"ข่าวใหญ่มาแล้วข่าวใหญ่"เสียงคนส่งข่าวสารประจำเมืองถังเหลียนดังกึกก้องท้องตลาดในยามเช้าของวันนี้"ข่าวใหญ่อันใดเล่า หมูออกลูกเป็นไก่ จะเกิดอาเพสอีกหรือกะไร"เสียงชาวบ้านนางหนึ่งเหน็บแนมคนส่งข่าว"ข่าวนี้ใหญ่กว่าที่เจ้าว่ามาอีก เมื่อเช้ามีขุนนางในราชสำนักตาย"เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นวงกว้างเมื่อคนส่งข่าวล้วงเอากระดาษจากทางการที่ปิดประกาศไว้ออกมากางโชว์"ราชครูซ่งเหยียนปลิดชีพหนีความผิดฐานใส่ร้ายองค์ชายสามหวังอี้เฟยและอดีตฮองเฮา"คนส่งข่าวอ่านเนื้อความในประกาศให้ชาวบ้านทั่วไปที่ส่วนมากไม่รู้หนังสือฟัง"ข้าว่าแล้วเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ"เสียงชาวบ้านต่างออกความเห็น ต่างคนต่างอวดว่าตนรู้เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนทั้ง ๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ความจริงเรื่องที่องค์ชายสามและอดีตฮองเฮาถูกเนรเทศออกจากวัง"ข้ารู้ดีกว่าพวกเจ้าอีก เขาลือกันว่าเพราะตอนนั้นฝ่าบาทคิดว่าองค์ชายสามไม่ใช่เลือดเนื้อของพระองค์จึงขับไล่ทั้งสองพระองค์ออกจากวัง"เสียงราวกระซิบเอ่ยเบา ๆ เพราะกลัวจะมีทางการได้ยินตนจะถูกลงโทษฐานหมิ่นเบื้องสูง"คนหนอคน รู้น้อยกว่าหางอึ่งยังอยากอวดฉลาด"ไป๋เจินหยางที่เดินผ่านกลุ่มชาวบ้านเกิดได้ยินพอดีจึงไ
"นิทราไร้เสียง"เหม่าทันที่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ห่าง ๆ ได้ยินสิ่งที่เฟิงซูเหยาพูดถึงกับคิ้วขมวดเพราะน้อยคนนักที่จะรู้จักยาพิษชนิดนี้ไม่ถูก ๆ ต้องบอกว่ามีแค่สองคนที่รู้จักพิษชนิดนี้ดีหนึ่งคือ...คนที่ตายไปแล้วส่วนอีกหนึ่ง...คือคนที่ยังมีลมหายใจอยู่หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของเขาผู้นั้น"มันคือพิษชนิดใดเหตุใดข้าเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้" ไป๋เจิ้นหยางถามอย่างใคร่รู้"นิทราไร้เสียง เป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่สกัดขึ้นมาด้วยสมุนไพรพิษเก้าชนิด กลั่นในเตาหลอมยาเก้าวันเก้าคืน ไร้สี ไร้กลิ่น ผู้ที่ดื่มยานี้เข้าไปจะดูเหมือนหลับไหลสู่ห้วงนิทรารมย์ และไม่สามารถตื่นขึ้นมาให้มีเสียงเอื้อนเอ่ยอีกตลอดกาล"เฟิงซูเหยาอธิบายอย่างฉะฉาน ทำเอาไป๋เจิ้นหยางที่ปากไวหลุดปากขึ้น"หากข้าไม่รู้จักคุณหนูสามมาก่อนคงคิดว่าท่านคือผู้ทำยาพิษนี้ขึ้นมาเสียแล้ว"ไป๋เจิ้นหยางเข้าใจถูกแล้ว นางนี่แหละที่เป็นผู้สกัดยาพิษนิทราไร้เสียงนี้ขึ้นมาเองกับมือ"อย่าสนใจคนปากเสียเลย เจ้าพูดต่อเถิด"แม้ลึก ๆ อี้เฟยจะสงสัยเช่นศิษย์พี่เขา แต่ความเงียบแล้วเรียนรู้คนที่เราสงสัยเป็นวิธีจับพิรุธที่แยบยลของอี้เฟยไป๋เจิ้นหยางถูกขัดคอได้แต่ทำท่าทีขยับปากบ่นกล
"เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนเราเพิ่งเกิดคงไม่รู้แจ้งอันใดมาก อาจต้องสืบสาวเอาจากผู้ที่เกิดก่อนแล้ว"ใช่ว่าอี้เฟยจะคิดเช่นศิษย์พี่เขาไม่ได้ เพียงแต่ปีนั้นเขาเพิ่งลืมตาดูโลกเป็นวันแรกก็ถูกขับไล่ออกจากวังหลวงจึงไม่รู้ว่าในรั้วในวังผู้ใดจะได้ผลประโยชน์จากการกระทำนี้หากเพราะมีคนใส่ร้ายเขากับพระมารดามากกว่าหนึ่งชีวิตของราชครูซ่งแล้ว อี้เฟยคงปล่อยให้คนตายเพียงคนเดียวช่วยให้คนที่อยู่เบื้องหลังลอยนวลไม่ได้เช่นกันครั้งนี้เขาคงต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเกาเสิ่นอี้มารดาผู้ให้กำเนิดเสียแล้วแม้เขาจะไม่แค้นบิดา แต่เขาจะต้องล้างมลทินให้ตนและมารดาที่ล่วงลับไปแล้วกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้งให้จงได้"คนที่จะบงการราชครูซ่งได้นั้นหม่อมฉันว่าต้องมิใช่คนธรรมดานะเพคะ"เฟิงซูเหยาหว่านล้อมให้สองบุรุษที่เหมือนกับเคว้งคว้างกลางทะเลหาที่ยึดเกาะไม่ได้คิดตามนางหากไม่ใช่อยู่ในร่างฟ่างเซียนเซียน นางคงเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังให้ทั้งสองคนฟังไปแล้ว"จะว่าไปแล้ว องค์ชายอี้ซินก็เกิดปีเดียวกับเจ้ามิใช่หรือ"ไป๋เจิ้นหยางสบตาศิษย์น้องของเขาที่ในแววตานั้นราวกับคิดเช่นเดียวกับตนเช่นกัน"ศิษย์พี่คิดว่า..."ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอันใดออก
"เลี้ยงให้เชื่องแล้วกัน ฟังจากที่ใต้เท้าเหม่าเล่าแล้ว ฟ่างเซียนเซียนผู้นี้ฉลาดและเจ้าแผนการนัก ขนาดสกุลเทียนที่มีอำนาจล้นมือยังถูกนางเล่นงานจนสิ้นชื่อเสียงระหกระเหินเร่ร่อนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม"ใช่ว่าอี้ซินจะคิดไม่ได้ แต่เขาเป็นประเภทชอบเสี่ยงและชอบเอาชนะผู้คน ใครที่ว่าดื้อว่าร้ายเขาจะตัดเขี้ยวเล็บคนผู้นั้นแล้วเลี้ยงให้เชื่องเชื่อฟังเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ อย่างเช่นสตรีที่ยอมตายเพื่อทดแทนบุญคุณเขาผู้นั้น"เสด็จแม่วางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง ครั้งนี้คนที่จะถูกกำจัดไปพร้อมกับใต้เท้าเหม่าคือคนที่ไม่สมควรกลับมาเหยียบวังหลวงต่างหาก"จางปิงกุ้ยเฟยได้ยินแผนร้ายของบุตรชายที่คิดจะกำจัดเสี้ยนหนามที่นางหลงเหลือไว้เมื่อยี่สิบปีก่อนถึงกับยิ้มย่องอย่างพอใจหากครั้งนี้องค์ชายสามถูกกำจัดสิ้นซาก ตำแหน่งองค์รัชทายาทที่ฝ่าบาทไม่ยอมแต่งตั้งสักทีจะตกไปเป็นของผู้ใดได้อีกนอกจากองค์ชายห้าบุตรชายของนางผู้นี้"เช่นนั้นแม่จะรอฟังข่าวดีในเร็ววัน"ทั้งสองแม่ลูกต่างร่ำน้ำชาแทนสุราเลิศรสอย่างมีความสุขกับความชั่วร้ายที่ผุดในหัวของพวกเขา"เจ้าแน่ใจนะว่าจะอยู่ที่จวนนี้คนเดียว"หลังจากที่เฟิงซูเหยารีบกลับจวนสกุลฟ่า
"ขอสวรรค์โปรดคุ้มครอง"นางมิได้เอ่ยใด ๆ กับอี้เฟยที่ยืนเคียงข้างด้วยสายตาห่วงใย ในใจเฟิงซูเหยาเอาแต่เป็นห่วงฟ่างเสวียนสวี่ราวกับเขาคือบิดาแท้ ๆ ของตน"เรื่องราชครูซ่งจบด้วยดีแล้ว ต่อไปฝ่าบาทน่าจะล้างมนทินให้เจ้ากับอดีตองค์ฮองเฮา"ไป๋เจิ้นหยางไม่ชอบบรรยากาศเศร้าสร้อยเช่นนี้จึงพาเปลี่ยนเรื่อง"จะง่ายดายอย่างนั้นเชียวหรือ"หากเรื่องเมื่อยี่สิบปีมีคนอยู่เบื้องหลังจริง สิ่งที่อี้เฟยตัดพ้อเมื่อครู่คงถูกแล้ว คนบงการเบื้องหลังย่อมไม่ปล่อยให้เขาอยู่สงบสุขแน่"องค์ชายไว้ใจหม่อมฉันหรือไม่เพคะ"เฟิงซูเหยาเอ่ยอย่างไม่ได้มองหน้าบุคคลที่นางซักถาม"เจ้ามีแผนอันใด""หากต้องการลูกเสือ ย่อมต้องเข้าถ้ำเสือเพคะ"อี้เฟยมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของสตรีที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงหนักแน่นราวไม่มีความกลัวใด ๆ กับสิ่งที่กำลังจะเกิด"เจ้ารู้ตัวคนบงการราชครูซ่งใช่หรือไม่"ไป๋เจิ้นหยางเห็นศิษย์น้องเอาแต่ถามทางสายตาไม่เอ่ยปากสักทีจึงเป็นกระบอกเสียงให้"มิช้าก็เร็ว คนที่เราตามตัวจะต้องเผยตัวตนออกมาเพคะ""ใต้เท้าเหม่า"อี้เฟยสงสัยคนผู้นี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาเห็นสีหน้ายามที่เหม่าทันได้ยินเฟิงซูเหยาพูดถึงพิษที่ใช้ปลิดชีพซ่
เสียงประตูห้องพักนางดังขึ้น เฟิงซูเหยาที่เสมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นคิดว่าเป็นฝีเท้าของสาวใช้จึงไม่ได้ลืมตาขึ้นดูฝีเท้าของผู้มาเยือนดังเบามากคล้ายสตรี หากแต่พอตั้งใจเงี่ยหูฟังกลับคล้ายฝีเท้าของคนฝึกยุทธ์ที่มีวิชาตัวเบาในร่างกายหมับ!กึก..!ทันทีที่เฟิงซูเหยากระจ่างใจแล้วว่าคนที่เข้ามาในห้องมิใช่สาวใช้ของนางจึงตื่นแบบไม่ลืมตา พอผู้มาเยือนเอื้อมมือมาหมายจะแตะลงบนแก้มนวลของตนจึงรีบแสร้งทำเป็นมือที่ค้ำหลับอยู่ค่อย ๆ อ่อนแรงและเอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะทรงกลมจากนั้นทำทีเป็นตื่นขึ้นมาอย่างไร้พิรุธ"อ๊ะ! องค์ชายอี้ซิน"ทันทีที่ลืมตาตื่นแล้วเห็นบุรุษอยู่ในห้องส่วนตัวแถมใบหน้าเขายังห่างจากแก้มนางไม่ถึงชุ่น[1] จึงผงะตัวถอยหนีจนเกือบหงายหลังหล่นเก้าอี้ที่นั่งอยู่"ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกใจ"สุ้มเสียงอ่อนโยนที่ปกปิดอีกโฉมหน้าขององค์ชายอี้ซินดังขึ้น มือของบุรุษรูปงามคว้าแขนเรียวของเฟิงซูเหยาไว้มั่นตอนที่นางตกใจเขา"องค์ชายช่วยปล่อยหม่อมฉันด้วยเพคะ"ไม่ใช่หวงเนื้อหวงตัว หากแต่นางรังเกียจไม่อยากให้บุรุษผู้นี้มาแตะต้องร่างกายนี้แม้จะเป็นกายเนื้อของฟ่างเซียนเซียนก็เถอะ แต่คนที่รู้สึกคือเฟิงซูเหยาที่สิงสู่อยู่ในร
"เซียนเอ๋อร์คงไปกับเจ้าด้วยตำแหน่งนั้นมิได้"ทว่าเสียงของผู้มาเยือนใหม่กลับดับความฝันขององค์ชายผู้น้องให้มอดลง"เสด็จพี่สาม""องค์ชายสาม"เฟิงซูเหยาแปลกใจที่วันนี้อี้เฟยมาหานางแต่เช้าเช่นนี้ แถมมาได้ถูกเวลาอีกด้วย"ข้าเจอสาวใช้เจ้าอยู่หน้าโรงหมอ นางบอกเจ้าต้องการยาจำนวนหนึ่งจึงคิดว่าเจ้าไม่สบายจึงเร่งมาดู"ที่แท้แบบนี้นี่เอง แต่ก็ยังดูแปลกเพราะเวลามันประจวบเหมาะกับการมาขององค์ชายห้าอยู่ดี"เจ้ามิสบายหรือ"องค์ชายอี้ซินรีบแสดงท่าทางห่วงใยสตรีตรงหน้าอย่างมิปกปิด"เซียนเอ๋อร์แค่รู้สึกอ่อนเพลียเลยให้อาถังไปซื้อยาบำรุงเพคะ""เหตุใดต้องยุ่งยาก เดี๋ยวเจ้าค่อยไปกินยาบำรุงที่ตำหนักข้า ที่นั่นมีแต่โอสถดี ๆ รับรองเจ้าหายเป็นปลิดทิ้ง""เกรงว่าน้องห้าคงไม่ได้ยินเมื่อครู่ที่ข้าบอกไป"ไม่ใช่ไม่ได้ยิน แค่อี้ซินเลือกไม่ใส่ใจถ้อยคำนั้นของอี้เฟยมากกว่า"ทูลเสด็จพี่สาม ก่อนที่พระองค์จะเสด็จมา ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายนัก แม่นางฟ่างจึงจำต้องกลับตำหนักหอมหมื่นบุปผากับน้อง""เหตุการณ์มากมายที่เจ้าว่า รวมถึงการบุกห้องนอนของสตรีและแตะต้องตัวนางจนตกใจเผลอทำร้ายเจ้าเข้าหรือไม่"ทั้งอี้ซินและเฟิงซูเหยาตกใจที่อี
"หากการปล่อยให้กรรมสนองคนชั่ว แล้วรอเป็นปี สิบปี หรือกระทั่งหมดลมหายใจก่อนล่ะเพคะ""ข้าถูกคนชั่วใส่ร้ายมาแล้วตั้งยี่สิบปี เหตุใดจะรอให้กรรมตามสนองคนเหล่านั้นต่อมิได้"ช่างเป็นบุรุษผู้อ่อนต่อโลกแห่งความจริงที่แสนโหดร้ายยิ่งนัก"ต่อไปเจ้าห้ามคิดแก้แค้นแทนข้าโดยการเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่ออีกเด็ดขาด"สายตาอี้เฟยที่มองนางมีแต่ความห่วงใยจนหัวใจที่เย็นยะเยือกไปด้วยความแค้นที่สุมอยู่ค่อย ๆ อุ่นขึ้น หากแต่แค่เพียงวูบเดียวความแค้นนั้นก็กลับมาสุมอกเช่นเดิม"จำไว้ เจ้ามีค่าสำหรับท่านแม่ทัพฟ่างบิดาของเจ้า"อี้เฟยเว้นคำพูดต่อไปไว้ เขามองสตรีตรงหน้าที่ยังคงทอดมองไปไกลแสนไกลไม่คิดเหลียวสบตาเขาเพราะกำชังใช้ความคิดเงียบ ๆ"รวมถึงข้า"เฟิงซูเหยาได้ยินเช่นนั้นถึงกับเงยหน้ามองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของอี้เฟยทันทีหากชาติก่อนคนที่ช่วยเหลือนางคือบุรุษผู้นี้ ชีวิตนางจะเป็นเช่นไรกัน คงจะมีแต่ความสุข ไม่ต้องชอกข้ำใจและตายอย่างอดสูเช่นนี้ใช่หรือไม่"องค์ชาย ระวัง!"ทว่าเรื่องราวกำลังลึกซึ้ง เฟิงซูเหยาก็เห็นบางสิ่งบางอย่างที่อันตรายพุ่งมาทางตนและอี้เฟยฉึก!ลูกธนูแหลมคมปักเข้าที่อกเฟิงซูเหยาที่เอาตัวเข้าบังธนูแทน"คนร้
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ