รสชาติแปลกใหม่ที่ได้รับกับกลิ่นหอมที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก สร้างความพอใจให้โฉมสะคราญเป็นอย่างยิ่ง จนต้องยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ความสดชื่นที่ได้รับไหลผ่านลำคอพร้อมความร้อนวาบวูบหนึ่งที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้า สัมผัสได้ถึงเลือดลมที่ไหลเวียนคล่องขึ้นอย่างประหลาด แล้วยังรู้สึกถึงความปลอดโปร่งสบายตัวดังคำที่เขาบอก ก่อนจะวางแก้วที่ว่างเปล่าลงตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบด้วยกิริยาที่ดูผ่อนคลายลง"ทางโรงหมอยังมิติดต่อมาหรือเจ้าคะ""ยังเลย เจ้าอยากจะพักสายตาสักหน่อยหรือไม่"ขุนไกรส่ายหน้าประกอบคำพูดเอ่ยกับสตรีตรงหน้าโดยที่สายตาไม่ละจากใบหน้างามแม้แต่น้อย จนร่างบางขยับกายอย่างอึดอัดระคนเขินอายเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกล้านั้น ในอกของนางสั่นไหวขึ้นมาแปลกๆ จึงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเก้อกระดาก"เอ่อ ขออีกแก้วได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงหวานกล่าวขึ้น ยื่นแก้วมาตรงหน้าเขา นัยน์ตาหวานนั้นฉ่ำเยิ้มจนคนมองลมหายใจติดขัด"ข้าบอกว่าไม่เมาหากดื่มเพียงเล็กน้อย แต่หากมากไปกว่านี้เจ้าอาจจักเมาได้"ขุนไกรกล่าวเตือนสตรีตรงหน้า สายตาคมจับจ้องทุกกิริยาของนาง มองมือเรียวขาวที่ยื่นมารับแก้วที่เขารินส่งให้"ข้าคงมิเมาง่ายดายถึงเ
เป็นสายจากคนของเขาที่โทรมาจากโรงหมอ ความร้อนใจทำให้ดอกแก้วหลงลืมเรื่องน่าอายระหว่างนางกับบุรุษข้างกาย ทั้งคู่เร่งมาที่โรงหมอในทันที"เฮ้ ขุนไกร"ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินตรงไปยังห้องที่คุณพระสรเดชรักษาตัวอยู่ระหว่างทางมีฝรั่งตัวใหญ่เอ่ยเรียกคนตัวสูงเอาไว้ แม้จะมองจากไกลๆ ดอกแก้วนางก็จำได้ว่าเป็นนายฝรั่งเจ้าของบ่อนผู้เป็นสหายของเขา และดูเหมือนว่าฝรั่งผู้นั้นคงมีธุระกับอีกฝ่าย แต่เห็นบุรุษข้างกายมองมายังนางอย่างลังเลใจจึงได้กล่าวออกไป"ท่านไปหาสหายเถอะเจ้าค่ะ ข้าไปผู้เดียวได้"นางเอ่ยกับเขาอย่างเกรงใจแค่เขาเป็นธุระให้นางถึงขนาดนี้นางก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว"เช่นนั้น ประเดี๋ยวข้าจักรีบตามไป"ขุนไกรบอกกับนางสายตาที่ทอดมองอย่างห่วงใยทำให้นางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างขอบคุณ พยักหน้ารับ มองแผ่นหลังกว้างที่เดินไปหาสหายด้วยความรู้สึกหลากหลายยากจะอธิบาย ก่อนจะเดินไปหาผู้เป็นบิดาเมื่อมาถึงห้องที่บิดารักษาตัวอยู่คุณหมอก็เชิญนางเข้าไปคุยถึงอาการของบิดา"แม่ดอกแก้ว"แต่ยังมิทันที่นางจะได้เดินเข้าไปพบหมอ เสียงของบุรุษผู้มาใหม่ที่เอ่ยเรียกทำให้นางต้องหันกลับไปมอง ภาพของบุรุษใบหน้าหล่อเหลาที่เร่งฝีเท้าเดินเข้
ใบหน้างามของดอกแก้วซีดเผือดหลังจากที่ได้ฟังคำวินิจฉัยอาการของบิดา คำพูดของหมอยังดังอื้ออึงอยู่ในหัว นางได้แต่พร่ำถามตัวเองว่านางได้ไปทำกรรมใดเอาไว้หนักหนา ชีวิตถึงได้ดูยุ่งเหยิงตกต่ำนักบิดาของนางตอนนี้ยังไม่ฟื้น มีเลือดบางส่วนที่คั่งค้างอยู่ในหัว เพราะหัวนั้นฟาดกับของแข็งอย่างรุนแรง จำเป็นที่จะต้องเอาเลือดส่วนนั้นออกอย่างเร่งด่วนจึงจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ และต้องได้รับการรักษาจากหมอฝรั่งที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ต้องส่งตัวไปโรงหมอฝรั่งที่มีเครื่องมือครบครัน นั่นหมายถึงค่ารักษามหาศาล นางจะไปเอาเงินมาจากไหนกัน เรือนก็กำลังจะถูกยึด ชีวิตบิดาก็สำคัญ แล้วยังจะอาการป่วยของหนูยิ้มอีกเล่า ร่างบางนั้นสิ้นไร้เรี่ยวแรงทรุดกายลงนั่งโดยการประคองของบุรุษข้างกาย"แม่ดอกแก้ว ไม่เป็นไร เจ้าอย่าลืมสิว่ายังมีพี่อยู่ทั้งคน"ดอกแก้วแหงนเงยใบหน้าเศร้าหมองขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยปลอบประโลม สายตาที่ทอดมองนางทำให้นางปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น โผเข้าหาอ้อมแขนที่อ้ารับนางอย่างต้องการที่พึ่ง หมื่นเดชาหาญณรงค์ปล่อยให้สตรีในอ้อมแขนร้องไห้อยู่เช่นนั้น เขาอยากให้นางระบายมันออกมาให้หมด จนกระทั่งเสียง
เฉิดจันทร์ใช้หวีสางผมที่ดูยุ่งเหยิงของตนจนมันกลับมาเรียบลื่นเป็นทรงงดงามดังเดิม ดวงตาคู่งามจ้องมองใบหน้าสวยในกระจก นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามรอยจ้ำสีกุหลาบที่ผุดขึ้นทั่วเนินสล้างพลันยกยิ้มขึ้น เหลือบมองบุรุษที่หลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง นางสู้อุตส่าห์ลงทุนลงแรงเปลืองเนื้อตัวจนถึงขนาดนี้ เขาจักให้นางเห็นเขาร่วมผูกวาสนากับสตรีอื่นเช่นนั้นหรือ และสตรีนางนั้นยังเป็นสตรีที่นางเกลียดชังจนเข้ากระดูกอีกด้วย ช่างน่าขันเสียจริง เฉิดจันทร์นางเดินนวยนาดออกจากรังรักของนางกับหมื่นเดชาหาญณรงค์ไปอย่างอารมณ์ดี วันนี้นางอยากจะออกไปทำผมเสียหน่อย ในคราแรกนางคิดว่าจะไปนวดเนื้อขัดตัวเพื่อเตรียมตัวกับการเป็นภริยาท่านหมื่น แต่เห็นทีว่าวันนี้คงจะทำมิได้ เพราะบุรุษที่ยังคงหลับใหลอยู่นั้นทิ้งรอยรักตามเนื้อนวลของนางเต็มไปหมด เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายหลงใหลในตัวนางมากเพียงใด อยากจะเห็นหน้านังดอกแก้วในวันที่รู้เรื่องของนางกับคู่หมายของมันแทบไม่ไหว อยากจะรู้นักว่ามันจะวางท่าเย่อหยิ่งจองหองอยู่อีกหรือไม่ เมื่อรู้ว่าบุรุษของมันได้กลายเป็นของนางเสียแล้ว เพียงแค่คิดนางก็แทบจะอดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว นางเกลียดแสนเกลียด
เรือนท่านหมื่นเดชาหาญณรงค์ในวันนี้ช่างดูครึกครื้นยิ่งนัก บรรดาบ่าวไพร่ต่างมีใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเพราะได้รับเงินรางวัลกันถ้วนหน้า เนื่องในโอกาสที่บนเรือนล้วนมีแต่ข่าวที่น่ายินดี ในอีกสองวันนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงระพี นายหญิงของเรือนที่มีอายุครบห้าสิบปีบริบูรณ์ ทุกคนต่างช่วยกันจัดเตรียมข้าวของกันอย่างขยันขันแข็ง และข่าวน่ายินดียังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าก็จะมีงานมงคลของท่านหมื่นเดชาหาญณรงค์กับคุณหนูดอกแก้วผู้เป็นคู่หมายที่หมั้นหมายกันมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์แต่งเสียที คุณหญิงระพีนั้นก็หน้าตาสดชื่นแจ่มใสที่จะได้แต่งสะใภ้ที่ท่านทั้งรักทั้งเอ็นดู ตกรางวัลให้บ่าวไพร่ในเรือนเสียยกใหญ่ เป็นวาสนาของคุณหนูดอกแก้วเธอจริงๆ ที่มีว่าที่แม่ผัวทั้งรักทั้งหลง ถึงแม้ว่าเรือนของเธอจะประสบเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ก็หาได้เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ไม่"พ่อเดชจักไปหาน้องรึ"คุณหญิงระพีเอ่ยถามผู้เป็นบุตรชายทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้าวออกมาจากหอนอนของตนร่างสูงเดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งข้างๆ มารดาของตนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง หลายวันมานี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
เสียงหวานของสตรีผู้มาใหม่ ทำให้เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดขึ้น ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ดอกแก้วทำเพียงปรายตามองท่าทางอ่อนหวานของสตรีนางนั้นที่ช่างดูเสแสร้งอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ นางชินชากับท่าทางไร้เดียงสาของอีกฝ่ายเสียแล้ว แต่ก็ไม่คิดฝันว่าสตรีนางนี้ยังจะกล้าเข้ามาทักทายนางอีก ทั้งๆ ที่มารดาของนางทำให้บิดาของตนเจ็บหนักถึงเพียงนั้น ช่างไม่มีความละอายส่วนบุรุษข้างกายนางก็ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก ทั้งที่มีสตรีอยู่ข้างกายใยถึงยังใช้สายตาเช่นนั้นมองนางอีก นางจะไม่มีวันหลงใหลกับการล่อลวงของอีกฝ่ายอีกเด็ดขาด บุรุษผู้นี้ร้ายกาจเกินไป ทั้งกับความรู้สึกและร่างกายนาง ชายมากรักไม่รู้จักพอ ตัวเองมีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ ยังมายุ่งวุ่นวายกับนางอีก เพราะความรู้สึกที่มีต่อบุคคลทั้งสองที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้ดอกแก้วมิทันที่จะสังเกตอาการของบุรุษผู้เป็นคู่หมายของนาง ที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง"ข้าไหว้เจ้าค่ะท่านขุน"ดอกแก้วจำต้องเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างเสียมิได้อย่างไรเขาก็ถือว่ามีบุญคุณ ช่วยเหลือนางในหลายๆ ครั้ง แต่ตั้งใจที่จะเมินสตรีข้างกายของเขา แม้นางจะเตือนตัวเองมิให้สนใจอีกฝ่
ร่างเล็กของสตรีที่เดินอยู่ริมถนนเพียงลำพังในยามบ่ายคล้อยทำให้หมื่นเดชาหาญณรงค์ต้องชะลอรถให้ช้าลง เขาพึ่งเดินทางกลับจากทำงานที่กระทรวงเหมือนเช่นทุกวัน ใบหน้างดงามคุ้นตาที่ดูเศร้าหมองราวกับพึ่งผ่านการร้องไห้มานั้นทำให้เขาต้องวนรถกลับไปหานาง"แม่เฉิดจันทร์จะไปไหนหรือ ขึ้นรถสิประเดี๋ยวข้าจักไปส่ง"เสียงของบุรุษที่เอ่ยขึ้นทำให้เฉิดจันทร์ชะงักฝีเท้า แววตาหวานปนเศร้าที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำฉ่ำวาวจ้องมองมายังเขา ทำให้หัวใจแกร่งกระตุก ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง"ขึ้นรถสิ""เอ่อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างสั่นเครือ เอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ"ขึ้นรถเถอะประเดี๋ยวข้าจักไปส่ง มืดค่ำไปจักอันตราย"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ยินยอมจึงเอ่ยเตือนนางเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเหมือนจะมืดครึ้มลงเฉิดจันทร์ที่เห็นว่าเป็นดังที่อีกฝ่ายกล่าวและเพราะเกรงใจอีกฝ่ายที่รอนางอยู่นานจึงได้ยอมขึ้นรถไปกับบุรุษผู้เป็นคู่หมายของพี่สาวต่างสายเลือดหมื่นเดชาหาญณรงค์จ้องมองสตรีด้านข้างที่นั่งขดกายชิดประตูรถเป็นระยะ ให้นึกแปลกใจว่าผู้ใดกันที่ทำให้สตรีนางนี้หมองเศร้าได้ถึงเพียงนี้ เขาคิดว่านางจะเป็นสตรีอารมณ์ร้ายนิสัยห
ดอกแก้วมองอาคารเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึก หนี้สินของนางตอนนี้ถูกเปลี่ยนมือไปเสียแล้ว และเจ้าหนี้ผู้นั้นคือบุรุษที่นางกำลังจะเข้าไปพบอีกฝ่ายในตอนนี้ แม้จะรู้จักเรือนของอีกฝ่ายแต่นางเลือกที่จะมาพบเขาที่บ่อนแห่งนี้ บ่อนที่นางเองก็พึ่งจะทราบว่าบุรุษผู้นั้นได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าของ แม้ว่าจะไม่ชมชอบสถานที่เช่นนี้ แต่หากจะไปขอพบอีกฝ่ายที่เรือนมันจะดูไม่ดีกับสตรีที่กำลังจะออกเรือนเช่นนางที่ไปพบชายหนุ่มเพียงลำพังถึงเรือน อีกอย่างนางเองก็ไม่คิดที่จะไว้ใจเขาด้วยเรื่องราวในวันนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำของนาง ถึงแม้ว่าอยากจะลืมเลือนแต่มันกลับมิง่ายเลย และนางจะไม่ยินยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องหนี้สินที่ถูกเปลี่ยนมือ ทำให้นางกระวนกระวายใจจนแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เมื่อวานนางนั้นเดินทางไปพบเจ้าหนี้ เพื่อเจรจาที่จะขอผ่อนจ่ายหนี้สินเป็นงวดๆ ไป และยินยอมที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามสมควร เพราะนางนั้นไม่อาจที่จะเอาเปรียบคู่หมายที่จะกลายมาเป็นคู่ชีวิต เท่าที่อีกฝ่ายช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของบิดานาง ก็มากเกินพอแล้ว จะให้เขาต้องมารับผิดชอบหนี้สินเหล่านั้นได้อีกอย่างไรกันแต่ทุกอ
ทางด้านเรือนหมื่นเดชาหาญณรงค์ที่ตอนนี้ดูวุ่นวาย จนงานเลี้ยงล่มไม่เป็นท่า เหตุเพราะเจ้าของงานเลี้ยงเป็นลมหมดสติไปจริงๆ จากที่มีทีท่าว่าจะเป็นลมหลังจากที่ผู้เป็นบุตรชายวิ่งตามว่าที่ลูกสะใภ้ออกไป แต่สตรีอีกนางที่ยังคงอยู่ ใบหน้างดงามนั้นเปรอะเปื้อนน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นดูแล้วช่างน่าเวทนาในสายตาผู้คน แต่มิใช่สำหรับคุณหญิงระพีที่รู้ถึงสันดานไพร่ของอีกฝ่าย เสียงหวานแหบเครือที่เอ่ยขึ้นท่ามกลางผู้ชมมากมายทำให้คุณหญิงระพีโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง"คุณหญิงแม่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเฉิดจันทร์นะเจ้าคะ เฉิดจันทร์ก็เป็นเมียคนหนึ่งของคุณพี่เดช จะให้อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ได้เยี่ยงไร""หุบปากของเจ้าเสียแม่เฉิดจันทร์"คุณหญิงระพียกปลายนิ้วที่สั่นระริกขึ้นชี้หน้าสตรีไร้ยางอาย สตรีนางนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก มารยาสาไถยเหมือนมารดาของนางมิมีผิด มิรู้ว่าบุตรชายของนางไปเสียรู้แก่สตรีนางนี้ได้เช่นไร"ทั้งๆ ที่ข้าเป็นเมียคุณพี่เดชก่อนคุณพี่ดอกแก้ว แต่กลับต้องตกเป็นรอง ข้ายอมถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่สงสารข้าบ้างเล่าเจ้าคะ"เฉิดจันทร์ที่เอ่ยขึ้นแสร้งบีบน้ำตาให้แลดูน่าสงสาร ไม่สนสายตาของหญิงสูงวัยที่จ้องมองนางราวกับจะกินเ
ดอกแก้วที่เร่งฝีเท้าออกจากเรือนของหมื่นเดชาหาญณรงค์ โดยไม่แม้แต่จะสนใจสายตาของผู้คนที่ต่างหันมามองนางอย่างสนใจสงสัยใคร่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดว่าที่สะใภ้ของเจ้าของงานถึงได้วิ่งร้องไห้ออกจากเรือนไปเช่นนั้น ไม่สนแม้แต่จะหยุดฝีเท้าตามเสียงเรียกของผู้เป็นใหญ่แห่งเรือนหลังนี้คุณหญิงระพีที่ดูจะตกอกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะทันเห็นบุตรชายของนางนั้นวิ่งตามออกมา ด้านหลังนั้นยังมีสตรีอีกนางติดตามมาด้วย เพียงเท่านั้นนางก็พอจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้"คุณแม่"น้ำเสียงของบุตรชายที่เอ่ยเรียกนางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูหม่นเศร้าราวกับกำลังจะเอ่ยอธิบายกับนาง"ยังไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น ตามน้องไป"มือไม้ของคุณหญิงระพีได้แต่ชี้ตามทิศทางที่หญิงสาววิ่งออกไป เมื่อเห็นว่าผู้เป็นบุตรชายวิ่งตามไป ร่างของนางก็ทรุดฮวบลงทันที ดีที่มีบ่าวคนสนิทอยู่ข้างกายที่เข้ามาประคองนางไว้ได้ทัน ตอนนี้นางรู้สึกว่าจะเป็นลมเสียให้ได้ บ่าวไพร่ในเรือนต่างวิ่งวุ่นกันหายาลมยาหอมกันวุ่นวายดอกแก้ววิ่งออกมาจนถึงถนนหน้าเรือนของหมื่นเดชาหาญณรงค์ แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้านั้นจะปกคลุมไปด้วยความมืดมิ
หลังจากที่การร่ายรำจบลงท่ามกลางคำชื่นชมเยินยอของผู้คน ดอกแก้วจึงได้เร่งลงมาจากเวที เพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่แสนหนักนี้ แต่มันก็มิได้หนักเทียบเท่ากับจิตใจของนางในตอนนี้ ขณะที่ร่ายรำอยู่บนเวที แม้รอยยิ้มจะปรากฏอยู่บนใบหน้างาม แต่สายตาของนางก็ฉวยโอกาสกวาดมองผู้คนด้านล่าง นางเห็นชายผู้เป็นคู่หมายที่กำลังทอดสายตามองนางอย่างชื่นชมและรักใคร่ สายตาของเขายังคงมีเพียงนาง แต่เพียงครู่ที่นางละสายตาเขากลับหายไป ไม่ปรากฏแม้เพียงเงา ส่วนสตรีที่จ้องมองนางจากไกลๆ ด้วยสายตาที่นางไม่ชอบใจ มองนางราวกับนางเป็นตัวโง่งมก็หายไปด้วยดอกแก้วที่ตอนนี้ครุ่นคิดอย่างหนัก มือไม้ของนางนั้นสั่นเทา เร่งให้บ่าวไพร่ช่วยกันปลดเครื่องทรงให้พ้นจากกาย เท้าบอบบางก้าวอย่างมั่นคงออกจากห้องหับที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อนางในทันที โดยที่มิมีใครได้ทันไถ่ถาม ความกระวนกระวายใจก่อตัวขึ้นในทุกย่างก้าว แม้จะรับรู้ว่าแต่ละก้าวนั้นช่างหนักหนา แต่นางก็ยังมุ่งเดินตามหาคนที่นางอยากเอ่ยไถ่ถามในหลายเรื่องที่คับข้องใจ โดยที่มิรู้ตัวเลยว่ามือบอบบางของนางกำลังกำชายสไบจนมันยับย่น สายตาได้แต่สอดส่ายหาเงาร่างที่คุ้นตาด้านหน้าของเรือนที่เต็มไปด้วยผ
แล้วงานเลี้ยงครบรอบห้าสิบปีของคุณหญิงระพีก็มาถึง แขกเหรื่อต่างมาร่วมงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เพราะคุณหญิงระพีนั้นท่านเป็นสตรีผู้ที่มีหน้ามีตาในสังคม ส่วนสามีผู้ล่วงลับของนางก็เป็นที่นับหน้าถือตาของเหล่าคนชั้นสูง ตอนนี้บุตรชายก็ยังมียศมีตำแหน่งมีหน้าที่การงานที่ดี และไม่แน่ว่าปีนี้อาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง แขกที่มาร่วมงานจึงล้วนแต่เป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในสังคมแทบทั้งสิ้น หากไม่รับราชการก็ล้วนแต่เป็นเจ้าคนนายคน ปีนี้ถือว่ามีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ต้อนรับครบรอบอายุครึ่งร้อยของนางเสียงดนตรีที่แว่วดังเข้ามาทำให้ดอกแก้วรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าไม่น้อย มิใช่ว่านางมิเคยต้องร่วมงานเลี้ยงใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน แต่นางกำลังกังวล ฐานะของนางตอนนี้แม้ว่าจะเป็นว่าที่สะใภ้ของเจ้าของเรือนแต่ก็คงไม่แคล้วเป็นที่ติฉินนินทา เรื่องราวของเรือนนางนั้นดังกระฉ่อนไปทั่วทุกคุ้งน้ำเช่นนั้น คงมิอาจหลีกเลี่ยง แม้ตัวนางจะไม่ใคร่ใส่ใจลมปากของคนเหล่านั้น แต่ก็รู้สึกผิดหากคุณป้าระพีที่ดีกับนางมาก จะกลายเป็นขี้ปากของคนเหล่านั้นไปด้วยดอกแก้วนางกำลังจ้องมองใบหน้าของตัวเองที่ถูกแต่งแต้มจนงดงามในกระจก ใบหน้างามของนางได้รับการแปลงโฉมจนยิ่
ดอกแก้วมองอาคารเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึก หนี้สินของนางตอนนี้ถูกเปลี่ยนมือไปเสียแล้ว และเจ้าหนี้ผู้นั้นคือบุรุษที่นางกำลังจะเข้าไปพบอีกฝ่ายในตอนนี้ แม้จะรู้จักเรือนของอีกฝ่ายแต่นางเลือกที่จะมาพบเขาที่บ่อนแห่งนี้ บ่อนที่นางเองก็พึ่งจะทราบว่าบุรุษผู้นั้นได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าของ แม้ว่าจะไม่ชมชอบสถานที่เช่นนี้ แต่หากจะไปขอพบอีกฝ่ายที่เรือนมันจะดูไม่ดีกับสตรีที่กำลังจะออกเรือนเช่นนางที่ไปพบชายหนุ่มเพียงลำพังถึงเรือน อีกอย่างนางเองก็ไม่คิดที่จะไว้ใจเขาด้วยเรื่องราวในวันนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำของนาง ถึงแม้ว่าอยากจะลืมเลือนแต่มันกลับมิง่ายเลย และนางจะไม่ยินยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องหนี้สินที่ถูกเปลี่ยนมือ ทำให้นางกระวนกระวายใจจนแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เมื่อวานนางนั้นเดินทางไปพบเจ้าหนี้ เพื่อเจรจาที่จะขอผ่อนจ่ายหนี้สินเป็นงวดๆ ไป และยินยอมที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามสมควร เพราะนางนั้นไม่อาจที่จะเอาเปรียบคู่หมายที่จะกลายมาเป็นคู่ชีวิต เท่าที่อีกฝ่ายช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของบิดานาง ก็มากเกินพอแล้ว จะให้เขาต้องมารับผิดชอบหนี้สินเหล่านั้นได้อีกอย่างไรกันแต่ทุกอ
ร่างเล็กของสตรีที่เดินอยู่ริมถนนเพียงลำพังในยามบ่ายคล้อยทำให้หมื่นเดชาหาญณรงค์ต้องชะลอรถให้ช้าลง เขาพึ่งเดินทางกลับจากทำงานที่กระทรวงเหมือนเช่นทุกวัน ใบหน้างดงามคุ้นตาที่ดูเศร้าหมองราวกับพึ่งผ่านการร้องไห้มานั้นทำให้เขาต้องวนรถกลับไปหานาง"แม่เฉิดจันทร์จะไปไหนหรือ ขึ้นรถสิประเดี๋ยวข้าจักไปส่ง"เสียงของบุรุษที่เอ่ยขึ้นทำให้เฉิดจันทร์ชะงักฝีเท้า แววตาหวานปนเศร้าที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำฉ่ำวาวจ้องมองมายังเขา ทำให้หัวใจแกร่งกระตุก ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง"ขึ้นรถสิ""เอ่อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างสั่นเครือ เอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ"ขึ้นรถเถอะประเดี๋ยวข้าจักไปส่ง มืดค่ำไปจักอันตราย"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ยินยอมจึงเอ่ยเตือนนางเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเหมือนจะมืดครึ้มลงเฉิดจันทร์ที่เห็นว่าเป็นดังที่อีกฝ่ายกล่าวและเพราะเกรงใจอีกฝ่ายที่รอนางอยู่นานจึงได้ยอมขึ้นรถไปกับบุรุษผู้เป็นคู่หมายของพี่สาวต่างสายเลือดหมื่นเดชาหาญณรงค์จ้องมองสตรีด้านข้างที่นั่งขดกายชิดประตูรถเป็นระยะ ให้นึกแปลกใจว่าผู้ใดกันที่ทำให้สตรีนางนี้หมองเศร้าได้ถึงเพียงนี้ เขาคิดว่านางจะเป็นสตรีอารมณ์ร้ายนิสัยห
เสียงหวานของสตรีผู้มาใหม่ ทำให้เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดขึ้น ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ดอกแก้วทำเพียงปรายตามองท่าทางอ่อนหวานของสตรีนางนั้นที่ช่างดูเสแสร้งอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ นางชินชากับท่าทางไร้เดียงสาของอีกฝ่ายเสียแล้ว แต่ก็ไม่คิดฝันว่าสตรีนางนี้ยังจะกล้าเข้ามาทักทายนางอีก ทั้งๆ ที่มารดาของนางทำให้บิดาของตนเจ็บหนักถึงเพียงนั้น ช่างไม่มีความละอายส่วนบุรุษข้างกายนางก็ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก ทั้งที่มีสตรีอยู่ข้างกายใยถึงยังใช้สายตาเช่นนั้นมองนางอีก นางจะไม่มีวันหลงใหลกับการล่อลวงของอีกฝ่ายอีกเด็ดขาด บุรุษผู้นี้ร้ายกาจเกินไป ทั้งกับความรู้สึกและร่างกายนาง ชายมากรักไม่รู้จักพอ ตัวเองมีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ ยังมายุ่งวุ่นวายกับนางอีก เพราะความรู้สึกที่มีต่อบุคคลทั้งสองที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้ดอกแก้วมิทันที่จะสังเกตอาการของบุรุษผู้เป็นคู่หมายของนาง ที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง"ข้าไหว้เจ้าค่ะท่านขุน"ดอกแก้วจำต้องเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างเสียมิได้อย่างไรเขาก็ถือว่ามีบุญคุณ ช่วยเหลือนางในหลายๆ ครั้ง แต่ตั้งใจที่จะเมินสตรีข้างกายของเขา แม้นางจะเตือนตัวเองมิให้สนใจอีกฝ่
เรือนท่านหมื่นเดชาหาญณรงค์ในวันนี้ช่างดูครึกครื้นยิ่งนัก บรรดาบ่าวไพร่ต่างมีใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเพราะได้รับเงินรางวัลกันถ้วนหน้า เนื่องในโอกาสที่บนเรือนล้วนมีแต่ข่าวที่น่ายินดี ในอีกสองวันนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงระพี นายหญิงของเรือนที่มีอายุครบห้าสิบปีบริบูรณ์ ทุกคนต่างช่วยกันจัดเตรียมข้าวของกันอย่างขยันขันแข็ง และข่าวน่ายินดียังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าก็จะมีงานมงคลของท่านหมื่นเดชาหาญณรงค์กับคุณหนูดอกแก้วผู้เป็นคู่หมายที่หมั้นหมายกันมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์แต่งเสียที คุณหญิงระพีนั้นก็หน้าตาสดชื่นแจ่มใสที่จะได้แต่งสะใภ้ที่ท่านทั้งรักทั้งเอ็นดู ตกรางวัลให้บ่าวไพร่ในเรือนเสียยกใหญ่ เป็นวาสนาของคุณหนูดอกแก้วเธอจริงๆ ที่มีว่าที่แม่ผัวทั้งรักทั้งหลง ถึงแม้ว่าเรือนของเธอจะประสบเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ก็หาได้เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ไม่"พ่อเดชจักไปหาน้องรึ"คุณหญิงระพีเอ่ยถามผู้เป็นบุตรชายทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้าวออกมาจากหอนอนของตนร่างสูงเดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งข้างๆ มารดาของตนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง หลายวันมานี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
เฉิดจันทร์ใช้หวีสางผมที่ดูยุ่งเหยิงของตนจนมันกลับมาเรียบลื่นเป็นทรงงดงามดังเดิม ดวงตาคู่งามจ้องมองใบหน้าสวยในกระจก นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามรอยจ้ำสีกุหลาบที่ผุดขึ้นทั่วเนินสล้างพลันยกยิ้มขึ้น เหลือบมองบุรุษที่หลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง นางสู้อุตส่าห์ลงทุนลงแรงเปลืองเนื้อตัวจนถึงขนาดนี้ เขาจักให้นางเห็นเขาร่วมผูกวาสนากับสตรีอื่นเช่นนั้นหรือ และสตรีนางนั้นยังเป็นสตรีที่นางเกลียดชังจนเข้ากระดูกอีกด้วย ช่างน่าขันเสียจริง เฉิดจันทร์นางเดินนวยนาดออกจากรังรักของนางกับหมื่นเดชาหาญณรงค์ไปอย่างอารมณ์ดี วันนี้นางอยากจะออกไปทำผมเสียหน่อย ในคราแรกนางคิดว่าจะไปนวดเนื้อขัดตัวเพื่อเตรียมตัวกับการเป็นภริยาท่านหมื่น แต่เห็นทีว่าวันนี้คงจะทำมิได้ เพราะบุรุษที่ยังคงหลับใหลอยู่นั้นทิ้งรอยรักตามเนื้อนวลของนางเต็มไปหมด เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายหลงใหลในตัวนางมากเพียงใด อยากจะเห็นหน้านังดอกแก้วในวันที่รู้เรื่องของนางกับคู่หมายของมันแทบไม่ไหว อยากจะรู้นักว่ามันจะวางท่าเย่อหยิ่งจองหองอยู่อีกหรือไม่ เมื่อรู้ว่าบุรุษของมันได้กลายเป็นของนางเสียแล้ว เพียงแค่คิดนางก็แทบจะอดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว นางเกลียดแสนเกลียด