วราลียิ้มตามมารยาท พยักหน้าเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป เจ้านายหน้าโหดก็แค่นเสียงใส่
“หึ มาทำงานวันแรกก็โปรยเสน่ห์ ตกลงนี่มาทำงานหรือมาหา...ผัว”
“เอ๊ะ!” หญิงสาวเริ่มเก็บอารมณ์ไม่ไหว เมื่อเจอคำพูดร้ายกาจมาเกือบทั้งวัน ผู้ชายตรงหน้านี้ทำให้ความอดทนของเธอสั้น จนตอนนี้อยากจะตอบโต้
“ทำไม พูดแทงใจล่ะสิ”
“คุณสิงห์!”
“หืม ทำไม ไม่พอใจเหรอ...ไม่พอใจก็ลาออกไปซะ”
วราลีตั้งสติ นับหนึ่งถึงสิบในใจ เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการยั่วโมโหให้เธอรีบลาออกแล้วไปจากไร่ เขาไม่ชอบเธอเธอรู้ และเธอก็เคยไปก่อวีรกรรมกับรถสุดที่รักของเขา หญิงสาวตั้งสติได้ข่มความโกรธแล้วบอกอีกฝ่ายเสียงอ่อนเชิงขอร้อง
“คุณสิงห์...เรื่องที่ผ่านมา ฉันขอโทษ”
“ขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร” สิงหราชแกล้งถาม ความจริงเขาไม่ใช่คนนิสัยคิดเล็กคิดน้อย เพียงแต่ไม่ชอบใจ เด็กเส้น ของมารดา มีที่ไหนทำร้ายรถของเจ้านายแต่ยังตีเนียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมขอโทษ แล้วแบบนี้จะทำงานร่วมกันได้ยังไง เขายอมรับว่ามีอคติ ไม่เคยคิดอยากจะให้เจ้าหล่อนมาทำงานด้วย ก็ดูสิรูปร่างบอบบางแบบนี้มาทำงานที่ไร่จะไปได้รอดสักกี่น้ำ
“ขอโทษที่เคยทำรถคุณเปื้อน ทำรถคุณเป็นรอย ขอโทษที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอโทษค่ะ”
วราลีพูดยาวเหยียด ก่อนยกมือไหว้ ด้วยรู้ตัวว่าที่เขาไม่ชอบหน้าเพราะอะไร แต่เธอยังคิดปากหนักทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าหากอยากทำงานที่นี่ต่อไปเธอก็ควรอ่อนลง ไม่แข็งกร้าวใส่เขาแบบนี้
ทีแรกก็ไม่อยากมาทำงานที่นี่หรอก แต่พอเจอคุณน้านาตยา อีกฝ่ายให้ความเอ็นดู และดูแลเธออย่างดี ถ้าเธอชิ่งไปตอนนี้โดยไม่บอกเหตุผลก็คงจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ และรู้สึกไม่ดีกับเธอไปเปล่า ๆ เผลอ ๆ ก็อาจจะตำหนิมารดาได้ เพราะเธอรับปากว่าจะมาทำงานที่นี่แต่สุดท้ายดันคืนคำ
ที่เธออยู่ที่นี่ก็เพราะแม่ของเขาหรอกนะ ไม่ใช่เพราะอยากใกล้ชิดอีกฝ่าย!
“รู้ตัวแล้วสินะ” สิงหราชไม่วายส่งเสียงเยาะ ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้าม เอามือเท้าคางแล้วพูดต่อ “ผมก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ในเมื่อคุณรู้ตัว รู้จักขอโทษ...ผมก็ให้อภัย”
วราลีฉีกยิ้ม แต่ก็ยิ้มได้แค่ครู่เดียวเมื่อประโยคต่อมาดังจากปากเขา
“แต่ในเมื่อทำผิด ก็ต้องทำอะไรชดเชย...คุณว่าไหม”
เธอมองใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวด ดวงตาแวววาวของเขามองมาเหมือนเสือจ้องจับเหยื่อ นี่นะคนไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่คิดเล็กคิดหน่อย หญิงสาวบ่นอุบในใจ สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้งแล้วรับคำเสียงอ่อน
“ค่ะ จะให้ดิฉันชดเชยยังไงคุณสิงห์บอกมาได้ค่ะ”
“นั่นสิ...ชดเชยยังไงดี” สิงหราชทำเสียงครุ่นคิด “พายัพคงบอกเรื่องค่าจ้างแล้วสินะ ที่นี่กินฟรี อยู่ฟรี เรามีสวัสดิการให้ เงินเดือนสำหรับพนักงานใหม่มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป แม่ผมเสนอเงินเดือนให้คุณมากไป ผมแก้ไขให้แล้ว ผมเป็นคนจ่าย คุณต้องฟังผม ไม่ใช่แม่ผม คุณเป็นลูกน้องผม เป็นคนของผม รู้เรื่องนะ?”
“ค่ะ” วราลีรับคำสั้น ๆ ขณะมองนายจ้าง ความจริงเงินเดือนที่แม่เขาให้มันก็สูงจริง ๆ แหละ เงินเดือนที่เขาเสนอให้เธอมันก็สมน้ำสมเนื้อดี และตอนนี้เธอยังไม่เห็นได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“เอาเป็นว่าเงินเดือนเดือนนี้ยกให้ไอ้หมอกลูกผม”
“หา?”
“ไม่ต้องหา ไอ้หมอกโดนค่าอาบน้ำมากกว่าเงินเดือนของคุณด้วยซ้ำ ผมไม่เก็บเพิ่มก็ดีเท่าไร เดือนนี้ผมไม่จ่ายเงินเดือนให้คุณ ถือว่าชดเชยที่ทำลูกรักผมเป็นรอย”
สิงหราชพูดจบก็ลุกขึ้น ฝ่ายวราลียังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าสับสน มึนงง
“ไอ้หมอก?”
เธอเงยหน้ามองเขาเป็นเชิงถาม
“ชื่อรถที่คุณทำเป็นรอย” ชายหนุ่มอธิบายสั้น ๆ
“แต่ว่านั้นเงินเดือนฉันทั้งเดือน...”
“อ้าว ไหนคุณบอกยอมชดเชย แต่ถ้าเสียดายเงินเดือน ผมไม่เอาก็ได้ คุณทำงานได้หนึ่งเดือนรับเงินไป แล้วออกไปจากไร่ผม เราเลิกแล้วต่อกัน คุณลาออกก็ถือว่าได้ชดเชยให้ผม”
“โอเค...” วราลีกัดฟัน ข่มความโมโหที่พุ่งขึ้นมาอีกระลอก “ฉันไม่รับเงินเดือนของเดือนนี้ก็ได้ค่ะ”
“ดี”
“แล้วมีอะไรอีกไหมคะ...” นอกจากหาเรื่องฉัน ไม่ยอมให้ไปกินข้าวกินปลาสักที วราลีถามก่อนต่อท้ายในใจ
“ไม่มี แค่นี้แหละ”
สิงหราชพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากออฟฟิศไป วราลีมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายอยากจะยกพวกเอกสารบนโต๊ะทุ่มให้สักครั้ง ไม่รู้เมื่อก่อนเธอไปแอบชอบเขาได้ยังไง นึกถึงตนเองยามเด็กแล้วก็โมโห หากย้อนเวลาได้เธอจะไม่ตามตื๊อเขาให้อับอายเลยให้ตายสิ!
ผู้ชายอะไร หน้าโหด ป่าเถื่อน ปากร้าย และยังงก เบียดเบียนแม้กระทั่งเงินเดือนของพนักงานอย่างเธอ!
พอถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวเก็บของลงกระเป๋าด้วยใบหน้างอง้ำ ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องโดนหักเงินเดือนไปหนึ่งเดือนอารมณ์ของเธอก็ขุ่นมัว โชคดีที่หลังจากนายจ้างเดินออกจากออฟฟิศไปก็ไม่กลับเข้ามาอีก ขืนเขายังกลับมาหาเรื่องเธออีกรอบ เธอคงเส้นสมองแตกตายเพราะโมโหเขาทั้งวันแน่ ๆ
งานของเธอวันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่หยิบจับเอกสาร เช็กตารางงาน แล้วนั่งเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ อยู่หน้าห้อง ออฟฟิศนี้เรียกว่าออฟฟิศร้างก็ยังได้ เพราะนอกจากเธอและพายัพผู้ช่วยหนุ่มของสิงหราช ก็ไม่มีใครอีก ฟังจากที่พายัพเล่าออฟฟิศนี้ก็แค่ตั้งไว้เฉย ๆ สิงหราชไม่ค่อยอยู่ประจำที่ ชายหนุ่มทำงานทั่วไร่ ดูแลงานทุกอย่าง แม้กระทั่งการคุมคนงานเก็บใบชา พายัพเป็นมือขวามีงานที่สิงหราชสั่งไปทำนอกไร่จึงไม่ค่อยได้อยู่ออฟฟิศ ส่วนเธอ เป็นแค่เลขาที่เขาไม่ต้องการ ก็ได้แต่เฝ้าหน้าห้องต่อไป...
เฝ้าจนแห้งเหี่ยวตาย
“เฮ้อ” วราลีเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนหายใจด้วยความเซ็งแอ๊ด...เสียงประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ หญิงสาวรูปร่างระหงก้าวเข้ามา เจ้าหล่อนสวมเดรสเปิดไหล่สีแดงเพลิง ตัดกับผิวขาวผ่อง ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลลอมทองเป็นลอน จมูกโด่ง ตาโต ดูออกว่าเป็นลูกครึ่ง“เอ๊ะ...” หญิงสาวหุ่นนางแบบทำท่าแปลกใจ ฝ่ายวราลีลุกขึ้นแล้วยิ้มตามมารยาทให้ ก่อนถาม“ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ”“ฉันมาหาสิงห์ เธอเป็นใคร ลูกจ้างใหม่ของไร่?” ดีดี้ หรือ ดลฤดี หญิงสาวลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ ถามหญิงสาวที่อยู่หน้าห้องสิงหราชด้วยน้ำเสียงสงสัยแกมไม่พอใจ เมื่อหญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักสะดุดตา รูปร่างถึงแม้จะไม่อวบอิ่ม เซ็กซี่ ถึงแม้จะรู้ว่าแม่คนตัวเล็กนี่ไม่ใช่สเปกสิงหราช แต่ใครจะรู้อยู่ใกล้กัน เห็นหน้ากันทุกวันจะไม่หวั่นไหวดลฤดีคิดอย่างไม่พอใจ สิงหราชเป็นแฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบสองปี ดลฤดี เป็นดารามีชื่อเสียงพอสมควรคนหนึ่ง หญิงสาวดังจากบทนางร้าย ถึงแม้จะไม่ดังเท่านางเอก แต่ภาพพจน์สวย โฉบเฉี่ยว และเชื้อสายลูกครึ่งก็ทำให้มีงานเข้ามาตลอดไม่ขาดสาย แต่เพราะเป็นคนติดหรู ข้าวของเครื่องใช้จะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกซีซั่น
สิงหราชเปิดประตูออฟฟิศก็เห็นลูกจ้างสาวนั่งเท้าคางงีบหลับอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ใช้สายตามองเด็กเส้นของมารดาที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอวดแพขนตางอน แถมยังมีเสียงลมหายใจดังเข้าออกเบา ๆ บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราอย่างเป็นสุขชายหนุ่มมองคนตรงหน้า เมื่อเจ้าหล่อนหลับไม่รู้เรื่องเขาจึงใช้สายตาสำรวจพิจารณาแบบละเอียด วราลี ปรเมทร์ หญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี จากข้อมูลที่พายัพหามา หญิงสาวเป็นลูกสาวเพื่อนของมารดา วราลี...หนูลี ชื่อที่คุ้นเคยและติดอยู่ริมฝีปาก สิงหราชรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับหญิงสาวที่นอนหลับตรงหน้า ไม่ใช่เพราะเคยเจอที่กรุงเทพ เขารู้สึกเหมือนว่าเคยเจอเธอเมื่อนานมาแล้ว นานมาก จนทีแรกนึกไม่ออกแต่พอรู้ว่ามารดาของวราลีเป็นใคร ภาพเด็กสาวอ้วนกลมก็แล่นผ่านเข้ามาในความคิด วราลี...หนูลี ลูกสาวเพื่อนมารดาที่ชื่อวรรณา สิงหราชจึงนึกออกในทันที วราลี หรือ หนูลี ก็คือยายหนูผีในตอนนั้น!ยายเด็กตัวกลมที่ชอบตามก้นเขาต้อย ๆ ปากก็ร้องเรียกพี่สิงห์คะ พี่สิงห์ขา แถมส่งสายตาออดอ้อน งอแงง้อแง้งจนน่าขนลุก เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเพิ่งเรียนจบและกลับมาบริหารงานในไร่ก็ได้เจอกับเด็กหญิงวราลี หรือหนูลีลูกส
ดลฤดีครางเสียงแผ่ว เมื่อแฟนหนุ่มผละออกเพื่อรูดซิปกางเกงลง หญิงสาวมองอาวุธคู่กายสิงหราชที่โผล่พ้นร่มผ้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยราคะ ลิ้นเล็ก ๆ เลียริมฝีปากอย่างกระหายอยาก ฝ่ายสิงหราชเอื้อมมือดึงลิ้นชักใต้โต๊ะออกหยิบคว้าคอนดอมมาใส่อย่างชำนาญ แล้วโถมตัวเข้าหาหญิงสาวที่ทอดกายยั่วยวนบนโต๊ะอีกครั้ง สองมือแยกเรียวขานางร้ายสาวอ้าออกกว้างก่อนแทรกแก่นกายเข้าหาความอ่อนนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“อ๊ะ!” ดลฤดีร้องอุทานเมื่อแก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าลึก เรียวขาโอบรัดบั้นเอวชายหนุ่มแนบแน่นสิงหราชเริ่มขยับกายเข้าออก ท่วงท่าดุดัน ดลฤดีเป็นแฟนสาวที่ร้อนแรง ช่วยเติมเต็มความใคร่ให้เขาเป็นอย่างดีตลอดมาสองปี และเขาก็รู้...ว่าเขาก็ช่วยเติมเต็มความกระหายอยากของนางร้ายสาวเช่นกันดลฤดีเป็นแฟนสาวเพียงคนเดียวที่เขาคบมายาวนาน สองปีเรียกว่านานพอสมควร ปกติเขาไม่เคยคบใครจริงจังจนเรียกว่าแฟน หลายคนเป็นแค่คู่นอน เมื่อจบก็แยกย้าย เป็นเพราะสองปีก่อน หญิงสาวโผล่บนเตียงของเขาในคืนที่เขาเมา ถึงแม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่เพราะไม่อยากวุ่นวาย ชายหนุ่มจึงไม่ปฏิเสธเมื่ออีกฝ่ายฟูมฟายว่าเขาที่กำลังเมาได้ใช้กำลังข่มเหงเธอ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็คบกับด
“เธอ...” เขาจงใจเรียกอีกฝ่าย“คะ!” วราลีได้สติ หญิงสาวหันมาสบตาเจ้านายหนุ่มด้วยใบหน้าเก้อกระดาก รู้สึกเหมือนตนเองทำเรื่องน่าอายอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่คนทำยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แถมยังทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก “คุณสิงห์ มีอะไรคะ”“จะกลับไหมน่ะ เลิกงานแล้ว ถ้าจะกลับรีบตามมา” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มก่อนเดินออกประตูไป วราลีได้สติ รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะ ขณะที่กำลังยัดเอกสารที่กองไว้ให้เข้าที่เข้าทาง ดาราสาวก็เดินออกจากห้องมาสีหน้าท่าทางเหนื่อยอ่อนคงจัดกันหนักเลยสิท่า วราลีค่อนแคะในใจ“เธอ...ชื่อลีใช่ไหม”“คะ?” วราลีหยุดยัดสิ่งของลงกระเป๋า เงยหน้ามองแฟนสาวเจ้านาย ดลฤดีหยิบกระเป๋าถือแบรนด์ดังขึ้นมา เปิดกระเป๋าแล้วล้วงแบงก์สีเทาห้าใบยื่นให้กับวราลี“อ่ะ ฉันให้”“ค่า...อะไรคะ” วราลีไม่ยื่นมือรับ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้างุนงง จะว่าค่าตัวเจ้านายก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นค่าตัวจริง ๆ ดาราสาวควรจ่ายให้สิงหราชมากกว่าเธอ หรือจะเป็นค่าปิดปาก ค่าล้างหูที่เธอไปได้ยินฉากร่วมรักดุเดือดในห้องนั่น“รับไปซะ” ดลฤดีดึงมืออีกฝ่ายมาก่อนยัดเงินใส่ “ฉันให้ก็เอา แลกกับข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอเป็นเลขาสิงห์ สิงห์ไปไหนมาไหนต้องรายงานให้ฉัน
“ครับ ๆ” พายัพก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็ว เมื่อกินเสร็จเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้านายก็รู้สึกหนาวสันหลัง สิงหราชส่งสายตาให้เขาลุก ชายหนุ่มแอบกลืนน้ำลาย มองเพื่อนร่วมงานสาวอย่างเห็นใจ ก่อนเอ่ยปากขอตัว“คุณลีครับ ผมไปก่อนนะ นึกได้ว่ามีงานในเมืองที่ยังจัดการไม่เสร็จ”“อ๋อ ค่ะ” วราลีเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวยิ้มให้พายัพตามมารยาท เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ เพราะถูกสอนมาดี เวลากินข้าววราลีจึงค่อย ๆ กิน เคี้ยวละเอียดก่อนกลืนทำให้ใช้เวลาในการกินข้าวมาก“พอผอมขึ้นมาก็เสน่ห์แรงเชียวนะ”“แค่ก ๆ” วราลีสำลักเมื่อได้ยินคำพูดจากผู้ชายตรงข้าม หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม รู้สึกแสบคอไปหมด ดวงตากลมโตมองสิงหราชอย่างตกใจเขาบอกตั้งแต่ผอม...หรือเขารู้ว่าเธอเคยอ้วนมาก่อนอย่าบอกนะว่าเขารู้แล้วว่าเธอเป็นใคร!“ไม่ต้องมามองหน้าฉันหรอก หึ ฉันรู้แล้วว่าเธอคือยายหนูผีเมื่อตอนนั้น ทำไม ที่ไม่บอกฉันเพราะกลัวฉันไม่รับเข้าทำงานงั้นสิ”วราลีเช็ดน้ำตาที่คลอเพราะสำลัก ก่อนเชิดหน้าตอบสิงหราช“ทำไมฉันต้องกลัวคุณไม่รับเข้าทำงาน ในเมื่อแม่คุณให้ฉันมาทำงานเอง”“กล้าเถียงนะวันนี้ ปกติเงียบ ๆ ขรึม ๆ ทำไม พอฉันรู้ว่
วราลีด่าทอรวดเดียว ก่อนหายใจหอบเพราะเปลืองพลังงานตะโกนด่าไปมากพอสมควร หญิงสาวชะงัก เมื่อตอนนี้ผู้ชายที่นั่งบนรถวางท่ากวนประสาทเมื่อสักครู่ มีใบหน้าเขียวแดงสลับกัน นึกมโนภาพควันออกหูสิงหราชอย่างพวยพุ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระโจนลงรถมาจัดการเธอ วราลีหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไปทันที ทิ้งให้สิงหราชที่นั่งควันออกหูบนรถ ขบกราบแน่นจนเสียงดังกรอด ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำจนคล้ำดำ“ยายหนูผี ปากดีนักนะ!”สิงหราชตั้งท่าจะตามไปเอาเรื่อง แต่พอนึกถึงงานที่จะทำตอนบ่าย ชายหนุ่มก็สบถอย่างไม่สบอารมณ์ บอกในใจว่าฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วขับรถกลับไปตามทางเดิมยายหนูผียังอยู่ที่ไร่เขาอีกนาน ในเมื่อเจ้าหล่อนประกาศกร้าวว่าเขาไล่ยังไงก็จะไม่ไป เพราะฉะนั้น เตรียมรับการทรมารจากเขาได้เลยไม่มีคนที่กล้าปากดีกับสิงหราชคนนี้แล้วยังมีชีวิตที่สุขสบายหรอกนะ!วราลีนั่งอกสั่นขวัญแขวนในออฟฟิศ แต่เมื่อมองดูนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลา บ่ายสองก็ยังไม่เห็นหน้าเจ้านายที่จะเรียกใช้เธอก็แอบโล่งอก สงสัยเขาจะติดพันอย่างอื่น วราลียิ้มเยาะเมื่อใบหน้าดาราสาวผ่านเข้ามาในหัว ช่วงนี้ดูเหมือนดลฤดีจะเข้ามาป่วนเปี้ยนในไร่อยู่บ่อยครั้ง วราลีได้ยินว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ร
วราลีมองถนนลูกรังที่ต้องขับเข้าไปแล้ว หันไปมองด้านข้างของคนขับ สลับกันไปมา สิงหราชรู้ตัวว่าถูกมองก็หันมามองตอบก่อนยิ้มมุมปากใส่“คุณ...จะเข้าไปทำอะไรในนั้นคะ”วราลีถามขึ้นมา มองข้างทางที่รถเคลื่อนผ่าน มีแต่ต้นไม้รกครึ้ม ถนนหนทางก็กันดาร ตั้งแต่ขับรถมาก็ไม่เห็นมีรถคันอื่นแล่นผ่าน หนทางก็ดูวังเวง บ้านเรือนยิ่งไม่ต้องพูดถึง มองไปทางไหนก็เป็นป่าหรือเขาจะลวงเธอมาฆ่าหมกป่า? เธออดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ ก่อนเผลอตัวขยับไปชิดประตูอย่างลืมตัวสิงหราชเหลือบมองท่าทางของเลขาสาวก็พูดขึ้นเสียงเยาะ“ก็เข้าไปทำงานน่ะสิ ทำไม อยู่สบายมาเป็นเดือนเลยลืมตัวว่าเป็นลูกจ้าง แล้วก็ควรจะรู้ไว้นะ งานในไร่นี้มันไม่ได้สบายเหมือนเมืองกรุง ถ้าบอบบางอ่อนแอ ทำเหมือนจะตายแค่เข้าไปทำงานในป่าไม่กี่วัน ก็เก็บข้าวของออกไปจากไร่ฉันซะ”วราลีเม้มปากทันที ดูเอาเถอะ เธอแค่ถามประโยคเดียว เขาก็จิกกัดเสียยาวหลังจากนั้นหญิงสาวก็สะบัดหน้าไปมองวิวที่มีแต่ต้นไม้ข้างทาง ไม่ชวนชายหนุ่มสนทนาอีกเลย ฝ่ายสิงหราชยักไหล่ไม่ใส่ใจ ก่อนตั้งหน้าตั้งตาขับรถตามทางไปเรื่อย ๆระยะทางที่ห่างไกล แถมยังคดเคี้ยว วราลีนั่งมองทางจนตาลาย เธอและเขาออกเดินทางตอนบ
ทว่าเสียงเรียบเฉยของสิงหราชกลับฉุดกระชากวราลีให้กลับมาสู่ความจริง“ใช่ มีห้องเดียว...และเป็นห้องที่ผมจะนอน”“คะ?”วราลีเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม ท่าทางเหลอหลา สิงหราชรู้สึกขันในใจ แต่ไม่แสดงออก ยังคงทำสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึมใส่อีกฝ่าย“ไม่คงไม่คะ ผม...” ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าอกตัวเอง “เป็นเจ้านาย”“...”ก่อนใช้นิ้วชี้เลื่อนไปชี้หญิงสาวที่นั่งอึ้งอยู่ตรงหน้า“ส่วนคุณ...เป็นลูกจ้าง กินเงินเดือนของผม คงไม่หวังให้ผมออกไปนอนตากยุงหน้าระเบียงหรอกนะ”แปะ!วราลีตบแก้มตัวเองเมื่อรู้สึกเหมือนโดนตัวอะไรกัด หญิงสาวพลิกตัวไปมา มือข้างหนึ่งก็เกาแก้ม ส่งเสียงอืออาทั้งที่ยังหลับตาอยู่“วราลี...”เสียงทุ้มดังอยู่บนศีรษะ หญิงสาวขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา ก่อนพลิกกายหนีไปอีกทางสิงหราชมองคนขี้เซาแล้วส่ายหน้าอย่างระอา ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนกอดอกหันหลังให้โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังนอนบนระเบียงอยู่ ขืนขยับตัวอีกนิดเจ้าตัวก็จะร่วงหล่นไปกองที่พื้นวราลีขยับตัวอีกครั้งเพราะความไม่สบายตัวหลังจากนอนขดในท่าเดิมค่อนคืน ผลที่ตามมาคือตกจากระเบียง ลำตัวกระแทกพื้นดังแอ๊ก!“โอ๊ย!”“หึ”วราลียกมือขยี้ตา ก
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย
สามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว และพม่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ที่มีทิวทัศน์สวยงดงาม โดนเฉพาะยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก สามเหลี่ยมทองคำยังเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย มีท่าเรือขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว มีกิจกรรมนั่งเรือไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ อาทิ คาสิโน คิงห์โรมัน หรือนั่งเรือไปเที่ยวทางตอนใต้ของจีน อย่าง สิบสองปันนา หรือ คุนหมิง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าฤดูหนาวนักท่องเที่ยวยิ่งมากวราลีเหลียวมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างสนอกสนใจ เช้าวันเสาร์เรวัตมารับเธอแล้วก็ออกเดินทางมาที่สามเหลี่ยมทองคำ ระยะทางเกือบสี่สิบกิโลเมตร แต่เมื่อได้มาถึง ได้เห็นแหล่งสำคัญทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศไทย หญิงสาวก็คิดว่าช่างคุ้มค่า“เสียดายที่เราไม่ได้มาแต่เช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นสวยมากเลยนะครับ” เรวัตเห็นหญิงสาวมีท่าทางตื่นตาตื่นใจก็รู้สึกดีใจ เขาบอกเล่า แนะนำสถานที่กับวราลีอย่างมืออาชีพ “ก่อนอื่นเราไปถ่ายรูปด้วยกันกับป้าย สามเหลี่ยมทองคำ กันก่อน ดีไหมครับ”วรา
“วราลี!” สิงหราชที่นั่งฟังหญิงสาวตัดสินใจ แทบจะคำรามออกมา กล้าไปกับชายอื่นสองต่อสองได้อย่างไร ทั้งที่เขานั่งอยู่ทนโท่ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด อยากลุกขึ้นแล้วล้มโต๊ะขึ้นมาทันทีพอได้ยินว่าหญิงสาวตอบตกลงจะไปเที่ยวกับเขาสองต่อสอง เรวัตก็ยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้น ปรายตามองสิงหราชอย่างผู้ชนะ ก่อนบอกลาวราลี“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้ววันเสาร์จะมารับคุณลี”“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”“ไปนะครับ พ่อเลี้ยง”สิงหราชถลึงตามองศัตรูความรัก ที่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องจากไป ก็แทบอยากจะลุกตามไปเตะก้น เมื่อไม่มีคนนอก เขาก็หันไปมองค้อนหญิงสาว ปากก็พูดจาตัดพ้อ“หนูลีไม่แคร์พี่เลยเหรอ ไหนว่าชอบพี่ แล้วจะไปเดตกับมันทำไม...”“คิดไปถึงไหนคะ” วราลีบอกเสียงอ่อน “ลีไปเพราะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณเรวัต ลีไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากเพื่อนร่วมงาน”ได้ยินหญิงสาวบอกอย่างนั้น สิงหราชตาเป็นประกาย ท่าทางเบิกบานผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธมันตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ” “พี่สิงห์คะ...” วราลีบอกน้ำเสียงอ่อนใจ “ปฏิเสธตอนนี้จะไม่เป็นการหักหน้าเขาเหรอคะ เขายังเป็นลูกค้าของไร่เรา แถมยังพาลูกทัวร์มาเที่ยวตลอด ลีถึง
“อ้าว! คุณลี” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากด้านหน้า วราลีเห็นเรวัตกำลังเดินตรงมา มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วถุงใบใหญ่อยู่“คุณเรวัต พาลูกทัวร์มาเที่ยวไร่เหรอคะ” วราลีหยุดเดินแล้วถาม“เปล่าครับ วันนี้ผมตั้งใจมาหาคุณลี...” เขามองหญิงสาวยิ้ม ๆ พลางยื่นถุงที่ถือไว้ให้ “ผมไปสวนเมลอนมา เลยซื้อเมลอนมาฝาก เป็นสวนเมลอนชื่อดังที่แกะสลักบนผลได้น่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจดี เลยซื้อมาฝากคุณลี”“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับ เห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจจึงเอ่ยชวน “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดื่มชาด้วยกันไหมคะ”“ครับ ไปครับ”วราลีและเรวัตเดินคุยกันไป ฝ่ายสิงหราชที่เดินตามมาเห็นหญิงสาวเดินไปกับใครก็หยุดมอง ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้ง เขากอดอก พ่นลมหายใจทางจมูก รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนกระทิงหนุ่มที่เจอผ้าแดงทำยังไงถึงจะไล่ไอ้หน้าอ่อนนี่กระเด็นไปได้นะ!“อ้าว พ่อเลี้ยง ผมอุตส่าห์เปิดทางให้ ทำไมปล่อยให้คุณลีเดินไปกับหนุ่มคนอื่นล่ะครับ” พายัพที่เห็นเจ้านายตนยืนเตะฝุ่นอยู่ไม่ไกล เดินเข้ามาใกล้ ปากก็พึมพำ “หรือว่าคุณเรวัตตามจีบคุณลีอยู่เหมือนกัน?”“เออสิ ท่าทางหูตั้ง หางกระดิกขนาดนั้น แกดูไม่ออกเรอะ!” สิงหราชหันมาตวาด แล้วรีบสาวเท้าเด