เซาะทรายมองเจ้านายของเธอ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นมากกว่า สาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวลูกผสมอย่างเธอ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แก่กว่าเธอไม่มากไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ควรจะเจรจาด้วยสักนิด เพราะกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพูดแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ขอปรับเงินเดือนทั้งที่มันไม่ควรที่เธอจะต้องมาพูดมาเสนอเลยสักนิด ในฐานะที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่สรรค์สร้างชุดชั้นในหลากคอลเล็กชั่นออกมาสร้างรายได้ให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอกลับได้เงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม
จริงอยู่ที่เงินเดือน 2000 ยูโรในปารีส สามารถกินอยู่ใช้สอยได้อย่างสบายสำหรับคนที่มีบ้าน มีรถยนต์ขับเพราะพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้เธอพอประมาณ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปที่เขาต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องซื้อหาทุกอย่าง เงินเพียงเท่านี้คงพออยู่พอกินอย่างไม่ขัดสนเท่านั้น และหากเธอจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะก็พูดว่า
“ทราย... ทรายต้องเข้าใจพี่นะ พี่ลงทุนไปกับร้านก็ตั้งมาก ไหนจะเงินเดือนคนตัดเย็บ เงินค่าวัตถุดิบ ทรายเอาไปเท่านี้ก่อนนะ ถ้าในอนาคตแบรนด์เราดังกว่านี้ พี่ค่อยให้ทรายเพิ่มนะ”
“แบรนด์เรา...” คิดแล้วเซาะทรายอยากหัวเราะเยาะในโชคชะตา ใช่... แบรนด์ของเรา
ในคราแรกที่เธอตัดสินใจลาออกจากการเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ดังอันดับต้นๆ ของปารีส ยอมทิ้งงานที่ได้เงินเดือนถึง 3000 ยูโร เพียงเพราะคำคำนี้เท่านั้น เพราะคำว่า “แบรนด์ของเรา” แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดคะเนของเธอและการหลอกลวงจากอีกฝ่าย เงินเดือนที่น้อยลงไม่ได้เป็นตัวเร่งการตัดสินใจเท่าความหลอกลวงที่เพื่อนไม่ควรกระทำต่อกันทั้งที่ “Princesse” นั้นก็เป็นความคิดของเธอด้วยซ้ำ
1 ปีเต็มที่เธอใช้ความเชื่อใจเป็นเครื่องพิสูจน์ และมันก็เห็นผลชัดเจนว่า “แบรนด์ของเรา” ไม่มีอยู่จริง ที่มีก็เพียง “แบรนด์ของคนถือเงินเท่านั้น” เพราะข้อตกลงก็คือ เกรซเป็นคนออกเงินลงทุนทุกอย่าง ส่วนเธอเป็นคนลงแรงลงมันสมองพร้อมสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งให้กับ Princesse แต่ในวันนี้ Princesse อยู่ได้ด้วยตัวเอง คำสัญญาที่ให้ก็เป็นเพียงลมปากที่ไม่มีแม้แสงสว่างสักนิดว่าจะเป็นจริง
“พี่เกรซคะ ทรายไม่ได้จะออกเพราะอยากจะไต่เต้าขึ้นไปหาจุดที่สูงสุด เพราะพี่ก็รู้ว่าก่อนที่ทรายจะมาอยู่กับพี่นั้น ทรายก็อยู่ในจุดที่สูงสุดนั้นมาแล้ว และหากทรายจะไม่ออกมา พี่ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าทรายคงไปได้สูงขึ้นอีก”
เธอหมายถึง ก้าวไปสู่การเป็นดีไซเนอร์ระดับโลกเพราะปัจจุบันแบรนด์ที่เธอเคยทำงานด้วยนั้นจัดว่าเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นของโลกและทุกมุมโลกก็มีสินค้าจากที่นี่ส่งไปจำหน่าย
“และทรายก็ไม่ขอรับทราบค่ะว่าพี่จะไปหาดีไซเนอร์จากไหนมาแทนทราย ทรายรู้แค่ว่าทรายบอกพี่ทุกๆ 2 เดือนว่าจะออก และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะพูดกันเรื่องนี้ เพราะดีไซเนอร์ชุดชั้นในในปารีสหาไม่ยากค่ะ ถ้าพี่เกรซจะตั้งใจหา”
ดวงตาฉายแววตั้งใจจริงสบสายตาเกรซไม่หลบ มีแต่เกรซเท่านั้นที่ก้มหน้านิ่งกำมือแน่น ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมานี้เธอบอกกับเกรซทุกๆ 2 เดือนว่าเธอจะอยู่ช่วยงานที่ร้านแค่ 1 ปีเต็มเท่านั้น เพื่อให้เกรซเตรียมตัวและวันนี้ก็มาถึง ทั้งที่ผ่านมาเธอก็เห็นว่าเกรซไม่ได้พยายามจะทำอะไรเลย
“ส่วนเรื่องเงิน มันไม่ใช่ประเด็นค่ะ ถึงมันจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ก็ตาม และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทรายตัดสินใจมาร่วมงานกับพี่ ประเด็นที่ถูกคือ ทรายอยากมีแบรนด์... ของเรา แต่ที่พี่เกรซให้กับทรายก็คือลูกจ้าง ไม่ต้องห่วงนะคะว่าทรายจะไปซบอกแบรนด์ไหนมาตีตลาดแข่งกับพี่เกรซ เพราะสิ่งที่ทรายต้องการก็คือ แบรนด์ของทรายเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนจะตีตลาดพี่เกรซไหม ก็คงไม่อีกล่ะค่ะ เพราะพี่ก็ทราบว่าทรายกับพี่มันคนละสไตล์ ขอให้พี่โชคดีและได้เจอดีไซเนอร์ที่พร้อมจะตามแนวที่พี่ขีดไว้นะคะ”
พูดจบก็หันหลังและเดินจากมาเพราะเธอคงไม่มีอะไรที่จะต้องสาธยายให้เกรซฟังอีกแล้ว เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอคือคนที่ถูกเอาเปรียบ แค่เธอไม่ทำแบรนด์มาแย่งตลาด Princesse เกรซก็น่าจะพอใจแล้ว แต่คำพูดไล่หลังของเกรซก็ทำให้เธอต้องหันกลับมาพูดอะไรที่มันเด็ดขาดไปเลย
“อย่ามาพูดว่ามันไม่เกี่ยวกับเงิน ไม่ใช่เพราะเงินเหรอเธอถึงได้ออกมาจาก...” ชื่อแบรนด์ดังลอยมากระทบหูพร้อมใบหน้าเยาะเย้ยแสดงออกว่าเธอมันคนหน้าเงินจริงๆ ดังที่เกรซกล่าวหา
“ใช่ค่ะ พี่เกรซจะเอาเรื่องเงินมาเกี่ยวก็ได้ จริงค่ะ ทรายอยากได้เงินแล้วทรายผิดตรงไหนคะ ที่อยากได้เงินอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง อยากมีเงินซื้อบ้านใจกลางเมือง อยากดูหรูฟู่ฟ่าเหมือนคนอื่นเขา อยากใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังหัวจรดเท้า” พูดพลางมองไล่สำรวจเครื่องแต่งกายของเกรซที่ไม่มีจุดไหนเลยที่ไม่ใช่แบรนด์ชั้นนำแพงลิบลิ่วซึ่งเกรซก็รู้ตัวรีบหันโลโก้หนีสายตาของเธอ
“อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากใช้เงินฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ใช่ต้องประหยัดกระเหม็ดกระแหม่ ใช้จ่ายให้รู้ค่าเงิน ทั้งที่เงินที่ทรายทำไว้มันควรจะได้มากกว่านี้ หรืออย่างน้อยมันก็ควรจะสมน้ำสมเนื้อกับที่ทรายสร้างเงินสร้างงานให้พี่ ไม่ใช่ว่าให้เหมือนเป็นบุญคุณ ให้เหมือนว่าทรายได้กำไรจากยอดขายของพี่รายเดือน อย่างที่พี่นำทรายไปพูดกับพนักงาน”เรื่องคับแค้นได้โล่ถูกโพล่งออกไปด้วยอารมณ์เพราะเกรซนำข้ออ้างว่าต้องจ่ายเงินปันผลกำไรจากยอดขายได้กับเธอ 50 เปอร์เซ็นต์ทุกๆ เดือนทำให้ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานได้ มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่เงินดังกล่าวจะหมดไปกับค่าเดินทางรอบโลกของเจ้าหล่อน แทนที่เธอจะได้ใช้เงินนั้นจริงอย่างที่กล่าวอ้างแค่นั้นที่เธอพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกมาดั่งคนที่ยกภูเขาออกจากหน้าอกขนาด 36 นิ้วได้สำเร็จ เพราะแค่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ได้สัดส่วนกับช่วงเอวคอดและสะโพกผายเธอก็ไม่ไหวจะแบกแล้ว การที่เธอแบกรับความหนักอกหนักใจมา 1 ปีเต็มก็ถือว่าหินสุดๆรอยยิ้มละมัยส่งให้กับดีไซเนอร์ฝึกหัดซึ่งเป็นผู้ช่วยให้กับเธอและคงมารอฟังผลอยู่ด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องสติ
โครเชต์ผ้าฝ้ายที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่สาวๆ ในย่านชนบทจะสวมใส่เพื่อปกป้องเนื้อกายจากความหนาวเหน็บ แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างนี้ทำไมถึงโดดเด่นและสร้างความร้อนรนจนเขาอยากจะไปกระชากออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเข็มขัดหนังเส้นหนาที่ช่วยขับเน้นให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว และสะโพกก็เป็นสิ่งที่เขาวาดหวังหากจะได้ทาบฝ่ามือร้อนๆ นี้ลงไปพร้อมกระชากเข้าหากายแกร่งที่เริ่มร้องประท้วงทั้งที่ไม่ใช่เวลาสักนิด และถุงน่องนั้นล่ะให้ความอบอุ่นกับเธอพอหรือยัง เพราะถ้ายังเขาจะได้ลูบไล้ให้มันร้อนจนเธอต้องถอด แต่ท่าทางเดินเหินเรื่อยๆ อย่างมีความสุขนั้นคงบอกได้ว่าเจ้าของช่วงขาเพรียวยาวประหนึ่งนางแบบบนแคตวอล์กนี้คงไม่หนาวสักนิดทรวงอกที่เขากะขนาดได้ไม่ผิดเพราะความช่ำชองของประสบการณ์ “ของจริง” อย่างแน่นอน ยามที่เธอทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้าพร้อมกับพาตัวเองก้าวเดิน ความอวบใหญ่ขนาดสะท้านหัวใจก็เหมือนจะขยับขยายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าวเดินทุกๆ ครั้งในยามนี้จินตนาการของเขาบรรเจิดไปไกลว่าหากจมูกโด่งๆ ของเขาได้คลอเคลียคลุกเคล้าใบหน้าลงไปในซอก ความหอมในบุคลิกนี้ควรจะเป็นน้ำหอมกลิ่นใดกัน “ฟีโรโมน” คือสิ่งที่เขาคิดถึง ก็เธอน่ะม
“นี่แก... นังทราย แกปล่อยฉันได้แล้ว...” เสียงทุ้มจะไพเราะน่าฟังที่สุด ถ้ามันจะไม่ใช่ในภาวะกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยังต้องยิ้มไปกระซิบกับคนที่กอดเขาแนบแน่นด้วย“ฮือ... เดฟ... ฉันขอบใจแกมากที่มาหาฉัน ถึงฉันจะไม่เหลือใคร แต่ฉันก็เหลือแก ฉันดีใจจริงๆ ฮือ... เดฟ... ฉันรักแกที่สุด ฮือ...”ใบหน้างดงามฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา คละเคล้าอยู่กับแผงอกแกร่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละจาก เพราะท่าทางเข้มแข็งมั่นใจอย่างสุดๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่ตกตระกอนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ต้องมาพังทลายลงไม่เป็นท่าแค่ได้เห็นเขา แค่ได้เห็นแววตาเห็นใจ แววตาที่บอกเป็นนัยว่าให้เธอเข้มแข็งให้ได้ แววตาอ่อนโยนอย่างที่สุดที่เธอไม่เคยได้รับจากใครนอกจากพ่อแม่และก็เดฟ“ทราย... นังเซาะทราย... แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นังชะนีลูกครึ่ง แกกำลังทำให้ฉันเสียหาย แก...”เดฟยิ้มพร้อมเข่นเขี้ยวเพราะเซาะทรายไม่มีทีท่าว่ากำลังฟังสิ่งที่เขาพูดสักนิด เธอยังคงร้องไห้คร่ำครวญราวเด็กสาวที่เพิ่งอกหักกับรักครั้งแรก แต่นั่นมันไม่ใช่เขานี่นาที่เป็นคนทำ“นังทราย... ถ้าแกไม่ปล่อยฉัน ฉันจะกรี๊ดให้ถนนแหกเลยคอยดู”เขาไม่ได้ขู่ เพราะเขาจะท
“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้ากำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านในสิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เ
“นี่แก... นังทราย แกปล่อยฉันได้แล้ว...” เสียงทุ้มจะไพเราะน่าฟังที่สุด ถ้ามันจะไม่ใช่ในภาวะกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยังต้องยิ้มไปกระซิบกับคนที่กอดเขาแนบแน่นด้วย“ฮือ... เดฟ... ฉันขอบใจแกมากที่มาหาฉัน ถึงฉันจะไม่เหลือใคร แต่ฉันก็เหลือแก ฉันดีใจจริงๆ ฮือ... เดฟ... ฉันรักแกที่สุด ฮือ...”ใบหน้างดงามฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา คละเคล้าอยู่กับแผงอกแกร่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละจาก เพราะท่าทางเข้มแข็งมั่นใจอย่างสุดๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่ตกตระกอนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ต้องมาพังทลายลงไม่เป็นท่าแค่ได้เห็นเขา แค่ได้เห็นแววตาเห็นใจ แววตาที่บอกเป็นนัยว่าให้เธอเข้มแข็งให้ได้ แววตาอ่อนโยนอย่างที่สุดที่เธอไม่เคยได้รับจากใครนอกจากพ่อแม่และก็เดฟ“ทราย... นังเซาะทราย... แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นังชะนีลูกครึ่ง แกกำลังทำให้ฉันเสียหาย แก...”เดฟยิ้มพร้อมเข่นเขี้ยวเพราะเซาะทรายไม่มีทีท่าว่ากำลังฟังสิ่งที่เขาพูดสักนิด เธอยังคงร้องไห้คร่ำครวญราวเด็กสาวที่เพิ่งอกหักกับรักครั้งแรก แต่นั่นมันไม่ใช่เขานี่นาที่เป็นคนทำ“นังทราย... ถ้าแกไม่ปล่อยฉัน ฉันจะกรี๊ดให้ถนนแหกเลยคอยดู”เขาไม่ได้ขู่ เพราะเขาจะท
โครเชต์ผ้าฝ้ายที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่สาวๆ ในย่านชนบทจะสวมใส่เพื่อปกป้องเนื้อกายจากความหนาวเหน็บ แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างนี้ทำไมถึงโดดเด่นและสร้างความร้อนรนจนเขาอยากจะไปกระชากออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเข็มขัดหนังเส้นหนาที่ช่วยขับเน้นให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว และสะโพกก็เป็นสิ่งที่เขาวาดหวังหากจะได้ทาบฝ่ามือร้อนๆ นี้ลงไปพร้อมกระชากเข้าหากายแกร่งที่เริ่มร้องประท้วงทั้งที่ไม่ใช่เวลาสักนิด และถุงน่องนั้นล่ะให้ความอบอุ่นกับเธอพอหรือยัง เพราะถ้ายังเขาจะได้ลูบไล้ให้มันร้อนจนเธอต้องถอด แต่ท่าทางเดินเหินเรื่อยๆ อย่างมีความสุขนั้นคงบอกได้ว่าเจ้าของช่วงขาเพรียวยาวประหนึ่งนางแบบบนแคตวอล์กนี้คงไม่หนาวสักนิดทรวงอกที่เขากะขนาดได้ไม่ผิดเพราะความช่ำชองของประสบการณ์ “ของจริง” อย่างแน่นอน ยามที่เธอทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้าพร้อมกับพาตัวเองก้าวเดิน ความอวบใหญ่ขนาดสะท้านหัวใจก็เหมือนจะขยับขยายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าวเดินทุกๆ ครั้งในยามนี้จินตนาการของเขาบรรเจิดไปไกลว่าหากจมูกโด่งๆ ของเขาได้คลอเคลียคลุกเคล้าใบหน้าลงไปในซอก ความหอมในบุคลิกนี้ควรจะเป็นน้ำหอมกลิ่นใดกัน “ฟีโรโมน” คือสิ่งที่เขาคิดถึง ก็เธอน่ะม
“อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากใช้เงินฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ใช่ต้องประหยัดกระเหม็ดกระแหม่ ใช้จ่ายให้รู้ค่าเงิน ทั้งที่เงินที่ทรายทำไว้มันควรจะได้มากกว่านี้ หรืออย่างน้อยมันก็ควรจะสมน้ำสมเนื้อกับที่ทรายสร้างเงินสร้างงานให้พี่ ไม่ใช่ว่าให้เหมือนเป็นบุญคุณ ให้เหมือนว่าทรายได้กำไรจากยอดขายของพี่รายเดือน อย่างที่พี่นำทรายไปพูดกับพนักงาน”เรื่องคับแค้นได้โล่ถูกโพล่งออกไปด้วยอารมณ์เพราะเกรซนำข้ออ้างว่าต้องจ่ายเงินปันผลกำไรจากยอดขายได้กับเธอ 50 เปอร์เซ็นต์ทุกๆ เดือนทำให้ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานได้ มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่เงินดังกล่าวจะหมดไปกับค่าเดินทางรอบโลกของเจ้าหล่อน แทนที่เธอจะได้ใช้เงินนั้นจริงอย่างที่กล่าวอ้างแค่นั้นที่เธอพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกมาดั่งคนที่ยกภูเขาออกจากหน้าอกขนาด 36 นิ้วได้สำเร็จ เพราะแค่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ได้สัดส่วนกับช่วงเอวคอดและสะโพกผายเธอก็ไม่ไหวจะแบกแล้ว การที่เธอแบกรับความหนักอกหนักใจมา 1 ปีเต็มก็ถือว่าหินสุดๆรอยยิ้มละมัยส่งให้กับดีไซเนอร์ฝึกหัดซึ่งเป็นผู้ช่วยให้กับเธอและคงมารอฟังผลอยู่ด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องสติ
เซาะทรายมองเจ้านายของเธอ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นมากกว่า สาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวลูกผสมอย่างเธอ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แก่กว่าเธอไม่มากไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ควรจะเจรจาด้วยสักนิด เพราะกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพูดแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ขอปรับเงินเดือนทั้งที่มันไม่ควรที่เธอจะต้องมาพูดมาเสนอเลยสักนิด ในฐานะที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่สรรค์สร้างชุดชั้นในหลากคอลเล็กชั่นออกมาสร้างรายได้ให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอกลับได้เงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม จริงอยู่ที่เงินเดือน 2000 ยูโรในปารีส สามารถกินอยู่ใช้สอยได้อย่างสบายสำหรับคนที่มีบ้าน มีรถยนต์ขับเพราะพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้เธอพอประมาณ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปที่เขาต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องซื้อหาทุกอย่าง เงินเพียงเท่านี้คงพออยู่พอกินอย่างไม่ขัดสนเท่านั้น และหากเธอจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะก็พูดว่า “ทราย... ทรายต้องเข้าใจพี่นะ พี่ลงทุนไปกับร้านก็ตั้งมาก ไหนจะเงินเดือนคนตัดเย็บ เงินค่าวัตถุดิบ ทรายเอาไปเท่านี้ก่อนนะ ถ้าในอนาคตแบรนด์เราดังกว่านี้ พี่ค่อยให้ทรายเพิ่มนะ” “แบรนด์เรา...” คิด
“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้ากำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านในสิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เ