“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กใหม่ของคุณอีกแล้วใช่ไหมกวิน”
เมื่อกลับมาถึงบ้านลอะไรคะตาก็เริ่มเปิดปากถามสิ่งที่เธออยากรู้ เธอเองก็รู้ต่อให้ถามไปคนตรงหน้าก็ไม่มีทางตอบความจริงมาอยู่ดี
“ตาคุณเอาอีกแล้วนะ ปิ่นเขาเป็นแค่เลขาของผมจริง ๆ”
“เหรอคะ แค่เลขาแล้วทำไมต้องมองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มแบบนั้นด้วย” ไม่เห็นเธอพูดก็ไม่ใช่ว่าเธอจะโง่ที่จะไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร เห็นอยู่ตำตาแต่ยังคิดปฏิเสธได้อย่างหน้าด้าน ๆ
“ตาคุณทำตัวแบบนี้ผมเบื่อนะรู้ไหม” กวินพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย และเสยผมไปมาอย่างหงุดหงิด
“หึ คราวนี้คุณก็จะโทษตาอีกแล้วใช่ไหม ว่าตาเป็นคนที่น่าเบื่อชวนทะเลาะกับคุณ ถ้าตาไม่รักตาจะพูดเหรอ ตาคงปล่อยคุณไปเงียบๆ แล้ว คงไม่ตามไปหึงหวงอยู่แบบนี้หรอก กี่เดือนกี่ปีแล้วที่เราไม่ได้ทำหน้าที่สามีภรรยากันเลย ถ้าคุณหมดรักตาแล้วจริง ๆ งั้นเราก็มาหย่ากันเถอะ หย่ากันไปให้มันจบ ๆ ตาเหนื่อยแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน พอกันที”
ลลิตาพูดไปและร้องไห้ไป เธอเลือกที่จะไม่มองหน้าของชายหนุ่มและเดินขึ้นห้องไปด้วยเสียงที่สะอื้นดังมาให้คนข้างล่างได้ยิน เธอตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่ได้รักกันแล้ว ก็หย่ากันไปเถอะ ไปทางใครทางมันดีซะกว่าอีก
กวินยืนนิ่งเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ลลิตาเอ่ยเรื่องหย่ากับเขา เป็นครั้งแรกที่เธอพูดแบบนี้ ตลอดมาทุกครั้งถึงแม้เขาจะทำตัวเหลวแหลกแค่ไหนลลิตาจะเป็นคนยอมให้เขาตลอด และจะเป็นฝ่ายเข้ามางอนง้อเขาทุกครั้ง เขารู้ต่อให้ทำตัวแย่แค่ไหนลลิตาก็ไม่มีทางไปไหนจากเขาได้ เพราะเธอรักเขา
แต่ตอนนี้หญิงสาวกลับพูดเรื่องหย่าด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจเป็นที่สุด ถึงแม้หล่อนจะร้องไห้แต่แววตาของเธอกลับนิ่งไม่ไหวติ่ง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอะไร ๆ มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ตาครับ กวินขอโทษ” กวินเดินเข้ามาภายในห้องที่ร่างบางนอนหันหลังให้บนเตียงพร้อมหลังที่สั่นไหวจากการร้องไห้
“ผมขอโทษที่รัก ผมขอโทษเรื่องปิ่นเธอเป็นแค่เลขาจริง ๆ ตาอย่าคิดมาก ผมยังรักตาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ผมขอโทษที่ผ่านมาทำตัวแย่ ๆ ตาอย่าพูดเรื่องหย่าอีกนะ เพราะกวินไม่เคยคิดเรื่องหย่ากับตาเลย”
“คนรักกันเขาไม่ปล่อยให้คนที่รักอยู่คนเดียวแบบนี้หรอกกวิน ทุกครั้งตายอมให้กวินตลอด ผ่านมากี่เดือนกี่ปีตาเคยเรียกร้องอะไรไหมก็เปล่าเลย เพราะตาคิดว่าคุณเหนื่อย ทุกครั้งตาจับได้ว่าคุณนอกใจ ตาก็ให้อภัยคุณตลอด แต่วันนี้ตาเห็นแม่เลขาของคุณส่งสายตาแบบนั้นให้คุณตาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร”
“ตา อย่าคิดมากนะ มันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ” กวินพยายามพูดปลอบและลูบแขนเล็กบอบบางอย่างอ่อนโยน
“ผมขอโทษที่ละเลยคุณไป ผมขอโทษจริง ๆ แต่ถึงผมจะมีอะไรกับใครข้างนอกยังไงผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นได้แค่นั้น เพราะตายังเป็นภรรยาคนเดียวของผม ยังไงคุณก็เป็นภรรยาของผม ผมรักคุณนะตา”
ลลิตานิ่งเงียบเธอจุกกับคำพูดที่ชายหนุ่มพูดออกมาเหลือเกิน กวินคนเดิมไปไหนแล้ว แล้วกวินคนนี้คือใครกัน เขาคิดว่าเธอจะใจกว้างยอมรับให้เขานอกใจและมีผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เรื่อย ๆ รึไงกัน
“นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้าคุณบอกว่ามีประชุมผู้ถือหุ้นไม่ใช่เหรอคะ”
“ครับ คืนนี้ผมขอนอนด้วยนะครับ ผมอยากนอนกอดคุณ”
“ค่ะ” เธอตอบรับทั้งน้ำตา ใจของเธอมันรักเขาไม่เคยเสื่อมคลาย ยอมฝืนทนจนเหมือนคนโง่ แต่เธอยังคงเลือกโง่ต่อไป เพราะชีวิตนี้คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา
ทั้งที่เป็นวันที่เธอเฝ้ารอให้เขามานอนกอดแบบนี้ แต่ทำไมใจของเธอถึงเจ็บ มันควรที่จะสุขสิ แต่กลับกันเธอเจ็บปวดไปยันถึงกระดูก เพราะเขาเห็นเธอเป็นของตายใช่ไหม
กวินเดินเข้าประชุมด้วยใบหน้าที่เบิกบาน เพราะตื่นมาก็เห็นลลิตาคนเดิมที่คอยเอาอกเอาใจทำอาหารไว้รอให้กินก่อนไปทำงาน เหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะแบบนี้เขาจึงชอบลลิตามาก เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ต้องคอยตาม พอตนได้พูดหรืออธิบายให้หล่อนฟัง ลลิตาจะเข้าใจและหยุดการกระทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ และวันนี้ก็เช่นกันเธอยังคงเป็นลลิตาของเขาวันแรกเธอเป็นยังไง ปัจจุบันเธอยังคงเหมือนเดิม
“สวัสดีค่ะ รู้สึกวันนี้คุณกวินจะอารมณ์ดีกว่าทุกวันนะคะ” ปิ่นอนงค์จงใจเดินเข้ามาถามและกระซิบที่ข้างหูอย่างยียวน
“คุณปิ่นอนงค์ครับ ผมว่าคุณชักจะล้ำเส้นไปแล้วล่ะครับ” กวินพูดเสียงราบเรียบและตวัดสายตามองปิ่นอนงค์อย่างน่ากลัว
“คุณกวินพูดอะไรคะ คุณชอบให้ปิ่นเอาใจแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“เมื่อก่อนอาจใช่ แต่เมื่อคืนคุณล้ำเส้นไป”
“ล้ำเส้นยังไงคะ ทั้งที่เมื่อวานตอนเย็นคุณเป็นคนบอกให้ปิ่นมางานเองนะคะ”
“ครับ ผมอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ที่เรียกให้คุณมา แต่ที่ผมเรียกมาเพราะเรื่องงานจริง ไม่ใช่เพราะเรื่องอย่างอื่น แต่เมื่อคืนคุณล้ำเส้นเกินไป จนทำให้ภรรยาของผมไม่พอใจ”
“นี่คุณไม่คิดจะหย่ากับภรรยาของคุณเหรอคะ” ปิ่นอนงค์หน้าซีด แสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วทำไมผมจะต้องหย่ากับภรรยาที่เพียบพร้อมของผมด้วยละครับ คุณปิ่นอนงค์”
“คุณกวิน!!” ปิ่นอนงค์ขึ้นเสียงแต่เห็นสายตาตวัดมองเธออย่างไม่พอใจจึงเงียบเสียงหลง
“ถ้าคุณยังไม่อยากหางานใหม่ เชิญไปเตรียมของว่างมาเสิร์ฟที่ห้องประชุมด้วยครับคุณปิ่น”
“ค่ะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ก้มหน้าและทำตามที่เจ้านายสั่ง
ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง
“ตาอย่าร้องไห้ไปเลย” พริ้งพลอยหยิบทิชชูมาซับหยดน้ำตาออกจากใบหน้าเพื่อนสนิท
“ฉันเจ็บมากเลยพลอย รู้ว่าเจ็บแต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทนเจ็บอยู่แบบนี้เหมือนคนโง่อยู่ทำไม”
“เพราะแกรักเขายังไงล่ะตา” พริ้งพลอยพูดอย่างเห็นใจ และรู้สึกโกรธกวินเป็นอย่างมาก ลลิตาแสนดีแบบนี้เขากล้าทำได้ยังไง
“เมื่อคืนฉันขอหย่ากับเขาแล้ว”
“ตาแกพูดอะไร เรื่องหย่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แล้วคุณกวินยอมเหรอ”
“ไม่ยอมนะสิ เขาไม่อยากหย่ากับฉันแล้วเขาไปมีคนอื่นทำไม”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“เลขาของเขา”
“อืม อีกแล้วเหรอ”
“ใช่ ถึงแม้เขาไม่บอกว่าเป็นผู้หญิงคนนั้น แต่ฉันก็รู้แหละว่าเป็น พยายามทำตัวโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น ใครไม่รู้ก็โง่เกินไปแล้ว”
“ตาแกอย่ายอมนะ ยังไงบริษัทก็เป็นของแกด้วยครึ่งหนึ่ง และอย่าลืมว่าแกถือหุ้นเยอะที่สุดในองค์กร”
“ฉันรู้พลอย แต่ฉันไม่ได้ทำงานมานานแล้วนะ” ใช่เธอหยุดทำงานมานานแล้วเพราะกวินไม่ให้เธอไปทำ แค่อยากให้เธออยู่บ้านคอยดูแลเอาใจเขาก็พอ
“มันผ่านมา 5 ปีแล้วตา ที่กวินพูดแบบนั้น ตอนนั้นกับตอนนี้มันเหมือนกันที่ไหน ถ้าตอนนี้เขาแคร์ความรู้สึกแกก็ดีสิ เธอต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วนะ อย่าลืมว่าเธอเองเป็นประธานบริษัท และกวินเป็นแค่ CEO นะตา ยังไงเธอก็เป็นเจ้าของตัวจริงถึงแม้กวินจะบริหารในปีที่ผ่าน ๆ มาก็เถอะ”
ใช่เธอเป็นประธานก็จริงแต่มอบอำนาจทุกอย่างให้กับกวินไปแล้ว และเธอเองก็ลืมวิชาบริหารไปหมดแล้ว ตั้ง 5 ปีที่เธอไม่ได้เข้าไปบริหารเลย เพราะกวินบอกจะทำทุกอย่างให้เอง
“วันนี้กวินบอกมีประชุมผู้ถือหุ้น”
“ไม่ได้การแล้ว ถ้าเป็นอย่างงั้นเธอก็ควรรีบไปเลยตา” พลอยรีบดึงมือให้เพื่อนออกจากคาเฟ่และมุ่งไปที่บริษัททันที
“แลกบัตรด้วยครับ”พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบเข้ามากันไม่ให้สองสาวเข้าด้านใน พริ้งพลอยทำท่าจะวีนอีกครั้งเมื่อลูกน้องไม่รู้ว่าผู้หญิงข้าง ๆ เธอคือประธานบริษัท เจ้าของบริษัทตัวจริงที่เซ็นอนุมัติเงินเดือนให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษาความปลอดภัยคนนี้“ทำไมคุณผู้หญิงท่านนี้ต้องแลกด้วยล่ะครับ เพราะเธอเป็นประธานบริษัทสามารถเข้าออกได้ตามที่ต้องการ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลัง“คุณภาคิน” ลลิตาเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบา“เออ ขอโทษครับ ผมคิดว่าคุณกวินเป็นประธานครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าซีดลงอย่างน่าสงสารที่เขาทำไปเพราะความปลอดภัยขององค์กรเท่านั้น“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะมันเป็นหน้าที่ของคุณฉันเข้าใจดี และขอบคุณที่เอาใจใส่ดูแลองค์กรมาเป็นอย่างดีนะคะ” ลลิตายิ้มให้อย่างอ่อนโยน และหยิบบัตรขึ้นมาแตะให้ประตูไม้กั้นเปิดออก“ก่อนที่คุณจะมาทำงานคุณควรอ่านประวัติให้ดี ๆ ก่อนนะครับ” ภาคินพูดเสียงราบเรียบ แต่สายตากับเย็นชา“ครับ ผมขอโทษครับ”ภาคินเหลือบมองด้วยสายตาที่เย็นลงเล็กน้อย และเดินตามสองสาวเข้าไป เพราะวันนี้เขาเองก็ต้องเข้าประชุมเช่นกัน“ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณกวินประชุ
“ตาเรามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”เมื่อกลับมาถึงบ้านกวินรีบจับแขนเล็กของลลิตาให้หยุดคุย เมื่อเห็นเธอเดินเร็ว ๆ ไม่ได้สนใจเขาอย่างที่เคย“กวินจะคุยอะไรคะ” เธอหันมาเผชิญหน้าและยิ้มให้แบบที่ยิ้มให้เขาอยู่ทุกวัน แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นเธอกำลังเจ็บปวดเหลือเกิน“ทำไมอยู่ดี ๆ ตาถึงอยากกลับมาทำงาน”“คือบริษัทเป็นของตา แล้วตาจะเข้าไปทำงานไม่ได้เหรอคะกวิน”“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ผมเคยบอกตาแล้วไงว่ากวินชอบผู้หญิงเรียบร้อยไม่ชอบให้ทำงาน แค่อยู่ดูแลบ้านเป็นภรรยาที่ดีรอกวินกลับมาบ้านเท่านั้นเองที่กวินต้องการ”“อ๋อ สงสัยตาจะเรียบร้อยเกินไป ถึงรอผัวกลับมาบ้านแต่ไม่เห็นผัวยักจะกลับมา เพราะมัวไปอยู่บ้านเล็กบ้านน้อยอยู่”“ตา คุณเริ่มอีกแล้วนะ ผู้หญิงพวกนั้นผมเลิกไปหมดแล้ว”“เหรอคะ แต่สิ่งที่ตาเห็นคือแม่เลขาของคุณยังอยู่ดีนี่คะ”“ปิ่นอนงค์กับผมไม่ได้เป็นอะไรกันเลยตา เธอเป็นแค่เลขาที่ทำงานดีเท่านั้นเอง”“อ๋อทำงานดี ทำดีมากจนถึงขั้นไปซื้อคอนโดให้กันเลยเหรอกวิน” เธอตั้งใจจะเก็บเงียบในสิ่งที่รู้มา แต่เขายังเลือกที่จะโกหกเธอต่อไปเธอเองก็ไม่ควรเงียบและโง่อยู่แบบนี้“ตานี่คุณสืบเรื่องของผมเหรอ”“ค่ะ ในเมื่อค
“พี่สะใภ้ยินดีต้อนรับกลับมาทำงานนะครับ” ภาคินเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้องทำงานและยิ้มกว้างเจือไปด้วยความอบอุ่นมาให้แบบที่เขาชอบทำ ไม่ว่าจะผ่านมากี่เดือนกี่ปีเขาก็ยังคงเป็นภาคินที่อ่อนโยน และคอยเอาใจใส่ต่อคนอื่นอยู่เสมอ“เรียกลลิตาเหมือนเดิมก็ได้นะคุณภาคิน เมื่อก่อนก็เรียกตาเฉย ๆ นิ” หล่อนยิ้มหวานและรับช่อดอกไม้มาถือ เป็นช่อดอกกุหลาบสีชมพูแบบที่เธอชอบ“เพราะคุณแต่งงานกลับพี่ชายผมไง ผมถึงต้องมาเรียกว่าพี่สะใภ้มันเป็นความผิดของคุณคนเดียวเลย” ภาคินแหย่เล่นและยิ้มไปด้วย แต่ลลิตากลับทำหน้าเศร้า“คงงั้นมั้งค่ะ คงเป็นความผิดของตาจริง ๆ” ลลิตาเสียงเศร้าและใบหน้าหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิตา คุณไม่เหมาะกับใบหน้าแบบนั้นเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกและเอามือมาลูบแก้มเนียนทั้งสองข้างลลิตานิ่งเหมือนคุ้นเคยกับสัมผัสแบบนี้มาก่อน เธอมองหน้าของภาคินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสามีอย่างงุนงง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไม่แพ้กับกวินเพราะทั้งสองเป็นแฝดกัน ถ้าภาคินไม่ไปย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาลออกทองเธอเองก็ยากที่จะดูออกว่าใครเป็นใคร“มองผมแบบนี้อยากพูดอะไรเหรอ” ภาคินยิ้มละมุนและลูบแก้มเนียนของหญิงสาวไปมาเหมือน
“ใช่ค่ะตาเอง กวินเป็นอะไรรึเปล่าเหงื่อถึงได้ออกมาเยอะขนาดนี้”“เปล่าหรอกครับ สงสัยมื้อกลางวันกินเยอะเกินไป” กวินตอบปัดไปและจับหัวของปิ่นอนงค์ให้อยู่นิ่งเมื่อเธอยังคงขยับไม่ยอมปล่อย“แน่ใจนะคะว่าคุณโอเค”“ครับ สักพักเดี๋ยวมันก็หายแล้ว ตามีอะไรรึเปล่าครับ”“พอดีตาเห็นงบประมาณมันแปลก ๆ คุณลองตรวจสอบอีกรอบได้ไหม ตัวเลขมันคลาดเคลื่อนไป”“เรื่องแค่นี้เอง คุณให้เลขาของคุณมาบอกก็ได้ จะเดินมาให้เหนื่อยทำไม”“นี่มันเรื่องใหญ่นะกวิน อีกอย่างไม่ได้อยู่ไกลกันเลยลงมาแค่ชั้นเดียวก็ถึงแล้วนี่ค่ะ”“ตาครับผมอยากทำอะไรบางอย่าง” กวินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและบีบแก้มปิ่นอนงค์แน่นและใช้สายตาให้เธอหยุด ปิ่นอนงค์ถึงยอมหยุดเพราะรู้ว่าเขากำลังโกรธแล้ว“อยากทำอะไรคะ”“ผมนึกถึงช่วงเวลาที่เราเคยมีด้วยกันในห้องนี้ คุณจำได้ไหม” เสียงแหบพร่าเอ่ยกระเส่าและลุกเดินออกมา ลลิตาถึงได้เห็นว่าแก่นกายของเขามันผงาดชูให้เห็น“เออ กวินนี่คุณมีอารมณ์เหรอ” ลลิตาพูดอย่างเขินอาย ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่โอเคกับสัมผัสจากเขา แต่พอเธอได้มาเห็นจริง ๆ กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยหรือเป็นเพราะว่าเธอรักเขากันนะ“ใช่ครับ พอผมได้ยินเสียงคุณก็มีอาร
หลายวันผ่านมาแล้วที่ลลิตาได้กลับเข้ามาทำงาน อย่างแรกเลยที่เธอเห็น พนักงานที่นี่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะลูกน้องระดับล่างมักคิดว่ากวินเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ แต่เปล่าเลยเธอต่างหากที่เป็นเจ้าของตัวจริงที่ครอบครัวของเธอเป็นคนริเริ่มก่อตั้งบริษัทนี้มาด้วยน้ำมือของพวกท่านเองเธอโชคดีที่ได้เรียนรู้งานมาจากพ่อ ตอนนั้นเธอยังเด็กมากแต่ถึงเด็กยังไงเธอก็ยังสามารถทำงานออกมาได้ด้วยดีจนกระทั่งตอนเรียบจบ และเข้ามาทำงานที่บริษัทได้แค่ครึ่งปี พ่อกับแม่ได้ด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุครั้งใหญ่ครั้งนั้น ตอนนั้นเธอมืดแปดด้านไปหมดเพราะฟื้นขึ้นมาพวกท่านทั้งสองก็ไม่อยู่แล้ว แม้กระทั่งศพของพวกท่านเธอไม่ได้เห็นด้วยซ้ำไป เพราะหมดสติไปเป็นอาทิตย์ แต่เธอยังสามารถประคับประคองบริษัทที่พ่อเป็นคนสร้างด้วยมือของท่านเองได้ ถึงแม้จะมีผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ อยากจะเข้ามาชุบมือเปิบเป็นของตัวเองก็ตามแต่ทุกอย่างเริ่มคลี่คล้ายเมื่อได้กวินเข้ามาช่วยเหลือ เขาอาสาเข้ามาดูแลให้ เพราะที่บ้านของกวินเองก็เป็นนักธุรกิจ และเพราะเป็นแบบนั้นเธอกับเขาถึงได้แต่งงานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่บริษัทก็ยังเป็นของเธอ เพราะเธอยังถือหุ้นเหนือกว่าทุก
เช้ามาลลิตาเข้ามาทำงานปกติหลังจากเมื่อคืนไปส่งกวินที่สนามบิน“สวัสดีค่ะคุณลลิตา”ลลิตาเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นเลขาสามีของเธอ หล่อนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ราบเรียบไม่แสดงอารมณ์รู้สึกใด ๆ“คุณปิ่นอนงค์ ต้องการจะพูดอะไรคะ”“คุณเชื่อว่าสามีของคุณบินไปดูงานจริง ๆ เหรอคะ”“คุณเป็นเลขาของเขาก็น่าจะรู้ดีกว่าไหม” ลลิตาตอบเสียงราบเรียบโดยไม่ได้สนใจ และเตรียมจะเดินเข้าไปที่ห้องของตน“ถ้าฉันรู้แล้วจะมาถามคุณไหมล่ะ เพราะงานนั้นเป็นงานเก่าที่ฉันไม่ได้รับผิดชอบ”“รู้สึกคุณจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉันนะ ทั้งที่ฉันเป็นภรรยาของเขา” ลลิตายิ้มมุมปาก“ปิ่นแค่ถามด้วยความเป็นห่วงเท่านั้นเองค่ะ” เมื่อรู้ว่ากำลังล้ำเส้นปิ่นอนงค์จึงทำเสียงอ่อนลง“เหรอคะ เป็นห่วงในฐานะไหนเหรอคะ คุณปิ่นอนงค์” ลลิตายิ้มเหยียดและกระตุกยิ้มเมื่อเห็นแม่เลขาหน้าซีดลงปิ่นอนงค์นิ่งเพราะเพิ่งมารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่น่าจะธรรมดา ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นคนหัวอ่อนแต่ดูแล้วน่าจะไม่ใช่“ปิ่นก็ต้องเป็นห่วงในฐานะเลขาอยู่แล้วสิคะ”“เหรอคะ คิดว่าเป็นห่วงในฐานะอีตัวซะอีก”ปิ่นอนงค์หน้าชาไม่คิดว่าลลิตาจะด่าได้เจ็บแสบขนาดนี้ เพราะดูหล่อนเหมือนเป็
สวบ สาบ!เสียงการเคลื่อนไหวดังให้ได้ยิน จึงทำให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่นั้นรู้สึกตัวตื่น กำลังจะกรี๊ดด้วยความตกใจแต่เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน“ขอโทษครับที่ทำให้ตาตื่น ผมไม่อยากเปิดไฟเห็นคุณกำลังหลับสบาย”“กวิน!”“ครับ ผมเอง” เสียงทุ้มขานรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มันเป็นรอยยิ้มเหมือนในรูปที่เธอนอนกอดร่างเล็กรีบพุ่งเข้าไปกอดเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน มันทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว ไหนเขาบอกไปญี่ปุ่นแล้วทำไมถึงได้กลับมา“ไหนคุณบอกไปทำงานไงคะ ทิ้งงานแล้วกลับมาเหรอ”“พอดีภาคินขึ้นไปแทนแล้วให้ผมกลับมานะครับ มันคงไม่อยากให้ผมพลาดงานฉลองครบรอบวันแต่งงานของเราล่ะมั้ง”“คูณโอเคจริง ๆ ใช่ไหมคะ ที่กลับมา” เธอรู้สึกเป็นกังวลแทน เพราะภาคินต้องมาเดือดร้อนไปทำงานแทน“ที่รักไม่ต้องเป็นห่วงเลย รักมันจัดการได้” รอยยิ้มอันอ่อนโยนยิ้มส่งมาให้ และลูบแก้มเนียนแผ่วเบา แววตาของเขาสั่นระริกเล็กน้อย“ที่ตาโทรหาคุณแล้วไม่รับสายเพราะกำลังบินกลับมาหาตานี่เอง”“ใช่ครับ ผมอยากกลับมาเซอร์ไพรส์ตา ดีใจไหมที่เห็นผม”“ดีใจสิคะ ดีใจมาก” เธอบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น “คุณเปลี่ยนน้ำหอมเหรอ
ร่างเล็กพลิกตัวไปมาในอ้อมกอดอันอบอุ่น เธอคลี่ยิ้มออกมาด้วยความสุขที่เช้าตื่นมาแล้วเขายังไม่ได้หายไป เขายังคงนอนกอดเธออยู่ด้วยวงแขนอันแข็งแกร่งของเขา เมื่อคืนเธอหลงคิดว่าเป็นความฝันแต่ตอนนี้เธอดีใจมากที่มันเป็นความจริงร่างหนาเริ่มรู้สึกตัวเมื่อคนตัวเล็กในอ้อมกอดขยับเข้ามาซุกที่อกกว้างของตน เวลาตื่นนอนหญิงสาวยังคงน่ารักไม่เปลี่ยน ทุกการกระทำของเธอในสายตาของเขามันน่ารักไปเสียหมด“อรุณสวัสดิ์ครับภรรยาคนสวยของผม”“อรุณสวัสดิ์ค่ะกวิน” รอยยิ้มน่ารักคลี่ยิ้มออกมาและเข้ามาจูบที่คางสากของเขาอย่างแผ่วเบา“หิวไหม”“ค่ะ หิวมากเลย”“คุณไปอาบน้ำก่อนนะ ผมจะไปเตรียมอาหารให้” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยบอกพร้อมกับอุ้มหญิงสาวขึ้นเดินไปส่งในห้องน้ำ และไม่ลืมประทับจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มใบหน้าสวยเห่อแดงซ่านหัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เธอมาใจเต้นแรงให้กับสามีอีกครั้งที่ไม่ได้เต้นแบบนี้มานานแล้ว มันใจเต้นแรกมากเหมือนกับคืนแรกที่ส่งตัวเข้าห้องหอเลย“ขอให้คุณเป็นแบบนี้ไปตลอดด้วยนะคะกวิน” มือเล็กขึ้นมาทาบตำแหน่งหัวใจของตัวเองและหลับตาพริ้มเพื่อให้คำอธิษฐานเป็นจริงกลิ่นอาหารลอยโชยเข้าจมูกเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เธ
“แฮ่ก แฮ่ก ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ”เสียงผู้หญิงร้องเรียกให้ช่วยดังแว่วมาให้ได้ยินแต่ไกล ร่างสูงที่นั่งทอดสายตามองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมีดาวขึ้นให้เห็นประปราย เพราะอยู่ในเมืองกรุงแสงไฟสว่างทำให้เห็นดาวบนท้องฟ้าค่อนข้างยาก มีแค่ที่นี่แห่งเดียวที่ทำให้เขาเห็น แต่ตอนนี้กับมีเรื่องเข้ามาขัดอารมณ์อยากจะนั่งเงียบๆ ให้สมองผ่อนคลาย แต่กลับมามีเรื่องเสียอารมณ์ซะได้ร่างสูง 193 เซนติเมตรลุกขึ้นยืนและฟังเสียงขอให้ช่วยว่าดังมาทางไหน เมื่อรู้ว่าดังมาแถวที่เปลี่ยวจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปดูอย่างรีบร้อน“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ลุงจะเอาอะไรก็เอาไปเลย แต่ปล่อยฉันไปได้โปรด”“ปล่อยให้โง่ดิว่ะ ไม่รู้รึไงว่ากูอดทนรอดูมึงมาตั้งนาน วันนี้แหละมึงต้องเป็นของกู อยู่นิ่ง ๆ ไม่เจ็บไม่ปวดหรอกกูจะส่งมึงไปสบาย” เสียงพูดแหบแห้งที่ดูวิกลจริตเอ่ยออกมาด้วยดวงตาที่เบิกโพลงเพราะกำลังเมาฤทธิ์ยาเสพติดที่เสพเข้าไปก่อนหน้า“ไม่! ปล่อยฉัน” ลลิตากระเสือกกระสนคลานหนีแต่ก็หกล้มจนหัวเข่าเจ็บไปหมด เจ็บจนลุกขึ้นวิ่งต่อไม่ได้ หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแค่ออกมานั่งสวนสาธารณะแค่นี้จะเป็นที่ต้องตาพวกวิกลจริตได้ และไม่เค
หลังจากงานฌาปนกิจจบไปได้อาทิตย์หนึ่ง ลลิตากลับเข้าบริษัทอีกครั้งและจัดการไล่ทุกคนออกที่เป็นคนของกวิน และเรียกพนักงานชุดเก่ากลับมา ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ที่ไม่พอใจพอได้ยินเธอยื่นคำขาดถ้าไม่พอใจก็เชิญออกไปเธอจะซื้อหุ้นที่เหลือเอง ทุกคนถึงได้เงียบและทำหน้าที่ของตนต่อไปโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมครับตา” มือหนาจับมือเรียวของลลิตาขึ้นมาแนบแก้ม ที่หญิงสาวเรียกตนเข้ามาคุย“ค่ะตาคิดดีแล้ว ไหน ๆ บริษัทก็อยู่รอดเพราะคุณ ตาจะให้คุณดูแล และยกหุ้นบริษัทให้”“ผมไม่เอาหรอก ผมจะดูแลบริษัทแทนตาให้ ผมจะอยู่รอจนกว่าคุณจะกลับมา ผมไม่สนใจเปอร์เซ็นต์หุ้นอะไรทั้งนั้น ขอแค่ตากลับมาก็พอ กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง”“ตาไม่ได้มาขอให้คุณหย่าซะหน่อยนะคะภาคิน” ลลิตาหัวเราะเมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าเศร้าเหมือนคนจะร้องไห้“ภาคินเข้าใจ แต่ผมทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะไม่ได้เจอตาอีกครั้ง แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของคุณ ที่อยากกลับไปทบทวนและให้เวลากับตัวเอง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจตา”“ตามั่นใจใช่ไหมว่าคุณจะกลับมาหาผมอีกครั้ง”ภาคินพูดเสียงสั่น เขาใช้เวลาตั้งหลายปีที่จะได้กลับมาอยู่ข้าง ๆ เธอแบบนี้อีกครั้ง แต่ตอนนี
“พลอยเธอทำแบบนี้ทำไม” ลลิตาเป็นฝ่ายถาม เพราะตอนนี้ภาคินกำลังเข้าไปดูกวินแทน“เธอไม่โกรธไม่เจ็บใจบ้างเหรอตา หรือโง่จนไม่รู้สึกอะไรแล้ว” พริ้งพลอยพูดพลางหัวเราะเหมือนคนไร้สติ“โกรธสิ เกลียดสิ แต่ต่อให้โกรธให้เกลียดยังไงฉันก็ไม่มีทางเลือดเย็นเหมือนเธอได้หรอกพลอย เพราะเธอเองก็หักหลังฉันได้อย่างเลือดเย็นเหมือนกัน”“ยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเธออยู่อีกเหรอ แต่ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อนเลยนะ รู้ไหมว่าที่ผ่านมาฉันต้องเล่นบทตีสองหน้ามันทรมานแค่ไหน แกจะรู้บ้างไหม อีเวรเอ๊ย กูเกลียดมึงจริง ๆ มีดีอะไรตรงไหนใคร ๆ ถึงได้รัก ไม่เห็นมีดีอะไรเลยสักอย่าง”“มีดีที่ฉันมีความเป็นคนมากกว่าเธอไงพลอย”“ฮ่า ฮ่า ความเป็นคนเหรอ ฉันจำได้นะว่าเธอพาฉันบุกไปตบพวกผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับผัวเธออยู่เลยไม่ใช่เหรอ ช่างกล้าพูดว่าความเป็นคน มันยังมีอยู่อีกเหรอว่ะตา”“พูดใหม่ได้นะว่าใครพาใครไปตบ ฉันจำได้ว่าเธอเป็นคนลงมือเองทุกอย่าง เธอบอกให้ฉันไม่ต้องทำอะไรเธอจะทำเองไม่ใช่เหรอ พอมาถึงตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้โกรธแทนฉันได้ขนาดนั้น เพราะกวินเป็นผัวเธอนี่เอง”ลลิตานึกถึงเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้วที่พอมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับก
“กวินคุณทำอะไรกับพลอย”“เธอเพิ่งกินยาขับเลือดเข้าไป” ชายหนุ่มพูดบอกด้วยใบหน้าราบเรียบไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณนะคะ” เสียงสั่นเอ่ยบอก และน้ำเสียงเริ่มขาดห้วงเมื่อเธอรู้สึกว่ามีของเหลวเริ่มไหลลงที่ตามเรียวขา“ลูกของฉันต้องเกิดมาจากลลิตาเท่านั้น”“ตลกไปหน่อยไหมคะ คุณจะบอกว่ารักมันยังงั้นเหรอ”“ใช่ฉันรักลลิตา แม่ของลูกฉันต้องเป็นลลิตาเท่านั้น”“แล้วพลอยล่ะ เป็นอะไรสำหรับคุณ” เธอถามทั้งน้ำตา และเริ่มดิ้นไปมาเมื่อรู้สึกปวดท้องเหลือเกิน ปวดมาก ปวดจนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว“เธอก็แค่ที่ระบายความเงี่ยนเท่านั้นแหละ”“กวินคุณใจร้ายมากเลย” พริ้งพลอยอึ้งเธอไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายได้ขนาดนี้ ฆ่าได้แม้แต่กระทั่งลูกของตัวเอง“ถ้าไม่อยากตกเลือดตายก็คลานไปหาหมอซะล่ะ”“กวินคุณมันไอ้สารเลว โอ๊ย ฮึก ช่วยด้วย ช่วยฉันที”เธอนอนบิดตัวไปมาและโกรธแค้นอยากจะฆ่าชายหนุ่มนักที่เขาเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่สักนิดเดียว เธอจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมาช่วยเหลือแทน เพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่ไหวแล้ว เนื้อตัวหนาวสั่นเทาและปวดท้องเหลือเกิน ปวดเข้าไปจนถึงกระดูก เหมือนจะตายให้รู้แล
“ภาคิน คุณปล่อยให้เมียคุณมีสองผัวแบบนี้ได้ยังไง”“ผมขอโทษ ผมจะไม่แก้ตัวอะไรใด ๆ ทั้งสิ้นครับตา”“คุณเป็นคนโง่ไม่เคยเปลี่ยนเลย โง่เพราะคุณดีเกินไป ถึงได้โดนคนอื่นตลบหลังแบบนี้”ภาคินนิ่งเงียบพร้อมน้อมรับผิดทุกอย่าง และพร้อมจะทำตามความต้องการของหญิงสาวถ้าเธออยากจะให้เขาทำอะไร เขายินดีทำให้หมดทุกอย่าง“มานี่มา” แขนเรียวอ้าออกกว้างเรียกให้สามีเข้ามาในอ้อมกอด สามีคนที่เธอรักสุดหัวใจ“ตา”น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเต็มอาบหน้า นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ร่างสูงพุ่งตัวเข้าไปกอดภรรยาสุดที่รักที่เขานั้นคิดถึงจนสุดหัวใจ กอดแน่นกระชับอยู่ในอ้อมกอดและปล่อยเสียงสะอื้นออกมา“เลิกขี้แยได้แล้ว ตารู้ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และรู้ว่าคุณทำอะไรเพื่อตาบ้าง ขอบคุณที่กลับมาหาตาและไม่ทิ้งตาไปไหน ขอบคุณที่ทนอยู่ข้าง ๆ ตา ถึงแม้ตาจะจำคุณไม่ได้ คุณคงเจ็บปวดใจมากเลยสินะ ใช่ไหมภาคิน” ลลิตาพูดเสียงอ่อนโยนและลูบผมชายหนุ่มแผ่วเบาเมื่อเขาซุกอยู่ที่อกของเธอ“ไม่เป็นไรเลย ตอนนั้นแค่ผมได้อยู่ใกล้ตา จะอยู่ที่ไหนสถานะไหนผมก็ไม่เกี่ยงแค่ขอให้ได้อยู่ใกล้ ๆ คุณก็พอแล้ว”“ใบทะเบียนสมรสใบจริงอยู่ไหนคะ”“อยู่ที่ผมครับ ผมซ่อนมันเอาไ
เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามาให้ได้ยินเล็กน้อย เมื่อลลิตาลืมตาตื่นขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าเธอนั้นรู้สึกเจ็บหัวมาก เจ็บจนแทบอยากจะอาเจียนออกมาเผื่ออาการปวดมันจะทุเลาลงบ้าง“ใครอยู่ตรงนั้น ช่วยตาที ตาปวดหัวเหลือเกิน” ยิ่งปวดมากเท่าไรความทรงจำต่าง ๆ ยิ่งผลุดเข้ามาราวกับดอกเห็ด“ผมเรียกหมอให้แล้วครับตา ทนหน่อยนะ”ลลิตาเงยหน้ามองจึงเห็นเป็นกวินกับภาคินที่ยืนเฝ้าเธอไม่ห่าง ทั้งสองส่งสายตาห่วงใยออกมาให้เห็น“กวินเหรอคะ”“ใช่ครับ กวินเอง สามีของคุณเอง” กวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวยังจำเขาได้ จึงหันมายิ้มเยาะให้กับภาคินที่ทำหน้าสลดลง และผลักให้ภาคินหลบออกไปและคว้ามือเรียวเข้ามากุมไว้แทน“ตาปวดหัว”“หมอกำลังมาแล้วครับ อดทนหน่อยนะคนดี” กวินพูดเสียงทุ้มและดึงร่างบางเข้ามากอด“ญาติคนไข้ช่วยออกไปรอข้างนอกหน่อยครับ หมอขอตรวจอาการคนไข้สักครู่”“หึ มึงเห็นแล้วใช่ไหม ว่าเมียกูยังจำได้ว่ากูคือสามี มึงมันก็แค่คนนอก หัดสำเหนียกและออกจากชีวิตกูกับตาไปได้แล้ว”“ออกไปให้มึงทำร้ายตาอีกนะเหรอว่ะ มึงยังมีสำนึกอยู่ไหม ตอนได้เขาไปครอบครองแทนที่จะทำดีด้วย เสือกปล่อยปละละเลย แล้วไปกกกับอีตัวทั้งหลายแลของมึงนะเหรอกวิน”“กูไ
หลายวันมานี้ลลิตาทำได้เพียงขังตัวเองอยู่ในห้อง เพราะเธอไม่พร้อมเจอใครจริง ๆ มันเป็นเพราะความทรงจำบ้า ๆ ที่หายไป ถึงได้ทำเหมือนเธอเป็นคนโง่ที่เชื่อใจคนได้ง่ายขนาดนี้ เพราะแบบนี้ถึงได้โดนคนอื่นชักจูงเหมือนวัวตัวหนึ่ง แถมเธอยังกินหญ้ามานานเสียด้วยซ้ำ กินมานานจนโง่ได้ถึงขนาดนี้ กว่าจะรู้ตัวก็โดนสวมเขาโดนหลอกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร“หึ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเวทนาตัวฉันเองซะจริง ๆ”หล่อนหัวเราะขำตัวเองเหมือนคนสิ้นไร้สติ หัวเราะอยู่แบบนั้นสักพัก พอได้สติถึงเดินไปหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาดูอีกครั้ง เธอมาพิจารณาดูรูปผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอ อีกคนเป็นกวิน อีกคนเป็นภาคิน เธอนั่งจ้องหาสิ่งผิดปกติแต่เขาสองคนกลับเหมือนกันอย่างกับแกะ ยกเว้นแค่นิสัยที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด“แล้วทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้สักอย่าง เฮงซวยจริง ๆ เลย” เธอโมโหตัวเองเหลือเกิน เธอเชื่อถ้าความทรงจำกลับมาเธอต้องแยกออกแน่ว่าใครเป็นใคร และใครกันแน่ที่โกหกครืด ครืด!!หยุดคิดอะไรที่น่าปวดหัวไปสักพักเมื่อมีข้อความส่งเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนสารเลวของเธอเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแสร้งว่ารักเธอ แสร้งว่าห่วงใย แต่ที่ไหนได้เป็นคนที่พร้อ
“ตา!!”“ภาคิน ฮึก”ตอนแรกเธอตั้งใจจะร้องไห้ไม่ให้คนอื่นเห็น แต่พอมาถึงบ้านกลับมีภาคินยืนรอเธออยู่ตรงหน้าประตู“มาหาผมสิ” เสียงทุ้มอ่อนโยนที่หล่อนมักได้ยินตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เศร้า สุข เขามักจะยืนอยู่ข้าง ๆ“ฮึก ฮื่อ เขาใจร้ายมากเลย กวินเขาใจร้ายมาก เพื่อนก็สารเลว พวกเขาทำแบบนั้นกันได้ยังไง”ร่างเล็กวิ่งเข้ามากอดและซุกหน้าเข้าที่อกแกร่งร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจที่สุด ภาคินรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจมากขนาดไหนจึงกอดหล่อนแน่นขึ้นและอุ้มพาเข้าบ้านเขานั่งเฝ้าเธอจนหล่อนผล็อยหลับไป มือหนาเอื้อมมาปัดไรผมออกและจูบที่หน้าผากมนอย่างแผ่วเบา“ออกไปให้ไกลจากเมียกู” เสียงกราดเกรี้ยวคำรามออกมาเมื่อกวินรีบออกมาจากโรงแรมโดยเร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว เพราะมีแมวจ้องมาขโมยอยู่ตรงหน้า“ช่างกล้าพูดว่าเป็นเมียมึง มึงไม่อายปากบ้างเหรอว่ะ ไอ้พี่ส้นตีน” ภาคินพูดเสียงลอดไรฟันเต็มไปด้วยความโกรธ“เหอะ! มึงก็เหี้ยไม่ต่างกันหวังจ้องจะเคลมเมียพี่” กวินเหยียดยิ้มมองไปที่น้องชายที่เกลียดแสนเกลียด“ถุย! พึ่งรู้เหรอว่ามีเมีย กูเห็นมึงวิ่งร่านเสียบคนนู้นทีคนนั้นที ไอ้เศษสวะเอ๊ย”“ถุย! กูเศษสวะมึงก็เศษสวะเหมือนกันไอ
‘แต่งงานกับผมนะครับตา’‘ค่ะ ตารักคุณและต้องการแต่งกับคุณเท่านั้น....’โครม!!“กรี๊ด!!”ลลิตาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตกใจเมื่อในความฝันเธอตกลงแต่งงานกับกวิน แต่ทุกอย่างที่กำลังผ่านพ้นไปได้ด้วยดีกับมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญคือมีรถพุ่งเข้ามาขับชนเธอ ในเหตุการณ์นั้นเธอนอนเลือดไหลอาบเป็นทางยาว เธอไม่รู้ว่าเป็นยังไงต่อเพราะตื่นขึ้นมาเสียก่อนมือบางเล็กยกขึ้นมาทาบอกด้านซ้ายที่ใจเต้นโครมครามไม่หยุด มันเต้นเร็วมากมันเหมือนเป็นความจริงเลย“ตาครับ ตา!!” เสียงทุ้มเรียกและสะกิดที่ไหล่มนเมื่อเรียกตั้งหลายครั้งแต่หญิงสาวกับไม่ได้ยิน เหมือนเธออยู่ในภวังค์ของตัวเอง“ค่ะ คะ อะไรคะกวิน อ่าคุณภาคิน?” เธออ้ำอึ้งเล็กน้อยเพราะตั้งแต่ภาคินไปย้อมผมมาให้เป็นสีดำเหมือนกับกวินเธอแทบแยกไม่ออก เพราะหน้าตาของเขามันเหมือนกันมาก ขนาดขี้แมลงวันบนหน้ายังเหมือนกันเลย“ใช่ครับผมภาคินเองครับ ตาเป็นอะไรรึเปล่า ใต้ตาคล้ำ เมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่มเหรอ” เสียงห่วงใยถามพร้อมกับใบหน้าที่เป็นกังวล“เมื่อคืนตาฝันร้ายนะคะ เลยนอนไม่หลับเลย”“ฝันว่าอะไรครับ ตาบอกผมได้นะ เผื่อจะช่วยให้คุณเบาใจขึ้นบ้าง”“คือ...มันไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แต่ในความฝันกวิน