย่อนตัวลงนั่ง สิงหราชตามมานั่งฝั่งตรงข้ามก่อนถามมารดาเสียงแข็ง ท่าทางไม่สบอารมณ์
“ใช่จ้ะ” นาตยายังคงยิ้มถึงแม้จะเห็นลูกชายแสดงอาการไม่พอใจ “เวลาไปทำงานในไร่สิงห์ก็พาน้องไปด้วย ยังไงก็ทำงานด้วยกัน แบบนี้สะดวกจะตายไป”
“น้อง?” ชายหนุ่มมองวราลีแล้วแค่นเสียง “ผมไม่มีน้อง แล้วยายนี่ก็เป็นแค่ลูกจ้าง สมควรไปพักที่บ้านพักคนงาน แม่จะมาให้สิทธิพิเศษไม่ได้ ขืนคนงานคนอื่นรู้เข้าจะหาว่าเราลำเอียง มีเส้นมีสาย ระบบงานผมจะมีปัญหา”
วราลีมองสองแม่ลูกที่โต้เถียงกันแล้วอยากจะลุกเดินหนีไปเสียให้พ้น ถึงแม้เพื่อนมารดาจะยังมีสีหน้าท่าทางยิ้มแย้ม แต่เจ้านายหน้าหนวดที่นั่งตรงข้ามเธอนั้น...
ท่าทางเหมือนจะจับเธอขย้ำให้แหลกคามือ ดูตาดุ ๆ นั่นสิ มองเธอจนแทบถลนออกมาแล้ว!
“เอาล่ะ ๆ อย่าพูดเรื่องงานตอนนี้เลย มากินข้าวกันก่อน แม่หิวแล้วนะสิงห์...” นาตยาตัดบทเสียงอ่อนแล้วหันไปบอกให้แม่ครัวเริ่มตักข้าว พอบอกแม่ครัวเสร็จก็หันไปบอกวราลี “กินเยอะ ๆ นะหนูลี กับข้าวพื้นเมืองกินได้ใช่ไหมจ๊ะ”
วราลียิ้มรับ ไม่สนสายตาคมดุที่มองมา “กินได้ค่ะ”
“หึ”
สิงหราชทำเสียงในลำคอ ก่อนเริ่มตักข้าวเข้าปาก มองท่าทางพูดคุยถูกคอของผู้หญิงต่างวัยสองคนตรงหน้าแล้วขัดหูขัดตาชะมัด!
พอทุกคนเริ่มกินข้าว สายตาวราลีจดจ่ออยู่กับอาหารการกินตรงหน้า หญิงสาวชิมโน่นชิมนี่ตามที่เจ้าของบ้านแนะนำ ฝ่ายสิงห์ราชก็ตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ และกินอิ่มในเวลารวดเร็ว ชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นจิบก่อนลุกยืนขึ้น
วราลีเงยหน้าขึ้นมอง สิงหราชทำเป็นมองไม่เห็น ชายหนุ่มบอกกับมารดาสั้น ๆ
“ผมอิ่มแล้ว ขอไปทำงานก่อนนะครับแม่”
วราลีเห็นอีกฝ่ายกำลังลุกก็รีบลุกตาม ถึงแม้จะยังกินไม่อิ่ม แต่เห็นสายตาที่เขาเหลือบแลมาก็รู้ว่าเขากำลังแกล้งเธอ ถ้าเธอยังไม่รีบลุกเขาก็จะไปไร่ทันทีโดยทิ้งให้เธอหาทางไปไร่เอง
“หนูลีก็อิ่มแล้วเหมือนกัน ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบสาวเท้าเดินตามชายหนุ่มไป ปากก็ตะโกนเรียก
“คุณคะ! คุณ!”
สิงหราชหยุดเดินก่อนหันมามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเฉยชา ปากก็เอ่ยขึ้น
“มีอะไร”
ฝ่ายวราลีอดกลอกตามองบนไม่ได้ นี่เขาไม่ได้ยินที่แม่เขาพูดหรือไงว่าเธอจะต้องนั่งรถไปไร่กับเขาน่ะ!
“ฉัน...จะต้องไปทำงานกับคุณ แล้วนี่คุณจะเข้าไปที่ไร่ใช่ไหมคะ”
“ถามโง่ ๆ ไม่ไปไร่จะให้ฉันไปไหน” สิงหราชพ่นคำพูดร้ายกาจใส่แล้วหมุนตัวตั้งหน้าเดินต่อ วราลีรีบเดินตาม ทำปากขมุบขมิบ
เธอมันโง่เองที่ถามทั้งที่รู้ว่าเขาจะไปไหน แต่เขาก็ควรจะมีน้ำใจรอเธอหน่อยสิ ข้าวยังกินไม่ทันอิ่ม อีตาสิงห์นี่ก็ลุกออกไปแล้ว ที่เธอถามก็เพราะอยากหาเรื่องชวนคุยต่างหาก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือเลย ดูสิ รีบเดินลิ่ว ๆ เหมือนจะรีบไปตามควาย...
สิงหราชเดินไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ในโรงจอดรถ เป็นรถที่ใช้สำหรับเดินทางไปไร่ชา ชายหนุ่มเปิดประตูฝั่งคนขับก่อนเข้าไปนั่ง ฝ่ายวราลียืนมองไม่กล้าขึ้นรถ เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ มองแม่คนตัวเล็กที่ยืนเซ่ออยู่ไม่มีท่าทีจะขึ้นรถก็ตะคอก“นี่! จะไปไหม ยืนบื้ออยู่ทำไม ได้เวลาทำงานแล้ว!”วราลีได้ยินก็ใบหน้างอง้ำ เกลียดน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากของเขาเสียจริง หญิงสาวเดินไปเปิดประตูอีกฝั่งแล้วขึ้นไปนั่ง ขณะที่กำลังจะปิดประตู รถก็กระชากตัวออกไป ด้วยความตกใจก็เผลอหวีดร้อง“ว๊าย!”“หุบปาก! จะกรีดร้องขึ้นมาทำไม แค่นี้ยังตกใจแล้วจะทำงานที่ไร่รอดหรือ ฮึ!”วราลียกมือปิดปากตัวเองทันที มองสิงหราชที่ตะคอกเธอโดยที่สายตาไม่ละจากถนนเลยสักนิด ในใจก็ร้องคร่ำครวญทำไมต้องส่งเธอกลับมาเจอผู้ชายคนนี้อีกนะ ผ่านมาสิบกว่าปี เขาเปลี่ยนไปมากเลยจริง ๆ ตอนนี้ทั้งดุร้าย ปากจัด ทำเหมือนจ้องจะกินหัวเธอตลอดเวลา!วราลีมองออกนอกรถเห็นไร่ชากว้างสุดลูกหูลูกตาก็รู้สึกตื่นเต้น ถึงแม้จะเคยมาเมื่อตอนยังเด็ก แต่เพราะตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจวิวสวย ๆ ในไร่ชาเท่าไร พอมาอีกครั้งตอนโตกลับให้ความรู้สึกอีกแบบ การได้ชื่นชมธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกดีและมีพล
วราลียิ้มตามมารยาท พยักหน้าเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป เจ้านายหน้าโหดก็แค่นเสียงใส่“หึ มาทำงานวันแรกก็โปรยเสน่ห์ ตกลงนี่มาทำงานหรือมาหา...ผัว”“เอ๊ะ!” หญิงสาวเริ่มเก็บอารมณ์ไม่ไหว เมื่อเจอคำพูดร้ายกาจมาเกือบทั้งวัน ผู้ชายตรงหน้านี้ทำให้ความอดทนของเธอสั้น จนตอนนี้อยากจะตอบโต้“ทำไม พูดแทงใจล่ะสิ”“คุณสิงห์!”“หืม ทำไม ไม่พอใจเหรอ...ไม่พอใจก็ลาออกไปซะ”วราลีตั้งสติ นับหนึ่งถึงสิบในใจ เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการยั่วโมโหให้เธอรีบลาออกแล้วไปจากไร่ เขาไม่ชอบเธอเธอรู้ และเธอก็เคยไปก่อวีรกรรมกับรถสุดที่รักของเขา หญิงสาวตั้งสติได้ข่มความโกรธแล้วบอกอีกฝ่ายเสียงอ่อนเชิงขอร้อง“คุณสิงห์...เรื่องที่ผ่านมา ฉันขอโทษ”“ขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร” สิงหราชแกล้งถาม ความจริงเขาไม่ใช่คนนิสัยคิดเล็กคิดน้อย เพียงแต่ไม่ชอบใจ เด็กเส้น ของมารดา มีที่ไหนทำร้ายรถของเจ้านายแต่ยังตีเนียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมขอโทษ แล้วแบบนี้จะทำงานร่วมกันได้ยังไง เขายอมรับว่ามีอคติ ไม่เคยคิดอยากจะให้เจ้าหล่อนมาทำงานด้วย ก็ดูสิรูปร่างบอบบางแบบนี้มาทำงานที่ไร่จะไปได้รอดสักกี่น้ำ“ขอโทษที่เคยทำรถคุณเปื้อน ทำรถคุณเป็นรอย ขอโทษที่ทำเป็น
“เฮ้อ” วราลีเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนหายใจด้วยความเซ็งแอ๊ด...เสียงประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ หญิงสาวรูปร่างระหงก้าวเข้ามา เจ้าหล่อนสวมเดรสเปิดไหล่สีแดงเพลิง ตัดกับผิวขาวผ่อง ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลลอมทองเป็นลอน จมูกโด่ง ตาโต ดูออกว่าเป็นลูกครึ่ง“เอ๊ะ...” หญิงสาวหุ่นนางแบบทำท่าแปลกใจ ฝ่ายวราลีลุกขึ้นแล้วยิ้มตามมารยาทให้ ก่อนถาม“ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ”“ฉันมาหาสิงห์ เธอเป็นใคร ลูกจ้างใหม่ของไร่?” ดีดี้ หรือ ดลฤดี หญิงสาวลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ ถามหญิงสาวที่อยู่หน้าห้องสิงหราชด้วยน้ำเสียงสงสัยแกมไม่พอใจ เมื่อหญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักสะดุดตา รูปร่างถึงแม้จะไม่อวบอิ่ม เซ็กซี่ ถึงแม้จะรู้ว่าแม่คนตัวเล็กนี่ไม่ใช่สเปกสิงหราช แต่ใครจะรู้อยู่ใกล้กัน เห็นหน้ากันทุกวันจะไม่หวั่นไหวดลฤดีคิดอย่างไม่พอใจ สิงหราชเป็นแฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบสองปี ดลฤดี เป็นดารามีชื่อเสียงพอสมควรคนหนึ่ง หญิงสาวดังจากบทนางร้าย ถึงแม้จะไม่ดังเท่านางเอก แต่ภาพพจน์สวย โฉบเฉี่ยว และเชื้อสายลูกครึ่งก็ทำให้มีงานเข้ามาตลอดไม่ขาดสาย แต่เพราะเป็นคนติดหรู ข้าวของเครื่องใช้จะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกซีซั่น
สิงหราชเปิดประตูออฟฟิศก็เห็นลูกจ้างสาวนั่งเท้าคางงีบหลับอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ใช้สายตามองเด็กเส้นของมารดาที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอวดแพขนตางอน แถมยังมีเสียงลมหายใจดังเข้าออกเบา ๆ บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราอย่างเป็นสุขชายหนุ่มมองคนตรงหน้า เมื่อเจ้าหล่อนหลับไม่รู้เรื่องเขาจึงใช้สายตาสำรวจพิจารณาแบบละเอียด วราลี ปรเมทร์ หญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี จากข้อมูลที่พายัพหามา หญิงสาวเป็นลูกสาวเพื่อนของมารดา วราลี...หนูลี ชื่อที่คุ้นเคยและติดอยู่ริมฝีปาก สิงหราชรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับหญิงสาวที่นอนหลับตรงหน้า ไม่ใช่เพราะเคยเจอที่กรุงเทพ เขารู้สึกเหมือนว่าเคยเจอเธอเมื่อนานมาแล้ว นานมาก จนทีแรกนึกไม่ออกแต่พอรู้ว่ามารดาของวราลีเป็นใคร ภาพเด็กสาวอ้วนกลมก็แล่นผ่านเข้ามาในความคิด วราลี...หนูลี ลูกสาวเพื่อนมารดาที่ชื่อวรรณา สิงหราชจึงนึกออกในทันที วราลี หรือ หนูลี ก็คือยายหนูผีในตอนนั้น!ยายเด็กตัวกลมที่ชอบตามก้นเขาต้อย ๆ ปากก็ร้องเรียกพี่สิงห์คะ พี่สิงห์ขา แถมส่งสายตาออดอ้อน งอแงง้อแง้งจนน่าขนลุก เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเพิ่งเรียนจบและกลับมาบริหารงานในไร่ก็ได้เจอกับเด็กหญิงวราลี หรือหนูลีลูกส
ดลฤดีครางเสียงแผ่ว เมื่อแฟนหนุ่มผละออกเพื่อรูดซิปกางเกงลง หญิงสาวมองอาวุธคู่กายสิงหราชที่โผล่พ้นร่มผ้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยราคะ ลิ้นเล็ก ๆ เลียริมฝีปากอย่างกระหายอยาก ฝ่ายสิงหราชเอื้อมมือดึงลิ้นชักใต้โต๊ะออกหยิบคว้าคอนดอมมาใส่อย่างชำนาญ แล้วโถมตัวเข้าหาหญิงสาวที่ทอดกายยั่วยวนบนโต๊ะอีกครั้ง สองมือแยกเรียวขานางร้ายสาวอ้าออกกว้างก่อนแทรกแก่นกายเข้าหาความอ่อนนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“อ๊ะ!” ดลฤดีร้องอุทานเมื่อแก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าลึก เรียวขาโอบรัดบั้นเอวชายหนุ่มแนบแน่นสิงหราชเริ่มขยับกายเข้าออก ท่วงท่าดุดัน ดลฤดีเป็นแฟนสาวที่ร้อนแรง ช่วยเติมเต็มความใคร่ให้เขาเป็นอย่างดีตลอดมาสองปี และเขาก็รู้...ว่าเขาก็ช่วยเติมเต็มความกระหายอยากของนางร้ายสาวเช่นกันดลฤดีเป็นแฟนสาวเพียงคนเดียวที่เขาคบมายาวนาน สองปีเรียกว่านานพอสมควร ปกติเขาไม่เคยคบใครจริงจังจนเรียกว่าแฟน หลายคนเป็นแค่คู่นอน เมื่อจบก็แยกย้าย เป็นเพราะสองปีก่อน หญิงสาวโผล่บนเตียงของเขาในคืนที่เขาเมา ถึงแม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่เพราะไม่อยากวุ่นวาย ชายหนุ่มจึงไม่ปฏิเสธเมื่ออีกฝ่ายฟูมฟายว่าเขาที่กำลังเมาได้ใช้กำลังข่มเหงเธอ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็คบกับด
“เธอ...” เขาจงใจเรียกอีกฝ่าย“คะ!” วราลีได้สติ หญิงสาวหันมาสบตาเจ้านายหนุ่มด้วยใบหน้าเก้อกระดาก รู้สึกเหมือนตนเองทำเรื่องน่าอายอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่คนทำยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แถมยังทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก “คุณสิงห์ มีอะไรคะ”“จะกลับไหมน่ะ เลิกงานแล้ว ถ้าจะกลับรีบตามมา” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มก่อนเดินออกประตูไป วราลีได้สติ รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะ ขณะที่กำลังยัดเอกสารที่กองไว้ให้เข้าที่เข้าทาง ดาราสาวก็เดินออกจากห้องมาสีหน้าท่าทางเหนื่อยอ่อนคงจัดกันหนักเลยสิท่า วราลีค่อนแคะในใจ“เธอ...ชื่อลีใช่ไหม”“คะ?” วราลีหยุดยัดสิ่งของลงกระเป๋า เงยหน้ามองแฟนสาวเจ้านาย ดลฤดีหยิบกระเป๋าถือแบรนด์ดังขึ้นมา เปิดกระเป๋าแล้วล้วงแบงก์สีเทาห้าใบยื่นให้กับวราลี“อ่ะ ฉันให้”“ค่า...อะไรคะ” วราลีไม่ยื่นมือรับ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้างุนงง จะว่าค่าตัวเจ้านายก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นค่าตัวจริง ๆ ดาราสาวควรจ่ายให้สิงหราชมากกว่าเธอ หรือจะเป็นค่าปิดปาก ค่าล้างหูที่เธอไปได้ยินฉากร่วมรักดุเดือดในห้องนั่น“รับไปซะ” ดลฤดีดึงมืออีกฝ่ายมาก่อนยัดเงินใส่ “ฉันให้ก็เอา แลกกับข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอเป็นเลขาสิงห์ สิงห์ไปไหนมาไหนต้องรายงานให้ฉัน
“ครับ ๆ” พายัพก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็ว เมื่อกินเสร็จเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้านายก็รู้สึกหนาวสันหลัง สิงหราชส่งสายตาให้เขาลุก ชายหนุ่มแอบกลืนน้ำลาย มองเพื่อนร่วมงานสาวอย่างเห็นใจ ก่อนเอ่ยปากขอตัว“คุณลีครับ ผมไปก่อนนะ นึกได้ว่ามีงานในเมืองที่ยังจัดการไม่เสร็จ”“อ๋อ ค่ะ” วราลีเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวยิ้มให้พายัพตามมารยาท เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ เพราะถูกสอนมาดี เวลากินข้าววราลีจึงค่อย ๆ กิน เคี้ยวละเอียดก่อนกลืนทำให้ใช้เวลาในการกินข้าวมาก“พอผอมขึ้นมาก็เสน่ห์แรงเชียวนะ”“แค่ก ๆ” วราลีสำลักเมื่อได้ยินคำพูดจากผู้ชายตรงข้าม หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม รู้สึกแสบคอไปหมด ดวงตากลมโตมองสิงหราชอย่างตกใจเขาบอกตั้งแต่ผอม...หรือเขารู้ว่าเธอเคยอ้วนมาก่อนอย่าบอกนะว่าเขารู้แล้วว่าเธอเป็นใคร!“ไม่ต้องมามองหน้าฉันหรอก หึ ฉันรู้แล้วว่าเธอคือยายหนูผีเมื่อตอนนั้น ทำไม ที่ไม่บอกฉันเพราะกลัวฉันไม่รับเข้าทำงานงั้นสิ”วราลีเช็ดน้ำตาที่คลอเพราะสำลัก ก่อนเชิดหน้าตอบสิงหราช“ทำไมฉันต้องกลัวคุณไม่รับเข้าทำงาน ในเมื่อแม่คุณให้ฉันมาทำงานเอง”“กล้าเถียงนะวันนี้ ปกติเงียบ ๆ ขรึม ๆ ทำไม พอฉันรู้ว่
วราลีด่าทอรวดเดียว ก่อนหายใจหอบเพราะเปลืองพลังงานตะโกนด่าไปมากพอสมควร หญิงสาวชะงัก เมื่อตอนนี้ผู้ชายที่นั่งบนรถวางท่ากวนประสาทเมื่อสักครู่ มีใบหน้าเขียวแดงสลับกัน นึกมโนภาพควันออกหูสิงหราชอย่างพวยพุ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระโจนลงรถมาจัดการเธอ วราลีหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไปทันที ทิ้งให้สิงหราชที่นั่งควันออกหูบนรถ ขบกราบแน่นจนเสียงดังกรอด ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำจนคล้ำดำ“ยายหนูผี ปากดีนักนะ!”สิงหราชตั้งท่าจะตามไปเอาเรื่อง แต่พอนึกถึงงานที่จะทำตอนบ่าย ชายหนุ่มก็สบถอย่างไม่สบอารมณ์ บอกในใจว่าฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วขับรถกลับไปตามทางเดิมยายหนูผียังอยู่ที่ไร่เขาอีกนาน ในเมื่อเจ้าหล่อนประกาศกร้าวว่าเขาไล่ยังไงก็จะไม่ไป เพราะฉะนั้น เตรียมรับการทรมารจากเขาได้เลยไม่มีคนที่กล้าปากดีกับสิงหราชคนนี้แล้วยังมีชีวิตที่สุขสบายหรอกนะ!วราลีนั่งอกสั่นขวัญแขวนในออฟฟิศ แต่เมื่อมองดูนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลา บ่ายสองก็ยังไม่เห็นหน้าเจ้านายที่จะเรียกใช้เธอก็แอบโล่งอก สงสัยเขาจะติดพันอย่างอื่น วราลียิ้มเยาะเมื่อใบหน้าดาราสาวผ่านเข้ามาในหัว ช่วงนี้ดูเหมือนดลฤดีจะเข้ามาป่วนเปี้ยนในไร่อยู่บ่อยครั้ง วราลีได้ยินว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ร
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย
สามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว และพม่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ที่มีทิวทัศน์สวยงดงาม โดนเฉพาะยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก สามเหลี่ยมทองคำยังเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย มีท่าเรือขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว มีกิจกรรมนั่งเรือไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ อาทิ คาสิโน คิงห์โรมัน หรือนั่งเรือไปเที่ยวทางตอนใต้ของจีน อย่าง สิบสองปันนา หรือ คุนหมิง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าฤดูหนาวนักท่องเที่ยวยิ่งมากวราลีเหลียวมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างสนอกสนใจ เช้าวันเสาร์เรวัตมารับเธอแล้วก็ออกเดินทางมาที่สามเหลี่ยมทองคำ ระยะทางเกือบสี่สิบกิโลเมตร แต่เมื่อได้มาถึง ได้เห็นแหล่งสำคัญทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศไทย หญิงสาวก็คิดว่าช่างคุ้มค่า“เสียดายที่เราไม่ได้มาแต่เช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นสวยมากเลยนะครับ” เรวัตเห็นหญิงสาวมีท่าทางตื่นตาตื่นใจก็รู้สึกดีใจ เขาบอกเล่า แนะนำสถานที่กับวราลีอย่างมืออาชีพ “ก่อนอื่นเราไปถ่ายรูปด้วยกันกับป้าย สามเหลี่ยมทองคำ กันก่อน ดีไหมครับ”วรา
“วราลี!” สิงหราชที่นั่งฟังหญิงสาวตัดสินใจ แทบจะคำรามออกมา กล้าไปกับชายอื่นสองต่อสองได้อย่างไร ทั้งที่เขานั่งอยู่ทนโท่ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด อยากลุกขึ้นแล้วล้มโต๊ะขึ้นมาทันทีพอได้ยินว่าหญิงสาวตอบตกลงจะไปเที่ยวกับเขาสองต่อสอง เรวัตก็ยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้น ปรายตามองสิงหราชอย่างผู้ชนะ ก่อนบอกลาวราลี“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้ววันเสาร์จะมารับคุณลี”“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”“ไปนะครับ พ่อเลี้ยง”สิงหราชถลึงตามองศัตรูความรัก ที่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องจากไป ก็แทบอยากจะลุกตามไปเตะก้น เมื่อไม่มีคนนอก เขาก็หันไปมองค้อนหญิงสาว ปากก็พูดจาตัดพ้อ“หนูลีไม่แคร์พี่เลยเหรอ ไหนว่าชอบพี่ แล้วจะไปเดตกับมันทำไม...”“คิดไปถึงไหนคะ” วราลีบอกเสียงอ่อน “ลีไปเพราะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณเรวัต ลีไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากเพื่อนร่วมงาน”ได้ยินหญิงสาวบอกอย่างนั้น สิงหราชตาเป็นประกาย ท่าทางเบิกบานผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธมันตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ” “พี่สิงห์คะ...” วราลีบอกน้ำเสียงอ่อนใจ “ปฏิเสธตอนนี้จะไม่เป็นการหักหน้าเขาเหรอคะ เขายังเป็นลูกค้าของไร่เรา แถมยังพาลูกทัวร์มาเที่ยวตลอด ลีถึง
“อ้าว! คุณลี” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากด้านหน้า วราลีเห็นเรวัตกำลังเดินตรงมา มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วถุงใบใหญ่อยู่“คุณเรวัต พาลูกทัวร์มาเที่ยวไร่เหรอคะ” วราลีหยุดเดินแล้วถาม“เปล่าครับ วันนี้ผมตั้งใจมาหาคุณลี...” เขามองหญิงสาวยิ้ม ๆ พลางยื่นถุงที่ถือไว้ให้ “ผมไปสวนเมลอนมา เลยซื้อเมลอนมาฝาก เป็นสวนเมลอนชื่อดังที่แกะสลักบนผลได้น่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจดี เลยซื้อมาฝากคุณลี”“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับ เห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจจึงเอ่ยชวน “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดื่มชาด้วยกันไหมคะ”“ครับ ไปครับ”วราลีและเรวัตเดินคุยกันไป ฝ่ายสิงหราชที่เดินตามมาเห็นหญิงสาวเดินไปกับใครก็หยุดมอง ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้ง เขากอดอก พ่นลมหายใจทางจมูก รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนกระทิงหนุ่มที่เจอผ้าแดงทำยังไงถึงจะไล่ไอ้หน้าอ่อนนี่กระเด็นไปได้นะ!“อ้าว พ่อเลี้ยง ผมอุตส่าห์เปิดทางให้ ทำไมปล่อยให้คุณลีเดินไปกับหนุ่มคนอื่นล่ะครับ” พายัพที่เห็นเจ้านายตนยืนเตะฝุ่นอยู่ไม่ไกล เดินเข้ามาใกล้ ปากก็พึมพำ “หรือว่าคุณเรวัตตามจีบคุณลีอยู่เหมือนกัน?”“เออสิ ท่าทางหูตั้ง หางกระดิกขนาดนั้น แกดูไม่ออกเรอะ!” สิงหราชหันมาตวาด แล้วรีบสาวเท้าเด