ฟู่เจิงราวกับได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง เขาเลิกคิ้วขึ้น “โกหกเธอ? ฉันมีอะไรให้ไปโกหกเธอ? เธอมีอะไรที่คุ้มค่าให้ฉันโกหก? เวินเหลียง เธอยังคิดว่าตัวเองสำคัญมากจริง ๆ เหรอ?”“...คุณมีความลำบากใจอะไรหรือเปล่า?”“ฉันจะมีความลำบากใจอะไรได้? เวินเหลียง เธอยังแยกแยะความจริงที่ว่าฉันไม่เคยชอบเธอไม่ได้อีกเหรอ? ตอนเธอมาอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ฉันไม่ได้ชอบเธอเลย ตอนแต่งงานกับเธอฉันก็ไม่ได้ชอบเธอ ทำไมเธอถึงคิดว่าตอนนี้ฉันจะชอบเธอล่ะ?”เวินเหลียงส่ายหน้า อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างอย่างอดรนทนไม่ไหว “เริ่มตั้งแต่ที่เราหย่ากันแล้วฉันไปเที่ยว คุณก็เริ่มตามฉัน ช่วยฉันเอากระเป๋าสตางค์กลับมา ที่ออสเตรเลียยัง...”ฟู่เจิงตัดบทพูดเธอ พร้อมกับหัวเราะ “เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น การเดิมพันก็เริ่มขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเธอเกลียดฉันขนาดนั้น ไล่ให้ฉันไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าฉันชอบเธอจริง ๆ คงอยู่ให้ห่างเธอหน่อยแล้ว ไม่ใช่นอบน้อมต่อความปรารถนาของเธอและตามตื้อเธอต่อ ฉันก็แค่อยากชนะเดิมพันเท่านั้น”ตอนนั้นเธอรำคาญการตามตื้อของเขามากทว่าตอนนี้กลายเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าเขารักเธอไปแล้ว“แต่ว่า คุณบอกว่าฉู่ซืออี๋โกหกคุณไม่ใช่เห
“แน่นอน” ฟู่เจิงยื่นมือไปลูบใบหน้าด้านซ้ายที่ถูกตบ พร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันรังเกียจท่าทีแสร้งทำต่อหน้าคุณปู่คุณย่าของเธอมาตั้งนานแล้ว แสร้งถือตัวสูงส่งกว่าคนอื่นเขา เห็นแก่หน้าคุณปู่คุณย่า ตบนี้ฉันจะไม่เอาเรื่อง รู้ตัวแล้วก็รีบไปซะ”ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าฟู่เจิงก็เหมือนหมาตัวหนึ่งของฉู่ซืออี๋ แค่ฉู่ซืออี๋กระดิกนิ้วเขาก็อดรนทนไม่ไหวที่จะกระโดดเข้าไปหาแล้วตอนนี้มาคิดดู ตัวเธอเองก็เหมือนกับหมาของฟู่เจิงไม่ใช่เหรอ ขอแค่ฟู่เจิงป้อนอาหารเธอสองสามครั้ง แผลของเธอก็หายแล้วและลืมความเจ็บปวดไปจนหมดสิ้น รีบร้อนอยากจะยอมรับเจ้าของแล้วตอนนี้ฟู่เจิงใช้ให้เธอออกไป เธอก็ต้องออกไปเวินเหลียงก้มหน้า พลางกระตุกรอยยิ้มที่แสนขมขื่นข้างริมฝีปากออกมา “ฉันรู้แล้ว...ฉันรู้แล้ว...ฉันรู้แล้ว...”เธอพูดติดต่อกันสามครั้ง น้ำเสียงเบาลงเรื่อย ๆ สั่นขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมแฝงสำเนียงสะอีกสะอื้นจาง ๆในหัวใจของเธอเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเวินเหลียงซี๊ดจมูก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่งพร้อมกับกลืนความขมขื่นที่เต็มปากลงไป “ขอโทษนะคะ ประธานใหญ่ฟู่ ทำคุณเสียเวลาแล้ว”เธอเดินถอยหลังไปส
เวินเหลียงนั่งอยู่บนบันไดข้างรั้ว พลางมองไปยังผิวแม่น้ำที่เล่นแสงเป็นประกายระยิบระยับอลังการอย่างเหม่อลอย น้ำตาอดไม่ได้ที่จะไหลออกมาการจู่โจมที่แสนรุนแรงแบบนั้นของฟู่เจิง ทำเอาเธอตั้งรับไม่ทัน เธอเจ็บปวดจนใจแทบแตกสลายเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้...เดิมพัน น่าขำสิ้นดี...เขาพูดถูก ตอนเธอเข้าไปที่บ้านตระกูลฟู่เขาก็ไม่ได้ชอบเธอ ตอนแต่งงานกับเธอเขาก็ไม่ได้ชอบเธอ ทำไมเธอถึงคิดว่าตอนนี้เขาจะชอบเธอล่ะ?เธอเพ้อฝันไปเองเพ้อฝันถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของของตัวเองและเป็นเธอที่ไม่รู้ตัวเองฟู่เจิงจะมาชอบเธอได้ยังไง?ยังจำสายตาสำรวจของฟู่เจิงตอนที่เธอเข้าไปที่บ้านตระกูลฟู่ในตอนแรกได้แม่น การขานรับอย่างมองมาจากเบื้องบนที่แสนเย็นชาตอนเธอทักทายกับเขา และยังมีเค้กที่เขาทำทานให้เธอนั่นอีก...เขาเหยียดหยามเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรและไม่เคยชอบเธอเลยจนถึงตอนนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจจุดนี้สักทีความรักที่สวยงามผ่านจิตใต้สำนึกของคนหนุ่มสาว ราวกับเงาของโฟมภายใต้แสงอาทิตย์ พอแตะมันก็แตกกระจายเต็มพื้น สลายไปกับลมเวินเหลียงนั่งอยู่ริมแม่น้ำแบบนี้ไปตลอดทั้งเช้าน้ำตาถูกลมพัดจนเหือดแห้ง ผิวบนใบหน้าตึง
ผู้กำกับเจิ้งเคยอ่านบทของเรื่องนี้ การตั้งค่าตัวละครที่เป็นพระเอกนางเอกไม่ได้มีจุดโดดเด่นอะไร โดยเฉพาะนางเอก ราวกับหมาป่าตาขาวที่มีชีวิต กลับกันซูเมี่ยวตัวละครตัวนี้ค่อนข้างสะดุดตาทีเดียวหลังฉู่ซืออี๋เกิดเรื่อง ตัวละครอวี้หม่านในซีรีส์ที่เขากำลังตระเตรียมในช่วงนี้ยังไม่ได้นักแสดงที่ลงตัวผู้กำกับเจิ้งคิดว่าเขาจะให้เวินเหลียงไปลองดูตอนค่ำเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ถังซือซือก็หันหน้าไปมองเวินเหลียงทีหนึ่ง พลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับมาแล้ว? อีตามืดบอดฟู่ไม่รั้งเธอไว้เหรอ?”เวินเหลียงก้มหน้าพลางโยนกระเป๋าสุ่ม ๆ ไปบนโซฟา ก่อนจะรินน้ำให้ตัวเองอย่างสงบสติอารมณ์ “ถัง ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเขาอีกนะ”“มีอะไรเหรอ?” สีหน้าของถังซือซือเปลี่ยน เธอลุกนั่งตัวตรง “อีตามืดบอดฟู่เขาทำอะไรอีก?”เวินเหลียงนั่งลงข้างถังซือซือ พร้อมกอดเธอเอาไว้ แล้วเล่าเรื่องวันนี้ให้เธอฟัง “วันนี้ฉันไปหาเขาที่บริษัทมา เห็นเขาอยู่กับฉู่ซืออี๋...เขาบอกว่า คนที่เขาชอบมาตลอดคือฉู่ซืออี๋ ที่เขาเข้าใกล้ฉันคอยตามตอแยฉันแค่เพราะการเดิมพันหนึ่งเท่านั้น...”เรื่องนี้ เวินเหลียงก็บอกกับถังซือซือเพียง
“ผู้กำกับเจิ้งหมายความว่ายังไงคะ?”“ผมอยากจะเชิญคุณมาแคสบทอวี้หม่านน่ะครับ...ถึงจะเป็นการแคส แต่ตัวผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวคุณ” ผู้กำกับเจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเขาประหลาดใจเป็นอย่างมากถ้าบอกว่าเวินเหลียงจะเข้ามาในวงการบันเทิง ทว่านอกจากมารับบทซูเมี่ยวแล้ว ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอไปแคสบทละครกับรายงานวาไรตี้อื่นเลยถ้าบอกว่าเธอไม่ได้จะเข้าวงการบันเทิง แต่เธอก็มารับบทแสดงเป็นตัวละครซูเมี่ยวนี่เวินเหลียงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณความเมตตาของผู้กำกับเจิ้งนะคะ เกรงว่าต้องทำผิดต่อความหวังดีของผู้กำกับเจิ้งแล้ว ตัวฉันไม่ได้อยากจะแสดงซีรีส์อะไรหรอกค่ะ ที่มารับบทซูเมี่ยวก็เป็นเพราะเป็นเรื่องด่วนเท่านั้น...”“งั้นคุณก็ช่วยผมหน่อยนะ...”“...” เวินเหลียงฉีกยิ้มมุมปาก “ผู้กำกับเจิ้งพูดตลกแล้ว”สถานการณ์ของผู้กำกับซ่งในตอนนั้นคือเปิดกล้องไปแล้ว ทว่าต้องมาเปลี่ยนตัวนักแสดงกะทันหัน นักแสดงที่เหมาะสมและมีคิวว่างเข้ามาถ่ายทำในกองได้เลยมีไม่มากทว่าซีรีส์เรื่องนี้ของผู้กำกับเจิ้งยังกำลังตระเตรียมอยู่ บทตัวละครอวี้หม่านนี้ก็คงมีคนอยากแสดงไม่น้อย มักมีตัวเลือกที่เหมาะสม เวินหลียงไ
ต่อให้ฉู่เจี้ยนจวินเป็นพ่อทางชีววิทยาของเธอ แต่ตระกูลเวินเลี้ยงเธอมาจนเติบใหญ่ ให้ตายเวินเหลียงก็ไม่มีทางยอมรับฉู่เจี้ยนจวินเธอมองหลินเจียหมิ่นด้วยสายตาเย็นชา “จำเอาไว้ พ่อของฉันคือเวินหย่งคัง และฉันไม่ใช่ลูกนอกคอก ฉันคือลูกสาวของเวินหย่งคัง”พูดจบเวินเหลียงก็เดินมุ่งหน้าไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองหลินเจียหมิ่นเลยแม้แต่น้อยหลินเจียหมิ่นคว้ามือของเวินเหลียงเอาไว้ ทว่ากลับถูกเธอสะบัดออกก่อนหน้านี้เวินเหลียงมีความคิดจะไปจากที่นี่อยู่แล้วต่อมาเป็นเพราะฟู่เจิง เธอจึงเบรกความคิดนี้เอาไว้การปรากฏตัวของหลินเจียหมิ่น ทำให้ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวใหม่อีกครั้งเธอไม่อยากอยู่ที่เจียงเฉิงอีกต่อไปแล้วไม่อยากเห็นฟู่เจิงอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากเห็นฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋พลอดรักกันที่บ้านใหญ่ในสักวันหนึ่งข้างหน้าและไม่อยากถูกหลินเจียหมิ่นตามตอแยอีกต่อไปในด้านความรู้สึก ถังซือซืออยากให้เวินเหลียงอยู่ที่นี่ต่อทว่าเธอเองก็รู้ว่า นอกจากคุณหญิงแล้ว เวินเหลียงก็ไม่มีคนในครอบครัวที่ให้คิดถึงอะไร ไปจากเจียงเฉิงแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดกับเวินเหลียงหากอยู่ที่เจียงเฉ
“ไม่...หนูไม่เอา หนูไม่อยากแยกจากคุณป้าสะใภ้” นัยน์ตาทั้งสองของฟู่ซือฝานแดงระเรื่อ น้ำตาเท่าเมล็ดถั่วหยดติ๋ง ๆ “ทำไมจู่ ๆ คุณป้าสะใภ้ถึงจะไปเมืองนอกล่ะคะ? เป็นเพราะคุณลุงทำให้คุณป้าสะใภ้ไม่อารมณ์เสียใช่ไหม? หนูจะไปหาคุณลุง!”เธอขยับขาแสนจ้ำม่ำและเล็ก คิดจะปีนขึ้นไปบนโซฟาเวินเหลียงขวางเธอเอาไว้ พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฝานฝาน ฉันกับลุงของเธออยู่ด้วยกันไม่ได้”“ทำไมล่ะคะ?” เจ้าหนูน้อยมองเธอทั้งน้ำตานองทั้ง ๆ ที่พวกเขาคลายความตึงเครียดใส่กันลงไปเยอะแล้ว อีกนิดเดียวก็จะคืนดีกันแล้วแท้ ๆเวินเหลียงก้มหน้า “พูดแล้วก็ยาว รอเธอโตแล้วก็จะเข้าใจเอง”ในวันข้างหน้าฟู่ซือฝานยังต้องพึ่งพาฟู่เจิง เธอพูดจาว่าร้ายฟู่เจิงต่อหน้าฟู่ซือฝานและทำให้ฟู่ซือฝานเกลียดชังฟู่เจิงไม่ได้ตอนแรกที่ฟู่เจิงคิดจะรั้งตัวฟู่ซือฝานเอาไว้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอ เขาอยากใช้เด็กมาล่อเธอเพื่อให้ชนะเดิมพันตอนนี้พวกเขาแบไต๋แล้ว ยังไม่รู้ว่าฟู่เจิงจะทำยังไงกับฟู่ซือฝานฟู่เจิงสมปรารถนาแล้ว ถ้าเขาทอดทิ้งฟู่ซือฝานไม่แยแสไปทั้งอย่างนี้...เวินเหลียงปลอบฟู่ซือฝานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลอบให้เธอ
เวินเหลียงเห็นสีหน้าของฟู่เจิงเคร่งขรึม กลัวว่าฟู่ซือฝานจะพูดอะไรทำให้ฟู่เจิงไม่สบอารมณ์อีก จึงพูดตัดบทสนทนาไปเลย “ฝานฝาน อาไปแล้วนะ ต่อไปต้องเชื่อฟังคุณลุงของเธอนะ ถ้าอาว่างจะกลับมาเยี่ยมเธอนะ”“ป้าสะใภ้...”ฟู่ซือฝานเอนตัวไป ไม่อยากให้เวินเหลียงไป“ไม่ดื้อนะ ต่อไปเรียกฉันว่าคุณอานะ”เวินเหลียงบีบแก้มของเธอ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองถ้าเธอรู้ตั้งนานแล้วว่าฟู่เจิงทำเพื่อการเดิมพันอะไรนั่น เธอจะไม่มีวันยอมให้เขารั้งฟู่ซือฝานไว้แน่ ๆที่ฟู่ซือฝานอยู่ เป็นเพราะเธอกับฟู่เจิงถ้าเธอจากไป ฟู่ซือฝานก็จะเหลือเพียงฟู่เจิง หากฟู่เจิงไม่ชอบฟู่ซือฝาน แล้วส่งเธอกลับอยู่กับฟู่ชิงเยว่อีก กลัวเพียงว่าฟู่ชิงเยว่จะปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนอย่างแต่ก่อนอีก การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดีอะไรกับฟู่ซือฝานอยู่กับฟู่เจิงหรือบ้านใหญ่ตระกูลฟู่ เป็นการเลือกที่ดีที่สุดกับฟู่ซือฝาน หวังเพียงว่าฟู่เจิงจะพอมีมโนธรรมอยู่บ้างผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็คือ หลังเธอหาที่ลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศได้มั่นคงแล้ว ค่อยรับฟู่ซือฝานไปอยู่ด้วยหวังว่าคงจะไม่ไปถึงจุดนั้นห่างกันเพียงแค่ชั้
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง