แก้มหอมสาวน้อยอายุสิบแปดปี เธอเป็นเด็กสาวกำพร้า ไม่มีพ่อแม่และญาติพี่น้องที่ไหน ก่อนที่พ่อและแม่ของเธอจะเสียชีวิต ท่านได้ทิ้งเงินไว้ให้เธอหนึ่งก้อนจากประกันชีวิตที่ท่านได้ทำไว้ให้เธอ และยังทิ้งบ้านหนึ่งหลังที่ไม่ใหญ่มาก แต่เธอก็ไม่ต้องเช่าบ้านให้เสียเงิน เธอได้ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน จึงทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก เธอเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริงและขี้เล่น เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบเธอเช่นกัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียนเธอจะต้องออกไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อจนถึงเที่ยงคืน และวันเสาร์อาทิตย์ เธอทำงานในร้านขายเครื่องหอม เธอไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นแบบเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่เธอมีหน้าตาที่น่ารักจึงมักมีชายหนุ่มเข้ามาวนเวียนรอบๆ ตัวเธออยู่เสมอจึงมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบที่เธอหน้าตาดี และจะคอยหาเรื่องแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ได้แกล้งแบบรุนแรงมากนัก เธอจึงไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องกับอาจารย์ เพราะเธอคิดว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว เธอเองก็มีความฝันเหมือนกัน เธออยากเปิดร้านค้าเป็นของตัวเองสักหนึ่งร้าน เธอชอบน้ำหอมและเครื่องหอมที่เธอได้ทำงา
เธอตื่นมาในช่วงสายของอีกวันใต้ต้นเหมยฮวา เธอกะพริบตาเพื่อปรับภาพให้มองชัดขึ้น สิ่งที่เธอเห็นนั้นก็คือทุ่งดอกไม้ และเธอก็นอนอยู่ใต้ต้นไม้ เธอมองดูชุดที่ใส่ก็เป็นชุดวันที่เธอเรียนจบ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน เธอจำได้ว่าตัวเองถูกรถชนหลังจากที่เธอถูกเพื่อนผลักล้มลงบนถนน ในขณะที่เธอกำลังมึนงง อยู่นั้นก็ได้มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดูน่ากลัวมาก มีหนวดเคราเต็มไปทั่วใบหน้ากำลังมองมาที่เธอ เธอจะต้องทำยังไงในตอนนี้ ในหัวของเธอสับสนไปหมดแล้วอี้เฉิงมองไปทางหญิงสาวที่ใส่ชุดไม่เหมือนกับคนอื่น ชุดแบบนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เพราะที่แห่งนี้ผู้หญิงจะไม่แต่งตัวที่เปิดให้เห็นมากนัก เขามองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน และมาหยุดมองใบหน้าที่มีหน้าตาน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักมาก เธออาจจะหนีออกมาจากหอนางโลมหรือเปล่า?แก้มหอมมองตามสายตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขามองอะไร เธอนั่งลงเพื่อปิดบังขาของเธอ เพราะชุดที่เธอใส่อยู่นั้น เป็นชุดกระโปรงนักเรียนในวันที่เธอเรียนจบ “นายมองอะไรไม่ทราบ” เธอตกใจตัวเองเพราะคำพูดที่เธอได้พูดออกไปเป็นภาษาจีนเธอไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนเลยด้วยซ้ำทำไมเธอถึงพูดมันได้“ก็ไ
“ฉันบอกนายตามตรง ฉันสูญเสียความทรงจำ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วนายจะทิ้งฉันไว้ในที่ ที่ฉันไม่รู้จัก ฉันขออยู่กับนายจนกว่าฉันจะรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และฉันเอาตัวรอดได้ ฉันก็จะไปจากนายทันทีเลย ฉันสัญญาฉันจะไม่ทำอันตรายนายอย่างแน่นอน” “ข้านี่นะ จะกลัวเจ้าทำร้าย เจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าไม่กลัวข้าหรือไง ใครๆ เขาก็กลัวข้ากันทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าจะอยู่กับข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดที่เจ้าใช้พูด และชุดที่เจ้าใส่มันแปลกเกินไป เจ้ามีชุดอื่นเปลี่ยนอีกหรือไม่” “ข้าไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ข้าจะหาชุดมาจากไหน เงินข้าก็ไม่มีสักหยวน เราอยู่ด้วยกันแค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น นายห้ามคิดไม่ดีกับฉันเด็ดขาด แต่ฉันสามารถช่วยนายทำงานบ้านและทำกับข้าวให้นายกินได้ นายคิดว่าดีหรือเปล่า หรือนายมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้ว” “ข้าเป็นชายโสด ข้าไม่รู้ว่าจะเผลอล่วงเกินเจ้าหรือไม่ ก็เจ้าทั้งขาวและน่ารักแบบนี้” เขาแกล้งมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย“นายไม่ทำฉันหรอก ใช่ไหม” เธอทำใจกล้าถามออกไป“ไม่รู้สิ ต้องดูก่อนว่าเจ้าทำตัวดีแค่ไหน ข้าอาจจะสงสารเจ้าบ้างก็ได้” “แสดงว่านายให้ฉันอยู่ด้วยได้ใช่ไหม” ผู้
เธอและเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกระหว่างทางที่เกวียนวิ่งไปเรื่อยๆ มีแค่เธอที่มองสองข้างทางอย่างสนอกสนใจ ที่นี่สองข้างทางมีแค่ป่า ทางที่เอาไว้สำหรับใช้เดินทางก็เป็นทางง่ายๆ มีหลุมตลอดทาง เวลาเกวียนวิ่งไปทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เกวียนวิ่งผ่านหลุมเหล่านั้น เธอคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเสียทีอี้เฉิงมองไปที่หญิงสาวที่มองดูตลอดสองข้างทาง เหมือนคนไม่เคยเห็น และทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เกวียนวัวคันนี้ขับลงหลุมที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง เขามองนางและคิดว่านางคงไม่เคยพบเจอกับความลำบากมาก่อนหรือเปล่า เขาคิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงประตูเข้าเมือง เขาจ่ายค่าผ่านทางและบอกให้คนขับเกวียนขับไปที่ร้านอาหารตระกูลฉิ่น“ถึงร้านอาหารตระกูลฉิ่นแล้ว” อี้เฉิงเดินลงมาจากรถเกวียนวัว ลูกจ้างที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าร้านก็วิ่งเข้าไปตามหลงจู๊ออกมา เพราะร้านอาหารตระกูลฉิ่นกับอี้เฉิงซื้อขายกันบ่อยครั้ง“หลงจู๊ขอรับ นายพรานอี้เฉิงมาหาขอรับ” “นายพรานอี้เฉิงมาหรือ เจ้าเรียกเขาเข้ามาข้างในร้านเลย” “ได้ขอรับ” ลูกจ้างเดินออกไปเรียกอี้เฉิงให้เข้ามาคุยภายในร้าน แต่อี้เฉิงบอกว่ามีสินค้าชิ้นใหญ่นำมาขายเอาออกมาวางข้างนอกไม่ได้
เธอนั่งเกวียนมาอีกสักพักก็ถึงร้านผ้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ใกล้มืดแล้วร้านค้าเก็บของกันไปหมด มีเหลือไม่กี่ร้านเท่านั้น เธอได้สังเกตภายในเมืองแต่ก็มองไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะแสงไฟในเมืองไม่ค่อยมี เอาไว้คราวหน้าถ้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้อีกเธอจะต้องเดินดูสิ่งของภายในตลาดแห่งนี้บ้างแล้ว“เจ้าเข้าไปเลือกสิ่งของที่เจ้าต้องใช้มาเถอะ ที่บ้านของข้านั้นมีของใช้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” ตัวเธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่มีสิ่งของอะไรติดตัวมาด้วย มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอยืมเงินท่านซื้อของพวกนี้ไปก่อน รอข้าหาเงินได้ ข้าจะนำมาคืนท่าน” “เจ้าคิดว่าข้าหน้าเงินมากหรือไรของพวกนี้ข้าให้เจ้า เพราะเจ้าต้องช่วยงานข้า” เธอคิดว่ามันสมเหตุผลแล้ว จึงตกลงและเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าภายในร้านผ้า ร้านผ้าแห่งนี้เป็นร้านผ้าไม่ใหญ่มากนัก และเป็นร้านผ้าร้านเดียวที่ยังเปิดขายอยู่“ร้านผ้าซิ่วอิง ยินดีต้อนรับ ท่านต้องการซื้อสิ่งใดสอบถามกับข้าได้” เธอเดินเข้ามาในร้านผ้า ก็พบเข้ากับเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงอายุน่าจะสี่สิบกว่าแล้ว แต่นางยังดูสวยอยู่ แต่งตัวสะอาดหน้าตาดูใจดี “อยากดูผ้าห่มสำเร็จรูป และเสื้อผ้า”
เธอเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นว่าเป็นเตียงเตาที่มีขนาดใหญ่สามารถนอนได้สองคน และรอบๆ ห้องก็ไม่มีสิ่งของอะไรอีก พอตกช่วงกลางคืนอากาศก็จะเริ่มหนาวแล้ว เธอที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศที่หนาวเท่าไหร่ เขาจะนอนด้านในหรือด้านนอกกันนะ เธอไม่ถือหรอกถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน เธอเป็นหญิงยุคใหม่ และยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แค่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอก็พอแล้ว เธอปูผ้าไปก็หาวิธีหาเงินไปด้วย เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องก็เป็นเขานั้นเอง“นั่นท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปอาบน้ำก่อน ข้าจะไม่ยอมนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำ” “เรื่องของเจ้าแต่ข้าจะนอน ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เขากำลังล้มตัวนอน ก็มีแรงดึงมาที่แขน เป็นนางที่พยายามดึงเขา เพื่อให้เขาออกไปอาบน้ำ ที่จริงตัวเขาก็เป็นคนที่รักความสะอาด แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอน แต่นางก็ดึงแขนเขาไม่หยุด เขาจึงต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาจะได้เริ่มนอนเสียทีเธอดึงแขนเขาจนเมื่อยแขนไปหมด คนอะไรตัวแข็งขนาดนี้กัน จนสุดท้ายเขาก็ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ เธอเดินตามออกไป เธออยากรู้ว่าเขาเอาน้ำที่ไหนอาบ“อยากออกมาดูข้าอาบน้ำก็ไม่บอก เจ้ามาอาบน้ำกับข้าก็ได้ ข้าไม่ว่าเ
เธอรีบทำอาหารที่พอทำได้ ดีที่ห้องครัวนี้มีสองเตา เธอจึงใช้หนึ่งเตาหุงข้าวขาวที่มีอยู่เต็มถัง ตอนเด็กเธอเคยอยู่กับยาย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเธอก็เคยหุงข้าวบนเตาถ่านแบบนี้อยู่บ้างไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมน้ำข้าวที่ได้ ก็มีประโยชน์อีกด้วย ตอนเช้าเธอหุงข้าว และทำกับข้าวสองอย่าง เธอจุดไฟอีกเตา เธอใช้กระทะแบบมีหูจับสองข้าง เธอหันไปเห็นผักกาดดอง และมีไข่อยู่พอดี เครื่องปรุงของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเกลือและน้ำตาล มีน้ำมันอยู่เต็มถัง เขาเป็นนายพรานสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเนื้อ เธอยังเห็นเนื้อตากแห้ง เธอจึงเริ่มทำผัดผักกาด เธอเอาน้ำมันเทไปบนกระทะ และผัดไข่กับผักกาดปรุงรสแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตา อย่างที่สองเธอนำไข่ที่ตีจนเข้ากันแล้ว นำไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองกรอบดูน่ากินและตักออก เธอยกกระทะลง เธอเอาหม้อที่มีอยู่ในบ้านต้มน้ำใส่เกลือนิดหน่อยปรุงรส เธอใส่เนื้อตากแห้งเคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็เอาไข่ที่ทอดไว้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาหม้อและก็เบาไฟลง พร้อมกับข้าวที่สุกพร้อมทานพอดี เธอมองทุกอย่างที่พร้อมแล้ว เธอก็เข้าไปล้างหน้าและเรียกอี้เฉิงให้มากินข้าวพร้อมกัน แต่ที่แห่งนี้ไม่มีแปรงส
เธอตกใจกับค่าแต้มที่ได้มาก ค่าแต้มเสน่หาเธอจะไปทำกับใคร จะไปกอดหรือจูบกับนายพรานหน้าโหดอี้เฉิงนั่นหรือ เธอเปิดดูราคาสินค้าที่เธอต้องการซื้อในตอนนี้ก่อน นั่นคือแปรงสีฟัน เธอทนไม่ได้กับกลิ่นปากของตัวเอง ไม่ใช่เธอมีกลิ่นปากที่เหม็นแต่เธอไม่ชิน ราคาแปรงสีฟันอยู่ที่สามสิบแต้ม และยาสีฟันห้าสิบแต้ม สบู่ห้าสิบแต้ม เธอพักเรื่องการหาแต้มไว้ก่อน เอาไว้เธอจะลองคิดเรื่องนี้อีกที เธอหันไปเห็นอี้เฉิงกำลังเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมด้วยการพูดคำว่าเก็บ โทรศัพท์ก็หายไปทันที“ทำไมเจ้าถึงเดินออกมาไกลเช่นนี้ เราต้องไปพบกับผู้ใหญ่บ้านกันแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปรอที่บ้าน” เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เธอมัวแต่มองหน้าของเขาอยู่ ถ้าอี้เฉิงโกนหนวดออกไป เขาก็จะเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลย ถ้าเขาทำผมให้มันดีๆ ก็คงมีสาวหลายคนยอมที่จะเป็นภรรยาให้เขาแน่อี้เฉิงมองท่าทางเหม่อลอยของเหมยฮวา จึงเรียกเธออีกครั้ง “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า เจ้าเป็นอะไรกันไม่สบายใช่หรือไม่” เขาเอามือไปจับที่หน้าผากของเหมยฮวาเพื่อวัดไข้ของตัวนาง เพราะเมื่อคืนนางอาบน้ำเย็น นางอาจจะไม่สบายได้เหมยฮวา
เหมยฮวากลับมาที่โรงเตี๊ยม หลังจากที่เธอกินข้าวกันเสร็จแล้ว เธอคิดว่าเธอจะลองค้นหาเค้ก หรือขนมรูปแบบใหม่ๆ มาทำตอนเปิดร้านของเธอเสียหน่อย และวันที่เธอเปิดร้าน เธอก็จะทำเค้กกล้วยหอมแบบง่ายเพื่อแจกให้ผู้คน เพื่อทำให้ร้านค้าของเธอเป็นที่รู้จักเธอเปิดดูวิดีโอในโทรศัพท์ เกี่ยวกับคุณแม่ท้องแรก เธอเปิดเพลงให้ลูกน้อยของเธอฟัง เธอเอามือลูบท้องที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด นี่เธอกำลังจะเป็นแม่คนครั้งแรก เธอจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดี ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ เธอตกลงสร้างร้านและตบแต่งของภายในร้านของเธอ ตอนนี้ช่างได้ทำการสร้างร้านค้าบนชั้นสามของเธอมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ร้านค้าของเธอก็จะเสร็จเสียที ในระหว่างที่รอให้ร้านทำเสร็จอยู่นั้น เธอก็มองหาสิ่งของใหม่ๆ มาขายภายในร้านของเธอ ตอนนี้ร้านเครื่องหอมที่เธอทำอยู่ มีสบู่ ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว และยังมีน้ำหอม เธอทำลิปบำรุงริมฝีปาก แต่เธอยังไม่ได้ทำลิปทาปากสีสวยๆ มาขายเลย เธอคิดว่าจะเริ่มทำลิปที่ทาแล้วให้ริมฝีปากดูน่าดึงดูด ขึ้นมาเธอมองดูแต้มในโทรศัพท์ที่เหลืออยู่แค่สองพันแต้มเท่านั้น เธอค้นหาวิธีทำลิปแบบแท่งซึ่งไม่มีขายในยุคนี้ เธอ
“ที่จริงข้าอยากได้ แค่สองสามคน ตอนนี้ข้าอยากได้ หญิงสาม ชายอีกสองคน ข้ามาคิดดูแล้ว ข้าอยากไปดูทาสตอนที่สร้างบ้านเสร็จเสียก่อนดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วจะให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหน พวกเราสามคน รวมทั้งป้าลี่ซื้อที่กำลังจะตามมาอีกคนก็คงจะพอแล้ว เอาไว้เมื่อทุกอย่างทำเสร็จทั้งหมดแล้ว ข้าค่อยไปหาซื้อทาสก็แล้วกัน” “เป็นความคิดที่ดีเจ้าคะนายหญิง ข้าไม่อยากให้ท่านทำอะไรกระชั้นชิดมากเกินไปนัก” เธอพูดคุยปรึกษากับพี่ลี่หลินมาตลอดทาง จนมาถึงร้านขายเครื่องเรือนพอดี“พี่เหมยฮวา ถึงร้านขายเครื่องเรือนแล้วขอรับ” หลังจากที่เสียงของหลีชางดังขึ้น เธอก็เดินเข้าไปดูภายในร้าน ที่มีโต๊ะหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ใช่แบบที่เธอต้องการอยู่ดี“ร้านของท่านมีของเท่านี้หรือ มีแบบโต๊ะและเก้าอี้อีกหรือไม่” “ร้านของข้ามีเท่านี้ ท่านอยากได้แบบไหนหรือ ข้าจะได้ดูว่ามีหรือไม่” เป็นชายอายุหกสิบหน้าตาใจดี พูดตอบเธอกลับมา เธอจึงรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับเขา“ข้าต้องการเก้าอี้แบบนี้ มีหรือไม่” ดีที่เธอวาดแบบเก้าอี้และแบบโต๊ะเอาไว้แล้ว“ข้าไม่เคยเห็นของแบบนี้ที่ไหนเลย แต่ถ้าท่านอยากได้แบบนี้ ข้าก็สามารถทำให้ท่านได้ แต่ข้าต
“หลีชางเจ้าบังคับม้าช้าๆ หน่อย นายหญิงกำลังท้องอ่อนๆ เจ้าต้องระวังให้มาก” “ข้าเข้าใจแล้วขอรับพี่ลี่หลิน ข้าจะบังคับรถม้าให้ช้า และเบาที่สุดเลย” ลี่หลินได้ยินแบบนั้น เธอก็สบายใจ“ข้าบอกนายหญิงแล้ว ว่านายหญิงไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงสบายใจหรือยังเจ้าคะ” “ข้าคงคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ ขอบคุณพี่ลี่หลินมากที่มาหาหมอเป็นเพื่อนข้า” “ข้ามีหน้าที่ดูแลนายหญิงอยู่แล้วเจ้าคะ นายหญิงเรียกใช้ข้าได้ตลอดเวลาเลย” เธอพลาดโอกาสมีลูกไปแล้ว เธอจะต้องดูแลนายน้อยที่กำลังจะเกิดมาให้ดี เสียดายก็แต่ว่า นายหญิงเลิกกับนายท่านไปเสียแล้ว ทำให้นายหญิงต้องเป็นหญิงม่ายลูกติด ซึ่งคนอื่นอาจจะมองนายหญิงไม่ดีได้ เธอหันไปมองนายหญิง ช่างน่าสงสารเสียจริง นายหญิงของเธอช่างอาภัพนัก“ถ้าข้าท้องแบบนี้ การเดินทางกลับเมืองสงบสุขก็คงต้องเลื่อนออกไปเสียแล้ว ข้าไม่อยากให้ลูกของข้าต้องเป็นอะไรระหว่างการเดินทาง” “ดีแล้วเจ้าคะ ให้แม่ของข้ามา ท่านจะได้ดูแลนายหญิงได้ นายหญิงจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล และเราต้องหาหมอทำคลอดเอาไว้ก่อนด้วย” “มีหลายอย่างที่ข้าต้องเตรียมพร้อมมากเลยสินะ ถ้าอย่างนั้น บ้านของข้าต้องทำห้องเตรียมไว
วันนี้เธอมีนัดกับช่างจางเหว่ เพื่อมาทำการประปรุงบ้านที่เธอเพิ่งซื้อมา เธอนัดกับช่างจางเหว่ยไว้ที่ร้านค้าของเธอ ช่วงนี้เธอรู้สึกแปลกกับร่างกายของเธอ เพราะเธอกินข้าวได้เยอะขึ้น แถมอยากกินของที่มีรสจัด และตอนนี้เธอมีหน้าท้องที่ป่องออกมา ประจำเดือนของเธอก็ไม่มานานมากแล้ว ตอนที่ประจำเดือนของเธอไม่มาครั้งแรก เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะร่างกายของเธอก็ไม่ได้แข็งแรงมากนัก ประจำเดือนจะมาบ้างไม่มาบ้างเป็นปกติ แต่ครั้งนี้ไม่มาติดต่อกันหลายเดือนแล้วหรือว่าเธอจะท้อง เพราะเธอมีอะไรกับอี้เฉิงครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปก็เป็นเวลาสี่เดือนกว่าแล้ว เธอจะท้องหรือ เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน เพราะเธอก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก ถ้าเธอท้องแล้วทำไมเธอถึงไม่มีอาการอะไรเลย เธอจะปรึกษาใครได้บ้าง พี่ลี่หลินน่าจะพอรู้ เพราะพี่ลี่หลินเคยแต่งงานมาก่อน แถมพี่ลี่หลินก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับเธอ นางก็น่าจะเข้าใจเธอที่สุดเธอเดินออกมาจากนอกห้องนอน เธอเดินไปหาพี่ลี่หลินในครัว เธอเห็นพี่ลี่หลินกำลังทำอาหารอยู่ เธอรอจนกว่าพี่ลี่หลินทำอาหารจนเสร็จแล้ว จึงเรียกพี่ลี่หลินออกมาคุย“พี่ลี่หลินท่านว่างหรือยัง” “นายหญิงม
“ทุกคนไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นกังวลเลย ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย การบังคับเกวียนม้าก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก ข้าทำได้อยู่แล้ว” ทำไมพวกเขาทุกคนที่รู้ว่าเธอบังคับเกวียนม้าเอง ต้องมีอาการตกใจเช่นนี้กันด้วย ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลย“นายหญิงถ้าท่านเป็นอะไรไปพวกข้าก็จะลำบากเช่นกันนะเจ้าคะ เห็นแก่พวกข้าเถอะนะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ท่านบังคับเกวียนม้าได้หรือไม่ได้เจ้าคะ แต่วันนี้ท่านเพิ่งซื้อม้ามาใหม่ ม้าตัวนั้นยังไม่คุ้นชินกับท่าน มันอาจจะทำร้ายท่านได้” “ข้ายอมพวกเจ้าแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว พอใจพวกเจ้าแล้วหรือยัง” เธอก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ม้าตัวนี้เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ดีที่มันไม่ดุร้าย เธอก็ทำอะไรใจร้อนเสียจริง“พอใจแล้วเจ้าคะ” “พอใจแล้วพี่เหมยฮวา” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน“เลิกคุยเรื่องนี้เสียที ข้าได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ข้าจะให้ช่างจางเหว่ย เข้าไปปรับปรุง และเราค่อยเข้าไปอยู่ที่นั่นกัน ข้ายังต้องหาทาสมาเรียนรู้การทำงาน และสอนงานอีก” ที่เธอไม่จ้างคนงานมาทำงาน ก็เพราะว่าเธอจะไม่ต้องกังวลว่าทาสเหล่านั้นจะหักหลังเธอหรือไม่ หรือจะเอาสูตรการทำสบู่หรือของใช้ของเธอไปเผยแพร่ที่ไหน ถ้า
นายหน้าพาเธอนั่งเกวียนม้าเข้ามาที่ถนนรื่นเริง รถม้าขับพาเธอเข้ามาตามถนน เธอยังผ่านร้านค้าของเธอ ตลอดทางที่ผ่านเข้ามา มีร้านค้าอยู่หลายร้าน แต่ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็จะเห็นว่าเป็นบ้านคนเสียมากกว่า นายหน้าขับเกวียนม้าพาเธอมาจนถึงบ้านหลังสุดท้าย เป็นบ้านชั้นเดียว มีหลายห้อง ด้านหลังของบ้าน มีพื้นที่โล่งและมีบ่อน้ำอยู่ บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่าง เธอสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอถูกใจบ้านหลังนี้ เพราะมันเป็นทางเดียวกันกับร้านค้าของเธอ แถมยังมีหลายห้องนอนอีกด้วย เธอต้องให้ช่างจางเหว่ยมาสร้างที่ทำสบู่ และเตาอบขนม มีพื้นที่ว่างแบบนี้เธอชอบ ต้องเปลี่ยนห้องน้ำใหม่ทั้งหมด ยังคงต้องซ่อมแซมอีกเยอะ“บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่างหรือ ไม่ใช่ว่าท่านบอกกับข้า ว่าหาบ้านแถวนี้ยากไม่ใช่หรือ” “บ้านหลังนี้ มีประวัติ เจ้ากลัวผีหรือไม่” “ท่านจะบอกว่ามีคนตายในบ้านหลังนี้” “ใช่แล้วบ้านหลังนี้ เป็นบ้านของบัณฑิตผู้หนึ่ง เขาสอบติด และได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ของเขาไม่ได้ตามไปอยู่ด้วย จนมาวันหนึ่ง หญิงชราผู้นั้นก็นอนตายไปเฉยๆ เจ้ายังจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่อีกหรือไม่” ถ้ามีคนอยู่เยอะ เธอก็ไม่ได้กลัวเรื่องผีอยู่แล้ว และอีกอย่างก็ไ
เธอเดินทางถึงเมืองหลวงในอีกสิบห้าวัน เธอไปร้านสรรค์สร้างเพื่อเอากุญแจร้านค้าที่เธอฝากเอาไว้ และก็พากันกลับไปที่ร้านค้าเครื่องหอม เธอเดินดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ช่างจางเหว่ยไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย ร้านที่เขาปรับปรุงตรงกับความต้องการของเธอทั้งหมด ไม่แตกต่างจากร้านที่อยู่เมืองสงบสุขมากนัก เธอวางแผนว่าจะอยู่จนกว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ถึงจะกลับไปที่เมืองสงบสุข เธอต้องหาซื้อบ้าน และหาทาสเพิ่มอีกสองคนเอาไว้เฝ้าร้านที่อยู่ทางนี้ เมื่อเธอตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมก้งเยว่ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ เธอต้องมีบ้านอยู่ที่นี่สักหลังหรือไม่ หรือเธอจะรับลูกจ้างมาขายของที่ร้านของเธอดี แบบไปเช้าเย็นกลับ เมื่อเธอได้บ้าน เธอค่อยหาซื้อทาสมาเพิ่มอีก เธอเก็บของทุกอย่างที่ซื้อมาเอาไว้ในห้องว่างในร้านค้าของเธอก่อน และของส่วนมากเธอเก็บไว้ในช่องเก็บของ รวมถึงอาหารสดด้วยตอนนี้เธอเดินทางมาโรงเตี๊ยมก้งเยว่ ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเมืองทางใต้ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาก็ออกไปต้อนรับ พอสังเกตคนกลุ่มนั้นดีๆ ก็เป็นกลุ่มคนที่เคยเช่าห
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็น ผู้ใหญ่บ้านได้ขอตัวกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว พวกเธอเดินดูทะเลแถวนั้นอยู่อีกสักพัก ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมที่เดิม เธอเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็ต้องแปลกใจ ที่มีคนเข้ามานั่งกินอาหารกันมากมายและทุกโต๊ะ เธอจะเห็นต้มยำกุ้งเป็นอาหารจานหลักของที่นี่ เธอเจอกับหลงจู๊ เขาทักทายด้วยการยิ้มให้เธอการเอาสูตรอาหารมาเผยแพร่ก็คงไม่เป็นอะไร เพราะประเทศจีนยุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ เธอจึงไม่กลัวที่จะเอาข้อมูลออกมาเผยแพร่ หรือเธอจะเขียนหนังสือสักเล่มดี เกี่ยวกับสัตว์น้ำทะเล ในเมื่อเธอก็มีข้อมูลจากโทรศัพท์อยู่แล้ว หรือบางทีเธออาจจะสั่งซื้อหนังสือสัตว์น้ำทะเลจากร้านค้าของเธอ เรื่องนี้เธอจะกลับไปลองคิดดูอีกครั้งเมื่อเธอว่าง“นายหญิงพรุ่งนี้ท่านจะกลับไปที่เมืองหลวงเลยไหมเจ้าคะ” ลี่หลินถามนายหญิง เธอจะได้จัดเตรียมของได้ถูกหมู่บ้านเธอก็เที่ยวดูมาหมดแล้ว เหลือแค่หมู่บ้านหาปลาที่เธอยังไม่ได้ไป เธอคิดว่าคงยังไม่กลับพรุ่งนี้ เพราะเธอต้องไปหาซื้อของก่อน พรุ่งนี้เธอจะไปที่หมู่บ้านหาปลาก่อนก็แล้วกัน“พรุ่งนี้ยังไม่กลับ พรุ่งนี้เราจะไปเช่ารถม้าที่สำนักคุ้มภัย และก็จ้างคนไว้ อีกวันเราถึงค่อ
“มีใครอยู่ไหมขอรับ” หลีชางตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง ที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก“มาแล้ว ใครกันมาเรียกข้า เสียงไม่คุ้นเลย” ผู้ใหญ่บ้านเปิดประตูออกมา ก็พบคนอยู่สามคน“พวกเจ้าเป็นใคร มาหาข้าเรื่องอะไร?” “ข้าชื่อเหมยฮวามาจากเมืองหลวง พอดีข้าไปเที่ยวริมทะเลของหมู่บ้านท่าน และข้าเกิดถูกใจที่ดินตรงนั้นไม่ทราบท่านพอขายให้ข้าได้หรือไม่” พวกเจ้าอยากมาซื้อที่ดินหรือ เข้ามานั่งคุยข้างในกันก่อน” หลายคนมาถามซื้อที่ดินกับเขาหลายครั้ง พอได้ฟังสาเหตุแล้ว ก็ไม่มีใครซื้อที่ดินตรงนั้นอีกเลย ทุกคนที่อยากซื้อก็หายกันไปเธอมานั่งตรงโต๊ะในบ้านของผู้ใหญ่ เธอมองดูไปรอบๆ ก็เห็นว่าบ้านของผู้ใหญ่เป็นบ้านไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก แต่พอดูดีกว่าบ้านหลังอื่นอยู่บ้าง หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีบ้านหลังใหญ่เหมือนกับหมู่บ้านท่าเรือที่เธอไปมา“ข้าชื่อหวังตง เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านน้ำเค็มแห่งนี้ เจ้าสนใจที่ดินติดทะเลตรงที่มีเนินสูงสวยๆ ตรงนั้นใช่หรือไม่ มีคนมาถามซื้อกับข้าหลายครั้งแล้ว แต่ก็ขายไม่ออกเสียทีเธอก็สงสัยที่ตรงนั้นสวยมาก จะต้องมีคนแย่งกันซื้อไม่ตกมาถึงมือของเธอแน่“ทำไมพวกเขาถึงไม่ซื้อกัน หรือที่ตรงนั้