จางเฮ่ออีที่นัดแนะกับอู๋เล่ยเอาไว้ว่าจะไปจับปลามาทำอาหารในตอนเย็นนั้น ตอนนี้ทั้งสองคนเตรียมของพร้อมแล้วทั้งถังน้ำใส่ปลาและฉมวกที่ทำจากไม้และเสี้ยมปลายให้แหลม “เฮ่ออีเราจะไปจับปลาที่ไหนกันดี ” อู๋เล่ยถามสหายเพียงคนเดียวของเขาออกมา“ขอข้าคิดก่อนปลาในลำธารด้านหน้าก็ไม่มีให้เห็นเลยข้าว่ามันคงรำคาญพวกป้า ๆ ที่ไปซักผ้าและจับกลุ่มพูดคุยกันไม่ยอมกลับบ้านเสียที เลยหนีไปอยู่ลำธารอีกด้านแล้ว” เฮ่ออี“หรือเราจะไปจับปลาที่ลำธารหลังบ้านหยางกัน” อู๋เล่ย“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า แต่ถ้าเกิดท่านพ่อของพวกเราจับได้ขึ้นมาล่ะจะทำยังไง ท่านพ่อบอกว่าห้ามไปที่ป่าหมอกเด็ดขาด” เฮ่ออี“พ่อข้าก็สั่งเอาไว้เช่นเดียวกันแต่ข้าอยากไปลองดูเผื่อเราจะเจอเจ้าหน้าตายนั่น ตัวเองเพิ่งย้ายบ้านมาแท้ ๆ แต่กลับไม่ยอมทักทายข้าเลย วันก่อนข้าบังเอิญเจอเขาเข้าระหว่างทาง ข้ารึอุตส่าห์ยิ้มให้แต่เจ้านั่นกลับเมินข้าเสียได้ กล้าดียังไงมาเมินคนหล่อเหลาเช่นข้า” อู๋เล่ย“ที่เจ้าพูดนี่หมายถึงใคร แล้วใครกันที่บอกว่าเจ้าหล่อเหลากัน” เฮ่ออี“ก็เจ้านั่นไง เจ้าเด็กบ้านหยางที่อายุพอ ๆ กับพวกเราน่ะสิ ส่วนที่เจ้าถามว่าใครบอกว่าข้าหน้าตาหล่อเหลาน่ะหรือ ก
หลังจากกลับมาจากขายผักเฟยเทียนได้บอกกับทุกคนในบ้านระหว่างกินมื้อเย็นเรื่องข้อตกลงในการทำการค้ากับเหลาหมื่นลี้ และจำนวนผักที่เหลาหมื่นลี้ต้องการในแต่ละวัน ที่สำคัญคนจากเหลาหมื่นลี้จะมารับผักเองที่บ้านหยาง“วันนี้ข้าได้ตกลงขายผักให้กับเหลาหมื่นลี้ ชั่งละ 30 อิแปะ ผักทุกชนิดราคาเท่ากันหมดและพรุ่งนี้จะมีคนจากทางเหลาหมื่นลี้มารับผักเองที่นี่ พวกเราไม่จำเป็นต้องเอาไปส่ง”“จริงหรือเจ้าใหญ่” เทียนฉีถามออกมาด้วยความตื่นเต้น“จริงของรับท่านพ่อ ผักทุกชนิดของเรา เหลาหมื่นลี้รับซื้อ ชนิดละ 100 ชั่งทุกวัน”“ดี ดีมากจริง ๆ ต่อไปนี้เราก็มีเงินเข้าบ้านทุกวัน พวกเจ้าจะไม่ต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว”“จริงเจ้าค่ะท่านพี่ แม่เองก็จะช่วยพวกเจ้าทำงานให้เต็มที่ ตอนนี้อี้ถังรับหน้าที่เลี้ยงเด็ก ๆ ไปแล้ว แม่เองก็ว่างแล้วล่ะ” นางฟาง“ข้าเองก็จะช่วยด้วยนะเจ้าคะ แต่ข้าก็ยังอยากปักผ้าขายด้วยเจ้าค่ะ” เยว่เล่อ“ท่านปู่ ท่านย่า พวกข้าก็จะช่วยด้วยขอรับ” สองแฝดรีบเสนอตัว“ข้าเองก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ส่วนเจี้ยนเอ๋อร์กับเฉิงเอ๋อร์ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะดูแลให้เอง” ไป๋อี้ถัง“ขอบใจเจ้ามานะอี้ถัง ส่วนหลานสองคนตั้งใจเรียนให้ด
ทั้งสามคนเดินมาจนถึงย่านร้านค้าที่ตั้งเรียงรายกันอยู่มากมาย ถนนสายนี้นับว่าคึกคักมากเลยทีเดียว ร้านค้าที่เฟยเทียนซื้อเอาไว้ก็อยู่ที่ถนนสายนี้เช่นเดียวกัน“ไหน ๆ ก็เดินมาถึงนี่แล้วข้าจะพาพวกเจ้าไปดูร้านค้าที่ข้าซื้อเอาไว้ เราจะขนแตงโมมาขายที่นี่”“ขอรับพี่เฟยเทียน"“ความจริงแล้วภรรยาของข้าอยากได้ร้านค้าเอาไว้ขายของฝากน่ะ ของฝากที่ชาวบ้านในหมู่บ้านป่าหมอกช่วยกันทำขึ้นมา”“ของฝากที่ชาวบ้านทำเช่นนั้นหรือขอรับ มันคืออะไรอย่างนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนถามออกมาด้วยความสงสัย“ใช่ ในอนาคตหมู่บ้านป่าหมอกของเราจะต้องอยู่ดีกินดี นี่คือสิ่งที่ภรรยาข้าต้องการจะทำ เรื่องนี้เอาไว้กลับไปแล้วเจ้าลองไปถามลุงจางสงดูสิ”“ขอรับพี่เฟยเทียน”“หากเป็นเช่นที่พี่สะใภ้ว่ามา แบบนี้มันดีมากเลยล่ะ ข้าจะได้ไม่ต้องทิ้งท่านแม่และน้องชายเอาไว้เพียงลำพัง ข้าเองก็ไม่อยากออกไปทำงานไกล ๆ แล้ว เวลาที่ข้าออกไปทำงานในเมืองข้าจิตใจไม่สงบเลยสักครั้ง” จูฮั่นเหวิน“อีกไม่นานหรอกทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเจ้าวางใจได้ เดินตามเมียข้าย่อมมีข้าวกินแน่นอน มีเงินเอาไว้ใช้จ่ายอีกด้วย” “โอ้โห นี่พี่ไม่ได้กำลังโอ้อวดภรรยาของตัวเองกับพวกข้าอยู่ใช่หร
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่จูฮั่นเหวินได้ตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับเจียงเทียนลู่ที่ตลาด เวลาก็ผ่านมาแล้วหลายวัน ส่วนน้องชายของจูฮั่นเหวินก็หายป่วยแล้วเช่นเดียวกัน ส่วนแผลที่มือของฮั่นเหวินนั้นถึงแม้จะยังไม่หายดีแต่ก็สามารถทำงานได้แล้วและคาดว่าอีกไม่กี่วันแผลที่มือจะหายดีจางสงในฐานะของหัวหน้าหมู่บ้านตอนนี้เขาได้เรียกประชุมชาวบ้านในหมู่บ้านป่าหมอก และบอกกล่าวถึงความต้องการของฉีหลินเรื่องการรับซื้อไข่เป็ดไข่ไก่จากชาวบ้าน อีกทั้งนางยังจะสอนให้ชาวบ้านทำไข่เค็ม และไข่ดอกสนหรือเป็นที่รู้จักในนามของไข่เยี่ยวม้านั่นเองชาวบ้านเมื่อมีช่องทางทำมาหากินก็ดีใจมาก ต่างก็รีบกลับบ้านและสร้างเล้าเป็ดเล้าไก่กันคึกคัก ถึงแม้จะมีชาวบ้านย้ายออกไปเพราะเชื่อข่าวลือที่มีคนปล่อยออกมาเป็นระยะ ๆ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ต้องการย้ายออกไปอยู่ที่อื่น หมู่บ้านแห่งนี้เป็นรากเหง้าของพวกเขาที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนตอนนี้เสี่ยวหู่และต้าเซี่ยได้เริ่มเข้าไปบำเพ็ญเพียรในป่าหมอกแล้ว ส่วนเสี่ยวเฮยและเสี่ยวหลางทำหน้าที่ดูแลและปกป้องคนบ้านหยางต่อไปจนกว่าทั้งสองตัวนั้นจะออกจากการฝึกตน จากนั้นพวกมันถึงจะเข้าไปบำเพ็ญเพียรเช่นเ
ฉีหลินที่ออกมาจากการฝึกตนแล้ว จึงได้เดินไปหาไป๋อี้ถังที่กำลังสอนหนังสือให้บุตรชายทั้งสองของนางอยู่ที่ห้องโถง เพื่อปรึกษาและขอความช่วยเหลือหากปล่อยเอาไว้นานกว่านี้ นางกลัวว่าคนพวกนั้นจะลงมือกับชาวบ้านเสียก่อน"ฉีหลินเองไม่ได้มามือเปล่านางเอาขนมติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะสองแฝดนั้นชอบขนมเป็นที่สุด ตอนนี้ลูก ๆ ของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์น่ากอดมาก เจี้ยนเอ๋อร์มองเห็นท่านแม่ถือจานขนมมาในมือ เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกมารับนางทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ถืออะไรมาขอรับ ให้เจี้ยนเอ๋อร์ช่วยถือนะขอรับ”“แม่เอาขนมมาฝากเจ้ากับเฉิงเอ๋อร์น่ะ ลูกเอาขนมไปแบ่งกันกับเฉิงเอ๋อร์เถอะ แม่มีธุระจะคุยกับพ่อบุญธรรมของลูก”“ขอรับท่านแม่ ขอบคุณท่านแม่ขอรับเดี๋ยวพอพวกเรากินเสร็จแล้วจะออกไปช่วยท่านพ่อเก็บแตงโมที่ไร่ขอรับ วันนี้เรียนเสร็จแล้ว”“เช่นนั้นก็ไปเถอะ อย่าเล่นซุกซนจนทำแตงโมเสียหายล่ะ”“ขอรับท่านแม่รับรองได้เลย ไม่มีเสียหายแน่นอน”คล้อยหลังลูกชายออกไปแล้ว ฉีหลินจึงได้ปรึกษากับไป๋อี้ถังถึงปัญหาที่หมู่บ้านป่าหมอกต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ นางได้แต่หวังว่าไป๋อี้ถังจะพอมีทางช่วยเหลือได้บ้าง เขาเป็นถึงลูกชายของขุนนางใหญ่ พี่ชายทั้งสอง
เช้าวันต่อมาวันนี้สองแฝดรับหน้าที่ไปขายแตงโมที่ร้านกับท่านแม่ ส่วนพ่อบุญธรรมอย่างไป๋อี้ถังนั้นอยู่ช่วยงานที่ไร่แตงโม ใครจะไปคาดคิดว่าคุณชายไป๋จะมาทำไร่ทำสวนอยู่ที่หมู่บ้านในหุบเขาเช่นนี้จดหมายที่ส่งถึงพี่ชายเมื่อวานอีกไม่เกินสองวันน่าจะถึงมือพี่ชายของเขาแล้ว ทีนี้แหละจะได้รู้กันว่ามันเป็นผู้ใดที่บังอาจทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ พวกไม่รู้จักพอต้องจัดการอย่าให้เหลือพวกโกงกินบ้านเมืองวันนี้อู๋เล่ยกับเฮ่ออีก็มาช่วยงานที่ไร่เช่นเคย หลังจากเสร็จงานที่ไร่แล้วพวกเขาก็จะตามพี่สะใภ้เข้าไปในป่าหมอกเพื่อหาของป่าและฝึกยิงธนู พี่สะใภ้หยางใจดีกับพวกเขามาสอนให้พวกเขายิงธนูและยังสอนให้พวกเขาทำกับดักด้วย“เฟยจินนนนนน พวกข้ามาแล้ววววว” เฮ่ออี“เฮ่ออีเจ้าจะแหกปากทำไม ประเดี๋ยวเสี่ยวหลางก็ไล่ฟัดเจ้าอีก ยังไม่เข็ดรึ” อู๋เล่ย“แหะ ๆ ข้าลืมไปน่ะ”“มาถึงแล้วก็รีบมาทำงานเร็ว ๆ เข้า มัวแต่พูดอยู่นั่นล่ะ” เฟยจิน“ขอรับ ขอรับพวกข้าน้อยจะรีบไปทำงานเดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ” เฮ่ออีจีบปากจีบคอพูดเพราะจำนวนคนที่มากขึ้นงานในวันนี้จึงเสร็จเร็วขึ้นไปด้วย นางฟางรีบเข้าครัวไปเตรียมอาหารให้หลานชายและลูกสะใภ้นำไปกินในเมือง เฟยเทียน
ร้านค้าตระกูลหยางไม่เพียงแต่ขายแตงโมเท่านั้น สองสามวันต่อมาพวกเขานำผัก ไข่ไก่มาวางขายด้วย ผักบ้านหยางนั้นต้นอวบอ้วนฉ่ำน้ำแค่มองก็น่าอร่อยแล้ว บ่าวในเรือนเศรษฐีซ่งเหลียงซึ่งเป็นสามีของของหยางฮุ่ยเหม่ยก็ได้มาซื้อผักและแตงโมบ้านหยางเช่นเดียวกันหยางฮุ่ยเหม่ยนั้นขายตัวเข้าไปเป็นอนุลำดับที่ 15 ของซ่งเหลียง หากจะกล่าวถึงเฒ่าตัณหากลับผู้นี้นิยมชมชอบสาวงามรุ่นราวคราวเดียวกับลูก ๆ ในเรือนของเขาเพราะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย อีกทั้งยังมีการค้าในเมืองจิ่งหงแห่งนี้มากมายหลายอย่าง มีทั้งร้านแพรพรรณ ร้านขายข้าวสาร หอสุราและโรงเตี๊ยม แม้ว่าเขาจะซื้อหญิงสาววัยขบเผาะมาเป็นอนุภรรยามากมาย แต่คนที่เขาถูกใจมากที่สุดกลับเป็นหยางฮุ่ยเหม่ย อนุภรรยาลำดับที่ 15 ผู้นี้ ส่วนคนไหนที่เขาเบื่อหรือไม่ต้องการแล้วเขาจะยกให้บ่าวในเรือนไปทันที นางโจวฉีผู้เป็นฮูหยินเอกนางจะคอยจัดการกับบรรดาอนุของสามีไม่ให้ตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด หากมีใครตั้งครรภ์ขึ้นมานางก็จะจัดการทั้งแม่ทั้งลูก เด็กก็ไม่อาจได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก ผู้เป็นแม่ก็ไม่อาจมีลมหายใจได้อีกต่อไปบนโต๊ะอาหารบ้านเศรษฐีซ่ง“แตงโมพวกนี้ซื้อมาจากที่ใดกัน รสชาติอร่อยนัก” ฮูหย
หลังจากที่หยางฮุ่ยเหม่ยว่าจ้างอันธพาลไปทำร้ายฉีหลินแต่ไม่สำเร็จ ครั้งต่อมานางจ้างคนจากหอกิเลนไปดักทำร้ายฉีหลินก็ยังไม่สำเร็จอีกเช่นเคย เรื่องนี้ทำให้นางหงุดหงิดมาก หากแต่ว่าตอนนี้นางไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นางจำใจพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน หนทางที่จะเอาคืนฉีหลินยังมีอีกมากนางต้องค่อย ๆ คิดให้รอบคอบทางด้านฮูหยินเอกอย่างนางโจวฉีนั้น ตอนนี้นางรู้แล้วว่าสามีไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางมากมายดั่งเช่นก่อน สามีแก่ของนางคนนี้ลุ่มหลงหยางฮุ่ยเหม่ยที่เด็กคราวลูกอย่างโงหัวไม่ขึ้น เรื่องนี้ทำให้นางต้องรีบปรึกษากับลูกชายของนางหากเกิดว่าสามีของนางหย่าขาดจากนางขึ้นมานางคงไม่เหลืออะไรในมือ ลูก ๆ ของนางจะต้องลำบากเป็นแน่ด้วยเหตุนี้นางจึงเริ่มวางยาฮูหยินรอง ยาพิษที่ใช้เป็นแบบไร้สีไร้กลิ่น ฤทธิ์ไม่รุนแรงหากแต่เมื่อรับเอายาพิษนี้เข้าไปในร่างกายเป็นเวลานานเข้า ร่างกายจะอ่อนแรง แขนขาไร้เรี่ยวแรง เหนื่อยง่ายและเบื่ออาหาร นางไม่เพียงแต่วางยาหยางฮุ่ยเหม่ยแต่กับสามีของนางนั้นนางก็ไม่ละเว้นเช่นกัน ในเมื่อมักมากในกามชมชอบหญิงงามเช่นนั้นก็จงตายไปพร้อมกับหญิงงามเสียเถิด นี่คือความแค้นที่เก็บสะสมเอาไว้ในใจของโจวฉีตลอดห
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่