______
ซ่าส์ ซ่าส์
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามันอัดอั้นมานาน เวลาล่วงเลยมาจนถึงครึ่งค่อนคืนฉันก็ไม่สามารถนอนหลับได้เต็มตา เหตุเพราะข้างกายนั้นมีชายร่างใหญ่นอนหลับอยู่ไม่ห่าง
"พี่อินทร์ นอนหรือยังจ๊ะ"
"......."
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับป่านนี้คงจะนอนหลับไปแล้ว ส่วนฉันก็คงต้องทะเลาะตบตีกับเสียงหัวใจของตัวเอง เหตุใดทำไมมันถึงได้ตื่นเต้นและร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแบบนี้ อากาศเย็นแท้ๆ กลับร้อนอย่างหาสาเหตุไม่ได้
"นอนหลับสักทีสิอีกอบัว!"
ฉันที่นอนตะแคงอยู่ก่นด่าต่อว่าตัวเองเบาๆ ในลำคอ ทั้งที่ฝ่ายชายดูสบายอกสบายใจถึงเพียงนั้น ไหงตัวฉันถึงได้ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว
"นี่เอ็งนอนดิ้นแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่ได้ห่มผ้าหรอก"
"!!!"
คราวนี้นอกจากจะนอนไม่หลับแล้วยังตกใจเพราะฝ่ามือหนาเอื้อมค้อมตัวฉันดึงผ้าห่มปกคลุมหัวไหล่ หวังให้ฉันได้ห่มผ้าซ่อนตัวเองจากอากาศเย็น หารู้ไม่ตอนนี้บริเวณลำคอมันชุ่มไปด้วยเหงื่อร้อนซะยิ่งกว่าอากาศตอนกลางวันเสียอีก
"พะ พี่อินทร์ยังไม่นอนเหรอจ๊ะฉันทำให้พี่ตื่นหรือเปล่า"
"พี่จะนอนหลับได้ไงเอ็งเล่นดิ้นไปมาไม่หยุดแบบนี้ ผ้าห่มก็ผืนเล็กแค่หน่อยเดียวถ้าไม่อยากเป็นไข้ก็นอนนิ่งๆ"
"จ้ะ"
หวังว่าเสียงฝนมันจะกลบเสียงหัวใจฉันไม่มากก็น้อย ทำไงดีตอนนี้เหมือนว่าตัวของพี่อินทร์จะขยับเข้ามาใกล้ฉันกว่าเดิม ในตอนนี้ผ้าห่มเริ่มไม่จำเป็นกับฉันแล้วสิ ร้อนซะจนอยากอาบน้ำอีกสักรอบ
"พี่รบกวนเอ็งมากเลยสินะ"
"ที่ว่ารบกวนคือเรื่องที่พี่นอนค้างบ้านฉันหรือจ๊ะ"
"อือ ดูเหมือนว่าเอ็งจะอึดอัดไม่น้อยเลยนี่"
"ฉะ ฉันจะอึดอัดกับคนที่ดูแลฉันได้ไงกัน"
เพราะกลัวว่าพี่อินทร์จะไม่เชื่อฉันร้อนรนพลิกตัวตะแคงหันหน้าไปฝั่งเขา เมื่อหันไปพบว่าพรานรูปหล่อหันมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
"งั้นรึ ดึกดื่นตั้งป่านนี้แล้วไหงเอ็งถึงนอนไม่หลับกันล่ะ"
"เพราะฉันร้อนนะจ๊ะ! ฉันเป็นคนขี้ร้อนเลยไม่ค่อยชอบห่มผ้า"
พูดออกไปโดยไม่มีมูลความจริงแม้แต่นิด ที่จริงแล้วฉันเป็นคนขี้หนาวมากต่างหาก แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมร่างกายมันถึงผิดแปลกไปจากเดิม แม้จะมองเห็นแววตาผ่านความมืดเล็กน้อยก็สัมผัสได้ว่าสายตาของอีกคนจ้องมองฉันไม่วาง
"ผ้าผืนนี้พี่ห่มเลยก็ได้นะ"
รีบยกผ้าห่มวางบนร่างใหญ่ก่อนฉันจะขยับตัวถอยห่างออกมาเล็กน้อย อาแบบนี้ค่อยหายใจโล่งขึ้นหน่อย
"อย่าโกหก"
"อ๊ะ!"
ทว่าไม่ทันไรกลับถูกฝ่ามือหนารวบเอวดึงตัวฉันเข้าไปไว้กลางอกแกร่ง ไม่ได้สิแบบนี้ไม่ดีแน่! กลิ่นสาบในตัวของฉันคงจะเหม็นติดตัวพี่อินทร์แหง
"ปะ ปล่อยกอบัวนะจ๊ะเดี๋ยวพี่ก็มีกลิ่นเหม็นหรอก"
"หึ เหม็นงั้นหรอสำหรับพี่ เอ็งช่างหอมหวนซะมากกว่า"
"อึก!"
ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นที่ออกมาจากปากพี่อินทร์จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันรู้สึกดีกับคำพูดไร้มูลจากเขามาก นัยน์ตาเราสองต่างจ้องมองสอดประสาน ลมหายใจร้อนผ่าวหายใจรดผิวข้างแก้ม เราสองต่างอยู่แนบชิดจนแทบจะรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่ทันให้ฉันได้ตั้งตัวจู่ๆ ร่างใหญ่กลับเป็นฝ่ายคร่อมร่างกักกันฉันไว้ใต้อาณัติ
"พี่อินทร์!"
"ไม่ใช่เอ็งคนเดียวหรอกนะที่กำลังร้อน พี่เองก็เหมือนกัน"
"หมายความว่าไงจ๊ะ"
"เองชอบพี่หรือไม่"
"!!!"
ชอบ! ฉันอยากจะพูดคำนั้นออกจากปากเสียเดี๋ยวนี้ แต่ทำแบบนั้นกับผู้ชายที่มีเมียแล้วไม่ดีแน่
"พี่เข้าใจผิดแล้วจ้ะ"
"เข้าใจผิดงั้นรึ? แต่พี่น่ะชอบเอ็งนะกอบัว"
หัวใจมันเต้นระรัวจนเกินจะควบคุม ไม่เคยคิดเคยฝันว่าฉันจะมีชายมาชอบคอเกินคำว่าพี่น้อง ทั้งยังเป็นคนในหัวใจฉันตั้งแต่แรกพบ ได้ยินแบบนั้นเหงื่อไหลพรั่งพรูไปทั่วแผ่นหลัง
"ไม่จริง พี่จะชอบกอบัวไม่ได้พี่มีเมียอยู่แล้ว ลืมเรื่องนั้นไปแล้วรึ"
"และถ้าพี่บอกว่านั่นเป็นเพียงการแต่งงานที่ถูกบังคับเอ็งจะเชื่อพี่หรือไม่"
"บะ บังคับ!?"
ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพรานป่ามากฝีมือและหญิงสาวที่งดงามนั้นรักใคร่กันมาตั้งแต่เด็ก ไหงพี่อินทร์ถึงพูดแบบนี้ขึ้นมาได้
"ไม่ว่าจะอะไรก็เถอะ แต่ฉันเป็นเมียน้อยพี่ไม่ได้จริงๆ กลิ่นสาปสางเหม็นเน่าแบบนี้ คงจะเดินเคียงข้างพี่พบปะผู้คนไม่ได้"
ฉันเลื่อนหน้าหันหนีความจริงเรื่องกลิ่นสาปสางนั้นไม่หายไปง่ายๆ หรอกผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านเตือนฉันก่อนออกมา หากว่าออกจากหมู่บ้านเมื่อใดจะต้องคำสาปกลิ่นสาปสาง และจนกว่าจะเจอเนื้อคู่แท้กลิ่นนั้นถึงจะหายไป
"หากพี่เหม็นเอ็งอย่างที่คนอื่นๆ เหม็นคงไม่พาเอ็งมาอยู่ด้วยกันที่นี่ เชื่อหรือไม่กลิ่นกายเองเวลาที่อยู่ใกล้กันแบบนี้มันช่างหอมหวนชวนใจสั่นแค่ไหน พี่ต้องอดกลั้นอารมณ์ตัณหาที่มีต่อเอ็งครั้งแล้วครั้งเล่า อยากจะกลืนกินเอ็งเสียให้หมด"
"งึก!"
เส้นผมถูกพี่อินทร์รวบยกเพื่อหอมดอมดม น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำสั่นไหวคงไม่ต่างไปจากตัวฉัน ก่อนปลายจมูกโด่งจะฝั่งตัวลงมายังแก้มนุ่มเสียรุนแรง
"ฟอด! หอมเหลือเกินกอบัว"
"พี่อินทร์หยุดเถอะนะจ๊ะ"
พยายามยกมือค้ำยันอกแกร่ง เกรงว่าระยะห่างระหว่างเรามันจะลดลงเรื่อยๆ ไม่ผิดไปจากคำบอกเล่าของเพื่อนฉันเลยสักนิด หากได้อยู่ใกล้ผู้ชายก็ไม่ต่างจากกองฟางกับเปลวเพลิง
"เอ็งรู้ตัวหรือเปล่าพี่ยังคงโทษตัวเองทุกเช้าค่ำ หากพี่ไม่พาเอ็งลงมาจากหมู่บ้านบนเขาคำสาปกลิ่นสาปสางของเอ็งคงไม่เกิดขึ้น"
"แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็เป็นฉันเองที่ดึงดันจะลงมากับพี่ กอบัวต้องขอบคุณพี่ต่างหากพี่อินทร์ ^^ "
ส่งยิ้มผ่านความมืดหวังจะส่งไปให้ถึงชายบนร่าง ก่อนร่างนั้นจะทรุดตัวมุดหน้าลงบริเวณลำคอ
"มะ มันจะเหม็น!"
"ขอให้พี่ได้อยู่แบบนี้ครู่หนึ่ง...นะ"
มันก็ได้อยู่หรอก แต่เขาจะไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่มันดังโครมครามใช่ไหม
_________
______"........." เราสองต่างอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงฝนตกกระทบลงบนหลังคาและพื้นหญ้า ข้าเองไม่อยากจะผละตัวถอยห่างจากร่างหอมหวานนี่เสียเลย ทั้งที่ใจจริงอยากจะเอาปลายกระบอกปืนจ่อยิงในปากสวะชาวบ้านใจจะขาด แต่ถึงแบบนั้นข้ากลับชอบที่ชาวบ้านต่างเบือนหน้าหนีกอบัว เพราะนั่นก็ถือว่าข้าได้ตกคู่แข่งไปได้มากโข "อึดอัดหรือไม่" "มะ ไม่จ้ะ" เสียงหวานนุ่มฟังรื่นหูสั่นเครือเล็กน้อย กอบัวคงรู้สึกเขินอายกลัวว่าข้าจะได้ยินเสียงในอก แน่นอนว่าข้าได้ยินจังหวะการเต้นที่รุนแรง มันเป็นจังหวะเดียวกันกับของข้าเราสองรู้สึกไม่ต่างกัน "กอบัวที่พี่พูดไป มันคือความจริงจากใจพี่อยากได้เอ็งเป็นเมียอีกคน เมียที่พี่ใช้ใจเลือกด้วยตัวเองโดยไม่ถูกใครบังคับ เอ็งอยากเป็นเมียน้อยพี่หรือไม่" "พี่อินทร์..." คำพูดขาดห้วงจนไม่สามารถหยั่งรู้คำพูดต่อไปจากกอบัวได้ หากเลือกได้จริงๆ ข้าจะเลือกกอบัวเป็นเมียอย่างที่ใจต้องการ แบบนั้นแล้วข้าคงจะมีความสุขมากกว่านี้ "ฉันก็อยากเป็นเมียพี่จ้ะ" "!!!" ร่างของข้ามันตอบสนองต่อคำพูดของกอบัวในทันที ก้มลงจูบริมฝีปากอวบนุ่มสีชมพูที่เคยคิดเคยฝันว่าอยากสัมผัสมันสักครั้ง ในครานี้ได้สัมผัสม
______"ยะ อย่าทำแบบนั้นนะจ๊ะ!""ของสวยงามถึงเพียงนี้ พี่หักห้ามใจไม่ไหวจริงๆ" สายตาหื่นกระหายจ้องมองเนินเขาอวบอูมทั้งสองลูกเรียวลิ้นร้อนเลียชโลมริมฝีปากหนาหยักคล้ายกับต้องการจะทำความรู้จักกับปลายยอดเขาสีหวาน แต่นี่มันคือครั้งแรกของฉันไอ้ความรู้สึกร้อนวูบวาบทั้งเนื้อตัวยังมีเม็ดเหงื่อผุดผายไม่หยุด เป็นความรู้สึกที่ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉัน"ยันอกพี่แบบนี้คิดจะห้ามกันได้รึ"ฝ่ามือของฉันยัดเข้าที่อกแกร่งบนกล้ามมัดใหญ่ภายใต้ฝ่ามือจุดนี้หากจำไม่ผิดมันคือรอยสักเสือเผ่นที่มีขนาดไม่ใหญ่กำลังคำราม และมืออีกข้างที่กำลังจิกลงบนไหล่ขวามียันต์ฉัตรเพชร บริเวณท้ายทอยมียันต์เก้าแถว และกลางหลังยันต์แปดทิศ หากไม่รู้จักคงคิดว่าพี่อินทร์เป็นคนมีวิชาอาคมซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อได้รู้จักและถามไถ่พี่อินทร์กลับตอบแค่ว่าสักตามเพื่อนฝูงก็เท่านั้น"หากอยู่ต่อหน้าพี่แล้วเอ็งอย่าได้เหม่อเชียว" อาศัยจังหวะช่วงที่ฉันกำลังเหม่อลอยมัวแต่คิดภาพรอยสักบนเนื้อตัวกำยำ ความร้อนจากเรียวลิ้นแผ่ซ่านกระจายเข้ามาจากบริเวณยอดเขาสีหวาน ฝ่ามือหนาบีบเคล้นฟอนเฟ้นมันเสียแทบแหลกคามือ เพลิงไฟราคามันช่างน่าพิศวงเ
______"พี่ข้าวหอม!!" "โวยวายห่าอะไรอีจันทร์ทอง เรื่องที่กูให้ไปตามหาพี่อินทร์ได้ความหรือยัง""ได้แล้วสิจ๊ะถึงได้รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกพี่ไงล่ะ" อีจันทร์ทองเป็นคนใช้ที่พ่อซื้อมาเพื่อให้ดูแลรับใช้ฉันโดยเฉพาะ มันทำทุกอย่างเป็นมือเป็นตีนหากจะให้มันตายแทนก็ยังได้ "แล้วยังไงผัวกูไปไหนรีบบอกมาได้แล้ว กูต้องเข้าเมืองไปทำงานต่อ" นั่งหวีผมส่องกระจกผลัดแป้งเตรียมตัวจะเข้าร้านไปทำงาน แต่อีผัวตัวดีดันไม่กลับบ้านจึงทำให้ฉันต้องกระสับกระส่ายรีบสืบหาต้นตอกลัวว่าพวกชาวบ้านปากพล่อยจะรู้และนำเรื่องไปใส่สีตีไข่เสียก่อน "เป็นอย่างที่พี่คิดไว้เลยจ้ะ ฉันให้ไอ้เทืองคนงานของพ่อผู้ใหญ่ลือไปตามสืบถึงได้รู้ว่าเห็นพรานอินทร์ลุกแต่เช้ามาหุงหาข้าวปลาให้อีกอบัวกิน""ถึงขนาดหุงหาข้าวปลาให้มันกินเชียวรึ!!!" นี่มันจะหยามเมียหลวงอย่างกูเกินไปแล้วอีเมียน้อย ถึงขนาดหลอกล่อให้ผัวกูนอนค้างคืนด้วยมันมีแผนอะไรกันแน่ "ใช่จ้ะไอ้เทืองบอกว่าน่าจะเป็นพรานอินทร์ไม่ผิดแน่" "อีกอบัวเห็นทีว่ากูกับมึงจะอยู่ร่วมผืนแผ่นดินเดียวกันไม่ได้แล้วสิ" ทีแรกกูคิดจะปล่อยมึงไว้เพราะกลัวพี่อินทร์จะเพ่งเล็งมาที่กู แต่ในเมื่อมึงแทงข้างหลังกู
_____เรือนหอพี่ไม่ต่างจากคุกตารางในวันนี้ถ้าต้องกลับบ้าน หลังจากที่ไปคลุกตัวอยู่บ้านกอบัวมานานถึงสามวัน เริ่มมีชาวบ้านแวะเวียนเข้าไปก่อกวนกอบัวมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากคำพูดชวนให้เวทนาของอีข้าวหอม เอาเถอะจะช้าจะเร็วอย่างไรข้าก็ต้องจบมันด้วยตัวเอง "พรานอินทร์มาแล้วรึ" "!!!" ไม่ทันจะเดินขึ้นกระไดบ้านจู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็เอ่ยทักขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนพ่อตาหรือก็คือผู้ใหญ่ลือ ชายร่างท้วมผิวดำแดงหัวล้านครึ่งเบื้องยืนกอดอกจ้องมองลงมาด้วยสายตาเหยียดหยัน "นี่เอ็งเอาเวลาไประเริงอยู่กับสาวชาวเขาคนนั้นถึง 3 วันเชียวรึ ลูกสาวกูนั่งรอนอนรอมึงใจจดจ่อทุกวันทุกคืน มึงกำลังทำให้ลูกกูต้องเจ็บช้ำน้ำใจรู้ตัวหรือเปล่าไอ้อินทร์" เพียงเสี้ยวเวลาผู้ใหญ่ลือเปลี่ยนสีหน้าเรียบเฉยเป็นสีหน้าดุดันน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแววตาขึงขัง ผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านนับหน้าถือตาจะมีคนรู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังมันช่างเน่าเฟะ "ฉันก็ไม่ได้ขอให้มันรอนี่" "หึ กูคงจะอ่อนข้อให้มึงมากเกินไปสินะไอ้อินทร์ได้เวลาทบทวนข้อตกลงระหว่างเราอีกครั้งแล้วล่ะ :)""......" ข้าจำต้องเดินขึ้นเรือนหอด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่ ไม่ทันจะนั่งลงดีสายตาสองพ่
______"โอ๊ย! ไอ้กล้ามึงจะสะบัดผ้ามาทางกูทำไมเล่า โน้นสะบัดไปทางไม่มีคนอยู่สิวะ" "มึงเซ่อซ่ามายืนตอนกูกำลังทำงานทำไมละวะ ไม่ทำก็ออกไป" "ออกไปไม่ได้เดี๋ยวพี่อินทร์เห็นว่ากูไม่ได้ช่วยมึงก็โดนทุบหลังอีก" ฉันยืนทนฟังพี่ทั้งสองคนไม่ไหว เดินเข้าไปจับผ้าห่มหวังจะแย่งมาตากเสียเอง"พี่สองคนไปพักเถอะจ้ะ เดี๋ยวฉันจะตากเอง" "ไม่ได้!" "ไม่ได้!" พี่กล้าพี่ดำเอ่ยพูดพร้อมกันเสียงดังฟังชัด เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อเช้าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายปวดเนื้อตัวปวด พี่อินทร์เห็นเข้าก็ไล่ให้ไปนอนพักแต่ว่างานบ้านงานเรือนที่ยังรอให้ทำก็มีอยู่มาก หนึ่งในนั้นก็คือการซักผ้าห่มนี่ล่ะ เห็นพี่กล้าพี่ดำเดินเตร่ไปมาว่างๆ พี่อินทร์จึงเรียกใช้เสียเลย "กอบัวเป็นถึงเมียพี่อินทร์ พวกพี่ให้เอ็งทำไม่ได้หรอก" "ใช่ เมียพี่ก็เหมือนพี่สะใภ้พวกเรา" "มะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ!" หนึ่งในคำพูดที่ช่วงนี้พี่อินทร์มักจะพูดกับพี่ทั้งสองซึ่งเป็นลูกน้องนั่นก็คือ ฉันเป็นเมียเขานั่นเอง เจ้าตัวพูดออกมาได้หน้าตาเฉยต่างจากฉันที่ทั้งเขินทั้งอายจนหน้ามืดตาลายอยากแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด "พวกมึงใช้เมียกูตากผ้าแทนงั้นรึ" "พี่อินทร์ไม่ใช
_____"พี่จะเข้าไปคนเดียวจริงหรือจ๊ะ ให้พวกฉันเข้าไปด้วยจะดีกว่าไหม""มึงกับไอ้ดำรออยู่ข้างนอกนี่แหละ กูเอาของเข้าไปให้ผู้ใหญ่ลือเสร็จแล้วจะรีบออกมา""พี่ว่าไงพวกฉันก็ว่างั้น"เข้าป่าไปล่าหนังหมีเสร็จออกมาไม่ทันจะได้นั่งพัก คนของผู้ใหญ่ก็มาตามถึงบ้านโดยที่นัดหมายในการมอบของในวันนี้คือซ่อง สถานที่แห่งคาวโลกีย์ขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งกิจการที่เน่าเฟะของผู้ใหญ่ลือ คงต้องรีบเอาของเข้าไปให้มันและรีบออกมาไปหาซื้อเสื้อใหม่ให้กอบัวจะดีกว่า "มาหาใคร"ชายตัวดำสูงใหญ่เอ่ยถามคงจะเป็นคนเฝ้ายามของซ่องแห่งนี้ "มาหาผู้ใหญ่ลือ เอาของมาให้" มันดูจะรู้ความอยู่ไม่เบา รีบเดินหลบหลีกทางให้ข้าได้เดินเข้าไปแต่โดยดี แม้เวลานี้จะเป็นเวลาเที่ยงวันตะวันตรงหัว แต่ในสถานโลกีย์กลับยังมีชายมากตัณหาคอยเดินหรี่ตามองสาวน้อยใหญ่ที่นั่งเรียงกันอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าเวที ที่น่าตกใจคงจะเป็นอายุของเด็กสาวบางคน ที่ดูเหมือนพึ่งจะขึ้นรุ่นอายุอานามเพียงสิบกว่าๆ "กึด! นี่ต้องเลวแค่ไหนถึงเอาเด็กเข้ามาทำงานแบบนี้ได้"นึกถึงความเลวของไอ้ผู้ใหญ่แล้ว ข้าชักจะอดใจไม่ไหวอยากจะถลกหนังมันมาเช็ดตีนเสียจริง "ว๊าย อย่าพึ่งสิจ๊ะรอข้าวหอมก่อนส
______"สวยจัง ^^ " เพียงแค่ก้มมองดูเสื้อสีชมพูและกระโปรงลูกไม้สีขาวยาวคลุมเข่า ชุดใหม่ที่พี่อินทร์ซื้อมาให้ฉันจากในเมือง ทำเอาฉันยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าทั้งวัน "ยิ้มจนแก้มจะปริแล้ว ดีใจขนาดนั้นเชียวรึ" "พี่อินทร์กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ" พี่อินทร์กลับมาพร้อมหน่อไม้หัวใหญ่วางมันลงก่อนจะพุ่งตรงมาที่ฉัน "จะว่าไปชุดนี้เหมาะกับเอ็งมากจริงๆ กอบัว" "มะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ" "จะว่าไปแล้วเย็นนี้มีงานวัด เอ็งจะไปเดินเล่นกับพี่หรือเปล่า" "ปะ ไปได้หรือจ๊ะ!" งานวัด! เมื่อปีที่แล้วฉันเองก็อยากไปแต่เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะมองพี่อินทร์ไม่ดี จึงไม่ได้บอกพี่อินทร์อย่างตรงไปตรงมา ในที่สุดปีนี้พี่อินทร์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวนฉันก่อน "ได้สิ ถ้าเอ็งอยากไปเดี๋ยวพี่พาไป" "ขอบคุณนะจ๊ะ!" ด้วยความดีใจฉันเผลอตัววิ่งเข้าโอบกอดซบอกแกร่งพี่อินทร์เสียแน่น "ถ้าเอ็งอยากทำอะไรก็ขอให้บอก พี่พร้อมจะพาเอ็งไปทุกที" ฝ่ามือหนาลูบหัวฉันแผ่วเบา ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนตอนนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าตกหลุมรักพี่อินทร์เข้าอย่างจัง "หากจะไปงานวัด ชาวบ้านจะไม่ต่อว่าเรื่องกลิ่นกายของฉันหรือจ๊ะ" นั่นสิมัวแต่ดีใจจนลืมเรื่องลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิ
___________"หรือว่าจะเป็นพรานอินทร์งั้นเหรอ!?" "ใช่แน่ๆ" "จะว่าไปแล้วกอบัวดูเหมาะสมกับพรานอินทร์มากกว่าอีข้าวหอมอีกนะ" "นั่นสิ อย่างกับนางฟ้ากับเทวดา" ไม่คิดว่าชาวบ้านจะเปิดใจยอมรับฉันได้เร็วถึงเพียงนี้ รู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างน้อยพี่อินทร์จะได้ไม่โดนชาวบ้านตราหน้าล่ะนะ "เราไปไหว้พระกันเถอะกอบัว" "จ้ะพี่ ^^ " มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันเลยล่ะ"ไม่คิดมาก่อนเลยว่างานวัดจะสนุกแบบนี้" "ถ้าสนุกพี่จะพามาอีก" "ขอบคุณนะจ๊ะพี่อินทร์ ^^ " ท่าน้ำใกล้วัดฉันและพี่อินทร์พากันเดินมานั่งพักขาก่อนจะกลับบ้าน ท่าน้ำบริเวณนี้เงียบสงัดไร้ซึ่งผู้คนหากไม่มีตะเกียงจุดเรื่อยทางมาคงไม่เห็นท่าศาลาแห่งนี้ คิดทบทวนดูแล้วก็อดสงสัยเรื่องของข้าวหอมขึ้นมา"ว่าแต่เรื่องที่ชาวบ้านเขาพูดกันถึงคุณข้าวหอม มันคือเรื่องอะไรหรือจ๊ะ" สีหน้าพี่อินทร์เรียบเฉยลงแววตาไร้ความหมายจ้องมองออกไปยังสายน้ำเบื้องหน้า "เป็นอย่างที่ชาวบ้านลือกัน อีข้าวหอมมันเอากับผู้ชายท้ายตลาดบนรถ" "จะ จริงหรือจ๊ะ!!" น่าอับอายเสียจริง เรื่องที่ชาวบ้านลือกันเป็นความจริงทั้งหมดเลยหรือเนี่ย ทั้งพี่อินทร์ยังเป็นคนไปเห็นกับตาเสีย
______1 เดือนต่อมา"ลมพัดเย็นสบาย คงจะดีหากพี่อินทร์อยู่ตรงนี้ด้วย" นี่ก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วกับเรื่องราววุ่นวายที่จบลง มีชีวิตที่กำลังเริ่มต้นใหม่ไปด้วยดีอย่างเช่นข้าวหอม เพราะทรัพย์สมบัติทั้งหมดของผู้ใหญ่ลือไม่มีผู้สืบทอดจึงตกมาที่ข้าวหอมเต็มๆ เธอจึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนเพื่อให้เด็กๆ ในหมู่บ้านจะได้อ่านออกเขียนได้ คิดย้อนเหตุการณ์ไปในวันนั้นฉันคิดว่าจะต้องเสียพี่อินทร์ไปตลอดกาลเสียแล้ว ดีที่ตำรวจมือไวลั่นไกลการุณยฆาตผู้ใหญ่ลือเสียก่อน ทำให้พี่อินทร์รอดตายมาอย่างหวุดหวิด "มานั่งทำอะไรคนเดียวจ๊ะเมีย" "พี่อินทร์กลับมาแล้วหรือจ๊ะ" คนในความคิดปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่หายหน้าไปช่วยชาวบ้านคนอื่นๆ สร้างโรงเรียนแต่เช้า "ก็ทนคิดถึงเมียไม่ได้ เลยขอข้าวหอมมันกลับมาก่อน" ว่าแล้วก็เดินเข้ามานั่งโอบกอดซบไหล่ฉัน คล้ายกับคนไม่ได้เจอหันมานานแรมปี "ปากหวานไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ" "อะไรที่พี่คิดก็อยากจะรีบพูดรีบทำก่อนที่จะสายไป เหตุการณ์ในวันนั้นสอนให้พี่ไม่ประมาทหากตำรวจไม่ช่วยเอาไว้ คนที่ตายอาจจะเป็นพี่ก็ได้" "ถ้าเป็นแบบนั้นกอบัวคงจะอยู่คนเดียวไม่ได้เหมือนกัน" เราสองต่างโอบกอดกันแน่นราวกับว่ากลัวอี
______"เราต้องรีบไปบ้านอีข้าวหอมกันแล้ว" "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?" เพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นานแท้ๆ มุ้งยังไม่ทันได้เก็บพี่อินทร์เดินปรี่เข้าบ้านด้วยสีหน้าร้อนรนคล้ายกับคนมีเรื่อง"เมื่อกี้ไอ้กล้าวิ่งมาบอกว่าเห็นผู้ใหญ่ลือไปเดินตลาดในหมู่บ้าน อีกไม่นานคงได้เข้าไปหาอีข้าวหอมเป็นแน่" "แบบนั้นไม่ดีแน่ เรารีบไปกันเถอะจ้ะ" ฉันและพี่อินทร์รีบตรงไปยังบ้านข้าวหอม ดีที่ผู้ใหญ่ลือยังมาไม่ถึง ทันทีที่เดินขึ้นกระไดบ้านเห็นข้าวหอมนั่งตัวสั่นงันงกคล้ายกำลังหวาดผวาอะไรบางอย่าง "ข้าวหอมเป็นไรหรือเปล่า!" ฉันรีบวิ่งเข้าไปถามไถ่เกรงว่าเธอจะเจ็บป่วยตรงไหน รู้แบบนี้เอายาสมุนไพรมาเผื่อไว้ก็ดี "คุณหนูข้าวหอมไม่ได้เจ็บป่วยอะไรหรอกจ้ะ เธอแค่กลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่ลือตามมาทำร้ายถึงที่บ้านเหมือนเมื่อคืนวานอีก""ไม่เอานะ! ฉันไม่อยากถูกส่งไปขายเธอช่วยฉันด้วยนะกอบัว" เรียวมือสั่นเทาเขย่าแขนฉันหวังให้ฉันช่วย เหลือบมองไปที่พี่อินทร์ขณะนี้กำลังยืนคุยอะไรบางอย่างกับพี่ดำและพี่กล้าอยู่ที่หัวกระได "ไม่เป็นไรนะข้าวหอม ฉันและพี่อินทร์จะไม่ยอมให้เธอโดนผู้ใหญ่ลือทำร้ายอีกแล้ว""ฮืออ ช่วยฉันด้วยนะกอบัว ฮึก ฉันกลัว" ข้าวห
______"มานั่งทำอะไรคนเดียวในลำธารหรือจ๊ะ" ถึงกลับสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เสียงกอบัวเอ่ยถามดังมาจากด้านหลังเมื่อหันไปพบว่าเธอกำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมผ้าบางคลุมหัวไหล่ "ออกมานั่งคิดอะไรคนเดียวเพลินๆ น่ะเอ็งเถอะยังไม่นอนอีกหรือ" "จะให้ฉันนอนหลับได้อย่างไร จู่ๆ พี่ก็หายไปเสียดื้อๆ ฉันกลัวว่าคนของผู้ใหญ่ลือจะมาจับตัวพี่ไปเสียอีก" "นี่เอ็งเห็นพี่เป็นเด็กอมมือหรือไง ที่ใครจะลากตัวไปมาได้ตามใจชอบ นี่อดีตโจรป่าเชียวนะ" "นั่นสิจ๊ะ ฉันคงคิดมากเกินไป" กอบัวหัวเราะเล็กน้อยชอบอกชอบใจ เดินตรงเข้ามานั่งข้างกายข้าไม่ห่าง เราสองเพียงนั่งเงียบๆ เงยหน้ามองพระจันทร์และดวงดาว "ว่าแต่ดีแล้วหรือจ๊ะที่ให้พี่ดำพี่กล้าไปเฝ้าข้าวหอมที่บ้าน" หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จข้าให้ไอ้ดำไอ้กล้าไปเฝ้าอีข้าวหอมที่บ้าน เผื่อไอ้ผู้ใหญ่มันคลั่งคิดจะฆ่าลูกขึ้นมาอย่างน้อยจะได้มีคนช่วย "ไอ้ดำไอ้กล้าฝีมือมันไม่ใช่ย่อย ถ้าไม่หมาหมู่รุมมันเป็นสิบคนยังไงก็เอาไหว" "เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าผู้ใหญ่ลือจะมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตทำร้ายได้แม้กระทั่งลูกในไส้ของตัวเอง" "ไอ้คนพันนี้มันทำได้มากกว่าที่คิดเสียอีก หญิงสาวสวยๆ ในหมู่บ้านต่างก็ผ่านมือมัน
_______"วันนี้กอบัวอารมณ์ดีหรือเปล่าเนี่ย กับข้าวกับปลาเต็มโต๊ะไปหมด" "ไอ้กล้ามึงก็พูดไป ทุกครั้งกอบัวมันก็ทำกับข้าวเยอะแยะเผื่อมึงกับกูเหมือนทุกที" "ก็วันนี้มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยนี่หว่า เหมือนกับว่ามีเรื่องดีๆ " พี่ดำจ้องมองฉันสลับไปมากับพี่อินทร์ที่ตอนนี้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งกินข้าวคล้ายไม่ได้ยิน"ไอ้ดำมึงอยากกินส้นตีนกูแทนข้าวหรือเปล่า" "โอ๊ะ! ไม่เอาด้วยหรอกพี่อินทร์ตีนหนักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดนทีช้ำในไปเป็นเดือน" ทั้งพี่ดำและพี่กล้าต่างก็รู้แล้วว่าฉันรู้เรื่องในอดีตจากพี่อินทร์หมดแล้ว ฉะนั้นเวลาที่พูดคุยปรึกษาหารือทั้งสามมักจะพูดคุยต่อหน้าฉันโดยไม่มีอะไรปิดบัง ทำให้ฉันรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว "เอ็งก็มานั่งกินพร้อมกันซะสิกอบัว เดี๋ยวข้าวก็เย็นหมดไม่อร่อยกันพอดี" "จ้ะ ^^ " ชีวิตในแต่ล่ะวันของฉันในตอนนี้ช่างเรียบง่ายทั้งยังมีความสุข ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพี่อินทร์ตลอดทั้งวัน นั่นก็ถือว่าเป็นความสุขที่สุดของฉันแล้ว "อย่านะจ๊ะคุณหนู!" เสียงดังโวยวายมาจากทางหน้าบ้าน ฉันทั้งสี่หันไปมองเป็นตาเดียวแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสวยหัวฟูรุงรังวิ่งหน้าตาตื่นตรงเข้า
______"ความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับอีข้าวหอมมันเริ่มต้นจากเรื่องที่ผู้ใหญ่ลือรู้ว่าพี่เป็นโจรป่าเข้านี่แหละ ด้วยชื่อเสียงซุ่มโจรของพี่ดังกระฉ่อนไปทั่วไหนจะโดนหมายหัวจากทางการ ทันทีที่มันรู้ว่าพี่เป็นไอ้อินทร์โจรป่าแล้ว มันจึงยื่นข้อเสนอแลกกับการที่มันจะปิดเรื่องพบตัวพี่ให้ทางการ" "ข้อเสนอที่ว่าคือเรื่องที่พี่มักจะหายเข้าไปหาของป่านานหลายวันหรือเปล่าจ๊ะ" "ใช่ มันรู้ว่าพี่เป็นคนมีวิชาจึงให้พี่ออกไปล่าสัตว์ป่าตามคำสั่งซื้อของพวกฝรั่งมังค่า ส่วนมันก็เพียงแค่นำของไปขายและนอนนับเงินหนาเป็นฟ่อน" ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ลือที่ชาวบ้านให้ความเคารพยำเกรงจะกล้าทำถึงเพียงนี้ "ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเปิดซ่องค้าประเวณีออกหน้าออกตาแต่ที่เจ็บใจคือมันมักจะเอาเด็กสาวไปค้าขายอย่างสบายใจ" "ละ แล้วทางการไม่รู้หรือจ๊ะ" "รู้ แต่ในเมืองเราถูกมันปิดปากด้วยเงินไปหมดแล้ว จึงไม่เข้าไปยุ่มย่าม" "ชั่วเสียจริง!" เด็กสาวงั้นเหรอ ฉันเองก็เคยรู้เรื่องพวกนี้มาจากคนในหมู่บ้านบนเขา ว่าพ่อแม่ที่ยากจนมักจะพาลูกสาวไปขายที่เชิงเขา ไม่คิดว่าขายที่ว่าจะเป็นการขายในสถานที่แบบนั้น "ใช่ ใจจริงพี่อยากจะฉีกหน้ากากนักบุญจอมปลอมออกให้สิ
___________"หรือว่าจะเป็นพรานอินทร์งั้นเหรอ!?" "ใช่แน่ๆ" "จะว่าไปแล้วกอบัวดูเหมาะสมกับพรานอินทร์มากกว่าอีข้าวหอมอีกนะ" "นั่นสิ อย่างกับนางฟ้ากับเทวดา" ไม่คิดว่าชาวบ้านจะเปิดใจยอมรับฉันได้เร็วถึงเพียงนี้ รู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างน้อยพี่อินทร์จะได้ไม่โดนชาวบ้านตราหน้าล่ะนะ "เราไปไหว้พระกันเถอะกอบัว" "จ้ะพี่ ^^ " มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันเลยล่ะ"ไม่คิดมาก่อนเลยว่างานวัดจะสนุกแบบนี้" "ถ้าสนุกพี่จะพามาอีก" "ขอบคุณนะจ๊ะพี่อินทร์ ^^ " ท่าน้ำใกล้วัดฉันและพี่อินทร์พากันเดินมานั่งพักขาก่อนจะกลับบ้าน ท่าน้ำบริเวณนี้เงียบสงัดไร้ซึ่งผู้คนหากไม่มีตะเกียงจุดเรื่อยทางมาคงไม่เห็นท่าศาลาแห่งนี้ คิดทบทวนดูแล้วก็อดสงสัยเรื่องของข้าวหอมขึ้นมา"ว่าแต่เรื่องที่ชาวบ้านเขาพูดกันถึงคุณข้าวหอม มันคือเรื่องอะไรหรือจ๊ะ" สีหน้าพี่อินทร์เรียบเฉยลงแววตาไร้ความหมายจ้องมองออกไปยังสายน้ำเบื้องหน้า "เป็นอย่างที่ชาวบ้านลือกัน อีข้าวหอมมันเอากับผู้ชายท้ายตลาดบนรถ" "จะ จริงหรือจ๊ะ!!" น่าอับอายเสียจริง เรื่องที่ชาวบ้านลือกันเป็นความจริงทั้งหมดเลยหรือเนี่ย ทั้งพี่อินทร์ยังเป็นคนไปเห็นกับตาเสีย
______"สวยจัง ^^ " เพียงแค่ก้มมองดูเสื้อสีชมพูและกระโปรงลูกไม้สีขาวยาวคลุมเข่า ชุดใหม่ที่พี่อินทร์ซื้อมาให้ฉันจากในเมือง ทำเอาฉันยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าทั้งวัน "ยิ้มจนแก้มจะปริแล้ว ดีใจขนาดนั้นเชียวรึ" "พี่อินทร์กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ" พี่อินทร์กลับมาพร้อมหน่อไม้หัวใหญ่วางมันลงก่อนจะพุ่งตรงมาที่ฉัน "จะว่าไปชุดนี้เหมาะกับเอ็งมากจริงๆ กอบัว" "มะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ" "จะว่าไปแล้วเย็นนี้มีงานวัด เอ็งจะไปเดินเล่นกับพี่หรือเปล่า" "ปะ ไปได้หรือจ๊ะ!" งานวัด! เมื่อปีที่แล้วฉันเองก็อยากไปแต่เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะมองพี่อินทร์ไม่ดี จึงไม่ได้บอกพี่อินทร์อย่างตรงไปตรงมา ในที่สุดปีนี้พี่อินทร์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวนฉันก่อน "ได้สิ ถ้าเอ็งอยากไปเดี๋ยวพี่พาไป" "ขอบคุณนะจ๊ะ!" ด้วยความดีใจฉันเผลอตัววิ่งเข้าโอบกอดซบอกแกร่งพี่อินทร์เสียแน่น "ถ้าเอ็งอยากทำอะไรก็ขอให้บอก พี่พร้อมจะพาเอ็งไปทุกที" ฝ่ามือหนาลูบหัวฉันแผ่วเบา ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนตอนนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าตกหลุมรักพี่อินทร์เข้าอย่างจัง "หากจะไปงานวัด ชาวบ้านจะไม่ต่อว่าเรื่องกลิ่นกายของฉันหรือจ๊ะ" นั่นสิมัวแต่ดีใจจนลืมเรื่องลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิ
_____"พี่จะเข้าไปคนเดียวจริงหรือจ๊ะ ให้พวกฉันเข้าไปด้วยจะดีกว่าไหม""มึงกับไอ้ดำรออยู่ข้างนอกนี่แหละ กูเอาของเข้าไปให้ผู้ใหญ่ลือเสร็จแล้วจะรีบออกมา""พี่ว่าไงพวกฉันก็ว่างั้น"เข้าป่าไปล่าหนังหมีเสร็จออกมาไม่ทันจะได้นั่งพัก คนของผู้ใหญ่ก็มาตามถึงบ้านโดยที่นัดหมายในการมอบของในวันนี้คือซ่อง สถานที่แห่งคาวโลกีย์ขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งกิจการที่เน่าเฟะของผู้ใหญ่ลือ คงต้องรีบเอาของเข้าไปให้มันและรีบออกมาไปหาซื้อเสื้อใหม่ให้กอบัวจะดีกว่า "มาหาใคร"ชายตัวดำสูงใหญ่เอ่ยถามคงจะเป็นคนเฝ้ายามของซ่องแห่งนี้ "มาหาผู้ใหญ่ลือ เอาของมาให้" มันดูจะรู้ความอยู่ไม่เบา รีบเดินหลบหลีกทางให้ข้าได้เดินเข้าไปแต่โดยดี แม้เวลานี้จะเป็นเวลาเที่ยงวันตะวันตรงหัว แต่ในสถานโลกีย์กลับยังมีชายมากตัณหาคอยเดินหรี่ตามองสาวน้อยใหญ่ที่นั่งเรียงกันอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าเวที ที่น่าตกใจคงจะเป็นอายุของเด็กสาวบางคน ที่ดูเหมือนพึ่งจะขึ้นรุ่นอายุอานามเพียงสิบกว่าๆ "กึด! นี่ต้องเลวแค่ไหนถึงเอาเด็กเข้ามาทำงานแบบนี้ได้"นึกถึงความเลวของไอ้ผู้ใหญ่แล้ว ข้าชักจะอดใจไม่ไหวอยากจะถลกหนังมันมาเช็ดตีนเสียจริง "ว๊าย อย่าพึ่งสิจ๊ะรอข้าวหอมก่อนส
______"โอ๊ย! ไอ้กล้ามึงจะสะบัดผ้ามาทางกูทำไมเล่า โน้นสะบัดไปทางไม่มีคนอยู่สิวะ" "มึงเซ่อซ่ามายืนตอนกูกำลังทำงานทำไมละวะ ไม่ทำก็ออกไป" "ออกไปไม่ได้เดี๋ยวพี่อินทร์เห็นว่ากูไม่ได้ช่วยมึงก็โดนทุบหลังอีก" ฉันยืนทนฟังพี่ทั้งสองคนไม่ไหว เดินเข้าไปจับผ้าห่มหวังจะแย่งมาตากเสียเอง"พี่สองคนไปพักเถอะจ้ะ เดี๋ยวฉันจะตากเอง" "ไม่ได้!" "ไม่ได้!" พี่กล้าพี่ดำเอ่ยพูดพร้อมกันเสียงดังฟังชัด เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อเช้าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายปวดเนื้อตัวปวด พี่อินทร์เห็นเข้าก็ไล่ให้ไปนอนพักแต่ว่างานบ้านงานเรือนที่ยังรอให้ทำก็มีอยู่มาก หนึ่งในนั้นก็คือการซักผ้าห่มนี่ล่ะ เห็นพี่กล้าพี่ดำเดินเตร่ไปมาว่างๆ พี่อินทร์จึงเรียกใช้เสียเลย "กอบัวเป็นถึงเมียพี่อินทร์ พวกพี่ให้เอ็งทำไม่ได้หรอก" "ใช่ เมียพี่ก็เหมือนพี่สะใภ้พวกเรา" "มะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ!" หนึ่งในคำพูดที่ช่วงนี้พี่อินทร์มักจะพูดกับพี่ทั้งสองซึ่งเป็นลูกน้องนั่นก็คือ ฉันเป็นเมียเขานั่นเอง เจ้าตัวพูดออกมาได้หน้าตาเฉยต่างจากฉันที่ทั้งเขินทั้งอายจนหน้ามืดตาลายอยากแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด "พวกมึงใช้เมียกูตากผ้าแทนงั้นรึ" "พี่อินทร์ไม่ใช