“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติ
ร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
กำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านใน
สิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เซลิเซ่” ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใดก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสันของแฟชั่นไม่เสื่อมคลาย และด้วยชื่อเสียงก็ทำให้ผู้คนต่างใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวชม ช้อป ชิม แชะ แชท แชร์ เรื่องราวความเป็นไปบนถนนแห่งนี้กันสักครั้งหากมีโอกาสได้มาเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อที่จะมาสัมผัสกับบรรยากาศที่ที่ความหลากหลายอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และนั่นก็นับรวมถึงเธอ “เซาะทราย”
ร่างงามระหงในสัดส่วน 36-24-36 ด้วยสายเลือดสองเชื้อชาติที่ไหลวนอยู่ในตัวเธอทำให้เซาะทรายพกพาความสูง 172 เซนติเมตร ไปไหนต่อไหนให้คนได้มองและทึ่งกับความสวย สง่า เก๋ และดูดีมีสไตล์ได้อย่างลงตัว
ชุดถักโครเชต์ผ้าฝ้ายสีครีมคอปาดแขนยาวและทิ้งระบายละกับสะโพกที่โยกย้ายไปมายามเจ้าของร่างเคลื่อนไหว เข็มขัดหนังเส้นโตสไตล์คอร์เซ็ตต์ ถุงน่องสักหลาดเพิ่มความอบอุ่นพร้อมความเก๋ได้ในช่วงอากาศหนาวๆ และรองเท้าสานส้นสูงติดดอกไม้สีเดียวกันกับโครเชต์ แน่นอนที่สุดว่ากระเป๋าสะพายใบเก๋ก็ต้องเป็นคอลเล็กชั่นเดียวกันกับรองเท้าได้อย่างลงตัว
เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกรสนิยมดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเท่าตัวเพราะเธอเป็นคนสวมใส่ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องแต่งกายแบรนด์เดียวกันหัวจรดเท้า เพราะแค่นำมาแมทซ์กันอย่างลงตัวมันก็ดูดีอย่างที่สุดแล้ว เธอถือคติว่า ปารีสเป็นเมืองแห่งแฟชั่นก็จริง แต่หากต้องแต่งกายตามแฟชั่นทุกกระเบียดนิ้วมันก็คงจะดูรกมากกว่าที่จะดูสวย ดังนั้นแล้วโครเชต์รุ่นแม่จึงเก๋ได้ใจกับถุงน่องนำสมัย
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกเป็นลอนใหญ่ตามธรรมชาติรับกับใบหน้าที่ผสมผสานความเป็นยุโรปกับเอเชียได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดวงตาสวยหวานที่ล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงามแม้จะดูหวานแต่ประกายภายในกลับฉายชัดถึงความไม่ยอมแพ้ จมูกโด่งได้รูปทรงราวสวรรค์สรรค์สร้าง และริมฝีปากอวบอิ่มที่เหมือนจะแย้มยิ้มน้อยๆ อยู่เสมอนั้น แค่ได้รับการแต่งแต้มสีสันเล็กน้อย เซาะทรายก็เหมาะที่จะเป็นนางแบบแถวหน้าของห้องเสื้อใดสักแห่งบนถนนแห่งนี้
ทว่า... กลับไม่ใช่ เพราะอาชีพที่เธอเลือกท้าทายกว่านั้น และจุดเปลี่ยนในชีวิตกำลังจะเริ่มต้น เพียงแค่เธอจะได้คำตอบในวันนี้
นักท่องเที่ยวมากมายที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ บนถนนแห่งนี้ ต่างมาเยี่ยมเยือนด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน บ้างต้องการมาดูความศิวิไลซ์ทางด้านความงาม บ้างต้องการมาซึมซับและจับจ่ายซื้อหาสินค้าแฟชั่น และก็มีที่ต้องการเพียงมาเที่ยวชมบรรยากาศและเลือกรับประทานอาหารจากร้านค้าหลากสไตล์
แต่สำหรับเธอแค่แฮมเบอร์เกอร์สัญชาติเบลเยี่ยมสักชิ้นก็อิ่มได้ไปครึ่งวันแล้ว และใครจะเชื่อว่าที่ ฌอง เซลิเซ่ จะมีแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยชนิดที่ว่าร้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า และทำให้เธอมาฝากท้องได้ทุกๆ วัน แต่หลังจากวันนี้ล่ะเธอยังจะมีโอกาสได้มาอิ่มกับมื้อเช้าที่นี่อีกไหม
ดวงตาสวยหวานฉายแววเจิดจ้าท้าทายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาช้อนขึ้นมองป้ายด้านหน้าตึกที่ตกแต่งสไตล์โปรวองซ์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สไตล์คันทรีฝรั่งเศส แต่ด้านในนั้นตกแต่งด้วยธีมสีชมพูหวานแหววให้เข้ากับแบรนด์ Princesse ชุดชั้นในสำหรับสาววัยใสที่เลือกเริ่มต้นแห่งวัยสาวด้วยผลิตภัณฑ์ของที่นี่ แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่
ริมฝีปากอวบอิ่มสีลูกพีชฉ่ำน้ำเม้มเข้าหากันพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เธอตัดสินใจมาแล้ว และไม่ใช่เป็นการตัดสินใจฉับพลันแต่เป็นการไตร่ตรองมากว่าสัปดาห์ สิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วคนอย่างเซาะทรายจะไม่เปลี่ยนแปลง
“อะไร! จู่ๆ จะมาบอกว่าลาออก เธอเห็นพี่เป็นยังไงฮะทราย! เป็นหัวหลักหัวตอให้เธอโดดข้ามเพื่อไปหาจุดที่สูงกว่าอย่างนั้นเหรอ แล้วมาบอกแบบนี้พี่จะไปหาดีไซเนอร์ได้จากไหนทัน ไม่ใช่ว่าดีไซเนอร์ชุดชั้นในจะหากันได้ง่ายๆ นะ พี่เข้าใจว่านี่มันเมืองแฟชั่น มีนักเรียนจบใหม่มากมาย แต่ใครจะทำงานให้พี่ได้ถูกใจเท่าเธอ ทราย... คิดดูใหม่อีกครั้งนะ เธออยากได้เงินเพิ่มสักเท่าไร เธอก็บอกพี่มาสิ ไม่ใช่เอะอะๆ ก็จะลาออก อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าแบรนด์ไหนๆ มาจีบเธอบ้าง”
เสียงแปดหลอดเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวของเกรซดังขึ้น ทั้งเรียกร้องความเห็นใจ ทั้งค่อนแคะ และทั้งเอาเปรียบ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำๆ ไปมา เพราะมันหลายครั้งแล้วที่การเริ่มต้นและจบอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
เซาะทรายมองเจ้านายของเธอ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นมากกว่า สาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวลูกผสมอย่างเธอ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แก่กว่าเธอไม่มากไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ควรจะเจรจาด้วยสักนิด เพราะกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพูดแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ขอปรับเงินเดือนทั้งที่มันไม่ควรที่เธอจะต้องมาพูดมาเสนอเลยสักนิด ในฐานะที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่สรรค์สร้างชุดชั้นในหลากคอลเล็กชั่นออกมาสร้างรายได้ให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอกลับได้เงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม จริงอยู่ที่เงินเดือน 2000 ยูโรในปารีส สามารถกินอยู่ใช้สอยได้อย่างสบายสำหรับคนที่มีบ้าน มีรถยนต์ขับเพราะพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้เธอพอประมาณ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปที่เขาต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องซื้อหาทุกอย่าง เงินเพียงเท่านี้คงพออยู่พอกินอย่างไม่ขัดสนเท่านั้น และหากเธอจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะก็พูดว่า “ทราย... ทรายต้องเข้าใจพี่นะ พี่ลงทุนไปกับร้านก็ตั้งมาก ไหนจะเงินเดือนคนตัดเย็บ เงินค่าวัตถุดิบ ทรายเอาไปเท่านี้ก่อนนะ ถ้าในอนาคตแบรนด์เราดังกว่านี้ พี่ค่อยให้ทรายเพิ่มนะ” “แบรนด์เรา...” คิด
“อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากใช้เงินฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ใช่ต้องประหยัดกระเหม็ดกระแหม่ ใช้จ่ายให้รู้ค่าเงิน ทั้งที่เงินที่ทรายทำไว้มันควรจะได้มากกว่านี้ หรืออย่างน้อยมันก็ควรจะสมน้ำสมเนื้อกับที่ทรายสร้างเงินสร้างงานให้พี่ ไม่ใช่ว่าให้เหมือนเป็นบุญคุณ ให้เหมือนว่าทรายได้กำไรจากยอดขายของพี่รายเดือน อย่างที่พี่นำทรายไปพูดกับพนักงาน”เรื่องคับแค้นได้โล่ถูกโพล่งออกไปด้วยอารมณ์เพราะเกรซนำข้ออ้างว่าต้องจ่ายเงินปันผลกำไรจากยอดขายได้กับเธอ 50 เปอร์เซ็นต์ทุกๆ เดือนทำให้ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานได้ มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่เงินดังกล่าวจะหมดไปกับค่าเดินทางรอบโลกของเจ้าหล่อน แทนที่เธอจะได้ใช้เงินนั้นจริงอย่างที่กล่าวอ้างแค่นั้นที่เธอพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกมาดั่งคนที่ยกภูเขาออกจากหน้าอกขนาด 36 นิ้วได้สำเร็จ เพราะแค่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ได้สัดส่วนกับช่วงเอวคอดและสะโพกผายเธอก็ไม่ไหวจะแบกแล้ว การที่เธอแบกรับความหนักอกหนักใจมา 1 ปีเต็มก็ถือว่าหินสุดๆรอยยิ้มละมัยส่งให้กับดีไซเนอร์ฝึกหัดซึ่งเป็นผู้ช่วยให้กับเธอและคงมารอฟังผลอยู่ด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องสติ
โครเชต์ผ้าฝ้ายที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่สาวๆ ในย่านชนบทจะสวมใส่เพื่อปกป้องเนื้อกายจากความหนาวเหน็บ แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างนี้ทำไมถึงโดดเด่นและสร้างความร้อนรนจนเขาอยากจะไปกระชากออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเข็มขัดหนังเส้นหนาที่ช่วยขับเน้นให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว และสะโพกก็เป็นสิ่งที่เขาวาดหวังหากจะได้ทาบฝ่ามือร้อนๆ นี้ลงไปพร้อมกระชากเข้าหากายแกร่งที่เริ่มร้องประท้วงทั้งที่ไม่ใช่เวลาสักนิด และถุงน่องนั้นล่ะให้ความอบอุ่นกับเธอพอหรือยัง เพราะถ้ายังเขาจะได้ลูบไล้ให้มันร้อนจนเธอต้องถอด แต่ท่าทางเดินเหินเรื่อยๆ อย่างมีความสุขนั้นคงบอกได้ว่าเจ้าของช่วงขาเพรียวยาวประหนึ่งนางแบบบนแคตวอล์กนี้คงไม่หนาวสักนิดทรวงอกที่เขากะขนาดได้ไม่ผิดเพราะความช่ำชองของประสบการณ์ “ของจริง” อย่างแน่นอน ยามที่เธอทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้าพร้อมกับพาตัวเองก้าวเดิน ความอวบใหญ่ขนาดสะท้านหัวใจก็เหมือนจะขยับขยายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าวเดินทุกๆ ครั้งในยามนี้จินตนาการของเขาบรรเจิดไปไกลว่าหากจมูกโด่งๆ ของเขาได้คลอเคลียคลุกเคล้าใบหน้าลงไปในซอก ความหอมในบุคลิกนี้ควรจะเป็นน้ำหอมกลิ่นใดกัน “ฟีโรโมน” คือสิ่งที่เขาคิดถึง ก็เธอน่ะม
“นี่แก... นังทราย แกปล่อยฉันได้แล้ว...” เสียงทุ้มจะไพเราะน่าฟังที่สุด ถ้ามันจะไม่ใช่ในภาวะกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยังต้องยิ้มไปกระซิบกับคนที่กอดเขาแนบแน่นด้วย“ฮือ... เดฟ... ฉันขอบใจแกมากที่มาหาฉัน ถึงฉันจะไม่เหลือใคร แต่ฉันก็เหลือแก ฉันดีใจจริงๆ ฮือ... เดฟ... ฉันรักแกที่สุด ฮือ...”ใบหน้างดงามฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา คละเคล้าอยู่กับแผงอกแกร่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละจาก เพราะท่าทางเข้มแข็งมั่นใจอย่างสุดๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่ตกตระกอนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ต้องมาพังทลายลงไม่เป็นท่าแค่ได้เห็นเขา แค่ได้เห็นแววตาเห็นใจ แววตาที่บอกเป็นนัยว่าให้เธอเข้มแข็งให้ได้ แววตาอ่อนโยนอย่างที่สุดที่เธอไม่เคยได้รับจากใครนอกจากพ่อแม่และก็เดฟ“ทราย... นังเซาะทราย... แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นังชะนีลูกครึ่ง แกกำลังทำให้ฉันเสียหาย แก...”เดฟยิ้มพร้อมเข่นเขี้ยวเพราะเซาะทรายไม่มีทีท่าว่ากำลังฟังสิ่งที่เขาพูดสักนิด เธอยังคงร้องไห้คร่ำครวญราวเด็กสาวที่เพิ่งอกหักกับรักครั้งแรก แต่นั่นมันไม่ใช่เขานี่นาที่เป็นคนทำ“นังทราย... ถ้าแกไม่ปล่อยฉัน ฉันจะกรี๊ดให้ถนนแหกเลยคอยดู”เขาไม่ได้ขู่ เพราะเขาจะท
“นี่แก... นังทราย แกปล่อยฉันได้แล้ว...” เสียงทุ้มจะไพเราะน่าฟังที่สุด ถ้ามันจะไม่ใช่ในภาวะกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยังต้องยิ้มไปกระซิบกับคนที่กอดเขาแนบแน่นด้วย“ฮือ... เดฟ... ฉันขอบใจแกมากที่มาหาฉัน ถึงฉันจะไม่เหลือใคร แต่ฉันก็เหลือแก ฉันดีใจจริงๆ ฮือ... เดฟ... ฉันรักแกที่สุด ฮือ...”ใบหน้างดงามฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา คละเคล้าอยู่กับแผงอกแกร่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละจาก เพราะท่าทางเข้มแข็งมั่นใจอย่างสุดๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่ตกตระกอนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ต้องมาพังทลายลงไม่เป็นท่าแค่ได้เห็นเขา แค่ได้เห็นแววตาเห็นใจ แววตาที่บอกเป็นนัยว่าให้เธอเข้มแข็งให้ได้ แววตาอ่อนโยนอย่างที่สุดที่เธอไม่เคยได้รับจากใครนอกจากพ่อแม่และก็เดฟ“ทราย... นังเซาะทราย... แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นังชะนีลูกครึ่ง แกกำลังทำให้ฉันเสียหาย แก...”เดฟยิ้มพร้อมเข่นเขี้ยวเพราะเซาะทรายไม่มีทีท่าว่ากำลังฟังสิ่งที่เขาพูดสักนิด เธอยังคงร้องไห้คร่ำครวญราวเด็กสาวที่เพิ่งอกหักกับรักครั้งแรก แต่นั่นมันไม่ใช่เขานี่นาที่เป็นคนทำ“นังทราย... ถ้าแกไม่ปล่อยฉัน ฉันจะกรี๊ดให้ถนนแหกเลยคอยดู”เขาไม่ได้ขู่ เพราะเขาจะท
โครเชต์ผ้าฝ้ายที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่สาวๆ ในย่านชนบทจะสวมใส่เพื่อปกป้องเนื้อกายจากความหนาวเหน็บ แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างนี้ทำไมถึงโดดเด่นและสร้างความร้อนรนจนเขาอยากจะไปกระชากออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเข็มขัดหนังเส้นหนาที่ช่วยขับเน้นให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว และสะโพกก็เป็นสิ่งที่เขาวาดหวังหากจะได้ทาบฝ่ามือร้อนๆ นี้ลงไปพร้อมกระชากเข้าหากายแกร่งที่เริ่มร้องประท้วงทั้งที่ไม่ใช่เวลาสักนิด และถุงน่องนั้นล่ะให้ความอบอุ่นกับเธอพอหรือยัง เพราะถ้ายังเขาจะได้ลูบไล้ให้มันร้อนจนเธอต้องถอด แต่ท่าทางเดินเหินเรื่อยๆ อย่างมีความสุขนั้นคงบอกได้ว่าเจ้าของช่วงขาเพรียวยาวประหนึ่งนางแบบบนแคตวอล์กนี้คงไม่หนาวสักนิดทรวงอกที่เขากะขนาดได้ไม่ผิดเพราะความช่ำชองของประสบการณ์ “ของจริง” อย่างแน่นอน ยามที่เธอทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้าพร้อมกับพาตัวเองก้าวเดิน ความอวบใหญ่ขนาดสะท้านหัวใจก็เหมือนจะขยับขยายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าวเดินทุกๆ ครั้งในยามนี้จินตนาการของเขาบรรเจิดไปไกลว่าหากจมูกโด่งๆ ของเขาได้คลอเคลียคลุกเคล้าใบหน้าลงไปในซอก ความหอมในบุคลิกนี้ควรจะเป็นน้ำหอมกลิ่นใดกัน “ฟีโรโมน” คือสิ่งที่เขาคิดถึง ก็เธอน่ะม
“อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากใช้เงินฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ใช่ต้องประหยัดกระเหม็ดกระแหม่ ใช้จ่ายให้รู้ค่าเงิน ทั้งที่เงินที่ทรายทำไว้มันควรจะได้มากกว่านี้ หรืออย่างน้อยมันก็ควรจะสมน้ำสมเนื้อกับที่ทรายสร้างเงินสร้างงานให้พี่ ไม่ใช่ว่าให้เหมือนเป็นบุญคุณ ให้เหมือนว่าทรายได้กำไรจากยอดขายของพี่รายเดือน อย่างที่พี่นำทรายไปพูดกับพนักงาน”เรื่องคับแค้นได้โล่ถูกโพล่งออกไปด้วยอารมณ์เพราะเกรซนำข้ออ้างว่าต้องจ่ายเงินปันผลกำไรจากยอดขายได้กับเธอ 50 เปอร์เซ็นต์ทุกๆ เดือนทำให้ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานได้ มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่เงินดังกล่าวจะหมดไปกับค่าเดินทางรอบโลกของเจ้าหล่อน แทนที่เธอจะได้ใช้เงินนั้นจริงอย่างที่กล่าวอ้างแค่นั้นที่เธอพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกมาดั่งคนที่ยกภูเขาออกจากหน้าอกขนาด 36 นิ้วได้สำเร็จ เพราะแค่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ได้สัดส่วนกับช่วงเอวคอดและสะโพกผายเธอก็ไม่ไหวจะแบกแล้ว การที่เธอแบกรับความหนักอกหนักใจมา 1 ปีเต็มก็ถือว่าหินสุดๆรอยยิ้มละมัยส่งให้กับดีไซเนอร์ฝึกหัดซึ่งเป็นผู้ช่วยให้กับเธอและคงมารอฟังผลอยู่ด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องสติ
เซาะทรายมองเจ้านายของเธอ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นมากกว่า สาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวลูกผสมอย่างเธอ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แก่กว่าเธอไม่มากไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ควรจะเจรจาด้วยสักนิด เพราะกี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพูดแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ขอปรับเงินเดือนทั้งที่มันไม่ควรที่เธอจะต้องมาพูดมาเสนอเลยสักนิด ในฐานะที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่สรรค์สร้างชุดชั้นในหลากคอลเล็กชั่นออกมาสร้างรายได้ให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอกลับได้เงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม จริงอยู่ที่เงินเดือน 2000 ยูโรในปารีส สามารถกินอยู่ใช้สอยได้อย่างสบายสำหรับคนที่มีบ้าน มีรถยนต์ขับเพราะพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้เธอพอประมาณ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปที่เขาต้องเช่าบ้านอยู่ ต้องซื้อหาทุกอย่าง เงินเพียงเท่านี้คงพออยู่พอกินอย่างไม่ขัดสนเท่านั้น และหากเธอจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะก็พูดว่า “ทราย... ทรายต้องเข้าใจพี่นะ พี่ลงทุนไปกับร้านก็ตั้งมาก ไหนจะเงินเดือนคนตัดเย็บ เงินค่าวัตถุดิบ ทรายเอาไปเท่านี้ก่อนนะ ถ้าในอนาคตแบรนด์เราดังกว่านี้ พี่ค่อยให้ทรายเพิ่มนะ” “แบรนด์เรา...” คิด
“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้ากำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านในสิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เ