“ปล่อยฉันนะ!!” ขอขวัญแผดร้องเสียงดังลั่น สองมือกำหมัดระดมทุบไปบนกายแกร่งกำยำรัวเร็วแรงเท่าที่จะทำได้ อย่างลืมตัวไปว่าการเคลื่อนไหวจะยิ่งทำให้ปมผ้าขนหนูคลายออกมากขึ้น“เอา...ร้องเข้าไป ร้องไห้ดังๆ นะ แล้วก็เคลื่อนไหวให้เร็วกว่านี้ด้วย ฉันจะได้เห็นรูปร่างเธอชัดๆ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ เมื่อครู่เขาหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่นะ ด้วยใกล้ถึงเวลาสำคัญทว่าสองสาวที่ควรต้องไปยืนเคียงข้างกลับไม่ยอมโผล่หน้าไปสักคน จนต้องตามมาดู จึงได้เห็นอติกานต์เดินออกไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ อยากตรงเข้าไปทักและเอ่ยถาม...ไม่ใช่เพราะสนใจใคร่รู้อะไรหรอกนะ เพียงแค่เขามีหน้าที่ดูแลเธอให้อยู่รอดปลอดภัย แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับยืนรอปล่อยให้หญิงสาวเดินผ่านไป เพื่อเขาจะได้มาหาอีกคนในห้องนี้ จัดการลงโทษคนไม่รักษาเวลาแทนให้หนักๆเหมือนสวิตช์ไฟที่เปิดอยู่ถูกสับให้ปิด มือนุ่มนิ่มยกขึ้นพร้อมนิ้วกางออก จุดหมายคือใบหน้าครึ้มด้วยหนวดและเคราที่ได้รับการตัดตกแต่งอย่างดี มองแล้วไม่น่าเกลียด มิหนำซ้ำยังมีเสน่ห์แฝงออกมา พานทำให้คนเห็นหัวใจกระตุกหยุดชะงักความตั้งใจเดิม เปลี่ยนเป็นจับปมผ้าขนหนูที่เริ่มคลายออกอย่างเร็วไว“อ้าว
ขอขวัญตวัดค้อนขวับๆ ยื่นมือไปไขว่คว้าผ้าขนหนูและปัดป้องไม่ให้คนหน้าด้านได้เห็นเรือนกายถนัดถนี่ ฟันกรามขบกัดกรอดๆ ด้วยเป็นเดือดเป็นแค้นอยากกางนิ้วมือทั้งสิบนิ้วออกแล้วลากข่วน พร้อมจิกเข้าไปในดวงตาคมเข้มที่มองอย่างกับจะกลืนกินด้วยความปรารถนาและ...“จะปิดไปทำไม ไม่นานฉันก็จะได้จับได้ต้องจนหมดทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว”“คุณมัน...ไปตายซะ ไอ้คนบ้า!” ขอขวัญกระฟัดกระเฟียดเพราะโกรธจัด เครียดจนอยากจะร้องไห้ เมื่อหาทางออกและเอาคืนคนตัวใหญ่ไม่ได้“คนอย่างฉันแม้แต่พระเจ้ายังเมิน ไม่อยากรับเอาวิญญาณไปด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มเอ่ยประชดเสียงกระด้างดุกร้าว “แล้วยังไม่ได้พาเธอเที่ยวลำนาวาสวรรค์เลย จะรีบตายไปไหนกันล่ะ”ขอขวัญรู้สึกเหมือนกับในกายเต็มไปด้วยเพลิงไฟที่พร้อมปะทุด้วยความโกรธชายตรงหน้าที่ยังมีรอยยิ้มตรงมุมปาก แต่ไม่ใช่ใบหน้าและดวงตาซึ่งดุดันและแข็งกร้าว น่ากลัวจนสองขาเพรียวยาวถึงกับสั่น ที่เธอยังฮึดฮัดเรียกความกล้าออกมาสู้ เรื่องอะไรจะให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักมาย่ำยีร่างกายและทำร้ายหัวใจกันเล่า“ปากอย่างคุณนะ ไปลงนรกขุมที่สิบแปดไม่ต้องผุดต้องเกิดดีกว่า” ขอขวัญตวัดค้อนใส่คนที่ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว
“ขอโทษนะคะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” หญิงสาวเอ่ยเสียงเย็นอย่างคิดว่าสามารถตัดปัญหาไปได้ ทว่า...รอยยิ้มตรงมุมปากที่ได้เห็นช่างคุ้นตามากเหลือเกิน จนทำให้ไพล่คิดไปถึงใครบางคนที่ชอบทำให้เธอโกรธ ที่พ่วงกับอีกหนึ่งความรู้สึกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ทว่าอติกานต์ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป ด้วยไม่เชื่อว่าเขาคนนั้นจะกล้าเข้ามาประกาศตัวว่าสนใจเธอในอาณาจักรแห่งนี้ ด้วยเข้ามาแล้วอาจไม่ได้กลับออกไปอย่างคนอาการครบสามสิบสอง“อยู่คนเดียวเหงาออก ผู้คนมากมายล้วนแล้วแต่แปลกหน้าทั้งนั้น ผมว่าคุณผู้หญิงมีเพื่อนคุยคอยเป็นเกราะคุ้มกันน่าจะดีกว่านะครับ”ท่ามกลางสรรพเสียงที่ดังกระหึ่ม เพียงเธอปรากฏกายขึ้นเท่านั้น ทุกอย่างกลับเงียบลง สายตาทุกคู่โฟกัสมาที่ร่างเพรียวบางในชุดสีครีมลูกไม้แนบเน้นให้เห็นความงดงามของกายสาว ผู้ชายมองด้วยความรู้สึกอยากสานสัมพันธไมตรีด้วย ขณะที่ผู้หญิงมองด้วยความอิจฉาริษยาในความงดงาม ภายใต้ใบหน้าและส่วนบนของศีรษะจะมีผ้าลูกไม้ฉลุปกคลุมอยู่“ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวรอดได้”“อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ ตอนนี้ใครต่อใครต่างก็หมายใจอยากเข้าใกล้ เพื่อเต้นรำกับสาวสวยอย่างคุณ”“ไม่เว้นแม้แต่คุณ...แต่ขอโทษด้วย ฉันมาท
“ไม่อยากได้ยินเธอกรีดร้องเสียงแหลมแสบไส้ บาดลึกจนแก้วหูแทบแตก แต่ขอเป็นร้องครางหวานๆ ยั่วเย้าเว้าวอนขอให้ฉันรีบทำอย่างอื่นเร็วไวดีกว่าไหมขอขวัญ”ใบหน้าผุดผาดซีดเผือดแหงนขึ้นมองหน้าคมเข้มอย่างงุนงง ดวงตาเข้มดุวามวาวคล้ายลูกแก้วสะท้อนแสงไฟ ทำให้หัวใจดวงน้อยคล้ายมีความหวาดกลัวระคนอยากรู้อยากเห็น ก่อนความทรงจำร้ายๆ จะผุดขึ้นในสมอง พร้อมความเจ็บปวดราวกับผิวเนื้อถูกทิ่มแทงจากเข็มนับร้อยเล่ม“...” เสียงผลักไสกลายเป็นเพียงแค่เสียงกระอึกกระอักในลำคอ สองมือที่ทาบผลักบ่ากว้างก็สั่นสะท้าน เมื่อชายหนุ่มละเลียดไล้บดคลึงอย่างอ่อนโยนราวกับปีกขนนกโบยบิน คล้ายต้องการจะปลอบโยนและปัดเป่าความหวาดกลัวภายในใจขอขวัญให้จางหายไปทีละน้อยท่อนแขนกำยำรัดร่างบอบบางแนบสนิทชิดจนได้สัมผัสโนมเนื้อนุ่มนิ่ม ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง ไต่ไปจับรั้งท้ายทอยมนให้รับจุมพิตอ่อนหวานเว้าวอนให้ยินยอมพร้อมใจ ฟันคมๆ กดย้ำบนกลีบปากอิ่มนุ่มจนขอขวัญรู้สึกหนาวสะท้านจนขนกายลุกเกรียว พอๆ กับเสียงของหัวใจที่กระหน่ำเต้นรัวเร็ว แม้มีความเจ็บปวดสอดแทรกอยู่บ้างแต่ก็น้อยนิดเมื่อเทียบกับครั้งแรก สัมผัสที่มาพร้อมความรู้สึกวาบหวามปั่นป่วนในช่
“ไม่ว่าจะไปนรกขุมไหน แค่มีเธอไปด้วย ฉันก็ยินดีไปโดยไม่รีรอเลยละ” ชายหนุ่มโต้กลับพร้อมละสายตาจากการมองสบกับดวงตากลมโตเปล่งประกายลุกเรืองรองและสองแก้มใสซึ่งแดงระเรื่อด้วยโกรธกริ้วไปยังมุมหนึ่งของห้อง เมื่อรู้สึกเหมือนกับถูกมองด้วยสายตาเป็นอริ แต่ก็ได้เห็นเพียงหลังไวๆ ของใครบางคน ความรู้สึกบอกว่าใช่! คนที่เขาตามหาตัวอยู่ แม้ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ที่ไม่ได้เห็นหน้าให้ตามไล่ล่าตัวถูกง่ายๆ แต่เขาก็รู้อีกฝ่ายใช่จะเป็นหนูให้ถูกแมวตะครุบได้ง่ายๆ แต่เป็นหมูเขี้ยวตันที่มีมันสมองและเป็นพันธุ์หมาป่า ถึงได้ปราดเปรียวและเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด แต่คนเราต่อให้เก่งฉกาจสักแค่ไหน ทว่าก็ยังมีวันพลาดเผลอกระโจนลงสู่หลุมกับดักจนได้นั่นแหละ!“คุณมัน...ไอ้บ้า!” เมื่อไม่รู้จะโต้กลับอีกฝ่ายไปได้ยังไง ขอขวัญจึงถลึงตาใส่และเบี่ยงใบหน้าหนีดวงตาเหมือนจะยิ้มได้คู่นั้น ทำให้ได้เห็นอติกานต์ที่เดินตามหลังใครบางคนมา ใบหน้าแม้จะเรียบเฉย ทว่าดวงตากลมโตสุกใสคู่นั้นกลับฉายแววประหวั่นพรั่นพรึงอย่างกักเก็บไว้ไม่มิด“อยากไปก็ได้นะขอขวัญ แต่ฉันไม่รับประกันว่าเพื่อนเธอจะปลอดภัย” มือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหันไปพยักหน้าให้ลูกน
“จะหุบปากเองหรือให้ฉันปิดให้ล่ะขอขวัญ” ในนาทีนี้ไม่ควรโวยวายให้กลายเป็นจุดสนใจและควรที่จะรีบเร่งออกจากห้องมืดๆ นี้ ก่อนจะกลายเป็นเหยื่อในอุ้งมือเจ้าตัวร้ายที่หาเรื่องเล่นงานเขาทุกยุทธวิธี แม้งานนี้จะมีการเตรียมตัวรับมืออย่างดีแล้ว แต่เขาก็ยังพลาดจนได้! อันเดซาอีได้แต่หงุดหงิดใจขอขวัญทำเสียงจิจ๊ะในลำคอ “ฉันดูแลตัวเองได้ คุณไปช่วยคุณเอแคลร์ดีกว่า”“ฉันอยู่นี่จ้ะขวัญ” อติกานต์รีบบอกก่อนสองหนุ่มสาวจะทุ่มเถียงให้เธอปวดศีรษะมากไปกว่าที่เป็นอยู่ เท้าบอบบางก้าวเดินตามแรงลากจูงของเหล่ากลุ่มผู้คนที่กระวีกระวาดวิ่งไปหาแสงสว่างซึ่งส่องมารำไรอย่างระมัดระวังที่สุด“โอ๊ย!”“คุณเอแคลร์! เป็นอะไรไปคะ คุณอยู่ตรงไหน” ขอขวัญเอ่ยถามพร้อมมือหนึ่งทาบแผ่นหลังของคนที่เดินนำและพยายามสะบัดอีกมือออกจากการเกาะกุม เพื่อไขว่คว้าอติกานต์ด้วยใจร้อนรน“ฉันไม่เป็นไร” อติกานต์กัดฟันบอก ทั้งที่เจ็บข้อเท้าอันเนื่องมาจากเดินผิดท่าเลยพลิก ก่อนถูกซ้ำด้วยอะไรหนักๆ ที่น่าจะเป็นคนกระแทกที่แผ่นหลังจนกายถลาพุ่งไปด้านหน้าจนหัวตุงคว้าง แล้วเหมือนเวรซ้ำกรรมซัด ขณะก้าวเดินตามอันเดซาอีและขอขวัญไปอย่างรีบเร่งนั้นเอง อยู่ดีๆ ก็ถูกกระชา
“คุณไม่ได้ส่งใครตามหาคุณเอแคลร์ทั้งนั้นแหละ” ขอขวัญกระแทกเสียงแข็งใส่ สองแขนยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอกอย่างกระฟัดกระเฟียด อยากลุกออกไปจากห้องนี้เพื่อตามหาอติกานต์ด้วยตัวเอง แต่...เพียงแค่ขยับกายอันเดซาอีซึ่งคอยจับตามองอยู่คงจะรีบจับเอาตัวไว้เสียก่อน หรือหากผ่านชายหนุ่มไปได้ ประตูห้องก็ยังมีหนุ่มร่างยักษ์ใบหน้าถมึงทึงเหมือนโกรธเกลียดใครมาสักร้อยปีพันชาติเฝ้าอยู่ ยังไงก็ไม่พ้นอยู่ดี สู้อยู่หาเรื่องต่อว่าให้พ่อคนตรงหน้าทนไม่ไหวออกจัดการด้วยตัวเองจะดีกว่า“รู้ได้ยังไง” อันเดซาอีถาม นิ้วยาวเคาะบนเบาะนุ่มเบาๆ ขณะจับตามองขอขวัญอย่างแน่วนิ่ง“เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน”“รู้แบบผิดๆ น่ะสิ”“งั้นคุณก็บอกที่ถูกมาสิ” ขอขวัญโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ว่าไงล่ะ พูดไม่ออกใช่ไหมล่ะ”“ว่าไง...ได้เรื่องอะไรบ้าง” แทนที่จะตอบแม่ตัวเล็กเรื่องมาก อันเดซาอีกลับหันใบหน้าไปถามลูกน้องที่เมื่อรู้ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นก็เร่งรุดทำหน้าที่ของตัวเอง ก่อนจะถูกเขาตะเพิดไล่ออกโทษฐานทำงานบกพร่อง“เราตรวจเช็กจากกล้องวงจรปิดทุกตัวแล้ว ไม่พบว่ามีการพาใครออกไปจากโรงแรม แต่ถึงตอนนี้เราก็ยังหาตัวคุณอติกานต์และคนก่อเรื่องไม่เจอเช่นกันครับ”“
“ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ...หรือเธอเองก็ไม่แน่ใจ ถึงตอบฉันไม่ได้”“ฉันไม่ได้เกาะติดคุณเอแคลร์เป็นตังเมนี่นา ถึงจะได้รู้ว่าเธอทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่”“ถ้าไม่รู้ ไม่แน่ใจก็อย่าพูดแทนคนอื่น เดี๋ยวเกิดไม่ใช่ขึ้นมา เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเดือดร้อน”รู้ว่าเขาเตือนด้วยความหวังดี แต่เมื่อโดนว่าต่อหน้าเช่นนี้ขอขวัญก็หงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมา ใบหน้าผุดผ่องถึงได้หงิกงอง้ำ “คุณล่ะ ดีกว่าฉันตรงไหน ไม่รู้ไปสร้างเรื่องเลวร้ายอะไรไว้ ร้อนถึงผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องถูกดึงมาเดือดร้อนด้วย”ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เขาคงดึงแม่สาวปากกล้ามาลงทัณฑ์ด้วยการจูบแล้ว แต่เมื่อทำไม่ได้ อันเดซาอีจึงทำเสียงง่ำๆ ฮึ่มๆ ในลำคอประหนึ่งฝากบทลงโทษเอาไว้ก่อน และแม่ตัวเล็กก็ดูเหมือนจะรู้ เลยลอยหน้าลอยตาท้าทายใบหน้าแฉล้มแช่มชื่น อีกทั้งลูกน้องที่มาใหม่เหมือนมีเรื่องรายงาน ทำให้เขาต้องหันไปให้ความสนใจมากกว่าจะนั่งต่อปากต่อคำกับขอขวัญ“ได้เรื่องแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมยันกายลุกขึ้น เมื่อผู้ถูกถามพยักหน้ารับ“คุณจะไปไหน” ขอขวัญรีบถามทันที เมื่อจำได้อย่างแม่นยำว่าชายคนที่เข้ามาใหม่ และทำท่าทางเหมือนมีเรื่องพูดกั
โมฮาหมัดถึงกับผงะและร้องครางในลำคออย่างไม่เชื่อ ทำไมเขาถึงได้เห็นหน้าไอ้เจ้านั่นเสียได้ กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน พยายามสะบัดศีรษะขับไล่ภาพที่เรียบร้อยเป็นเรื่องราวแต่หนหลังพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่ยิ่งเพิ่มความเจ็บศีรษะจนตาพร่ามัว“เป็นอะไรไปน่ะคุณ” อติกานต์เอ่ยถาม เมื่ออยู่ดีๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งก็ขาวซีดและมีหยาดเหงื่อไหลซึมออกมา“อย่ามายุ่ง” โมฮาหมัดปัดมือเล็กออกห่างไป เสียงหวานใสที่แตะหลังหูเสมือนคมมีดแห่งความริษยาที่บาดลึกลงไปถึงทรวง“นึกว่าฉันอยากยุ่งกับคุณนักหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณบังคับลากเอาตัวมาด้วย ฉันคงไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่กลางทะเลทรายแบบนี้ ฉันก็ไม่ยุ่งกับคุณหรอกย่ะ” อติกานต์สบถน้ำเสียงขุ่นมัว ดวงตากลมใสเป็นประกายวาวจ้าด้วยเพลิงโทสะราวกับกระแสลมที่พัดลิ่วล้อเล่นกับทรายสีขาวนวลคือเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ผสมคำพูดท้าทายดังก้องหู...คนอย่างนายก็ดีแต่ใช้เล่ห์เหลี่ยมล่อหลอกผู้หญิงให้สนใจ ถ้าแน่จริงก็ทำให้ผู้หญิงตรงหน้ารักและยินยอมเป็นเมียด้วยความเต็มใจสิ แต่นะ...อย่างนายคงทำได้เพียงแค่ใช้กำลังข่มเหงอย่างเดียว ถึงจะได้ตัวผู้หญิงที่พึงพอใจมาเคียงชิดใกล้ อติกานต์คือผู้หญิงข
“เป็นอะไร” หญิงสาวเผลอสาวเท้าถอยหลัง จึงถูกแขนแกร่งตวัดโอบรัดรอบกายและดึงเข้าหาตัว จนต้องรีบยกมือยันอกกว้าง ก่อนจมูกโด่งจะกดลงบนหน้าผากนวล“เมีย...ไง” โมฮาหมัดฉวยที่อติกานต์กำลังตะลึงพรึงเพริดอยู่ กดปากหนาอุ่นลงไปบนเรียวปากนุ่ม บดคลึงขบเม้มแผ่วเบา ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบางพลางกอดกระชับร่างอรชรแนบชิด“อือ...” อติกานต์พยายามต้านทานเพลิงพิศวาสที่ถูกเติมอย่างหนักหน่วงแต่มั่นคง ที่ทำให้หัวใจซึ่งเคยคิดว่าเย็นชาเข็ดขยาดกับความรัก เพราะถูกคนรักหักหลังอย่างเลือดเย็นเริ่มแกว่งไกว คล้ายเชือกป่านที่ถูกขึงเชื่อมต้นไม้สูงสองต้นไว้ด้วยกัน ยิ่งพยายามต้านทานมากเท่าไหร่ ร่างกายกลับยิ่งอ่อนแรง ไหนจะความอบอุ่นที่โอบรัด ทำให้ยิ่งอยากถาโถมเข้าไปแนบซบอกกว้าง แต่แม้ใจปรารถนาสักเท่าไหร่ เธอก็ต้องหักห้ามมิให้เผลอไผลปล่อยให้ความต้องการอยู่เหนือความถูกต้อง“อือ...จะต้านทานความต้องการของตัวเองไปทำไมกันล่ะเอแคลร์” แขนแกร่งกระชับร่างนุ่มนิ่มแนบชิด ลูบไล้ฝ่ามือหนาไปบนแผ่นหลังบอบบาง เรื่อยขึ้นไปจนถึงลำคอระหง นวดคลึงแผ่วเบาก่อนจะจับตรึงท้ายทอยมนเอาไว้มั่น เพื่อเขาจะได้สัมผัสกับใบหน้านวลเนียนนุ่มและกลีบปากอิ่มหวาน
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังไหว ไปต่อเถอะ ว่าแต่...ทางที่เราจะไป จะได้เจอกับหมู่บ้านหรือพวกยิปซีมาตั้งกระโจมพักเร็วๆ ใช่ไหม” เธอไม่ได้อยากถามอย่างนี้ แต่ตอนนี้ในหัวมีเสียงใสดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนค้อนที่ตอกลงไปบนตะปู ทำให้ปวดหัวติ้วๆ มาพร้อมกับอาการผะอืดผะอมอยากจะอาเจียนอันเดซาอีได้แต่เงียบ ด้วยตอบคำถามนี้ไม่ได้ การวิ่งหนีท่ามกลางความมืดมิดทำให้เริ่มที่จะหลงทิศทาง เกิดเป็นความไม่แน่ใจ ควรจะไปทางไหนดี“ไปทางขวาสิ...ไม่นานเราก็จะพบคนช่วย” อยู่ดีๆ ใจเธอก็สั่งให้เอ่ยขึ้น“หือ...เธอว่าอะไรนะ” อันเดซาอีเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ไหนจะน้ำเสียงที่ดังข้างๆ หูอีกเล่า หรือว่าเธอคนนั้นกำลังมาเตือนให้เขารู้สึกตัว อย่าลืมความตั้งใจเดิม...อย่าให้สิ่งที่ลงทุนทำลงไปทุกอย่างเสียเปล่า“ขอขวัญ” ความจริงอยากร้องเรียกคนบนหลังว่า “ไอย่า” มากกว่า แม้อยากจะหลอกตัวเองว่ามีคนที่รักอยู่เคียงข้างกาย อยากได้ยินเสียงกังวานหวานใสดังใกล้ๆ ได้เห็นใบหน้าที่แสดงถึงอารมณ์ต่างๆ ดวงตากลมโตใสแจ๋วฉายแววรักใคร่ยามมองมาที่เขา แต่เขาก็จำต้องยอมรับความเป็นจริง...ไม่มีเธออยู่เคียงข้างให้รอบกายและหัวใจเปี่ยมล้นด้วยความสุข
สองแก้มนุ่มป่องออกเล็กน้อย เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขา...ก็สมควรแล้วนี่ที่จะต้องรับผิดชอบ เหนื่อยจนหายใจหอบราวกับหมาหอบแดด...ล้าจนสองขาแทบจะยกไม่ขึ้นแล้วนี่นา รอยยิ้มจะแต้มที่บนเรียวปากอิ่ม ดวงตากลมโตเป็นประกายใสแจ๋วดั่งกับดวงดาราที่ดาษดื่นบนท้องฟ้ายามราตรีไร้แสงจันทรา“ก็...เท้าฉันเจ็บ เดินต่อไปไม่ไหว ถ้าคุณอยากจะให้การเดินทางไปได้เร็วอย่างใจละก็...” คิ้วโก่งได้รูปเลิกขึ้นอย่างคนที่คิดว่าตอนนี้ถือไพ่เหนือกว่า“เธอนี่...นอกจากจะพูดจนลิงหลับได้แล้ว ยังจะมากเรื่องและยุ่งชะมัดยาด” อันเดซาอีเอ่ยอย่างเอือมระอา แต่แปลกที่เขารู้สึกเหมือนความรู้สึกดีๆ อบอวลอยู่รอบกาย เหมือนจะแทรกซึมไปที่หัวใจอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงที่เขาต้องรีบสลัดทิ้งไปโดยเร็วไว “จะมาโทษว่าเป็นความผิดฉันได้ยังไงกันล่ะ คุณเป็นคนเลือกแบบนี้เองนี่นา” ขอขวัญยิ้มจนแก้มปริ รีบยกมือวางบนไหล่กว้างของคนที่ย่อตัวลงให้เธอขึ้นขี่หลังอย่างเริงรื่นและสุขใจ“ผู้หญิงอะไร ตัวหนักชะมัดเลย” น้ำหนักขอขวัญไม่ได้เยอะจนทำให้ไหล่ทรุด แต่เพราะบาดแผลต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บจนขาสั่น“ถึงพ่อแม่จะไม่ใช่คนมั่งมีเงินทองกองท่วมหัวอย่างคุณ แต่เพราะท่านดัน
“โอ๊ย! ฉันเหนื่อยแล้วนะ หยุดพักก่อนได้ไหมคุณอันเดซาอี” ขอขวัญโอดครวญปนหอบ พลางยกมือเย็นขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลหยดลงมาเป็นทาง สลับกดทรวงอกที่ความอึดอัดถาโถมเข้ามาหนักหน่วงขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ออกมาจากกระโจมที่พัก เธอก็ยังต้องวิ่ง...วิ่งและวิ่งไม่ได้หยุดเลย“ไม่ได้”“ทำไม เราวิ่งหนีมาได้ตั้งไกลแล้วนะ ไม่เห็นหรือไงว่าพวกนั้นไม่ตามมาแล้วนะ อีกอย่างฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะใจดำไม่ยอมหยุดพักอีกหรือไง”“ยิ่งเราช้าเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ถูกตามทันเร็วเท่านั้น” แม้เขาจะท่องไปในทะเลทรายนานหลายปี แต่ก็ยังไม่อาจต่อกรกับคนที่ได้รับการฝึกฝนทางด้านการต่อสู้และชำนาญพื้นที่ได้“แต่ฉันเหนื่อย...คุณได้ยินไหมว่าฉันเหนื่อย ฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว” ขอขวัญสลัดแขนออกจากมือแกร่งและทรุดกายลงนั่งบนพื้นทรายอย่างหมดแรงเดินจริงๆ“อดทนอีกนิดนะ ฉันคิดว่า...” อันเดซาอีเหลียวมองรอบกายที่ปลายขอบโค้งของท้องฟ้า พระจันทร์ดวงกลมโตยังคงทอแสงอ่อนๆ ให้เห็นทางเดินแสนเวิ้งว้างและยาว...ไกล“คิดว่าอะไร” ขอขวัญเอ่ยถามเมื่ออันเดซาอีหยุดพูดไปเสียดื้อๆ“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าคุณพาฉันหลงทาง จนตอนนี้ไม่รู้จะไปทางไหนดีน่ะ” ปลายเสียงขอขวัญแหบแห้
เห็นขอขวัญยิ้มให้กับผู้ชายคนอื่นแล้วในหัวใจมันเจ็บจี๊ด ร้อนรุ่มราวกับโดนไฟเผา แต่ยามนี้ที่รอบกายรายล้อมไปด้วยคนมุ่งร้าย ในเมื่อศัตรูตรงหน้าเผยตัวว่าจะยอมเป็นพันธมิตรชั่วคราว เขาควรหยุดคิดเรื่องส่วนตัวหันมาใช้ประโยชน์จากคนตรงหน้าให้มากที่สุดสินะ แต่ก็ไม่ทันโมฮาหมัดที่เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน“ที่เธอเสนอมาเมื่อครู่มันก็ดีอยู่นะขวัญ แต่...”“แต่...อะไร” อติกานต์เอ่ยถามเมื่อรู้สึกเสียววาบที่แผ่นหลัง รอยยิ้มแหยๆ แตะใบหน้ายามเมื่อเหลือบสายตาหวาดหวั่นไปมองอันเดซาอี ก่อนตวัดสายตาเกรี้ยวกราดไปมองโมฮาหมัด แต่เพียงได้สบสายตาคมดุวามวาวแล้วต้องรีบขยับกายหนีอย่างอัตโนมัติ“เผอิญคนที่ฉันอยากพาไปด้วยก็คือ...” กายแกร่งกำยำเคลื่อนไหวไปหาอติกานต์อย่างว่องไว “ยังไงฉันก็ขอตัวเอแคลร์ไปก่อนละกัน” โมฮาหมัดยกมือโบกสะบัด พลางบังคับพาคนที่พยายามจะสะบัดกายหนีไปทางที่เข้ามา“คุณ! จะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ” อติกานต์พยายามสะบัดมือออกจากการจับกุม แต่นอกจากจะไม่หลุด ยังถูกโมฮาหมัดสอดแขนรัดรอบเอวคอดกิ่วพร้อมเสียงเข้มดุอีก“อยู่เฉยๆ นะเอแคลร์ เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฝ่ามือหนาทาบบนแผ่นหลังบอบบาง ดันกายอรชรให้ต้องเร่งเดินตามไปติด ๆ“ค
“ฉันน่ะยังไงก็ได้แต่...” โมฮาหมัดโยนการตัดสินใจให้กับอันเดซาอีที่จะต้องคิดหนัก “จะยอมเสียศักดิ์ศรีให้โจรอย่างฉันช่วยได้รื้อ” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะลงคอ เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน ควรจะดีใจที่มีคนลงมือกำจัดอันเดซาอีให้ แต่พอเกิดเหตุเข้าใจจริงๆ ทำไมถึงใจถึงหาย ทำใจไม่ได้ก็ไม่รู้ศีรษะทุยถึงกับส่ายสะบัด เขานี่ท่าจะเพี้ยนหนัก โดนอันเดซาอีไล่ล่าตามล้างตามเช็ด จนก่อเกิดเกลียวเชือกสานสายใยความรู้สึกเหมือนญาติสนิท ที่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดร้อน ใจก็ร้อนรุ่มต้องออกโรงช่วยเหลือ จนลืมคิดถึงความปลอดภัยและผลที่จะเกิดตามมา“ว่าไงล่ะคุณอันเดซาอี...แค่คุณคนเดียว แน่ใจนะว่าจะรับมือพวกข้างนอกนับสิบนั่นได้ จะคุ้มครองผู้หญิงถึงสองคนไม่ให้โดนทำร้ายได้น่ะ”“จะให้ฉันไว้ใจ ยอมให้ว่าที่ภรรยาไปอยู่ในการคุ้มครองของผู้ชายที่พูดไม่หยุดปาก อยากข่มเหงรังแกเธอจนหน้ามืดได้ยังไงกัน” เสียงขลุกขลักดังจากแผงคอแกร่ง“ฉันคงจะเพี้ยนจัด ถ้าปล่อยให้เอแคลร์อยู่ภายใต้การดูแลของแมวบ้าที่คอยแต่จะขย้ำเขาอยู่ตลอดเวลาน่ะ” เอ่ยออกไปแล้วอันเดซาอีก็รู้สึกเหมือนมีกระแสลมเย็นๆ มาแตะกาย จนต้องเหลือบสายตาไปมองอติกา
“คงกลัว ถ้าความจริงเปิดเผย คุณเอแคลร์จะโกรธเอาน่ะสิ” ขอขวัญเอ่ยทะลุขึ้นมากลางปล้อง ด้วยไม่ชอบใจบรรยากาศที่คุกรุ่นราวกับจะกำลังมีพายุฝนฟ้าคะนอง“คนมันกลัว บังคับไปก็แค่นั้น ยังไงเขาก็ไม่กล้าพูดหรอก” อันเดซาอีเสริมท้ายด้วยความอยากเห็นใบหน้าแท้จริงของฝ่ายตรงข้าม ที่จะว่าไปก็คุ้นตา...ใจเขามิใช่น้อยถึงยังไงเขาก็ต้องเปิดเผยตัวเองให้อติกานต์ได้รู้ จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่แตกต่างกัน “ได้สิ...คนอย่างโมฮาหมัดไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว”แค่ได้ยินชื่ออติกานต์ก็สะดุ้ง ยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าคมเข้มนั้นชัดเจน คิดว่าใบหน้าคงจะเผือดขาวซีด ไม่แพ้มือและเท้าที่เย็นยะเยือก“คุณ...โมฮาหมัด” เสียงครางหลุดออกจากลำคอระหง พร้อมกับความอายและเพลิงโทสะที่แล่นลิ่วขึ้นมาราวกับปรอทถูกไฟ “ผู้ชายเฮงซวย!” อติกานต์กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตทอแสงวาวเจิดจ้าดั่งแสงตะวันส่องทรายยามเที่ยงวัน“สนุกมากใช่ไหมที่หลอกผู้หญิงคนหนึ่งให้หัวปั่น” หมื่นแสนคำพูดที่อัดอั้นตันใจ อติกานต์อยากจะจัดหนักใส่หน้าพ่อคนใจร้ายที่ยังคงยิ้มอย่างไม่รับรู้ความรู้สึกของเธอที่สุด “โกรธอะไรหนักหนาล่ะเอแคลร์ ฉันไม่ได้คิดจะหลอกลวงอะไรเธอเลยนะ แค่เข้ามา
“ไม่จริงหรอกนะ” เอ่ยแทรกเสียงหวานละมุน อย่างต้องการเป็นเช่นน้ำเย็นราดรดลงบนเพลิงไฟให้มลายหายสิ้นในเร็วพลัน มือนุ่มนิ่มลูบไล้ใบหน้ากลมป้อม ดวงตากลมใสมีน้ำตาเอ่อล้นฉายแววอึดอัดคับแค้นใจ “ต้นเหตุที่ทำให้...”เสียงหวานใสกลับเลือนหายไป เพราะเสียงแข็งกระด้างและดุกร้าวที่สอดแทรกขึ้นมา ตอนแรกๆ ก็คิดว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่ก็ต้องคิดใหม่ ด้วยเมื่อใดที่พี่สาวคนสวยจะบอกอะไรกับเขา ก็มักจะมีคนหรือเหตุการณ์ต่างๆ มาขัดจังหวะเสียทุกครั้งไป จวบจนตอนจากไปก็ยังทิ้งปมไว้ให้ต้องค้นหา พร้อมกับความลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผยให้รู้แว่วเสียงถามของฮามีดถามซ้ำอีกครั้งดังเข้ามาในหู “เอายังไงดีล่ะลูกพี่” ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าอยู่ที่ใดและสิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือแก้ไขเหตุการณ์เบื้องหน้าให้ลุล่วงไปด้วยดี ไม่ได้เป็นห่วงอันเดซาอีหรอกนะ เชื่อว่าต่อให้เจอเข้ากับคนมีฝีมือ แถมยังจะมีความชำนาญในพื้นที่ ก็สามารถหลบหลีกโจมตีอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม มันทำให้เขาวิตกกังวลห่วงไปถึงอีกคนที่อาจจะเป็นอันตรายเพียงแค่คิด...ยามแขนกลมกลึงถูกจับแล้วกระชาก ผิวกายนวลเนียนนุ่มถูกจับต้องอย่างรุนแรงจนเป็นรอยแดง เพียงแค่คิด...เธออาจถูกทำร้ายจากพวกใจโฉ