มิวหันไปมองหน้านักศึกษาหญิงที่ไม่คุ้นหน้า พวกเธอมากันสามคนและยืนกอดอกมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า มิวขยับแว่นนิดหน่อยก่อนจะตอบไป“จะมายืมหรือว่าคืนหนังสือคะ”“ฉันมาถามว่าเธอเหรอที่ใส่เสื้อของพี่วินทร์เมื่อวันก่อน”“ถ้าไม่มีธุระอะไรในหอสมุดก็เชิญออกไปดีกว่าค่ะฉันยังมีงานต้องทำอีก”พวกเธอดึงหนังสือที่มิวถือและโยนจนหล่นที่พื้น มิวหันมามองด้วยสายตาโกรธเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวอีกสองคนกำลังใช้เท้าเขี่ยหนังสือออกไปอย่างท้าทาย“ทำแบบนี้ทำไม ทำลายทรัพย์สินของมหาลัยมีความผิดนะถ้าถูกเอาเรื่องขึ้นมา...”“งั้นเหรอ ฉันมาถามเธอดี ๆ แต่กลับไม่พูดเองนี่จะโทษใครล่ะ”“ขอโทษนะคะแต่คำถามพวกเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของงานที่ฉันทำ”“เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าเธอไม่ยั่วพี่วินทร์เขาจะสนใจเธอจนให้ยืมเสื้อมาใส่แบบนี้เหรอ”“นี่มันเรื่องปัญญาอ่อนอะไรกัน”“ปัญญาอ่อนเหรอ! สำหรับฉันเรื่องนี้ไม่ปัญญาอ่อนเลยสักนิด ไม่บอกใช่ไหมได้เลยจับมันเอาไว้แล้วพาไปทางโน้น”“จะทำอะไร”“เดี๋ยวก็รู้"เมื่ออีกสองคนกำลังเดินมาจับตัว มิวก็หันมาหยิบหนังสือและฟาดไปที่พวกเธอทันที คนหนึ่งล้มจนอีกสองคนตกใจเพราะไม่คิดว่าคนจืดชืดอย่างมิวจะสู้ก
“อะไรนะ! ให้มิวช่วยทำโปรเจคเหรอ แล้วนี่มึงบอกพวกไอ้ธิศหรือยัง”“ยัง มึงก็ยังไม่ต้องบอกพวกมันหรอกยังพอมีเวลา”“แต่ว่าไปยังไงมายังไงน้องถึงได้ยอมทำให้มึง หรือว่ามึงไปข่มขู่อะไรเธอหรือเปล่า”“เฮ้ย กูไม่ชั่วแบบนั้นไอ้กร ว่าแต่มึงกลับบ้านมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ทำบุญครบรอบวันตายย่าหนึ่งปีน่าเบื่อเหมือนเดิม พ่อก็เอาแต่พูดเรื่องเดิม ๆ”“เอาเถอะ มึงได้หนังสือครบหรือยังล่ะ รีบกลับเถอะ”“มึงจะให้กูรีบไปไหนวะ นี่มึงกับมิวมีอะไรกันหรือเปล่าเนี่ยกูเห็นมึงทำท่าทางแปลก ๆ มาหลายครั้งแล้ว”“จะมีอะไรล่ะ ก็กูเป็นต้นเหตุเรื่องนี้ก็เลยไม่อยากมีปัญหา มึงอยากให้มิวยืนด่าเหมือนครั้งก่อนอีกเหรอวะ แค่นั้นอายกันไม่พอใช่ไหมวะ”“เออ ๆ ไม่มีก็ดีแล้ว น้องมันยังเด็ก” / กร“ฉิบหาย เด็กกว่ากูแค่สองปี” / วินทร์“ใครบอกให้มึงเรียนช้าเองล่ะ”"พูดมากรีบกลับไปเลยไป"“เออ ๆ”เขารอจนชินกรยืมหนังสือเสร็จและทำเป็นหาหนังสืออยู่ที่ชั้น ชินกรเห็นเขาไม่มาสักทีจึงเดินไปตาม“ไอ้วินทร์กูยืมหนังสือเสร็จแล้วไปเลยไหม”“มึงไปก่อนเถอะ วันนี้กูมีนัด”“ฉิบหายแล้วมาเร่งกูเพื่อ….”“เออ ๆ พอดีพึ่งรับสายด่วนน่ะ มึงไปก่อนเลย”“มึงเอาอีกแล้วนะไหนบ
คอนโดภาวินทร์“เดี๋ยวค่ะพี่วินทร์ ไหนบอกว่าจะให้อาบน้ำก่อน อ๊ะ”ภาวินทร์ที่อาบน้ำเสร็จแล้วเมื่อเห็นว่ามิวที่พึ่งสวมผ้ากันเปื้อนผืนใหม่ยืนล้างจานหลังจากกินอาหารเย็นแล้วก็ไม่นึกอยากจะทำอย่างอื่น เธอจะอาบน้ำหรือไม่เขาไม่เห็นสนใจสักนิด แต่ลูกแกะน้อยที่สวมผ้ากันเปื้อนนั่นทำให้เขาทนไม่ไหว“อ๊าา พี่วินทร์ อย่ามองนะ!”เขาพึ่งรูดชั้นในชิ้นสุดท้ายออกมาจากเรียวขาขาวเนียนของเธอ ที่จริงเขาไม่เคยเสียเวลามานั่งดูรูปร่างของผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่กับมิวเขากลับอยากมองและจดจำรูปร่างตรงหน้าที่ไม่ต่างกับขนมหวานชิ้นโตทั้งสวยและน่ากิน เขาค่อย ๆ จับขาที่เธอหุบเอาไว้แน่นออก“อย่าเกร็งสิ นิดเดียวเอง”“ไม่เอา มิวอาย!”“ไม่ต้องอายเคยทำมาแล้วจะอายทำไม เปิดเถอะนะมิว”เขาพรมจูบไปทั่วทั้งเรียวขาและซอกเข่าจนเธอรู้สึกสยิวและค่อย ๆ ปล่อยตัวไปตามสัมผัสแต่ก็หันไปเอาหมอนมาปิดหน้าเอาไว้ วันนี้ภาวินทร์ไม่ได้จูบเธอเหมือนครั้งก่อนแต่เขาเลือกที่จะใช้ปากกับจุดอื่นที่น่าสนใจกว่า“ว้าว… น้ำไหลออกมาไม่หยุดเลยยังจะบอกว่าอย่าอีก”“อื้อ…อ๊าา”เธอครางเสียงหลงเมื่อเขาดึงหมอนออกจากหน้าของเธอเพราะกลัวว่าลูกแกะน้อยของเขาจะเป็นลมไปเสียก่อน
เพียงปลายลิ้นที่สัมผัสไปที่หน้าอกของเธอก็ทำให้ลักษิกาตอบรับเขาทันที ร่างกายเธอมักจะทำบางอย่างสวนทางกับคำพูดของตัวเองจนภาวินทร์เริ่มชินแล้ว“รอก่อน อย่าพึ่งเสร็จรอผัวก่อนเมียจ๋า”“อย่า…อย่าเรียก อ๊าา”เขารู้ว่าคำนี้จะกระตุ้นเธอให้รีบตอบรับเขาอย่างเต็มใจ แต่มิวไม่กล้ายอมรับมัน เขามักจะชอบเรียกเธอแบบนี้เสมอเวลาอยู่บนเตียง“อาา เสียวฉิบ…อาาา มิว อย่ารัดแรงแบบนี้…อาา เมียจ๋า!!”ภาวินทร์รู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะขาดลักษิกาไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขารู้สึกอยากจะนอนด้วยเกินสองครั้งแบบเธอมาก่อน ที่สำคัญเขายังจูบเธอด้วยทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเกลียดการจูบมากที่สุด เพราะเขาไม่ชอบกลิ่นของลิปสติกผู้หญิงและรังเกียจโดยหาเหตุผลไม่ได้แต่กับมิวเขากลับเริ่มจูบเธอก่อนทุกครั้ง เพราะริมฝีปากอิ่มได้รูปนั่นช่างเชื้อเชิญเขาทุกครั้งที่เห็น ไม่ว่าจะอยู่ในรั้วมหาลัย หรือบนเตียงกับเขา“อื้อ…อ๊าา อ๊าาา”“พรึด!!”มิวรู้สึกโล่งอกเมื่อเขาถอดเครื่องป้องกันชิ้นสุดท้ายออกและเดินเข้าห้องน้ำ เธอหมดแรงและหลับไปทันทีโดยไม่ทันรู้ว่าวินทร์ค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดให้เธอก่อนจะห่มผ้าให้เขาไม่ได้สวมชุดนอนให้เธอเพรา
“อะไรนะครับ ไอ้กรเหรอ”“ใช่ ก็พี่เห็นกรมาเอาเทปแทนวินทร์ไม่ใช่เหรอพี่ก็เลยให้ไป นี่ไม่ได้คุยกันเหรอพี่ก็ไลน์ไปบอกแล้ววินทร์ก็บอกว่าโอเคไม่ใช่เหรอ"“เอ่อ ครับ ยังไงก็ขอบคุณพี่มากเลยนะครับพี่เอก เอาไว้ผมเลี้ยงเหล้า”“เฮ้ยไม่ต้องเกรงใจ”ภาวินทร์เดินออกมาจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิดและนึกสงสัยอยู่นิดหน่อย ทำไมชินกรถึงได้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วย“ไอ้กร ทำไมเป็นไอ้กรล่ะ”เมื่อวานนี้ชินกรเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยมิว แม้แต่เขาที่รีบร้อนวิ่งจากตึกคณะไปยังไปไม่ทันชินกร อีกอย่างที่สามคนนั้นถูกลงโทษแม้ว่าจะเป็นเพราะเขาคิดได้เรื่องกล้องวงจรปิด แต่คนที่จัดการกลับเป็นชินกร“กร กูมีเรื่องจะคุยกับมึงหน่อย”“ไอ้วินทร์ได้ข่าวว่ามีข่าวใหญ่เหรอวะ ทำให้น้องรินคณะมนุษย์ผวาขนาดนั้นยัยเด็กนั่นร้ายนี่หว่า”นิธิศแซวภาวินทร์แต่เขากลับหันมามองที่ชินกรที่ยิ้มและเดินตามภาวินทร์ออกมา ท่าทางใจร้อนของภาวินทร์ทำให้ชินกรเริ่มมั่นใจว่าระหว่างภาวินทร์กับลักษิกาคงไม่ธรรมดาแล้ว“ไอ้วินทร์มึงเป็นอะไรรีบร้อนทำไม”“มึงเป็นคนทำเหรอ”“กูไปทำอะไร”"มึงเป็นคนปล่อยคลิปตัดต่อนั่นเพื่อช่วยมิว"“เออ กูทำเองนี่มึงเรียกกูออกมาเพราะเรื่องแค่นี้
หลังจากนั้นมิวก็เริ่มใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์และค่อย ๆ เช็ดแผลให้กับนิธิศ เขาพึ่งทันได้สังเกตว่าเบื้องหลังแว่นตาหนา ๆ นี้ผิวของเธอขาวเนียนละเอียดสายตาคมกริบที่แทบจะบาดใจคนนั่นทำเอาเขาตกตะลึงไม่น้อย เธอแทบจะไม่เหมือนเด็กสาวที่พวกเขามักจะล้อเลียนก่อนหน้านี้มาเลย อีกทั้งมือเบาจนเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด“เจ็บไหมคะ ตอนนี้เช็ดเลือดออกแล้วเดี๋ยวจะล้างแผล อาจจะแสบ ๆ นิดหน่อย ถ้าทนไม่ไหวรีบบอกนะคะ”“ครับ”เธอลงมือนิ่ง ๆ และสายตาที่มุ่งมั่นนั้นทำให้นิธิศลืมความเจ็บปวด ต้องยอมรับว่ามิวในคราบพยาบาลแม้ว่าจะเป็นแค่พยาบาลฝึกหัด แต่เธอมีความนิ่งและสงบจนน่าชื่นชม ไม่นานเสียงเธอฉีกบางอย่างก็ทำเอาเขาสะดุ้ง“หนะ ไหนบอกว่าไม่ฉีดยายังไงล่ะน้องมิว! แล้วนั่นอะไร”“ผ้าก๊อซปิดแผลค่ะ ต้องใช้หลังจากที่ทายาเสร็จรุ่นพี่ตกใจอะไรคะ”“ออ ผ้าก๊อซหรอกเหรอไม่ใช่เข็มฉีดยา ค่อยยังชั่ว ๆ”เธอไม่ถามว่าทำไมเขาถึงกลัวเข็ม มิวแค่ค่อย ๆ ทำแผลให้เขาตามหน้าที่ นิธิศรู้สึกเจ็บตอนที่เธอใส่ยาที่แผลตรงหน้าผากของเขา“โอ๊ย! เจ็บ ๆ ๆ เจ็บครับอันนี้เจ็บจริง ๆ แสบมากทำยังไงดี”“อยู่เฉย ๆ นะคะ อีกนิดเดียวยานี่จะทำความสะอาดเผื่อมีเชื้อโรคเข้
“ก็ใช่น่ะสิคะ พี่วินทร์คิดว่ามาที่นี่จะมาทำอะไรล่ะคะ”“พี่ก็แค่!!…ช่างเถอะ ว่าแต่จากนี้มิวต้องมาที่นี่ทุกวันเลยเหรอ”“ค่ะ หยุดเสาร์อาทิตย์”“ค่อยยังชั่ว”มิวหันไปค้อนและเก็บของที่พึ่งทำแผลให้นิธิศก่อนที่ภาวินทร์จะเดินเข้ามาชิดตัวเธอ มิวพยายามหันหนีแต่เขากลับดึงเธอเข้ามา“ถ้างั้นสองทุ่มพี่มารับนะ”“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะวันนี้พึ่งจะเริ่มงานวันแรก”“ไม่ได้วันนี้พี่จะคุยเรื่องการพิมพ์รายงานโปรเจคแล้ว สองทุ่มพี่จะขับรถมารับห้ามปฏิเสธอีกไม่งั้นเรื่องของเราพี่บอกพวกไอ้กรไอ้ธิศแน่ มันจะได้ไม่ทำสายตาเหมือนลูกหมากับมิวอีก”“อะไรนะคะ สายตาลูกหมาคืออะไร”“ช่างเถอะ สองทุ่มรออยู่ที่นี่อย่าหนีกลับก่อนล่ะ”“แต่วันนี้มิวมีนัดแล้ว”“กับใคร! ไปที่ไหนแล้วเลิกกี่โมง”“คือว่าเพื่อน ๆ จะไปทานข้าวกันที่หน้ามหาลัย”“ไปกี่คน มีผู้ชายหรือเปล่า”มิวมองหน้าคนที่ถาม ภาวินทร์สีหน้าจริงจังกว่าตอนเข้ามาเจอเธอทำแผลให้กับเพื่อนสนิทของเขาเสียอีก“คือว่า ไม่แน่ใจ”“แล้วจำเป็นต้องไปเหรอ”“อืม แยมชวนก่อนหลายวันแล้ว ดังนั้นคืนนี้…”“ธุระพี่ก็เร่งเหมือนกัน พรุ่งนี้วันเสาร์เอาเป็นว่ากินแล้วเลิกกี่โมงก็โทรมา บอกชื่อร้านมาเดี๋ยวมาร
รถหรูของภาวินทร์ขับมาจอดที่หน้าร้านอาหารชื่อดังหน้ามหาลัยก่อนที่เขาจะกดโทรหามิวอีกครั้งซึ่งตอนนี้มิวรีบรับสายเขาทันทีโดยที่ไม่ต้องรอ แต่เสียงพูดคุยยังคงดังอยู่รอบ ๆ“ฮัลโหล”“ให้เวลาห้านาทีเก็บของออกมาถ้าไม่อย่างนั้นพี่จะเข้าไปรับด้วยตัวเอง”“อะไรนะคะ! เดี๋ยวก่อนนะคะ ขอสิบนาทีค่ะมิวต้องบอกเพื่อน ๆ ก่อน”“เจ็ดนาทีห้ามต่อรอง”“เดี๋ยว…เฮ้อ เอาแต่ใจตัวเองชะมัด”มิวหันมามองหน้าเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกซึ่งเธอเองก็ยังไม่อยากกลับ แต่ภาวินทร์ขู่เอาไว้ว่าเขาจะเข้ามาที่นี่เอง เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องดังนั้นจึงต้องรีบขอตัวกลับ“อะไรวะมิว แล้วใครจะอยู่ชงเหล้าอร่อย ๆ ให้ฉันล่ะ โธ่ทำไมรีบกลับ”“หรือว่าแฟนมารับ”“เอ่อ…ไม่ใช่ ๆ คือเราต้องรีบกลับไปโทรหายายน่ะ”""อ๋อ งั้นรีบไปเถอะ""“เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”“อืม”มิวลาทุกคนในนั้นก่อนที่แยมจะลุกมาส่งอย่างรู้ทัน แม้ว่าจะมีบางคนสงสัยแต่ก็ไม่ได้ตามพวกเธอออกมาเพราะกำลังคุยกันอย่างออกรสเรื่องที่พึ่งได้ไปฝึกงานในโรงพยาบาล และเจอคุณหมอหล่อ ๆ หลายคน“มิว เรื่องนี้แกจะปิดบังไปอีกนานแค่ไหน ฉันว่าไม่นานยังไงพี่วินทร์ก็ต้องทำความแตก”“ฉันเองก็ไม่รู้แต่ถ้าจะแตกก็ต้องไม่ใช่
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั
มิวหันมามองหน้าเขาเมื่อรับจานจากวินทร์มาเข้าเครื่องล้างจาน“ทำไมจู่ ๆ พี่วินทร์มาถามเรื่องนี้กับมิวละคะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้มิวทำยังไงล่ะ”“ก็ถ้า…พี่เรียนจบแล้วและต้องทำงาน อีกอย่างที่ร้านนั้นตอนนี้พ่อพี่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถ้าแต่งตัวให้ดี ๆ บาร์เทนเดอร์ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊นี่จริงไหม”“ก็จริงค่ะ ที่จริงมิวก็ไม่ได้ชอบการแต่งตัวแบบนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้”“อีกอย่างตอนนี้มิวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนการศึกษาแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง พี่แค่อยากถามว่ามิวอยากทำหรือเปล่า แต่ใจพี่ยังไม่อยากให้มิวไปทำหรอกนะ เพราะปีหน้ามิวก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว พี่อยากให้มิวเรียนให้จบก่อน”“ที่จริงมิวก็รักงานนี้นะคะ แต่ก็อย่างที่พี่วินทร์พูดนั่นแหละค่ะว่าคงต้องตั้งใจเรียนก่อน เอาเป็นว่าไปช่วยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวได้เหมือนกับงานที่แล้ว”“แต่พี่จะไม่ให้ใส่ชุดแบบนั้นแล้วนะ ใส่ให้มันรัดกุมให้ดูเป็นผับที่ดูดีหน่อยไม่ใช่…”“ตอนนี้ที่นั่นมีใครดูแลอยู่เหรอคะ”“พี่รินทร์กับสามีไง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะจะคุยเรื่องมิวนั่นแหละ พ่อคงไปบอกเรื่องของเราหมดแล้วเพราะคืนนั้นพ่อเห็นพี่ลากมิวออกมาจากงาน วันนี้พี่ร
มิวที่ช็อกอยู่หน้าประตูพยายามก้าวขาออกจากห้อง แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอตกใจจนขาแทบไม่กระดิก เมื่อสาวสวยคนนั้นหันมามองหน้าเธอ ส่วนภาวินทร์พยายามลุกขึ้นมา“ฟังพี่ก่อนนะ”“เธอเป็นใครน่ะวินทร์”มิวพยายามกลั้นน้ำตาและหันออกไปจากห้องแต่ภาวินทร์ที่พยายามลุกจากโซฟามาหาเธอกลับล้มตึงลงไปกับพื้นจนเธอตกใจและหันมา“ว้าย! ไอ้วินทร์! น้องคะมาช่วยพี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า ไอ้บ้านี่ตัวอย่างกับยักษ์ แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะค่อย ๆ ลุก”“พี่รินทร์หลีกไปเลยผมบอกว่า…โอ๊ย!!”มิวตกใจแต่ก็ไม่ทันได้ถาม แต่สรรพนามที่ผู้หญิงสวยคนนั้นเรียกแฟนหนุ่มของเธอ หากฟังไม่ผิดพวกเขาน่าจะไม่ใช่อย่างที่มิวคิดเอาไว้ เธอรีบวิ่งมาประคองภาวินทร์ที่ล้มให้ลุกขึ้น ซึ่งตัวภาวินทร์ร้อนเหมือนไฟ“พี่วินทร์…ไม่สบายเหรอคะ”“ใช่ค่ะ มันไม่ยอมให้พี่โทรบอก น้องมิวใช่ไหมอย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยพี่ลากไอ้เด็กดื้อนี่เข้าห้องนอนก่อน”“เอ่อ ค่ะ ๆ”“ไม่ต้อง พี่รินทร์กลับไปเถอะ ผมมีมิวแล้วเดี๋ยวมิวจัดการเอง โอย…”“พี่วินทร์ อย่าพึ่งพูดเข้าไปในห้องก่อน”“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาได้เสียที”แม้แต่เสียงของวินทร์ก็แหบจนแทบไม่มีเสียง มิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รีบให้เขา
มิวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำและไม่พูดอะไรกับเข้าอีก ปล่อยให้ภาวินทร์ยืนงงอยู่ในห้องน้ำ เขารีบอาบน้ำตามเธอออกมาเพื่อจะมาง้อแฟนสาวที่นั่งเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“เอ่อ…”เธอเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ดังขึ้นและไม่สนใจเขาอีก วินทร์พยายามเดินวนรอบ ๆ จนต้องยอมถอยเพราะมิวคงไม่ฟังที่เขาพูดแน่ ดังนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดนอน มิวปิดที่เป่าผมและเดินมาเปลี่ยนชุดเช่นกัน“เอ่อ…”“ปิดไฟด้วยนะคะ”“เดี๋ยว… คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ เมียจ๋า”“อย่ารบกวนคนจะนอนถ้ายังพูดอีกพรุ่งนี้มิวจะกลับหอ”วินทร์รูดซิปปากจนสนิทและยอมที่จะปิดไฟนอนแต่โดยดี มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลัวเธอมากขนาดนี้ ไม่สิเขาคิดว่าเข้าไม่ได้กลัว เขาแค่รักเธอมากขึ้นทุก ๆ วันจนไม่อยากเสียเธอไปต่างหากจึงได้ยอมลดนิสัยเอาแต่ใจของเขาลง อีกอย่างมิวแทบจะไม่เคยโกรธเขาจริง ๆ มาก่อนเลยถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยายของมิวจะเสีย“ขยับออกไป ร้อน”“แต่ว่าพี่นอนไม่หลับ”“มิวบอกว่ามิวร้อนไม่ได้ยินเหรอคะ จะนอนที่นี่หรือว่าจะไปนอนห้องนอนเล็ก”“ก็ได้ ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้อย่าแยกห้องนอนเลยนะครับ”มิวขยับหนีเขาไปเกือบสุดเตียง คนตัวโตได้แต่นอนถอนหายใจและทำท่าเห
ภาวินทร์คว้าข้อมมือของมิวเดินผ่านผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบพวกเขาอยู่ พวกเธอหลบตาเขาจนเขาเดินผ่านไปและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ มิวเห็นท่าทางโกรธของเขาจึงได้ยิ้มออกมา“ขำอะไรกัน ไม่โมโหเหรอที่ถูกคนว่าลับหลังแบบนั้น”“แล้วพี่วินทร์จะไปฟังทำไมละคะ”“ก็มันน่าโมโหนี่ ถ้ามิวแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็ม สวยกว่าพวกปากมากนั่นอีก”“เฮ้อ… ความปากดีของพี่วินทร์ไม่เคยลดลงเลยนะคะ”“แล้วไม่ชอบเหรอ”ภาวินทร์หันมาคว้าเอวของแฟนสาวเข้ามากอดพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มิวเบี่ยงหลบและตีไปที่ไหล่ของเขาจนวินทร์หัวเราะเพราะเธอเริ่มอายอีกแล้ว“เมือไหร่จะเลิกทำหน้าตาน่ารักนั่นเสียทีนะ พี่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว”“พอเลยค่ะรีบกลับเถอะ ผักก็เลือกมาได้ไม่เท่าไหร่เองก็ไปหาเรื่องคนอื่น”“ไปซื้อที่อื่นก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย พี่ไม่ชอบให้ใครมาพูดลับหลังแฟนพี่แบบนี้”“รีบไปเถอะค่ะเสียเวลา”“ครับผม”“แล้ววันหลังอย่าไปพูดแบบนี้อีกนะคะ ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง”“ทำไมล่ะพวกนั้นนินทาได้แล้วพี่ตอบโต้กลับไม่ได้เหรอ…. ก็ได้ ๆ ไม่พูดก็ได้ครับ ไปคิดเงินกันนะอย่าโมโหสิ”วินทร์หยุดพูดเมื่อเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ส่งมาให้เขา ตอนนี้เขาจะไม่ยั่วโมโหเ
“อะไรวะไอ้กร อย่ามาขู่กูเลย”“กูไม่ได้ขู่แต่มึงไม่เห็นเหรอ พ่อพยายามมาหลายปีให้มิวยอมรับ มึงว่ามหาลัยเรามีทุนให้เรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“มึงจะบอกว่าทุนที่มิวคิดว่าเป็นทุนจากมหาลัยนั่นที่จริงแล้ว…”“ทุนจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อจัดการและคุยกับคณบดีโดยตรงโดยที่มิวไม่รู้มาสามปี ทั้งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของยายและงานศพทั้งหมดนี่ก็ด้วย น้าสายรู้ดีที่สุดแต่มิวไม่รู้คิดว่าน้าสายจะเคลียร์หลังงานจบน่ะ”“กูเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิทีนี้”“ไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าพ่อจะดีใจที่ได้ลูกสาวคืนแต่ก็คงไม่ถึงกับสั่งห้ามมิวเรื่องมึงหรอก แค่ต้องระวังให้มาก ๆ หน่อยเท่านั้น เกิดมึงอะไรพลาดขึ้นมากูแค่จะเตือนว่าแม้แต่กูก็ช่วยมึงไม่ได้เท่านั้นเอง”“เฮ้อ จากมิวคนเดียวที่ว่าง้อยากแล้ว นี่ยังเพิ่มพ่อตามาอีกคน กูตายแน่ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่ามีเมียมันจะยากขนาดนี้”“เฮ้ย นี่มึงจะถอยตอนนี้เหรอวะ”“ฝันไปเถอะ กูรักของกูขนาดนี้มีเหรอจะยอมแพ้”“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดูเหมือนว่ามึงจะทิ้งลายเจ้าชู้แล้วจริง ๆ เหรอวะไอ้วินทร์”“เออ ตั้งแต่กูเจอมิวกูก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดอยากจะหาและไม่มีอารมณ์กับใครด้วยนอกจากมิว”“มึงกล้าพูดแ
“ไอ้ธิศเนี่ยนะ! ไปยกของบ้าไปแล้วแน่ ๆ คนอย่างมันน่ะเหรอจะ…”“เอาไปไว้ทางโน้นค่ะ เร็ว ๆ เลยเหลืออีกหลายตัว”“ครับ ๆ รู้แล้ว ๆ ไม่ต้องดุมากได้ไหมชาติก่อนเป็นแมวเหรอขู่เก่งจัง”วีรภัทรหันไปมองนิธิศที่กำลังช่วยเพื่อนของมิวอีกคนยกพานพุ่มเข้าไปเก็บข้างใน ดูเหมือนจะเป็นพานที่ใช้ประกอบพิธีในคืนพรุ่งนี้ ตามไปด้วยเพื่อนที่เป็นสาวสองที่ชื่อริชชี่และแยมที่ช่วยกันยก “มีอีกไหม แรงพี่ยังเหลือนะ”“โน่นค่ะ แล้วอย่าบ่นนะว่าหนักขนาดริชชี่เป็นสาวยังยกไหวเลย”“ใครจะไปถึกเหมือนไอ้บ้านั่น”“พี่ธิศ!”“ครับ ๆ ไม่ว่า ๆ น้องริชชี่คนสวยมีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมครับ”“แหมยังเหลืออีกไม่เยอะค่ะ แยมแกก็อย่าไปขู่พี่เขามากสิ เดี๋ยวเขาก็ไม่ช่วยหรอก”“ก็….”“ไปน่า ๆ น้องแยมไม่ต้องพูด ไปช่วยพี่ยกของก่อนดีกว่ามาเถอะ ๆ”“นี่! ปล่อยมือนะพี่ธิศ บ้าเหรอมาลากแยมทำไม”แคร์หันไปแค่ยิ้มและหันมาจัดการข้าวต้มในชามตัวเองก่อนจะหันมามองท่าทางตกตะลึงของวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาทำแบบนี้มาก่อน นิธิศเป็นคนปากดีและหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก นอกจากมิวที่เคยด่าเขาหน้าคณะจนอายแล้วยังไม่เคยเห็นนิธิศยอมให้ผู้หญิงคนไหนใช้งานแบบนี้มาก่อน“เป็นไปได้
มิวเองก็รู้ตัวว่าเคยทะเลาะกับน้าเรื่องนี้บ่อย ๆ หลายครั้งที่น้าสายบอกให้มิวลองติดต่อพ่อเพราะยายต้องรักษาตัว แต่เป็นมิวที่ดื้อและยืนยันว่าจะทำงานและหาเงินมารักษายายให้ได้ จนอาการของยายทรุดหนักลงเธอจึงหยุดเถียงน้าสาย และตัวน้าเองก็เลือกจะเงียบไปเพราะกลัวว่าอาการของยายจะแย่ลง“มิว…”“น้าไม่โทษแกหรอกเพราะแกก็ดื้อไม่ต่างกับแม่ แต่สุดท้ายแล้วแม่ก็ให้อภัยและยอมรับพ่อของมิว แม้ว่าจะยังไม่ทันได้จดทะเบียนสมรสแต่พ่อของมิวก็ตั้งใจที่จะมาที่นี่และอยู่กับแม่ของมิว”มิวปล่อยโฮเมื่อความจริงทั้งหมดออกมาจากน้าสาย เป็นเธอที่ดื้อรั้นไม่รับฟังจนยายเสียไป เวลานานเป็นสิบปีกว่าที่เธอจะเข้าใจ บัญชีเงินฝากมีเงินในนั้นเกือบสามล้านบาทเพราะพ่อของเธอโอนมาฝากให้เป็นประจำโดยที่ไม่มีการถอนออกมา ค่ารักษาของยายและทุนการศึกษาที่เธอได้เรียนทุกวันนี้ก็เป็นพ่อที่จ่ายให้“น้าสายมิวควรจะทำยังไงดี มิวไม่เคยรู้ว่าแม่อภัยให้เขาแล้วแต่ว่ามิว…”“น้าเข้าใจที่มิวโกรธ แต่ตอนนั้นมิวยังเด็กจึงดื้อไม่ฟังใครน้ากับยายก็เข้าใจ ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพ่อมิวก็จะโกรธและไม่คุยกับคนอื่น ยายไม่อยากเห็นมิวเป็นแบบนั้นก็เลยเลี่ยงไม่พูดมาตลอด น้าผิด
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุที่มิวเกลียดพ่อสินะ”"ใช่ พ่อเองก็รู้ตัวว่าทำผิด แต่ทุกเรื่องมันมีเหตุผล อีกอย่างเรื่องที่แม่ทำก็ไม่ได้ถูกต้องแม้ว่าพ่อจะรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เคยละเลยน้าสุดากับมิว แม้ว่าน้าสุดาจะไม่ยอมรับจนถึงวันสุดท้ายก็ตาม ยายกับน้าสายรู้ดีว่าเธอปากแข็งไปเท่านั้นเพราะก่อนจะสิ้นใจพ่อได้มีโอกาสมาหาเธอและกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันจนน้าสุดาเสีย แต่เรื่องนี้มิวไม่รู้เรื่องและพ่อก็ไม่เคยปริปากบอกเธอเพราะยังรู้สึกผิดอยู่“ฉิบหายทำไมเรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้วะ แล้วกูจะพูดยังไงกับมิวดี จะช่วยมึงกับคุณอายังไงวะ”“ไม่ต้องหรอกพ่อบอกแล้วว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็คงต้องใช้เวลา พ่อบอกรอได้จนกว่ามิวจะพร้อม อีกอย่างคุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็หย่ากับพ่อแยกทางกันนานแล้วต่อไปก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก วันนี้ที่พ่อมาก็แค่อยากมาส่งยายครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”“เข้าใจแล้วเอาเป็นว่ากูจะค่อย ๆ พูดกับมิวให้ ยังไงท่านก็เป็นพ่อ อีกอย่างพ่อมึงก็ไม่ได้จะขาดความรับผิดชอบ แม่่ของมิวรู้ทุกเรื่องแต่ไม่มีโอกาสได้บอกมิว”“มึงก็รู้ว่ามิว…”“กูต้องรู้สิ มิวปากแข็งแต่ใจอ่อน นิสัยคงไม่ต่างกับแม่ของเ