“ไม่...หนูไม่เอา หนูไม่อยากแยกจากคุณป้าสะใภ้” นัยน์ตาทั้งสองของฟู่ซือฝานแดงระเรื่อ น้ำตาเท่าเมล็ดถั่วหยดติ๋ง ๆ “ทำไมจู่ ๆ คุณป้าสะใภ้ถึงจะไปเมืองนอกล่ะคะ? เป็นเพราะคุณลุงทำให้คุณป้าสะใภ้ไม่อารมณ์เสียใช่ไหม? หนูจะไปหาคุณลุง!”เธอขยับขาแสนจ้ำม่ำและเล็ก คิดจะปีนขึ้นไปบนโซฟาเวินเหลียงขวางเธอเอาไว้ พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฝานฝาน ฉันกับลุงของเธออยู่ด้วยกันไม่ได้”“ทำไมล่ะคะ?” เจ้าหนูน้อยมองเธอทั้งน้ำตานองทั้ง ๆ ที่พวกเขาคลายความตึงเครียดใส่กันลงไปเยอะแล้ว อีกนิดเดียวก็จะคืนดีกันแล้วแท้ ๆเวินเหลียงก้มหน้า “พูดแล้วก็ยาว รอเธอโตแล้วก็จะเข้าใจเอง”ในวันข้างหน้าฟู่ซือฝานยังต้องพึ่งพาฟู่เจิง เธอพูดจาว่าร้ายฟู่เจิงต่อหน้าฟู่ซือฝานและทำให้ฟู่ซือฝานเกลียดชังฟู่เจิงไม่ได้ตอนแรกที่ฟู่เจิงคิดจะรั้งตัวฟู่ซือฝานเอาไว้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอ เขาอยากใช้เด็กมาล่อเธอเพื่อให้ชนะเดิมพันตอนนี้พวกเขาแบไต๋แล้ว ยังไม่รู้ว่าฟู่เจิงจะทำยังไงกับฟู่ซือฝานฟู่เจิงสมปรารถนาแล้ว ถ้าเขาทอดทิ้งฟู่ซือฝานไม่แยแสไปทั้งอย่างนี้...เวินเหลียงปลอบฟู่ซือฝานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลอบให้เธอ
เวินเหลียงเห็นสีหน้าของฟู่เจิงเคร่งขรึม กลัวว่าฟู่ซือฝานจะพูดอะไรทำให้ฟู่เจิงไม่สบอารมณ์อีก จึงพูดตัดบทสนทนาไปเลย “ฝานฝาน อาไปแล้วนะ ต่อไปต้องเชื่อฟังคุณลุงของเธอนะ ถ้าอาว่างจะกลับมาเยี่ยมเธอนะ”“ป้าสะใภ้...”ฟู่ซือฝานเอนตัวไป ไม่อยากให้เวินเหลียงไป“ไม่ดื้อนะ ต่อไปเรียกฉันว่าคุณอานะ”เวินเหลียงบีบแก้มของเธอ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองถ้าเธอรู้ตั้งนานแล้วว่าฟู่เจิงทำเพื่อการเดิมพันอะไรนั่น เธอจะไม่มีวันยอมให้เขารั้งฟู่ซือฝานไว้แน่ ๆที่ฟู่ซือฝานอยู่ เป็นเพราะเธอกับฟู่เจิงถ้าเธอจากไป ฟู่ซือฝานก็จะเหลือเพียงฟู่เจิง หากฟู่เจิงไม่ชอบฟู่ซือฝาน แล้วส่งเธอกลับอยู่กับฟู่ชิงเยว่อีก กลัวเพียงว่าฟู่ชิงเยว่จะปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนอย่างแต่ก่อนอีก การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดีอะไรกับฟู่ซือฝานอยู่กับฟู่เจิงหรือบ้านใหญ่ตระกูลฟู่ เป็นการเลือกที่ดีที่สุดกับฟู่ซือฝาน หวังเพียงว่าฟู่เจิงจะพอมีมโนธรรมอยู่บ้างผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็คือ หลังเธอหาที่ลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศได้มั่นคงแล้ว ค่อยรับฟู่ซือฝานไปอยู่ด้วยหวังว่าคงจะไม่ไปถึงจุดนั้นห่างกันเพียงแค่ชั้
“อืม มารอบหนึ่ง แต่ว่าถูกฉันโมโหใส่กลับไป” เวินเหลียงมองสีหน้าของฮั่วตงเฉิง“เธอทำถูกแล้ว อี้หน่วนทำผิด ก็สมควรถูกลงโทษอยู่แล้ว ถ้าคุณน้าหลินมาหาเธอ เธอไม่ต้องไปสนใจอะไรนะ ปฏิเสธเขากลับไปก็พอ”“ฉันรู้ค่ะ พี่ตงเฉิงกับประธานใหญ่ฮั่วต่างรู้เหตุรู้ผล”ฮั่วตงเฉิงก้มหน้าพลางเปลี่ยนเรื่องคุย “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงอยากไปต่างประเทศล่ะ?”“ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษหรอกค่ะ แค่ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปเท่านั้น”เรื่องน่าอายพรรค์นั้น เวินเหลียงจะเอาออกมาพูดไม่ได้ฮั่วตงเฉิงมองสีหน้าของเวินหลียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าไม่ได้ตั้งใจว่า “สองสามวันก่อนฉันเห็นฟู่เจิงกับคุณฉู่ไปออกงานเลี้ยงหนึ่งด้วยกัน ดูสนิทสนมกันมากทีเดียว”เวินเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ไม่ต้องไปพูดถึงเขาหรอกค่ะ มา ฉันดื่มให้พี่ตงเฉิงแก้วหนึ่ง”“โอเค”เมื่อเห็นท่าทีของเวินเหลียง ฮั่วตงเฉิงก็เดาออกได้ในทันทีว่า ที่เธอจะย้ายไปตั้งหลักปักฐานที่เมืองนอก เป็นเพราะฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋รื้อฟื้นความรักครั้งเก่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเวินเหลียงกับฟู่เจิงกันแน่ ทว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะฉวยโอกาสแทรกตัวเข้าไป...ถ้าไม่มีเรื่อ
ทว่าจู่ ๆ เวินเหลียงจะไปซะงั้น หรือว่าเลิกกับฟู่เจิงแล้ว?“ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนล้วนมีทางเลือกของตัวเอง”“ฉันไปด้วยได้ไหม?” เซี่ยหมิ่นมองฟู่เซิงด้วยความคาดหวัง “ฉันรู้จักคุณเวิน คุณเวินเองก็รู้จักลูกพี่ลูกน้องของฉัน ถ้าเขาไปแบบนี้ เดาว่าคงไม่กลับมาตอนงานแต่งงานของเราแน่ ๆ เพราะงั้นฉันเลยอยากไปส่งเขาด้วยเหมือนกัน”ฟู่เซิงรับปากว่าจะแต่งงานกับเธอเขาพาเธอไปดูโรงแรม ลองชุดแต่งงาน เลือกแหวน ถ่ายภาพพรีเวดดิง ทุกเรื่องที่ต้องทำหากแต่งงาน เขาพาเธอไปทำทุกอย่าง ทว่าไม่เคยพาเธอไปเจอพ่อกับแม่เลย และหากเธอพูดถึงเรื่องจดทะเบียนสมรส ฟู่เซิงก็จะเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีมีครั้งหนึ่ง หลังจากที่เธอบอกเป็นนัยว่าจะไปจดทะเบียนสมรส ฟู่เซิงกลับบอกว่าหลังแต่งงาน จะโอนห้องชุดสามห้องนอนสองห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างประณีตไปเป็นชื่อเธอเซี่ยหมิ่นดีใจเป็นอย่างมาก และรู้เจตนาของฟู่เซิงดี เขาไม่มีทางจดทะเบียนสมรสกับเธอการจัดงานแต่งงานเป็นเพียงการทำให้เด็กเกิดมาอย่างถูกหลักทำนองคลองธรรมเท่านั้น ขอแค่เขาไม่พอใจ ก็ถีบหัวส่งเธอออกไปได้ทุกเมื่อแต่ว่าได้เกาะตระกูลฟู่ทั้งที เซี่ยหมิ่นพอใจแค่ห้องชุดหนึ่งห้องกับเงินสิ
ในจังหวะที่ในใจของเซี่ยหมิ่นกำลังคาดเดาตัวตนของผู้หญิงมีอายุคนนั้น ฟู่เซิงก็เดินเข้าไปหาพร้อมทั้งจูงมือเธอไปด้วย “พ่อครับแม่ครับ นี่หมินหมิ่นครับ”ในหัวของเซี่ยหมิ่นดังหึ่ง ๆ ใบหน้าน้อย ๆ ซีดเผือด เธอเอ่ยเรียกทั้งรู้สึกอึดอัด “คุณลุง คุณป้า”เธอวิตกกังวลเป็นอย่างมาก หวังเพียงว่าอาสะใภ้รองจะจำเธอไม่ได้อาสะใภ้รองกำลังพูดคุยอยู่กับเวินเหลียง เมื่อเห็นดังนั้นก็หันมากวาดสายตามองเซี่ยหมิ่นชืด ๆ ทีหนึ่ง แล้วตอบกลับว่า ‘อืม’ ก่อนจะหันหน้าไปกำชับอะไรบางอย่างกับเวินเหลียงต่อหัวใจเซี่ยหมิ่นเต้นระรัวตึกตัก ๆ เธอลอบชำเลืองมองสีหน้าของเวินเหลียง ก็พลางเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเล็กน้อยแม่สามีไม่ชอบเธอ ทำสีหน้าไม่ดีใส่เธอต่อหน้าคนอื่นหากอยู่ที่บ้านก็แล้วไป ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านใหญ่ตระกูลฟู่ ก็ได้รับการปฏิบัติแสนเย็นชาแล้ว ต่อไปใครจะให้เกียรติเธอล่ะ?เซี่ยหมิ่นมองฟู่เซิงทีหนึ่ง หวังว่าฟู่เซิงจะช่วยพูดให้เธอบ้างทว่าฟู่เซิงทำราวกับว่าไม่เห็นอย่างนั้น เขาฉุดให้เธอนั่งลงบนโซฟาเมื่อเห็นท่าทางกลัวจนตัวสั่นงันงกของเซี่ยหมิ่น เวินเหลียงก็รู้สึกโชคดีขึ้นมาเล็กน้อยแม้ตัวเธอ
เซี่ยหมิ่นกลัดกลุ้มจนเบะปาก พูดง่ายนี่เขาไม่ได้อยู่ที่จุดที่เธออยู่ เลยไม่รู้ถึงความยากลำบากของเธออยู่แล้ว“แต่...ฉันเองก็อยากให้แม่ของคุณชอบฉันนี่ ไม่อยากบีบให้คนตรงกลางอย่างคุณต้องลำบาก”“ไม่ต้อง คุณเข้ากับพ่อแม่ผมไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้าหา อยู่เงียบ ๆ ไม่ต้องหาเรื่องทะเลาะกัน”เซี่ยหมิ่นมองสีหน้าเย็นชาของฟู่เซิงทีหนึ่ง เดือดดาลจนกระฟัดกระเฟียดตระกูลฟู่เธอพอจะรู้จักแค่เวินเหลียงเพียงคนเดียว ตอนนี้พอเวินเหลียงจากไป ฟู่เซิงยังไม่ให้เธอก้าวเข้าไปอีก ถึงเวลานั้นเธอก็รอถูกถีบหัวส่งได้เลยใบหน้าของฟู่เซิงยังคงราบเรียบ ราวกับไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอย่างนั้นเมื่อมาถึงยังห้องที่เซี่ยหมิ่นเช่า ฟู่เซิงก็ขับรถไปจอดข้างทาง “ผมไม่ขึ้นไปนะ คุณพักผ่อนให้เต็มที่แล้วกัน แล้วก็เก็บคำพูดของผมไปคิดดูให้ดีด้วย”เซี่ยหมิ่น ‘ฮึ’ มาเสียงหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าลงจากรถไปฟู่เซิงกลับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทขณะเลี้ยวขวาตรงทางแยกหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเงาร่างสายหนึ่งแวบผ่านไปตรงหน้า ฟู่เซิงรีบเหยียบเบรกทันทีหญิงสาวกำลังถือโทรศัพท์อยู่ เธอล้มลงไปบนพื้น ตกตะลึงเป็นอย่างมากขณะข้ามทางม้าลาย โทรศัพท์ของเธอหล่น และเธอกลับไ
วันที่เจ็ดเดือนมิถุนายน เวลาประมาณสิบโมง เวินเหลียงลากกระเป๋าเดินทางมาถึงยังสนามบินนานาชาติเจียงเฉิงถังซือซือมาส่งเธอเที่ยวบินรอบสิบเอ็ดโมงครึ่ง ต้องเปลี่ยนเครื่องระหว่างนั้นสองรอบ ใช้เวลายี่สิบกว่าชั่วโมงถึงจะไปถึงยังเมืองฟิลาเดลเฟียถังซือซือไปทำเรื่องเช็กอินและโหลดกระเป๋าเดินทางเป็นเพื่อนเวินเหลียง ผ่านจุดสแกนไปพร้อมกัน และมารอยังโซนรอขึ้นเครื่องเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง เหล่าผู้โดยสารก็มาต่อแถวยังหน้าประตูเกต เตรียมตรวจบอร์ดดิ้งพาสเพื่อขึ้นเครื่องเวินเหลียงไปคราวนี้ กว่าจะได้เจอกันก็อย่างน้อยสองสามเดือน ยากจะไม่ให้ถังซือซือขอบตาแดงก่ำ เธอกอดเวินเหลียงพร้อมเอ่ยว่า “ไปถึงที่นั่นแล้ว ต้องโทรหาฉันบ่อย ๆ นะ ถ้า...ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่ดีก็กลับมานะ”“อืม”เมื่อได้ยินคำพูดกำชับของถังซือซือ จมูกของเวินเหลียงก็เกิดอาการคัน ๆ ขึ้นมา “ไม่งั้นเธอไปกับฉันดีไหม?”ทั้งสองคนคบหาเป็นเพื่อนกันจนมาถึงวันนี้ ในช่วงที่เวินเหลียงยากลำบากที่สุด ถังซือซือก็คอยสนับสนุนเธอดูแลเธอเสมอ เวินเหลียงเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก เธอไม่เคยพูดแสดงความรักที่มีต่อถังซือซือมาก่อนเลย ทว่าในใจเห็นเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุ
เวินเหลียงกับเฉินจิ้งหย่วนคุยกันในไลน์สองสามประโยค และค้นพบโดยไม่ได้ตั้งใจว่าเฉินจิ้งหย่วนรู้จักเธอด้วยคิด ๆ ดูแล้วก็ไม่แปลกเลย ตอนที่ฮั่วตงเฉิงรู้จักเธอตอนอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เฉินจิ้งหย่วนในฐานะเพื่อนของฮั่วตงเฉิงจะรู้จักเธอก็ไม่แปลกเฉินจิ้งหย่วนบอกว่า พวกเขารู้จักกันในงานรวมตัวคนจีนโพ้นทะเลครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้สนิทสนมมาก ฮั่วตงเฉิงกับเวินเหลียงสนิทกันมากกว่าในเมื่อคนที่ต้องดูแลเป็นคนรู้จักเก่า เฉินจิ้งหย่วนก็ยิ่งเป็นมิตรเพิ่มมากขึ้น และไม่ได้มีความรู้สึกถูกรบกวนประเภทนั้นเลยเขามาถึงสนามบินก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พร้อมกับทิ้งข้อความไว้ให้เวินเหลียงว่า : “ลงเครื่องแล้วโทรหาฉันด้วยนะ”หลังเวินเหลียงเห็นข้อความนี้ เธอก็ไปรับกระเป๋าเดินทางตามป้ายนำทางก่อนจะต่อสายโทรออกหาเฉินจิ้งหย่วนเวินเหลียงบอกตำแหน่งของตัวเองไป เฉินจิ้งหย่วนใช้ให้เธอยืนอยู่ที่เดิมอย่าไปไหน เขาจะมาหาเธอเองเวินเหลียงถือคันชักของกระเป๋าเดินทาง พลางเหลียวซ้ายมองขวารอบข้างค่อนข้างโล่งกว้าง คนส่วนใหญ่รับกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้วก็ทยอยออกไป เคเอฟซีที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเปิดอยู่ ด้านในไม่ค่อยมีคนเท่าไรผ่าน
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง