16พิธีปักปิ่นของเฟยเมี่ยวเฟยเมี่ยวใกล้อายุสิบห้าปีเต็มเข้าไปทุกทีแล้ว ตระกูลซุนจัดงานปักปิ่นให้เฟยเมี่ยวยิ่งใหญ่จนเจ้าของงานอยากร้องไห้เลย เพราะมันเสียยิ่งกว่าการจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเหล่าเซเลบริตี้คนดังใช้ยุคที่นางจากมาเสียอีก อาจด้วยเพราะนางมีตำแหน่งเป็นท่านหญิงคนหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งพิเศษจากฮ่องเต้ และเคยเป็นหนึ่งในสตรีในความดูแลของฮองเฮา จึงมีแขกชั้นสูงคาดหวังว่าตนเองจะได้รับเชิญมากจนต้องจัดงานใหญ่เพื่อรองรับท่านแม่ทัพใหญ่ซุน บิดาของนางนั้นส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในกองทัพ ได้เห็นความยากลำบากของคนชนชั้นล่างก็นึกว่าจะประหยัดอยากจัดงานเล็ก ๆ แต่ว่าในความจริงแล้วไม่ใช่เลย บิดาท่านนี้ล่ะที่เป็นตันตั้งตัวตีให้ทุ่มเงินเพื่อจัดงานให้สมเกียรติบุตรสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพใหญ่ !เฟยเมี่ยวมองบ่าวรับใช้ที่เดินขวักไขว่เตรียมงานล่วงหน้ากว่าสิบวันแล้วปวดหัวเชียวล่ะอีกคนที่เห่อไม่แพ้บิดามารดาของนางก็คือ ฮองเฮานั่นเอง พระนางให้ขันทีหลานคนที่คอยรายงานความคืบหน้าในเขตตำหนักคุนหนิงมาแจ้งข่าวว่า วันนั้นพระนางไม่สะดวกมาแต่จะส่งตัวแทนเป็นองค์รัชทายาทมาแทน !ไม่พอ เห็นบอกว่าจะส่งปิ่นที่ฮองเฮารับสั่งให้จัด
17จวนตากอาการที่มีบ่อน้ำพุร้อนเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวช่วงกลางอากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมยิ่งสำหรับการออกล่าสัตว์ กรมพระราชพิธีจัดงานล้อมป่าล่าสัตว์ประจำปีขึ้นมาเพื่อให้เหล่าบุรุษลูกขุนนางเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนาน แข่งกันล่าสัตว์ชิงรางวัลจากฮ่องเต้ และประโยชน์โดยอ้อม นั่นก็คือนำสัตว์ที่ได้จากการล่าไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านในช่วงที่ปลูกพืชพันธุ์เป็นอาหารได้น้อยพอดีแน่นอนตระกูลฝ่ายบู๊อย่างตระกูลซุนสายรอง อันมีประมุขเป็นซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่าย ย่อมต้องเข้าร่วมด้วย มีพี่ใหญ่ และเฟยเมี่ยว ส่วนสายหลักก็มาเช่นกัน นำโดยซุนเหวินเจี๋ย หรือท่านซุนโหว ป้าสะใภ้ และบุตรชายที่เพิ่งกลับมาจากไปศึกษาที่สำนักศึกษาบนภูเขามาพอดี เฟยเมี่ยวเรียกเขาว่า ญาติผู้พี่ซุน จือหลิน ...พี่จือด้วยความที่ป่าที่จัดเป็นป่าขนาดใหญ่ฝั่งตะวันออกของแคว้น เป็นป่าที่ตั้งอยู่ไกลออกจากเมืองหลวงไม่มากใช้เวลาเดินทางด้วยรถม้าเพียงหนึ่งชั่วยามครึ่งเท่านั้น จึงมีทั้งขุนนางพร้อมครอบครัวเข้าร่วมงานประจำปีนี้มาก ทยอยกันไป ขอเพียงให้ทันวันเริ่มงานเท่านั้น ส่วนใหญ่ขุนนางขั้นสูงมักซื้อจวนทิ้งไว้แล้ว หากใครไม่มีก็จะมีบร
18เรื่องไม่คาดฝันเช้าวันต่อมา...งานล้อมป่าล่าสัตว์เริ่มแล้ว เสียดายที่งานนี้ให้เฉพาะบุรุษเข้าร่วมเท่านั้น ส่วนสตรีนั้นจะไปรวมกันอีกที่เพื่อชมดอกไม้บานท่ามกลางอากาศเย็นเยี่ยงนี้แทนดีที่ตอนนางมาได้เจอกันอดีตสหายอย่างคุณหนูเลี่ยง เหลียงซู และเดินคุยไปอีกหน่อยก็เจอหนิงอันยืนกับท่านหญิงเจียวจิน ซึ่งมีคุณหนูที่นางเจอที่บอน้ำพุร้อนเมื่อคืนยืนอยู่ด้วย การชมดอกไม้ยามนี้จึงไม่เหงาอีกต่อแล้ว“เจ้าสองคนอาจยังไม่รู้จักกัน นี่ท่านหญิงเฟยเมี่ยว บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ซุน และนี่คุณหนูซีอิ๋ง ตระกูลหวัง”“คารวะท่านหญิงเจ้าค่ะ”เฟยเมี่ยวพยักหน้าตอบรับ พอนางรู้เรื่องที่คุณหนูซีอิ๋งทำเมื่อวานก็ทำให้ไม่สามารถมองใบหน้านางแล้วไม่คิดเรื่องเมื่อวานได้เลย อีกทั้งดูเหมือนจะคุณหนูนางนี้จะยังไม่หายเสียใจ เพราะนางดูหมดแรงและดวงตาแดงช้ำเหมือนคนร้องไห้หนัก“พวกเราไปดูดอกไม้ทางนู้นเถอะ เห็นเขาว่ากันว่างามยิ่งนัก”เฟยเมี่ยวเดินตามเหล่าคุณหนูไปเพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ได้มีเป้าหมายชมดอกไม้ใดเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทว่านางคิดผิดเสียแล้ว เพราะตรงที่ดอกไม้บานย่อมตามด้วยมีคนมาดูมากซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือองค์หญิงสามลู่เอิน คู่อริขอ
19ทำตัวเหมือนอาฉีคนที่สองเดินต่อมาเรื่อย ๆ ก็เจอเข้ากับถ้ำกลางป่าเข้า ตอนแรกที่มองเห็นตัวผนังถ้ำนั้นไม่คิดว่าจะมีทางเข้าหรอก เฟยเมี่ยวให้ ชินอ๋องยืนรอสักครู่ก่อน นางค่อยเดินไปสำรวจดู จึงพบทางเข้าขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ ดีที่มีเถาวัลย์และใบไม้เขียวขจีปกทับจนเกือบมองไม่ออกเลย นางกลับมาพาชินอ๋องเข้าไปนั่งพักด้านใน และไม่ลืมใช้เหล่าเถาวัลย์เกลี่ยปิดทางเข้าเช่นเดิมหน้าหนาวแล้วยามกลางคืนอากาศยิ่งหนาวไปใหญ่ หากนั่งโดยมีเพียงเสื้อผ้าที่สวมตลอดคืนมีหวังทั้งนางและคนป่วยต้องเป็นไข้หนาวสั่นตายอยู่ที่นี่เป็นแน่“พระองค์ไหวไหมเพคะ”เฟยเมี่ยวมองใบหน้าภายใต้หน้ากากที่มีเหงื่อเกาะเต็มหน้า หน้าของเขา ปากของเขาล้วนซีดขาวไปหมด ดูท่าจะรอให้ออกไปแล้วค่อยให้หมอหลวงนำลูกธนูออกก็คงไม่ทันแล้ว นางคงต้องจัดการเรื่องนั้นเอง ด้วยอุปกรณ์ที่นางพกมาติดกายไว้ตลอดตั้งแต่รู้ว่าจะต้องเข้าป่าก็เพียงพอให้ช่วยชินอ๋องได้อยู่“ข้าไหว เมี่ยวเมี่ยวนั่งพักก่อนเถอะ เจ้าวิ่งวุ่นมาตลอดแล้ว”เต๋อรุ่ยพูดไม่เกินจริง ตลอดทางมานี้นางทั้งใช้หัวคิดและแรงกายพาเขามาที่นี่อย่างไม่หยุดพัก ท่าทีคล่องแคล่วว่องไวนี้เขาที่มีวรยุทธ์ยังรู้สึกยกย่องเ
20อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีกงืม ๆ“เช้าแล้วหรือ?...”“ใช่ เช้าแล้ว เมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว ขี้เซายิ่งนัก”หืม นางไม่ได้นอนอยู่ในห้องคนเดียวหรือไร ไยรู้สึกเหมือนเสียงพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นที่ข้างหูนางนี้เองกันนะ ลมที่พัดผ่านใบหูมันชวนให้จั๊กกะจี้จนต้องย่นคอหนีทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะสัมผัสบางอย่างที่คลอเคลียแก้มจนทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นดูแล้วค่อยหลับอีกคราก็แล้วกัน“ท่านอ๋องมาอยู่นี่ได้อย่างไร ! โอ๊ะ”ไม่สิ ตอนนี้นางนอนอยู่ในป่านี่นา นางลืมไปเสียได้ คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจนหลับไม่รู้เรื่องแน่เลย“แล้วไยถึงถูกท่านกอดได้ !! ปล่อยนะ”ได้สติแล้วเฟยเมี่ยวก็สังเกตว่าตนเองถูกเต๋อรุ่ยกอดอยู่ แก้มของนางแนบคางของเขาจนรู้สึกประหลาดไปหมด แต่แรงกอดรัดของคนที่บาดเจ็บนั้นเฟยเมี่ยวสู้ไม่ไหวจริง นี่ขนาดเขาบาดเจ็บนะแรงยังมากเพียงนี้เลย ไม่อยากจะคิดยามปรกติจะแรงเยอะเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือแรงสตรีตัวเล็กอย่างนางสู้เขาไม่ได้แน่นอน“เมี่ยว ๆ กอดข้าเองนะ อีกทั้งยังกอดไม่ปล่อยอีกด้วย ข้าเลยต้องนอนรออยู่เยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ”“แต่เมื่อคืนหม่อมฉันไม่ได้นอนท่านี้ หม่อมฉันเพียงให้ความอบอุ่นแก่พระองค์ผ่า
21ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่จากการที่มีข่าวลือในวันต่อมาว่ามีกลุ่มโจรซุ่มทำร้ายซุนฮูหยินที่ขอบเมืองหลวง สิ่งที่ชาวเมืองเดาไปต่าง ๆ นานา ก็คือกลุ่มโจรนั้นอาจเป็นคนของชินอ๋องก็ได้ เหตุเพราะการที่สองฝ่ายไม่ลงรอยกันนั่นเองเฟยเมี่ยวที่คุ้นชินกลยุทธ์การสร้างข่าวเท็จนี้มองออกทันที นางอยากไขข้อสงสัยมากจนตัดสินใจว่าจะไปสอบถามความจริงจากตัวการใหญ่ ทำให้ดึกคืนนั้นเองเฟยเมี่ยวในชุดดำล้วนอาศัยทางลับที่ตนสร้างไว้สมัยอยู่ในวังเข้ามาได้ในที่สุด นางพุ่งตรงไปยังตำหนักเฮยลู่ อันเป็นตำหนักที่มีเวรยามรัดกุมที่สุดจนนางไม่สามารถมีคนของตนในตำหนักแห่งนี้ได้เลยที่น่าแปลกคือ ตอนนี้เฟยเมี่ยวแอบเข้ามาจนจะถึงตำหนักหลักส่วนในแล้ว นางยังไม่เจอทหารเฝ้ายามเลยสักคน เฟยเมี่ยวคิดว่าตนเองอาจกำลังหลงกลไกการเฝ้ายามซับซ้อนอยู่นางจึงรีบหมุนตัวรีบกลับกลังทางเดิมเสียก่อนที่จะถูกจับได้ทันที“เมี่ยวเมี่ยวจะหนีอีกแล้ว เข้ามาไม่ใช่เพราะคิดถึงข้าหรือ ยังไม่ทันเจอก็จะกลับเสียแล้ว...”นั่นอย่างไร ที่แท้ชินอ๋องผู้นี้ก็คิดว่านางต้องมาหาเขาอยู่แล้ว ทหารเฝ้ายามจึงหายไปหมดเช่นนี้เมื่อเจอตัวการที่นางต้องการเจอแล้ว อันใดคือต้องหนีกันเล่า !“ทห
22ไหน้ำส้มใครแตกกันนะวันนี้เฟยเมี่ยวออกจากจวนไปร่วมงานชมดอกไม่ที่ตระกูลไป๋จัดขึ้น นางมาถึงก็มีเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนมาบ้างแล้ว พอเลี่ยงเหลียงซูเห็นเฟยเมี่ยวเข้างานมาก็รีบมาเดินด้วยกันทันที ทำให้เฟยเมี่ยวไม่เดินเหงาคนเดียวอีกต่อไปรอเวลาผ่านไปจนเริ่มงานชมดอกไม้แล้ว บ่าวตระกูลไป๋จึงมาเชิญเหล่าคุณหนูไปยังลานนั่งล้อมโต๊ะที่มีชาดอกไม้กลิ่นหอมกรุ่นวางตรงหน้า เป็นการให้ลิ้มรสชาก่อนที่จะไปยังสวนเพื่อชมดอกไม้นั่นล่ะ“ชาดีทีเดียว หนิงอันยังมีรสนิยมดีเยี่ยงเดิมนะ”ท่านหญิงเจียวจินเอ่ยชมเป็นคนแรก แล้วคุณหนูคนอื่น ๆ ก็เอ่ยชมตามมาอีกไม่ขาดส่วนเฟยเมี่ยวนั้นมิได้มางานชมดอกไม้เพียงหาสหาย แต่นางต้องการมารับข่าวสารจากวงสตรีด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พี่ใหญ่สงสัยว่าตระกูลซุนสายหลักกำลังสู่ขอท่านหญิงตรงหน้านี้อยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหญิงถูกใจข้าน้อยก็เบาใจลงมากเลยเจ้าค่ะ”หนิงอันยิ้มหวานน้อมรับคำชม บทสนทนาของเหล่าสตรีลื่นไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็มีคุยบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้เงียบและแปลกพวกเกินไป แต่ไม่มีใครเอ่ยเข้าประเด็นที่เฟยเมี่ยวอยากรู้เลย“ว่าแต่ท่านหญิงเจียวจินผ่านวัยปักปิ่นมาแล้ว ค
23ไปหาหลักฐานเมื่อเป็นเรื่องความเป็นไประดับแคว้น พอเฟยเมี่ยวไปปรึกษากับชินอ๋องนางก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากำลังติดตามเรื่องมีคนลักลอบจำหน่ายฝิ่นอยู่เช่นเดียวกัน พอเฟยเมี่ยวเอาสิ่งที่นางสืบมาโดยตลอดผนวกเข้ากับความจริงจากปากมารดามันทำให้เฟยเมี่ยวสงสัยไปที่ตระกูลซุนสายหลักโดยเฉพาะท่านป้าซูเม่ยทันที พอเอ่ยขอให้ชินอ๋องไปติดตามและสืบเชิงลึกที่ตระกูลหลิงก็พบเบาะแสบางอย่างที่พุ่งไปว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบค้าฝิ่นจริง โดยประมุขตระกูลหลิงที่เป็นถึงหัวหน้ากรมตุลาการหากลักลอบขายฝิ่นย่อมสะเทือนต่อแคว้นมากแน่ตอนนี้ขอเพียงหาหลักฐานมาก็สามารถจับกุมตัวการหลักแล้ว สิ่งที่ชินอ๋องกำลังทำอยู่ตอนนี้คือติดตามคนของตระกูลหลิงที่มีการเดินทางไปมาที่ชายแดนกับเมืองต่าง ๆ โดยแน่นอนว่าเฟยเมี่ยวขอติดตามมาด้วยซึ่งตอนแรกบิดานางจะไม่ให้ไปแต่เพราะชินอ๋องเอ่ยปากและบอกว่าให้พี่ใหญ่ตามมาด้วยได้ เฟยเมี่ยวจึงมีโอกาสได้ติดตามไปชายแดนเยี่ยงตอนนี้“อาเมี่ยวไหวหรือไม่อีกไม่ไกลก็ได้เข้าเมืองแล้ว”พี่ใหญ่เอ่ยถามนางมาตลอดทางทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม เขาเป็นห่วงนางเกินไปจนเฟยเมี่ยวเหนื่อยจะตอบแล้ว คงเพราะการเดินทางครานี้รีบเร่งจนมิอ
บทส่งท้าย“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ”คนตระกูลซุนที่ออกมาต้อนรับยังไม่ทันลงไปทำความเคารพที่พื้นก็ต้องชะงักลงก่อนเพราะคำพูดแปลกประหลาดผู้สูงศักดิ์ที่มาใหม่นั่นเอง“ไม่ต้องเคารพถึงเพียงนั้นหรอกท่านว่าที่พ่อตา...”เฟยเมี่ยวอึ้งเช่นเดียวกันกับคนอื่น เพราะเขาไม่เห็นบอกนางล่วงหน้าให้ทำใจก่อนเล่า ใครจะคิดว่าอยู่ที่ดีก็ยกขบวนหมั้นหมายมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า“ท่านอ๋องหมายความอันใดหรือ ? กระหม่อมไม่เข้าใจ”ขนาดไม่เข้าใจของบิดานางนะเนี่ย น้ำเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากเลยดูท่าการเป็นอริอย่างเช่นข่าวลือบิดาของนางจะอินเกินจนเข้ากระแสเลือดไปแล้วกระมัง“ก็วันนี้ข้ามาสู่ขอเมี่ยวเมี่ยวไปเป็นพระชายาเอกอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็คงจะได้เรียกพ่อตาแล้วในอนาคต”เฟยเมี่ยวเห็นประกายไฟระหว่างสองสายตาที่จ้องกันอยู่ตอนนี้ของแม่ทัพใหญ่ซุนเหวินเชาและชินอ๋องขึ้นมาลาง ๆ แล้ว ดีที่มารดาของนางรีบเข้ามายืนขวางหน้าซุนเหวินเชาเสียก่อน“ท่านอ๋องมาแล้วก็เชิญข้างในจวนก่อนเถอะเพคะ เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว...”“ไม่ให้แต่ง อย่างไรก็ไม่ให้แต่ง !!!”“ใช่ขอรับ ลูกไม่ให้แต่งเช่นกัน!!”สองพ่อลูกตระกูลซุนตะโกนแทบจะพร้อมกันต่อ
24ตัดขาดภายในห้องรับรองตระกูลซุนสายรอง มีเจ้าของจวนนั่งเรียงหน้าเครียด โดยเฉพาะซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่ายที่หน้านิ่งแผ่รังสีความไม่พอใจ จนทำให้เหล่าแขกของจวนที่นั่งรวมกันอยู่ฝั่งที่นั่งแขกพากันนั่งเกร็งจนเฟยเมี่ยวที่มองอยู่แทบกลั้นขำไม่ไหวเหล่าแขกที่ว่าคือ พวกตระกูลซุนสายหลักนั่นเอง มีท่านลุงซุนโหว ท่านป้าสะใภ้ซูเม่ย และท่านย่า พวกเขามาคราวนี้เพื่อมาขอขมา ให้สายรองให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น“อาเหวิน เจ้าก็ให้อภัยพี่ชายเจ้าหน่อยเถอะ อย่างไรก็คนตระกูลซุนเช่นเดียวกัน”ท่านย่าเอ่ยเสียงอ่อน รอยยิ้มเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้นี้จืดเจื่อนยิ่งนัก แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเอ่ยทั้งที่น้ำเสียงติดสั่นระริกจากรังสีกดดันของแม่ทัพไร้พ่าย“ท่านแม่มิคิดหรือเจ้าคะ หากอาเมี่ยวรักษาไม่ทันจะเป็นเช่นไร ท่านพี่สะใภ้นั้นอาจถูกหลอกใช้ก็จริง แต่ว่าอย่างไรเสียเมื่อไม่รู้แหล่งที่มาดีดีไยต้องเสี่ยงให้บุตรสาวของข้ากินด้วย หรือว่าเพราะไม่ใช่บุตรสาวของตนจึงจะให้กินอันใดก็ได้”“ไม่เลย ๆ น้องสะใภ้อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครทั้งสิ้น เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น ทว่าอย่างไรบุตรสาวเจ้าก็ไม่เป็นอันใดนี่ เจ้าสบายดีใช่ไหมอาเ
23ไปหาหลักฐานเมื่อเป็นเรื่องความเป็นไประดับแคว้น พอเฟยเมี่ยวไปปรึกษากับชินอ๋องนางก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากำลังติดตามเรื่องมีคนลักลอบจำหน่ายฝิ่นอยู่เช่นเดียวกัน พอเฟยเมี่ยวเอาสิ่งที่นางสืบมาโดยตลอดผนวกเข้ากับความจริงจากปากมารดามันทำให้เฟยเมี่ยวสงสัยไปที่ตระกูลซุนสายหลักโดยเฉพาะท่านป้าซูเม่ยทันที พอเอ่ยขอให้ชินอ๋องไปติดตามและสืบเชิงลึกที่ตระกูลหลิงก็พบเบาะแสบางอย่างที่พุ่งไปว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบค้าฝิ่นจริง โดยประมุขตระกูลหลิงที่เป็นถึงหัวหน้ากรมตุลาการหากลักลอบขายฝิ่นย่อมสะเทือนต่อแคว้นมากแน่ตอนนี้ขอเพียงหาหลักฐานมาก็สามารถจับกุมตัวการหลักแล้ว สิ่งที่ชินอ๋องกำลังทำอยู่ตอนนี้คือติดตามคนของตระกูลหลิงที่มีการเดินทางไปมาที่ชายแดนกับเมืองต่าง ๆ โดยแน่นอนว่าเฟยเมี่ยวขอติดตามมาด้วยซึ่งตอนแรกบิดานางจะไม่ให้ไปแต่เพราะชินอ๋องเอ่ยปากและบอกว่าให้พี่ใหญ่ตามมาด้วยได้ เฟยเมี่ยวจึงมีโอกาสได้ติดตามไปชายแดนเยี่ยงตอนนี้“อาเมี่ยวไหวหรือไม่อีกไม่ไกลก็ได้เข้าเมืองแล้ว”พี่ใหญ่เอ่ยถามนางมาตลอดทางทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม เขาเป็นห่วงนางเกินไปจนเฟยเมี่ยวเหนื่อยจะตอบแล้ว คงเพราะการเดินทางครานี้รีบเร่งจนมิอ
22ไหน้ำส้มใครแตกกันนะวันนี้เฟยเมี่ยวออกจากจวนไปร่วมงานชมดอกไม่ที่ตระกูลไป๋จัดขึ้น นางมาถึงก็มีเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนมาบ้างแล้ว พอเลี่ยงเหลียงซูเห็นเฟยเมี่ยวเข้างานมาก็รีบมาเดินด้วยกันทันที ทำให้เฟยเมี่ยวไม่เดินเหงาคนเดียวอีกต่อไปรอเวลาผ่านไปจนเริ่มงานชมดอกไม้แล้ว บ่าวตระกูลไป๋จึงมาเชิญเหล่าคุณหนูไปยังลานนั่งล้อมโต๊ะที่มีชาดอกไม้กลิ่นหอมกรุ่นวางตรงหน้า เป็นการให้ลิ้มรสชาก่อนที่จะไปยังสวนเพื่อชมดอกไม้นั่นล่ะ“ชาดีทีเดียว หนิงอันยังมีรสนิยมดีเยี่ยงเดิมนะ”ท่านหญิงเจียวจินเอ่ยชมเป็นคนแรก แล้วคุณหนูคนอื่น ๆ ก็เอ่ยชมตามมาอีกไม่ขาดส่วนเฟยเมี่ยวนั้นมิได้มางานชมดอกไม้เพียงหาสหาย แต่นางต้องการมารับข่าวสารจากวงสตรีด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พี่ใหญ่สงสัยว่าตระกูลซุนสายหลักกำลังสู่ขอท่านหญิงตรงหน้านี้อยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหญิงถูกใจข้าน้อยก็เบาใจลงมากเลยเจ้าค่ะ”หนิงอันยิ้มหวานน้อมรับคำชม บทสนทนาของเหล่าสตรีลื่นไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็มีคุยบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้เงียบและแปลกพวกเกินไป แต่ไม่มีใครเอ่ยเข้าประเด็นที่เฟยเมี่ยวอยากรู้เลย“ว่าแต่ท่านหญิงเจียวจินผ่านวัยปักปิ่นมาแล้ว ค
21ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่จากการที่มีข่าวลือในวันต่อมาว่ามีกลุ่มโจรซุ่มทำร้ายซุนฮูหยินที่ขอบเมืองหลวง สิ่งที่ชาวเมืองเดาไปต่าง ๆ นานา ก็คือกลุ่มโจรนั้นอาจเป็นคนของชินอ๋องก็ได้ เหตุเพราะการที่สองฝ่ายไม่ลงรอยกันนั่นเองเฟยเมี่ยวที่คุ้นชินกลยุทธ์การสร้างข่าวเท็จนี้มองออกทันที นางอยากไขข้อสงสัยมากจนตัดสินใจว่าจะไปสอบถามความจริงจากตัวการใหญ่ ทำให้ดึกคืนนั้นเองเฟยเมี่ยวในชุดดำล้วนอาศัยทางลับที่ตนสร้างไว้สมัยอยู่ในวังเข้ามาได้ในที่สุด นางพุ่งตรงไปยังตำหนักเฮยลู่ อันเป็นตำหนักที่มีเวรยามรัดกุมที่สุดจนนางไม่สามารถมีคนของตนในตำหนักแห่งนี้ได้เลยที่น่าแปลกคือ ตอนนี้เฟยเมี่ยวแอบเข้ามาจนจะถึงตำหนักหลักส่วนในแล้ว นางยังไม่เจอทหารเฝ้ายามเลยสักคน เฟยเมี่ยวคิดว่าตนเองอาจกำลังหลงกลไกการเฝ้ายามซับซ้อนอยู่นางจึงรีบหมุนตัวรีบกลับกลังทางเดิมเสียก่อนที่จะถูกจับได้ทันที“เมี่ยวเมี่ยวจะหนีอีกแล้ว เข้ามาไม่ใช่เพราะคิดถึงข้าหรือ ยังไม่ทันเจอก็จะกลับเสียแล้ว...”นั่นอย่างไร ที่แท้ชินอ๋องผู้นี้ก็คิดว่านางต้องมาหาเขาอยู่แล้ว ทหารเฝ้ายามจึงหายไปหมดเช่นนี้เมื่อเจอตัวการที่นางต้องการเจอแล้ว อันใดคือต้องหนีกันเล่า !“ทห
20อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีกงืม ๆ“เช้าแล้วหรือ?...”“ใช่ เช้าแล้ว เมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว ขี้เซายิ่งนัก”หืม นางไม่ได้นอนอยู่ในห้องคนเดียวหรือไร ไยรู้สึกเหมือนเสียงพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นที่ข้างหูนางนี้เองกันนะ ลมที่พัดผ่านใบหูมันชวนให้จั๊กกะจี้จนต้องย่นคอหนีทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะสัมผัสบางอย่างที่คลอเคลียแก้มจนทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นดูแล้วค่อยหลับอีกคราก็แล้วกัน“ท่านอ๋องมาอยู่นี่ได้อย่างไร ! โอ๊ะ”ไม่สิ ตอนนี้นางนอนอยู่ในป่านี่นา นางลืมไปเสียได้ คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจนหลับไม่รู้เรื่องแน่เลย“แล้วไยถึงถูกท่านกอดได้ !! ปล่อยนะ”ได้สติแล้วเฟยเมี่ยวก็สังเกตว่าตนเองถูกเต๋อรุ่ยกอดอยู่ แก้มของนางแนบคางของเขาจนรู้สึกประหลาดไปหมด แต่แรงกอดรัดของคนที่บาดเจ็บนั้นเฟยเมี่ยวสู้ไม่ไหวจริง นี่ขนาดเขาบาดเจ็บนะแรงยังมากเพียงนี้เลย ไม่อยากจะคิดยามปรกติจะแรงเยอะเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือแรงสตรีตัวเล็กอย่างนางสู้เขาไม่ได้แน่นอน“เมี่ยว ๆ กอดข้าเองนะ อีกทั้งยังกอดไม่ปล่อยอีกด้วย ข้าเลยต้องนอนรออยู่เยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ”“แต่เมื่อคืนหม่อมฉันไม่ได้นอนท่านี้ หม่อมฉันเพียงให้ความอบอุ่นแก่พระองค์ผ่า
19ทำตัวเหมือนอาฉีคนที่สองเดินต่อมาเรื่อย ๆ ก็เจอเข้ากับถ้ำกลางป่าเข้า ตอนแรกที่มองเห็นตัวผนังถ้ำนั้นไม่คิดว่าจะมีทางเข้าหรอก เฟยเมี่ยวให้ ชินอ๋องยืนรอสักครู่ก่อน นางค่อยเดินไปสำรวจดู จึงพบทางเข้าขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ ดีที่มีเถาวัลย์และใบไม้เขียวขจีปกทับจนเกือบมองไม่ออกเลย นางกลับมาพาชินอ๋องเข้าไปนั่งพักด้านใน และไม่ลืมใช้เหล่าเถาวัลย์เกลี่ยปิดทางเข้าเช่นเดิมหน้าหนาวแล้วยามกลางคืนอากาศยิ่งหนาวไปใหญ่ หากนั่งโดยมีเพียงเสื้อผ้าที่สวมตลอดคืนมีหวังทั้งนางและคนป่วยต้องเป็นไข้หนาวสั่นตายอยู่ที่นี่เป็นแน่“พระองค์ไหวไหมเพคะ”เฟยเมี่ยวมองใบหน้าภายใต้หน้ากากที่มีเหงื่อเกาะเต็มหน้า หน้าของเขา ปากของเขาล้วนซีดขาวไปหมด ดูท่าจะรอให้ออกไปแล้วค่อยให้หมอหลวงนำลูกธนูออกก็คงไม่ทันแล้ว นางคงต้องจัดการเรื่องนั้นเอง ด้วยอุปกรณ์ที่นางพกมาติดกายไว้ตลอดตั้งแต่รู้ว่าจะต้องเข้าป่าก็เพียงพอให้ช่วยชินอ๋องได้อยู่“ข้าไหว เมี่ยวเมี่ยวนั่งพักก่อนเถอะ เจ้าวิ่งวุ่นมาตลอดแล้ว”เต๋อรุ่ยพูดไม่เกินจริง ตลอดทางมานี้นางทั้งใช้หัวคิดและแรงกายพาเขามาที่นี่อย่างไม่หยุดพัก ท่าทีคล่องแคล่วว่องไวนี้เขาที่มีวรยุทธ์ยังรู้สึกยกย่องเ
18เรื่องไม่คาดฝันเช้าวันต่อมา...งานล้อมป่าล่าสัตว์เริ่มแล้ว เสียดายที่งานนี้ให้เฉพาะบุรุษเข้าร่วมเท่านั้น ส่วนสตรีนั้นจะไปรวมกันอีกที่เพื่อชมดอกไม้บานท่ามกลางอากาศเย็นเยี่ยงนี้แทนดีที่ตอนนางมาได้เจอกันอดีตสหายอย่างคุณหนูเลี่ยง เหลียงซู และเดินคุยไปอีกหน่อยก็เจอหนิงอันยืนกับท่านหญิงเจียวจิน ซึ่งมีคุณหนูที่นางเจอที่บอน้ำพุร้อนเมื่อคืนยืนอยู่ด้วย การชมดอกไม้ยามนี้จึงไม่เหงาอีกต่อแล้ว“เจ้าสองคนอาจยังไม่รู้จักกัน นี่ท่านหญิงเฟยเมี่ยว บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ซุน และนี่คุณหนูซีอิ๋ง ตระกูลหวัง”“คารวะท่านหญิงเจ้าค่ะ”เฟยเมี่ยวพยักหน้าตอบรับ พอนางรู้เรื่องที่คุณหนูซีอิ๋งทำเมื่อวานก็ทำให้ไม่สามารถมองใบหน้านางแล้วไม่คิดเรื่องเมื่อวานได้เลย อีกทั้งดูเหมือนจะคุณหนูนางนี้จะยังไม่หายเสียใจ เพราะนางดูหมดแรงและดวงตาแดงช้ำเหมือนคนร้องไห้หนัก“พวกเราไปดูดอกไม้ทางนู้นเถอะ เห็นเขาว่ากันว่างามยิ่งนัก”เฟยเมี่ยวเดินตามเหล่าคุณหนูไปเพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ได้มีเป้าหมายชมดอกไม้ใดเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทว่านางคิดผิดเสียแล้ว เพราะตรงที่ดอกไม้บานย่อมตามด้วยมีคนมาดูมากซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือองค์หญิงสามลู่เอิน คู่อริขอ
17จวนตากอาการที่มีบ่อน้ำพุร้อนเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวช่วงกลางอากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมยิ่งสำหรับการออกล่าสัตว์ กรมพระราชพิธีจัดงานล้อมป่าล่าสัตว์ประจำปีขึ้นมาเพื่อให้เหล่าบุรุษลูกขุนนางเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนาน แข่งกันล่าสัตว์ชิงรางวัลจากฮ่องเต้ และประโยชน์โดยอ้อม นั่นก็คือนำสัตว์ที่ได้จากการล่าไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านในช่วงที่ปลูกพืชพันธุ์เป็นอาหารได้น้อยพอดีแน่นอนตระกูลฝ่ายบู๊อย่างตระกูลซุนสายรอง อันมีประมุขเป็นซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่าย ย่อมต้องเข้าร่วมด้วย มีพี่ใหญ่ และเฟยเมี่ยว ส่วนสายหลักก็มาเช่นกัน นำโดยซุนเหวินเจี๋ย หรือท่านซุนโหว ป้าสะใภ้ และบุตรชายที่เพิ่งกลับมาจากไปศึกษาที่สำนักศึกษาบนภูเขามาพอดี เฟยเมี่ยวเรียกเขาว่า ญาติผู้พี่ซุน จือหลิน ...พี่จือด้วยความที่ป่าที่จัดเป็นป่าขนาดใหญ่ฝั่งตะวันออกของแคว้น เป็นป่าที่ตั้งอยู่ไกลออกจากเมืองหลวงไม่มากใช้เวลาเดินทางด้วยรถม้าเพียงหนึ่งชั่วยามครึ่งเท่านั้น จึงมีทั้งขุนนางพร้อมครอบครัวเข้าร่วมงานประจำปีนี้มาก ทยอยกันไป ขอเพียงให้ทันวันเริ่มงานเท่านั้น ส่วนใหญ่ขุนนางขั้นสูงมักซื้อจวนทิ้งไว้แล้ว หากใครไม่มีก็จะมีบร