เรือนไม้หลังงามที่เพิ่งปรับปรุงใหม่จนงดงามหรูหรา คือเรือนที่พักอาศัยของหลันหนิงเหมย ฮูหยินสามของท่านเสนาบดีอวี้ หญิงสาวบรรจงแช่น้ำมันหอมระเหยนานกว่าปกติเล็กน้อย ทั้งยังบรรจงใช้น้ำมันหอมมาทาบำรุงผิวอีกกว่าสามตำรับ เพราะในค่ำคืนนี้ นางจะต้องใช้เสน่ห์ของตนเพื่อหว่านล้อมสามีให้จงได้
"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะฮูหยินสาม"สาวใช้คนสนิทเดินถอยหลังออกไป เมื่อนางทำหน้าที่ของตนเสร็จแล้ว"ขอบใจเจ้ามาก เจ้ากลับไปพักได้แล้วล่ะ""เจ้าค่ะ"คล้อยหลังที่สาวใช้เดินจากไป หลันหนิงเหมยก็ได้ลุกขึ้นไปเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเอง นางจงใจสวมชุดนอนที่บางเบากว่าทุกครั้ง เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว หลันหนิงเหมยจึงได้สวมผ้าคลุมผืนใหญ่เพื่อปกปิดร่างกายของตนเองเอาไว้ หญิงสาวเดินออกไปพบอวี้เฉินฟู่ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องถัดไป"ท่านพี่เจ้าคะ ข้าขอเข้าไปด้านในได้หรือไม่เจ้าคะ"น้ำเสียงหวานละมุนที่ช่างออดอ้อนดังขึ้นมาจากหน้าห้อง อวี้เฉินฟู่ที่กำลังอ่านรายชื่อที่ได้รับมาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสงสัยปนแปลกใจ เพราะทุกคราหลันหนิงเหมยจะรอเขาอยู่ที่ห้องของนางบทที่ 19คุณชายใหญ่ซุนหลีเหว่ย จวนตระกูลซุนซุนหนิงเหอกลับมาที่จวนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางทั้งโมโหและเจ็บใจที่ถูกอวี้หลันเยาะเย้ย ความแค้นในครั้งนี้นางจะต้องชำระอย่างแน่นอน"ผู้ใดมาทำให้น้องสาวของพี่ต้องขุ่นเคืองใจกันนะ"'ซุนหลีเหว่ย' ที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอกเอ่ยถามด้วยความห่วงใย สีหน้าที่อยากจะสังหารคนของน้องสาวทำให้เขานึกสงสัย"หากข้าบอกไป พี่ใหญ่ช่วยข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""เจ้าก็ลองบอกมาก่อนสิ""พระชายาขององค์ชายสามเจ้าค่ะ นางจงใจยั่วโทสะข้า!"ชายหนุ่มที่ได้ฟังคำของน้องสาวก็ส่ายหัวไปมาด้วยความจนใจ คนตระกูลซุนผู้ใดไม่รู้บ้างว่าน้องสาวของเขาหลงรักองค์ชายสามผู้นี้มาก ทั้งที่อีกฝ่ายมีดีแค่หน้าตาแต่กลับไม่เอาไหนสักอย่าง ไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาไปชอบพอได้อย่างไร เจิ้งจื่อห้าวผู้นี้ก็แค่โชคดีที่ได้เกิดเป็นองค์ชายเท่านั้นเอง หากเกิดในตระกูลขุนนางเขาก็คือชายที่ไร้ประโยชน์ ไร้ค่าราวกับมดปลวก!
ซุนหลีเหว่ยออกมาเที่ยวที่หอเดือนดับ เขาเป็นคุณชายที่ตำแหน่งไม่ธรรมดา อายุเพียงแค่นี้ก็ได้เป็นถึงขุนนางขั้นห้า มีหน้าที่ดูแลเมืองกวงที่อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก แต่เพราะเขาได้รับคำสั่งให้กลับมาช่วยงานในเมืองหลวง เวลานี้เขาจึงสามารถอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างสำราญใจ"คิดว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณชายใหญ่นี่เอง"เจิ้งจื่อห้าวเดินเข้ามาทักทายซุนหลีเหว่ยอย่างอารมณ์ดี พัดในมือที่ด้ามทำจากไม้ราคาแพงโบกไปมา สายตาคู่คมกำลังพิจารณาอีกฝ่ายไปด้วย เพราะคำเตือนของอวี้หลันทำให้เขาเริ่มหันเหมาสนใจตระกูลซุน ผู้เป็นแขกประจำของหอเดือนดับ"คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่คิดเลยว่าจะโชคดีได้พบองค์ชายสามด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ซุนหลีเหว่ยแสร้งยกยิ้มราวกับยินดีเหลือเกิน ทั้งที่ในใจของเขาอยากจะหลีกหนีเจิ้งจื่อห้าวไปให้ไกล บุรุษเช่นองค์ชายสามไม่ควรจะเสวนาด้วย!"ข้าก็มาเป็นแขกประจำของที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แต่เพิ่งเคยพบเจ้าที่นี่เหมือนกัน""กระหม่อมแค่มาพบสหายพ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นานก็จะกลับแล้ว""อ้อ...เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วล่ะ ข้าเองก็กำลังรีบไปเล่น...เอ่
บทที่ 20เสแสร้ง ตำหนักฮองเฮาเช้าวันรุ่งขึ้นสองแม่ลูกมุ่งหน้ามาหาฮองเฮาทันที พวกนางต้องการเล่าแผนการของตนเองเพื่อให้ฮองเฮาทรงช่วยเหลือ ในวันนี้นอกจากจะพบฮองเฮาแล้วยังได้พบกับซุนหนิงเหอด้วย"เจ้าโกรธเกลียดนางจนไม่อยากให้นางมีความสุขเลยหรือลี่เฟย"โจวซูหลิ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย พระนางไม่คิดเลยว่าญาติผู้น้องจะโกรธแค้นลูกเลี้ยงของตนถึงเพียงนี้"หามิได้เพคะ หม่อมฉันแค่ไม่อยากให้พระชายาอวี้ต้องทรงเหน็ดเหนื่อยเกินไปเท่านั้นเอง และอีกอย่างคุณหนูรองซุนก็คือสตรีที่เพียบพร้อมเหมาะสมกับองค์ชายสามด้วยเพคะ"โจวลี่เฟยหันไปส่งยิ้มให้กับซุนหนิงเหอที่นั่งเขินอายอยู่ด้านข้าง "ทูลฮองเฮา ที่ท่านแม่กล่าวมาเป็นจริงทั้งหมดเพคะ อีกประการหนึ่งก็เพราะพี่หญิงใหญ่ของหม่อมฉันยังอ่อนด้อยในเรื่องการจัดการเรือนอยู่มาก หากได้หนิงเหอเข้าไปช่วยดูแลด้วยแล้ว วังเจียวจินจะต้องสุขสงบเรียบร้อยอย่างแน่นอนเพคะ"อวี้ซูเยว่รีบ
"ทูลพระชายา องค์ชายสามทรงสั่งเครื่องประดับที่ทำจากหยกจักรพรรดิมามอบให้พระชายาเพคะ และยังมีเครื่องหัวที่ทำจากทองคำที่ประดับอัญมณีสีเลือดนกด้วย พระชายาจะทรงทอดพระเนตรก่อนไหมเพคะ""อือ เอาเข้ามาเถอะ" อวี้หลันพยักหน้ารับก่อนจะหันไปคุยกับซุนเย่ผิง "นี่ก็เป็นสิ่งที่หม่อมฉันหนักใจมากที่สุดเลยเพคะ เครื่องประดับพวกนี้มีมาให้หม่อมฉันไม่ได้ขาด จนมันจะทับตัวหม่อมฉันตายเสียแล้ว ถ้าไม่รังเกียจน้องสะใภ้ก็รับไปสักชุดเถิด""เอ่อ...จะดีหรือเพคะ"ซุนเย่ผิงทำสีหน้าประหนึ่งกินของขม นางอยากจะปฏิเสธแต่เมื่อรั่วซีนำของทั้งหมดมาวางตรงหน้า ถ้อยคำที่จะเอ่ยออกไปพลันกลืนเข้าไปในท้อง เจิ้งลู่เหอที่นั่งอยู่ด้วยก็กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความตกตะลึง"นี่เสด็จพี่สามเอาของพวกนี้มามอบให้พี่สะใภ้ทั้งหมดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่สามทรงไปร่ำรวยเงินทองจากที่ใดกัน?""องค์ชายสี่คงไม่ทราบ ทุกวันที่องค์ชายสามเสด็จออกจากวังเจียวจินไปก็ทรงคลุกตัวอยู่แต่ในหอเดือนดับ เงินที่ได้จากการละเล่นน้ำเต้าปูปลาก็นำไปซื้อเครื่องประดับมามอบให้หม่อมฉันเพคะ ของพวกนี้ก็แค่ของที่เอาไว้ทดแทนที่องค์ชายสามไม่ไ
บทที่ 21ยอมจำนน หลายคืนที่ผ่านมานี้เจิ้งจื่อห้าวแทบจะไม่ได้กลับวังเจียวจินเลย จนหลีกงกงผู้เป็นบ่าวที่ภักดีต้องเดินทางไปตามองค์ชายสามที่หอเดือนดับด้วยตนเอง เขาจะอ้างว่าพักนี้พระชายาทรงไม่อยากอาหาร ทานอะไรก็ไม่ใคร่จะได้นัก จนเขาเห็นแล้วยังรู้สึกปวดใจแทน หากอ้างพระชายาองค์ชายสามจะต้องเร่งรีบกลับวังเจียวจินเป็นแน่"ข้าต้องการมาพบองค์ชายสาม"หลีกงกงแจ้งแก่หลงจู๊ของหอเดือนดับ หลงจู๊ทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะยินยอมนำทางหลีกงกงไปยังชั้นสามซึ่งเป็นห้องสำหรับการละเล่นน้ำเต้าปูปลาโดยเฉพาะ"องค์ชายสามทรงนั่งอยู่ด้านโน้น ข้างกับคุณชายใหญ่ซุนขอรับ""ขอบใจเจ้ามา"หลีกงกงควักก้อนทองมามอบให้กับหลงจู๊แล้วจึงเดินไปทางนั้น เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าองค์ชายสามของเขาดูเหมือนกับคนที่ไม่มีสติเสียแล้ว"องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ"น้ำเสียงที่ไม่ดังไม่เบานักดังมาจากทางด้านหลัง เจิ้งจื่อห้าวหัน
จวนตระกูลอวี้ห้าวันต่อมาคนตระกูลซุนก็ได้มาเยือนจวนตระกูลอวี้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการส่งเทียบเชิญมาล่วงหน้าสองวัน อวี้เฉินฟู่กับหลันหนิงเหมยออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าชื่นมื่น เรื่องในวันนี้อวี้หลันได้ส่งรั่วซีมาแจ้งข่าวล่วงหน้ากับเขาแล้ว'ซุนไห่หยุน' รองเสนาบดีฝ่ายพิธีการได้มาพร้อมกับซุนหลีเหว่ย โดยมีแม่สื่อติดตามมาด้วย ในวันนี้คนตระกูลซุนตั้งใจจะมาสู่ขออวี้ซูเยว่ให้กับซุนหลีเหว่ย สองครอบครัวได้พูดคุยเรื่องงานมงคลนี้กันอย่างชื่นมื่น"ท่านเสนาบดีไม่มีสิ่งใดขัดข้องใช่หรือไม่ขอรับ"ซุนไห่หยุนเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ครั้งแรกเขาจะแปลกใจที่ได้รู้เรื่องว่าบุตรชายคนโตพึงใจคุณหนูรองอวี้ แต่เมื่อดีดลูกคิดรางแก้ว การได้เกี่ยวดองกับตระกูลอวี้ไม่ได้มีสิ่งใดที่เสียหายเลย กลับกันตระกูลอวี้จะช่วยส่งเสริมตระกูลซุนของเขาเสียมากกว่า ซุนไห่หยุนจึงยินยอมที่จะทำตามความต้องการของบุตรชายคนโต แม้จะดูฉุกละหุกไปบ้างแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าบุตรชายของเขานั้นใจร้อนตามประสาชายหนุ่มเลือดร้อน"ไม่มีสิ่งใดที่ขัดข้องเลย เช่นนั้นวันนี้ก็แลกเทียบดวงชะตาไปเลยก็แล้วกัน ส่วนเรื่อง
บทที่ 22บ่อน้ำพุร้อนระอุ ห้าวันก่อนหน้านี้เจิ้งจื่อห้าวกลับมาถึงวังเจียวจินก็รีบตรงดิ่งไปหาพระชายาของตนทันที เขาอยากจะรีบเข้าไปรายงานว่าแผนการที่วางเอาไว้ เขาทำสำเร็จแล้ว ซุนหลีเหว่ยได้กลายมาเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของเขา"พระชายา ข้ากลับมาแล้ว"เจิ้งจื่อห้าวเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับความผิดหวัง ไม่ว่าเขาจะใช้สายตากวาดมองจนทั่วห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเลย ใจบุรุษเริ่มร้อนรุ่มด้วยความกังวลใจ"พระชายาเล่า"เขาเอ่ยถามสาวใช้หน้าห้อง แต่กลับได้รับคำตอบที่ยิ่งทำให้หงุดหงิดใจ"ไม่ทราบเพคะ เมื่อครู่นี้พระชายาทรงออกไปกับรั่วซี ทรงไม่ได้ตรัสสิ่งใดเอาไว้เลยเพคะ"นางกำนัลหน้าตำหนักเอ่ยตอบด้วยความกริ่งเกรง"หึ! ไม่ได้เรื่อง"เจิ้งจื่อห้าวที่น้อยครั้งจะมีโทสะกลับเอ่ยดุนางกำนัล เขาที่รีบตรงกลับมาที่วังเมื่อพบกับความว่างเปล่าก็เริ่มใจอยู่ไม่เป็นสุข ในตอนนั้น
"อ่ะ อ๊า อื้อ เสียว...อื้อ ตรงนั้น อ่า..."อวี้หลันส่ายสะโพกไปมาด้วยความเสียวซ่าน นางดึงทึ้งเส้นผมของเขาด้วยความทรมาน สะโพกมนส่ายร่อนไปมาคล้ายจะหลีกหนีแต่ก็กลับมาประชิดกับใบหน้าของเจิ้งจื่อห้าว อวี้หลันทั้งรู้สึกทรมานและสุขสมในเวลาเดียวกันองค์ชายหนุ่มกระตุกยิ้มด้วยความพอใจที่ได้ทรมานพระชายาของตน เมื่อเห็นว่าตรงจุดไหนที่ทำให้นางส่ายสะโพกไปมาไม่หยุด เขาก็ยิ่งดูดเลียตรงนั้นให้นานยิ่งขึ้น ลิ้นสากของเขามันช่างร้ายกาจนัก แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเคยทำเช่นนี้ แต่เขาก็ทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลย"อ๊ะ อ๊า..."อวี้หลันกระตุกเกร็งร่างกายหนึ่งคราก่อนจะเสร็จสม นางแหงนใบหน้าสูดลมหายใจเข้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ การทรมานของเจิ้งจื่อห้าวเมื่อครู่นี้ทำเอานางแทบจะสำลักความสุขตาย"รู้สึกดีหรือไม่?"เจิ้งจื่อห้าวเงยใบหน้าขึ้นมาจากดอกไม้งามเบื้องล่าง ดวงตาคู่คมมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความชอบใจ"เพคะ ดีมาก" นางเอ่ยชมจากใจจริง"แต่เจ้านี่กำลังทรมานนะ"สายตาคู่คมมองต่ำลงไปที่แท่งหยกของตน ที่บัดนี้กำลังผงาดขึ้นม
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส
สองบุรุษยืนส่งสตรีอันเป็นที่รักด้วยหัวใจที่วูบโหวงแปลกประหลาด พวกเขารู้สึกว่าการจากลาเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นี้ช่างยาวนานเสียเหลือก่อนเจิ้งจื่อห้าวสะบัดศีรษะไล่ความคิดออกไป ก่อนจะรีบกลับไปสะสางงานให้เสร็จ เขาอยากจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายใต้แสงจันทร์ที่บ่อน้ำพุร้อน ณ ตำหนักฤดูร้อนเสียแล้ว ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติที่ถูกช่างฝีมือดีรังสรรค์เอาไว้ ยิ่งถ้าได้อยู่กับสตรีอันเป็นที่รัก ใช้ร่างกายอันแข็งแรงของตนโอบกอดนางตลอดทั้งคืนคงเป็นเรื่องที่ดีมาก"ข้าขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่""อืม ข้าเองก็จะไปหาเสด็จแม่ที่ตำหนักเสียหน่อย ช่วงนี้เสด็จแม่ทรงฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งนัก""ข้าขอฝากแสดงความห่วงใยต่อฮองเฮาด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากเสร็จงานเมื่อใดข้าจะไปเยี่ยมฮองเฮาด้วยตนเอง แล้วจึงจะไปตำหนักฤดูร้อนต่อไป""เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด"สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กัน แล้วจึงได้เดินแยกทางกันไปทำหน้าที่ของตน... รถม้าเคลื่อนออกมาจากนอกเมืองหลวงราวหนึ่งชั่วยามแล้ว หนทางข้างหน้าสะดวกสบายไม่ได้ลำบากอะไรนัก เนื่องจากเส้นทางนี้
บทที่ 31หมากตาสุดท้าย หลังจากที่เจิ้งไป๋ฮวากลับไป อวี้หลันก็หันมาเอ่ยถามรั่วซี"มีอะไร""จดหมายจากอารามเป่าซานเพคะ"อวี้หลันรับจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน นางอ่านทวนอีกรอบก่อนจะยกยิ้มด้วยความพอใจแล้วทำลายจดหมายฉบับนั้นทิ้งเสีย"ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย เขาทำงานได้ดีสมกับที่ข้าคาดหวังจริง ๆ""เอ่อ...บ่าวขอถามได้หรือไม่เพคะว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าอาวาสถึงยอมช่วยเหลือพระชายาถึงเพียงนี้ บ่าวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก"อวี้หลันอมยิ้มกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสาวใช้ตัวน้อย"ท่านเจ้าอาวาสผู้นี้เคยเป็นโจรป่ามาก่อน เขาสังหารผู้คนราวกับผักปลาที่ไร้ค่า หลังจากที่ถูกทางการไล่ล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ได้หนีไปบวช นานวันเข้าก็เกิดเลื่อมใสในรสพระธรรมขึ้นมาจึงได้เปลี่ยนตัวตนขึ้นมาใหม่ คราแรกก็เป็นเพียงนักบวชธรรมดาแต่เพราะมีความรอบรู้ในการคาดเดาธรรมชาติจึงทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธ
เจิ้งลู่เหอหัวเสียเป็นอย่างมากที่ในวังของเขามีคนฆ่ากันตาย เขาหาได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้หลุดพ้นจากสองพี่น้องที่แสนเอาแต่ใจคู่นี้ หลังจากนี้เขาคงต้องหาพระชายาคนใหม่ที่จะมาช่วยหนุนหลังเขาต่อไป แต่จะเป็นคนจากตระกูลใดดีนะที่เหมาะสมกับองค์ชายเช่นเขา"เสด็จพี่สี่อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งไป๋ฮวาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นพี่ชายด้วยความเป็นห่วง"ขอบใจเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ที่มาร่วมงานศพ พี่พอทำใจได้บ้างแล้วล่ะ" เจิ้งลู่เหอหลุดจากภวังค์ความคิดของตน เขามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบหน้าจึงเอ่ยถามเจิ้งไป๋ฮวา "พี่ไม่เห็นเสด็จพี่สามกับพี่สะใภ้เลย"หญิงสาวขยับกายเข้ามาใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน"เสด็จพี่สี่อย่าเพิ่งไปพูดกับใครนะเพคะ ตอนนี้พี่สะใภ้กำลังตั้งครรภ์ เสด็จพี่สามก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง งานศพที่เอ่อ...ไม่เป็นมงคลเช่นนี้จึงมิอาจมาร่วมงานได้ เสด็จพี่สี่อย่าได้น้อยใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งลู่เหอที่กำลังรู้สึกหัวเสียพลันดีใจที่ได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้ เขาคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับเจิ้งไป๋ฮวาด้วยน้ำเ