“ฉันจะให้พวกเขาแนะนำตัวก่อน จากนั้นเธอก็เลือกมาสักคนแล้วกัน!”“เดี๋ยวก่อน พวกเขาทำงานอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ฉันจ่ายเงินจ้างพวกเขาได้เหรอ?”ไม่รอให้เบลล่าพูด ผู้ชายคนหนึ่งก็กะพริบตาพร้อมฉีกยิ้มมาทางเวินเหลียง “ได้อยู่แล้วครับ คนสวยเชื้อสายเอเชีย ขอแค่คุณมีเงิน จะให้พวกเราทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”เมื่อเวินเหลียงได้ยินดังนั้นก็มองเขาทีหนึ่ง รู้สึกว่าเขาค่อนข้างเป็นงาน “นายชื่ออะไร? อายุเท่าไร?”“เรียกผมริชาร์ดก็พอครับ ปีนี้ผมอายุยี่สิบหกปี ราศีพิจิก พี่คนสวย คุณจะจ้างพวกเราไปทำอะไรเหรอ?”“แกล้งเป็นแฟนฉัน รับมือกับอดีตสามี”“หา? พี่คนสวย ทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าจะมีอดีตสามีกะเขาด้วย ถ้าคุณไม่พูด ผมยังคิดว่าคุณเพิ่งอายุสิบแปดนะเนี่ย!”เวินเหลียงฉีกยิ้ม “ฉันคิดว่านายน่าสนใจมาก เลือกนายแล้วกัน”“ครับ พี่คนสวย คุณว่ามาสิต้องการให้ผมทำอะไร?”หลังคนอื่น ๆ ออกไป เวินเหลียงก็บอกความต้องการของตนไปในเมื่อเป็นแฟนที่ถูกเวินเหลียงเลือก อย่างนั้นอย่างแรกก็ต้องดูแลเอาอกเอาใจเธอ เข้าใจความชอบของเธออย่างต่อมาต้องมีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง แบบนี้เวินเหลียงมองไปเขาคงคาดไม่ถึงอย่างแน่นอนอย่างห
เวินเหลียงเห็นฟู่เจิงในตอนเย็นของวันหนึ่งช่วงปลายเดือนกรกฎาคมสีฟ้าสลัวเวินเหลียงแบกกระเป๋ากล้องออกมาจากตึกใหญ่ หลังถ่ายภาพทั้งวันของตัวเองเสร็จมีคนคนหนึ่งยืนอยู่บนบันไดหน้าตึกใหญ่ รูปร่างสูงตระหง่าน ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง ราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่เพียงแต่เวินเหลียงไม่ได้สังเกตดี ๆ เธอชำเลืองมองโทรศัพท์ไปพลางเดินมุ่งหน้าไป พร้อมทั้งคอยสังเกตทะเบียนรถของรถยนต์บนถนน รอการมาถึงของรถที่ตนเรียกจากแอปพลิเคชันกระทั่งฟู่เจิงหอบดอกไม้สดเดินเข้ามาหา และขวางทางเธอเอาไว้“อาเหลียง”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เวินเหลียงก็เงยหน้าขึ้นมามองฟู่เจิงที่อยู่ตรงหน้าทันที บนใบหน้าของเธอเผยความตกตะลึงออกมาอึ้งไปสองวินาที เธอก็เอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “มีธุระอะไรเหรอ”เมื่อเห็นท่าทีของเวินเหลียง ฟู่เจิงก็รู้ได้ในทันทีว่าการขอให้เวินเหลียงอภัยให้ตนในครั้งนี้ต้องทุ่มเทมากขึ้นหน่อยแล้วแต่ใครใช้ให้เขาตัดสินใจเองและไม่บอกเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนล่ะ?เขาฉีกยิ้มสดใสพร้อมส่งดอกไม้ในมือออกไป “ฉันมารับเธอกลับไปน่ะ”เวินเหลียงมองเขาด้วยความฉงนทีหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ก็แสร้งถามไปว่า “ฟู่
นัยน์ตาฟู่เจิงคล้ำดำหมอง เขากระตุกรอยยิ้มมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก พร้อมกลั้นลมหายใจเอาไว้ “...เธอ...เธอกำลังหลอกฉันอยู่ใช่ไหมเวินเหลียง?”“จะหลอกคุณไปทำไมกัน? คุณควรค่าอะไรที่ฉันต้องหลอกด้วย?”เวินเหลียงมองนาฬิกาทีหนึ่ง ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปโดยอ้อมรถของเขาไป “ขอโทษนะ แฟนฉันมารับฉันแล้ว ฉันจะไปทำงานแล้ว ลาก่อน”เมื่อฟู่เจิงมองไปตามสายตาของเวินเหลียง ก็เห็นรถแอสตันมาร์ตินคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนนเขาไม่เห็นคนที่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เห็นเพียงเวินเหลียงเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับเข้าไปนั่งนัยน์ตาฟู่เจิงคล้ำดำหมองลงทีละนิ้ว ๆ และเปลี่ยนเป็นดำสนิทเขาจ้องรถคันนั้นเขม็ง แววตาคมกริบ สายตาดุเดือดรุนแรง ราวกับงูพิษที่กำลังดักซุ่มจ้องเหยื่อเป้าหมายของตัวเองตัวหนึ่ง เตรียมจู่โจมเต็มที่ ราวกับพร้อมเอาชีวิตมันอยู่ตลอดเวลาในเรือนจำ ตอนที่ได้ยินเวินเหลียงบอกว่ามีแฟนแล้ว ฟู่เจิงเคยคิดว่าเวินเหลียงกำลังหลอกเขาอยู่หรือเปล่าที่แท้ก็เป็นเรื่องจริงงมาที่นี่ได้หนึ่งเดือนกว่า เธอก็มีแฟนแล้วจริง ๆแฟน?!ทั้ง ๆ ที่เขาให้คนมาตามดูแลปกป้องเธอ เขารู้ทุกการกระทำของเธอมีแฟนเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนกัน?
เวินเหลียงเดือดดาลเป็นอย่างมากสามีภรรยาก็เหมือนคนคนเดียวกัน เธอหวังว่าไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ทุกข์ยากหรือมีความสุข ฟู่เจิงก็จะบอกกับเธอ เคารพการเลือกของเธอ ประคับประคองกันไป แต่ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ปิดบังเธอ จัดแจงทุกอย่างเพราะคิดเองเออเองว่าทำเพื่อเธอ ส่วนเธอทำได้เพียงคล้อยตามไปราวกับหุ่นยนต์เขาไม่เคยเชื่อใจเธอเลย เอาแต่ทำตามความคิดของตัวเองมาตลอด และตัดสินโดยพลการคำพูดเหล่านี้ เธอจงใจแทงมันเข้าไปในหัวใจของฟู่เจิงเธอต้องทำให้เขารู้ถึงความร้ายแรงของผลที่ตามมา และเปลี่ยนนิสัยเคยชินที่ชอบทำอะไรโดยพลการของเขาอย่างที่สองเธออยากให้เขาได้ลิ้มรสถึงความรู้สึกของเธอในตอนนั้นเวินเหลียงทำได้แล้วจริง ๆในใจของฟู่เจิงเจ็บปวดไปหมดทั้งใจจนแทบจะทะลุตั้งนานแล้วเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเลื่อนลอย มองเวินเหลียงด้วยแววตาลึกซึ้ง สีหน้าขาวซีด ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออกราวกับถูกมีดแล่เนื้ออย่างช้า ๆ เลือดไหลนอง“อาเหลียง เธอไม่ต้องการฉันแล้วจริง ๆ เหรอ?” ในน้ำเสียงเอื่อย ๆ ของเขาแฝงการขอร้องเอาไว้ด้วยเล็กน้อย ในลำคอแหบแห้งราวกับเต็มไปด้วยทรายนิ้วที่ห้อยอยู่ของเวินเหลียงค่อย ๆ กำขึ้นพร
ฟู่เจิงสบตากับริชาร์ด แล้วหัวเราะเย้ยหยันเสียงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นโดยใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว “เรื่องระหว่างฉันกับเธอไม่ต้องให้นายมาสอด!”หน้าประตูสตูดิโอสะดุดตาเกินไป ฟู่เจิงไม่อยากให้ไปกระทบกับงานของเวินเหลียง จึงยัดกล่องข้าวใส่ไปในมือของเวินเหลียงเลย “ไปกินข้าวก่อนเถอะ ตอนค่ำฉันจะมารับเธอตอนเลิกงาน”น้ำเสียงอบอุ่น ทำอย่างกับว่าริชาร์ดที่อยู่ข้าง ๆ ไม่มีตัวตนอย่างนั้นใครจะไปรู้ว่าริชาร์ดจะแย่งกล่องข้าวมาแล้วโยนทิ้งลงไปในถังขยะข้าง ๆ เลย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างโอหัง “ขอโทษนะครับ ผมจะมารับเฟย์ไปกินข้าวเที่ยง ข้าวกล่องของคุณนี่ ยังไงก็ช่างมันแล้วกันนะครับ!”เมื่อสิ้นเสียง บรรยากาศก็พลันหยุดนิ่งทันที รอบข้างควบแน่นจนเป็นน้ำค้างแข็งชั้นหนึ่งแล้วเวินเหลียงรู้สึกเพียงเสียวสันหลังวาบ เธอเงยหน้ามองฟู่เจิงเงียบ ๆสีหน้าเขาราบเรียบ นัยน์ตาดำขลับราวกับน้ำหมึก จ้องริชาร์ดอยู่ครู่หนึ่งแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์อย่างหนึ่งเวินเหลียงควงแขนของริชาร์ด รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากล้ามเนื้อของเขาค่อย ๆ เกร็งขึ้นเรื่อย ๆ และเกร็งอยู่ครู่หนึ่งรอ
ในขณะที่ริชาร์ดยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ฟู่เจิงก็เข้ามาใกล้แล้วดึงปกเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้ ก่อนจะต่อยไปที่ท้องเขาอย่างแรงหลังซัดไปสองสามหมัด ริชาร์ดถึงตอบสนองกลับมาและเริ่มแลกหมัดกลับไปอยู่ที่นี่เขาถือว่าเป็นคนร่างสูงใหญ่ ปกติเศรษฐินีต้องการให้ออกกำลังกายเป็นประจำ จะดูถูกไม่ได้ฟู่เจิงเองก็โดนหมัดเขาไปสองสามหมัดเช่นกันสุดท้ายทั้งสองคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่และเพราะมีพนักงานเดินผ่านมา ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงบอกว่าจะแจ้งตำรวจทั้งสองคนถึงได้หยุดผ่านไปยี่สิบนาที คนที่เวินเหลียงเห็นที่ร้านอาหารก็คือริชาร์ดที่หน้าตาฟกช้ำดำเขียวไปหมดใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง รีบให้ริชาร์ดนั่งลงทันที “เกิดอะไรขึ้น? เขาต่อยนายเหรอ?”“อืม แต่ผมก็ต่อยเขากลับเหมือนกัน มิน่าล่ะคุณถึงหย่ากับเขา ที่แท้เขาก็มีแนวโน้มว่าจะใช้ความรุนแรงนี่เอง” ริชาร์ดกดรอยฟกช้ำตรงขอบตาเบา ๆ พร้อมซี๊ดปากทีหนึ่ง “นี่นับเป็นบาดเจ็บระหว่างทำงานหรือเปล่าครับ?”“นับ ฉันจะพานายไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนแล้วกันนะ”“ผมคิดว่างานนี้ค่อนข้างอันตรายนิดหน่อย....” ริชาร์ดฉวยโอกาสกะพริบตาแฝงนัย“ฉันชดเชยค่าทำขวัญให้
แค่ค่าจ้างของริชาร์ดก็ไม่ถูกแล้ว ไม่คิดเลยว่ายังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมายมายขนาดนั้นอีกเธอขบหลังกรามแน่น แล้วเอ่ยถามขึ้นทีละคำทีละประโยค “เป็นฝีมือคุณใช่ไหม?”“ใช่” ฟู่เจิงยอมรับอย่างรวดเร็ว“คุณ...” เวินเหลียงเดือดดาลจนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง “ชดใช้เงินมาซะ คุณออกค่าซ่อมรถมาเดี๋ยวนี้”“ทำไม? เขาขับแอสตันมาร์ตินเลยนะ แม้แต่ค่าซ่อมรถนิดหน่อยนี่ก็จ่ายไม่ไหวเหรอ?”“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจ่ายไหวหรือเปล่า แต่คุณเป็นคนทำรถของเขาพัง ต้องชดใช้มา”“ก็ได้ ฉันชดใช้ให้ก็ได้”ฟู่เจิงเปลี่ยนเรื่อง “แต่ว่า ตอนนี้เธอต้องให้ฉันไปส่งเธอกลับบ้าน”เวินเหลียงใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่วด้านนอกก็ตอบตกลง “ก็ได้”บนใบหน้าของฟู่เจิงเผยความดีอกดีใจออกมาสายหนึ่ง เขาเป็นฝ่ายอาสารับกระเป๋ากล้องของเวินเหลียงมา “ฉันช่วยเธอถือเอง ไปกันเถอะ”ในวินาทีนั้น เวินเหลียงราวกับเห็นหางที่อยู่เบื้องหลังฟู่เจิงกำลังส่ายไปมา ราวกับได้กินของแช่แข็งที่ตนอยากกินมานานอย่างนั้นเวินเหลียงกับฟู่เจิงไปยังลานจอดรถใต้ดินด้วยกันหลังขึ้นรถ เวินเหลียงก็รีบเป็นฝ่ายคาดเข็มขัดให้เสร็จเรียบร้อ
“ไม่ต้อง” เวินเหลียงตะโกนปฏิเสธไปทางประตูทันควันฟู่เจิงยังยืนกราน “ฉันทำเกี๊ยวนึ่งกับโจ๊กซานเย่าที่เธอชอบกินที่สุดมา”“คุณเอาไปกินเองเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”“อาเหลียง เธอเปิดประตูหน่อยโอเคไหม? เธอคงไม่อยากให้ฉันเคาะประตูอยู่แบบนี้ตลอดไปหรอกใช่ไหม?”เส้นเลือดบนหน้าผากของเวินเหลียงกระตุก เธอสาวเท้าก้าวยาวเดินไปเปิดประตูออกพร้อมมองอย่างไม่พอใจ “ฟู่เจิง คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าอย่ามาตามตอแยฉันอีก ไม่เข้าใจเหรอ?”มือข้างหนึ่งของฟู่เจิงถือกล่องข้าว ส่วนมืออีกข้างถือมือถือ เขามองเธออย่างจนใจ “อาเหลียง ขอโทษนะ ฉันจนใจจริง ๆ ถึงได้คิดวิธีนี้ออกมา เธอฟังที่ลู่เย่าอธิบายก่อนโอเคไหม เธอฟังจบฉันจะรีบไปทันที และจะไม่มารบกวนเธอเป็นดันขาด!”ในใจเวินเหลียงตึงเครียดเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกจับได้ เธอจึงกันลู่เย่าออกไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะติดต่อลู่เย่าได้ในช่วงที่เวินเหลียงมาถึงยังเมืองฟิลาเดลเฟียนี้ ลู่เย่าคอยตามเวินเหลียงอยู่ตลอด ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าความจริงแล้วเวินเหลียงไม่ได้มีแฟนและเวินเหลียงรู้แล้วว่าลู่เย่าคอยปกป้องเธออย่างลับ ๆ และเธอเชื่อคำอธิบายของฟู่เจิงตั
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง