แล้วก็มาถึงวันมงคลของหยางเยว่เล่อกับเฮ่อเหลียนจนได้ เฮ่อเหลียนที่รอคอยเจ้าสาวมานานหลายปีวันนี้จึงเป็นวันที่เขาดีใจที่สุด ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่เขาจะได้แต่งภรรยาคนงามเข้าบ้านเสียที ตอนนี้เขาเองก็อยากมีลูกที่น่ารักบ้างแล้ว ท่านพ่อท่านแม่เองก็คงรอคอยวันที่จะได้อุ้มหลานเช่นเดียวกัน“พี่ใหญ่หุบยิ้มบ้างเถอะขอรับ ท่านยิ้มเช่นนี้น่ากลัวยิ่งนักข้าขอแนะนำให้ท่านหยุดยิ้มไปเลยยิ่งดี ท่านไม่รู้หรือว่ารอยยิ้มของท่านตอนนี้ทำเอาคนอื่นขนลุกไปหมดแล้ว” เฮ่ออี“ก็ข้าดีใจ ในที่สุดวันที่ข้ารอคอยก็มาถึง คนที่ไม่มีแม้กระทั่งคนรักเช่นเจ้าจะมาเข้าใจอะไร ไม่ว่าเจ้าจะพูดเช่นไรข้าก็ไม่สนใจเจ้าหรอกนะ” เฮ่อเหลียน“เชิญท่านยิ้มอย่างกับคนบ้าไปเถอะขอรับ ระวังพี่สะใภ้จะกลัวจนไม่กล้าแต่งให้ท่านก็แล้วกัน”“ถุย ถุย ถุย พูดบ้าบออะไรของเจ้า ไม่แต่ง ใครจะไม่แต่งกันเจ้าเด็กนี่”“เลิกทะเลาะกันได้แล้วเจ้าใหญ่ ไปเตรียมตัวได้แล้วลูก ประเดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์ยาม”“ขอรับท่านแม่”เมื่อได้เวลาขบวนเจ้าบ่าวก็นำเกี้ยวไปรับเจ้าสาวที่บ้านหยางทันที งานแต่งของเฮ่อเหลียนกับเยว่เล่อนั้นถือว่าจัดยิ่งใหญ่มาก ชาวบ้านทุกคนมาร่วมงานและแสดงความยินดีก
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทุกคนต่างรอคอยวันที่เด็ก ๆ ได้ออกมาลืมตาดูโลก ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เด็กน้อยในท้องของฉีหลินมีท่าทางอยากจะออกมาเต็มที แต่ตอนนี้กลับนอนสงบอยู่ในท้องของมารดาเสียอย่างนั้นจนกระทั่งกลางดึกของคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนในยามปกติมืดมิดมีเพียงแสงดาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าเท่านั้นแต่คืนนี้กลับมีแสงจันทร์สาดส่องสว่างจ้าไม่ต่างกับเวลากลางวัน ผ่านไปประมาณ 2 เค่อกลับมีสายฟ้ากระหน่ำฟาดลงมา ผ่านไปอีก 2 เค่อ กลับมีฝนสีรุ้งตกลงมาอย่างหนักหน่วงจวบจนเวลาครบ 2 เค่อถึงได้หยุด จากนั้นในเวลาต่อมา เด็กน้อยทั้งสามก็ออกมาลืมตาดูโลก โดยที่ฉีหลินไม่ได้รู้สึกปวดท้องเหมือนเช่นเคย นางเพียงรู้สึกว่าจะคลอดลูกเท่านั้น เมื่อเฟยเทียนส่งภรรยาไปยังห้องคลอดที่เตรียมเอาไว้ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อลูกสาวของเขาก็ออกมาลืมตาดูโลกพร้อมเสียงร้องไห้ดังจ้า และน้องชายทั้งสองของนางก็ตามกันออกมาจากท้องมารดาในเวลาไม่กี่อึดใจเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นไปทั่วแผ่นดินแคว้นหลง ต้นไม้ใบหญ้าต่างเจริญเติบโตขึ้น ดอกไม้ออกดอกผลิบาน ผลไม้ออกผลดกเต็มต้น ข้าวในนาออกร
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหก ถึงแม้ว่าทางชายแดนจะมีการตรึงกำลังรอดูท่าทีกันอยู่ แต่ไม่มีแคว้นใดบุกโจมตีแคว้นหลง พวกเขาทำได้เพียงก่อความรำคาญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทหารที่ประจำอยู่เมืองชายแดนเท่านั้นเป็นเช่นนี้มา 1 ปีกว่า ๆ ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสาม มีอายุ 1 ขวบกับอีก 4 เดือน ตอนนี้เฟยเทียนนั้นกำลังปวดหัวกับลูก ๆ ทั้งสาม ด้วยเด็กทั้งสามคนนั้นไม่ยอมอยู่กับแม่นมหรือคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวและอสูรเทพเพียงเท่านั้น ตอนนี้ทั้งสามคนทั้งดื้อและเดินเร็วมากจนแทบจะเป็นวิ่งแทนแล้ว และยิ่งเริ่มจะพูดได้ก็เถียงกันเองทะเลาะกันสามพี่น้อง ไม่รู้มีความแค้นอันใดต่อกันมาแต่หนหลังหรือไม่“พวกเจ้าทะเลาะกันอีกแล้วใช่หรือไม่ พ่อจะบอกท่านแม่ของพวกเจ้า ในเมื่อชอบทะเลาะกันไม่รักกันก็ให้ท่านแม่ของเจ้ามาจัดการเถอะ พวกเจ้าด้วยต้าเซี่ย เสี่ยวเสวียนอยู่ และเจ้ากิเลนอัสนีเสี่ยวรุ่ยจื่อ”“นายท่าน แล้วพวกข้าเกี่ยวอันใดด้วยขอรับ นายน้อยกับคุณหนูน้อยถือว่าเป็นนายของพวกข้า พวกข้าจะห้ามปรามได้เช่นไรขอรับ” ต้าเซี่ย“ทำไมจะไม่ได้ พวกเจ้าถือว่าตอนนี้มีร่างกายเป็นผู้ใหญ่ พวกเจ้าเปรียบเสมือนพี่เลี้ยงของทั้งสามกลับไม่ห้ามปราม ไม่เท่า
หลังจากเดินทางรอนแรมมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงเมืองชายแดน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังค่ายทหารนั้น พวกเขาได้สำรวจหมู่บ้านทั้งหมดในเมืองชายแดนแห่งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน“พวกเราจะยังไม่เข้าไปที่ค่ายทหาร ข้าต้องการช่วยเหลือชาวบ้านก่อน เมืองชายแดนเช่นนี้ชาวบ้านย่อมได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด หากว่าพวกเราสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้คงดีไม่น้อย”“พี่เห็นด้วยกับเฉิงเอ๋อร์ เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ เริ่มจากหมู่บ้านข้างหน้าเลยก็แล้วกัน” เมิ่งจื้อหยวน“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ หมู่บ้านแห่งนี้นับว่าอยู่ไกลจากชายแดนมากที่สุด แต่ไม่ว่าจะอยู่ห่างแค่ไหนผลกระทบจากสงครามนั้นย่อมมี ชาวบ้านเองก็คงหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย” เจี้ยนเอ๋อร์“คงเป็นเช่นนั้นขอรับพี่ชายเจี้ยนเอ๋อร์ แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนกันดี”“เจ้าไม่ต้องห่วงนะฮั่นไค เดี๋ยวเราไปถึงเราจะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านก่อนเพื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่และความต้องการของชาวบ้าน เราจะได้รู้ว่าชาวบ้านขาดเหลืออะไร หรือต้องการความช่วยเหลือด้านใด”“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”เด็ก ๆ ทั้ง 5 คนควบม้าเพลิงวายุเข้ามาในหมู่บ้านเตี้ยนหลี่ การมาถึงของเ
หลังจากเด็กทั้ง 5 คน พร้อมพี่เลี้ยงออกไปจากบริเวณบ้าน หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกว่าตัวเองแก่ชราลงไปอีกหลายสิบปี ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าเขาเองก็ตกใจกลัวเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้เท่านี้เพิ่งจะเคยพบกับสัตว์เทพในตำนาน หากเอาไปพูดให้คนอื่นฟังไม่แคล้วคนพวกนั้นจะหาว่าเขานั้นเพ้อเจ้อ“ท่านพ่อ ท่านบอกข้าที นี่ข้ายังฝันอยู่ใช่หรือไม่ เมื่อสักครู่ข้าฝันว่ามีเนื้อสัตว์ป่ามากมายกองเท่าภูเขา แล้วข้ายังฝันต่ออีกว่าข้าได้พบกับสัตว์เทพ มีมังกรทมิฬด้วยนะท่านพ่อ มังกรเลยนะ นี่ข้ายังอยู่ในความฝันใช่หรือไม่”“เปล่า เจ้าไม่ได้ฝัน มันคือเรื่องจริง แล้วก็เจ้าน่ะรีบไปดูท่านแม่ของเจ้าเร็วเข้า ยายแก่ตกใจเป็นลมสลบไปแล้ว”จากนั้นเหตุการณ์วุ่นวายเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์สงบลงหัวหน้าหมู่บ้านได้เคาะส่งสัญญาณเรียกชาวบ้านประชุมด่วน ส่วนชาวบ้านที่ได้ยินเสียงสัญญาณเรียกรวมพลพวกเขาต่างตกใจกันมาก ชาวบ้านต่างคิดไปในทำนองเดียวกันว่า มีทหารแคว้นอู๋บุกเข้ามา“หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมพล รีบไปกันเถอะไม่รู้มีเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าแคว้นอู๋จะบุกเข้ามาแล้ว” ชาวบ้านหนึ่ง“นั่นสิ รีบไปกันดีกว่าเผื่อว่ามีเรื่องอันใดร้ายแรงเ
เมืองหลวง ตอนนี้การประชุมเช้าในท้องพระโรงเป็นไปอย่างเคร่งเครียด แคว้นหลงรับศึกสองด้านพร้อมกัน แต่ไหนแต่ไรมาแคว้นอู๋ไม่เคยคิดรุกรานแคว้นหลง แต่มาครั้งนี้ไม่รู้ฮ่องเต้แคว้นอู๋ไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหนมา ถึงได้กล้าเปิดศึกกับแคว้นใหญ่เช่นแคว้นหลงแคว้นฉานเองแต่ไหนแต่ไรมาก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไม่มีวี่แววว่าจะอยากทำศึกสงครามเลยสักครั้ง อีกทั้งพื้นที่แคว้นฉานส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินและมีพื้นที่ดินดีที่สามารถทำการเพาะปลูกได้น้อยนิดตอนนี้ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทั้งสองแคว้นคิดอันใดกันอยู่ ช่างกล้าหาเรื่องจริง ๆ ปกติชาวบ้านก็อยู่กันแบบลำบากอยู่แล้ว หากเกิดศึกสงครามขึ้นย่อมมีการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ“ตอนนี้สถานการณ์ชายแดนยังตึงเครียด กรมคลังตรวจสอบเสบียงให้พร้อม อย่าให้เสบียงอาหารขาดแคลน”“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”“สำนักหมอหลวง เตรียมตัวให้พร้อมอีกสองวันส่งหมอหลวงออกไปช่วยรักษาทหารที่บาดเจ็บ”“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ทูลฝ่าบาท หากเรารับศึกทั้งสองด้านพร้อมกันเกรงว่าจะตึงมือไม่น้อย ฝ่ายเรามีโอกาสเพลี่ยงพล้ำมาก จากหน่วยลับที่ส่งไปสืบข่าวมาเหมือนจะมีมือมืดคอยช่วยเหลือทั้งสองแคว้นอยู่พะย่ะค่ะ มือมืดนี้พวกเ
เช้าวันต่อมาไป๋หย่งเต๋อ ไป๋เจิ้นกั๋ว พร้อมด้วยเฟยเทียนและฉีหลินเข้าวังหลวง ไป๋เจิ้นกั๋วพร้อมบิดาเข้าท้องพระโรงเพื่อว่าราชการเช้าตามปกติ ส่วนไป๋หย่งเจี้ยนที่ออกมาจากตำหนักฮ่องเต้ในฐานะหัวหน้าองครักษ์อยู่ให้การต้อนรับสองสามีภรรยาจากหมู่บ้านป่าหมอก เพื่อรอเวลาให้เหล่าบรรดาขุนนางว่าราชการเสร็จ เฟยเทียนและฉีหลินจะได้เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับแนวทางรับมือแคว้นทั้งสอง ในท้องพระโรงตอนนี้การหารือมีความตึงเครียดมาก ด้วยมีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่แคว้นหลงจะทำสงครามกับแคว้นฉานและแคว้นอู๋ในจำนวนคนไม่เห็นด้วยมีเจ้ากรมพิธีการรวมอยู่ด้วย พวกเขาลงความเห็นว่าถึงแม้ว่าแคว้นหลงจะเป็นแคว้นใหญ่ แต่ถ้าหากรับมือทั้งสองแคว้นพร้อมกันโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำย่อมมีมากกว่า ควรจะส่งทูตไปเจรจาสงบศึกส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนั้นต่างก็โต้คืนมาว่าทำไมเจ้ากรมพิธีการไม่ไปเจรจาเสียเองล่ะ การที่ทั้งสองแคว้นเล็ก ๆ ลุกขึ้นมาบุกโจมตีแคว้นที่ใหญ่กว่านั้นย่อมมีคนหนุนหลังพวกเขาย่อมไม่ยอมสงบศึกเป็นแน่แท้ เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือแผ่นดินแคว้นหลงที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้“ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองด้วยพะย่ะค่ะ การทำสงครามกับทั้งสองแคว้นนั้น
ยังไม่ทันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนจะได้ออกไปจากท้องพระโรง เจ้ากรมพิธีการและเสนาบดีฝ่ายขวายังไม่ยอมรับในข้อสรุปในการประชุม และยังบอกว่าวิธีของฉีหลินไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จการที่จะลักลอบเข้าบ้านคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังไม่สามารถรู้ได้ว่าแคว้นอู๋วางกำลังเอาไว้เท่าไหร่และมีฝีมือมากน้อยแค่ไหน ทหารแคว้นอู๋ล้วนเป็นผู้ที่มีระดับพลังอยู่ในระดับนักรบขั้นสูงส่วนแคว้นฉานนั้นยังไม่สามารถสืบทราบได้“ทูลฝ่าบาท ขอทรงไตร่ตรองด้วยพะย่ะค่ะ” เจ้ากรมพิธีการ“ไตร่ตรอง ไตร่ตรองเรื่องอันใดอีก”“การที่จะเข้าไปในแคว้นอู๋ไม่ใช่เรื่องง่ายพะย่ะค่ะ แล้วจะแน่ใจได้เช่นไรว่าซื่อจื่อเฟยจะสามารถเข้าไปได้ หากมันง่ายดายปานนั้นเหล่าทหารที่อยู่ชายแดนคงลักลอบเข้าไปนานแล้วคงไม่รอมาจนถึงวันนี้กระมังพะย่ะค่ะ”“เจ้ากรมพิธีการ งานของเจ้าคืออะไรรึ” เฟยเทียน“เรียนซื่อจื่อ งานของข้าน้อยหรือขอรับ งานของข้าน้อยคือมีหน้าที่จัดการงานพิธีต่าง ๆ ในวังอย่างไรเล่าขอรับ เหตุใดซื่อจื่อถึงได้ถามเช่นนี้”“มิน่าเล่า ถึงได้โง่เง่า ตำแหน่งของเจ้ามีหน้าที่จัดการงานเกี่ยวกับพิธีการในวัง แล้วเจ้าเกี่ยวอันใดกับการรบ หน้าที่วางแผนแทรกซึมต้องให้เจ้
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่