ดวงตาของกู้หม่างลุ่มลึก จ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาไม่เผยอารมณ์ใดออกมา อารมณ์ที่ซับซ้อนค่อยโผล่ขึ้นในดวงตาลึกของเขาจู่ ๆ เจียงชั่นก็ตระหนักได้ว่า ในระยะนี้เธอทั้งพบปะลูกค้าทั้งค้นคว้าข้อมูลของลูกค้า เขาอย่าได้เข้าใจอะไรผิดเลย...“กู้หม่าง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” เธอรีบอธิบาย “ฉันจะไม่ทรยศต่อการแต่งงานของเราอย่างแน่นอน เมื่อฉันบอกว่าฉันโกหกคุณ ฉันหมายถึง…”เธอหยุดชั่วคราว เลียริมฝีปาก แล้วพูดเบา ๆ “หมายความว่า หากวันหนึ่งคุณพบว่าฉันไม่คู่ควรที่คุณจะใจดีกับฉันขนาดนี้ คุณจะทำยังไง?”กู้หม่างมองไปที่เธอเป็นเวลานานและยิ้มเบา ๆเขาไม่พูดอะไร เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน แล้วค่อย ๆ ลูบผมยาวของเธอเจียงชั่นแนบหน้าเล็ก ๆ ของเธอเข้ากับหน้าอกหนาของเขา นอนฟังเสียงหัวใจเต้นแรงของเขาเสียงเต้นของหัวใจนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างมาก“ไม่ต้องคิดมาก” เสียงของเขาต่ำและแหบแห้ง “นอนซะ”เธอหัวเราะ เอามือเล็ก ๆ คล้องเอวเขา แล้วหลับตาลงเบา ๆการนอนหลับคืนนั้นช่างหอมหวานเป็นพิเศษกู้หม่างมักที่นอนคนเดียวอยู่เสมอ คืนนี้เขาจึงไม่ได้นอนหลับ แขนของเขาถูกเจียงชั่นใช้เป็นห
การแสดงออกของกู้หม่างเปลี่ยนไปเล็กน้อยฟางฮั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขยิบตาแล้วชี้ออกไปไม่ไกลเมื่อมองผ่านหน้าต่างรถออกไปก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กกำลังยืนตะลึงอยู่กลางถนน โดยมีผู้คนเดินขวักไขว่ผ่านไปมา ท่ามกลางอาคารสูงใจกลางเมืองหยางเฉิงด้านหลังของเธอคือสำนักงานใหญ่ของฮั่วกรุ๊ปเจียงชั่นยังคงถือโทรศัพท์แนบไว้ที่หูแล้วรอฟังคำตอบเขาถอนหายใจแล้วอย่างโล่งอกแล้วหัวเราะเบา ๆ “ก่อนนี้...ตอนอยู่ที่หยางเฉิงผมมีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยต้องอยู่ที่นั่นสักพัก”เจียงชั่นหยุดชั่วครู่แล้วเปลี่ยนบทสนทนาฟางฮั่นที่เฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ เขายังคงสงสัยว่าอีกฝั่งของปลายสายกำลังพูดอะไร ทำไมนายน้อยของเขาถึงได้ดูมีความสุขมากขนาดนี้เขาไม่เคยเห็นนายน้อยมีแววตาที่อ่อนโยนขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งอีกฝ่ายวางสาย แล้วเห็นเจียงชั่นและเพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาใกล้ ฟางฮั่นจึงเอ่ยเสียงเบา “นายน้อยจะให้ผมเตรียมสถานที่ที่คุณเจียงเพิ่งพูดถึงไว้เลยไหมครับ?”“ไม่ต้อง ฉันอยากให้อิสระเธอหน่อย” กู้หม่างเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นอย่างที่เคยเป็น “แต่ช่วงนี้ให้ส่งคนตามมาดูแลเธอเพิ่ม คอยดูแลแต่อย่าให้เธอจับได้”“ได้ครับ”“อีกอย่าง...” ชายหนุ่มหรี่ตา
ไม่กี่วันมานี้เรื่องโครงการไม่คืบหน้าไปไหนเลย เจียงชั่นและอันอันทำไม่ได้แม้แต่จะผ่านเข้าไปในประตูของตระกูลไป๋ซื่ออันอันจึงมีสีหน้าที่ท้อแท้เล็กน้อย ก่อนจะนั่งยอง ๆ ริมถนนด้วยความเศร้าสร้อยความร้อนจากพระอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาพื้นผิวโลกต่างก็ทำให้ผู้คนมีความรู้สึกโกรธเคืองและลุกเป็นไฟได้ง่าย ๆเจียงชั่นจึงยื่นขวดน้ำให้เธอ พลางยิ้มเบา ๆ “เที่ยงแล้วเราไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยกลับมาอีกทีตอนบ่ายนะ”“มันไม่มีประโยชน์หรอกเจียงชั่น” เสียงของอันอันหม่นลง “ฟางจินหยางคงไม่ได้โกหกเราหรอก ตลาดในเมืองเฉิงหยางเข้าไปได้ยาก เรามาที่นี่กันหลายวันแล้ว อย่าว่าแต่เห็นหน้าคุณไป๋เลย แม้แต่ลูกน้องคุณไป๋สักคนก็ยังไม่เจอด้วยซ้ำ”“ฉันว่าเราควรกลับได้แล้วล่ะ...” อันอันพูดต่อ “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันเองก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่เดือนหรือกี่ปีกันแน่”“อย่าท้อไปเลยน่า!” เจียงชั่นยังคงมองโลกในแง่ดี “เธอขายมาได้ตั้งสองปี ไม่มีธุรกิจไหนปิดดีลได้ในเร็ววันหรอกนะ ตราบใดที่ยังมีแผนการขายที่ดี เราก็ยังคงมีโอกาสที่จะทำสำเร็จ ยอมรับแล้วเดินต่อเพื่อฝันที่ใหญ่ขึ้นยังไงล่ะ!” “แล้วไหนล่ะโอกาส?”ทันทีที่อันอันบ่นจบ รถหรูสีด
กู้หม่างหัวเราะเบา ๆ ที่ปลายสายแต่ความหมายของเสียงหัวเราะนี้กลับฟังดูคลุมครือไม่ชัดเจน ไป๋จิ่งหยวนไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรแม้จะพยายามคิดแต่ก็ไม่มีทางรู้ จึงโพล่งถามออกไป “นี่พี่..ทำไมพี่สะใภ้ถึงมาหาผมกันล่ะ? เรื่องงานหรือเปล่า? หรือว่าจะเกี่ยวกับ...”กู้หม่างนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงตอนที่เจียงชั่นหาข้อมูลของไป๋จิ่งหยวนมาตลอดทั้งคืน แล้วความรู้สึกไม่พอใจก็ปรากฎขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง“เพราะหล่อยังไงล่ะ!” ชายหนุ่มพูดด้วยความโกรธแล้ววางสายไปเลยไป๋จิ่งหยวนยืนตะลึงอยู่นานก่อนจะตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรต่อ จะรอดูว่าเจียงชั่นอยากจะทำอะไรต่อกันแน่...ในคืนต่อมาเจียงชั่นก็ยืนอยู่คนเดียวที่หน้าประตูของตระกูลหมิงหวงอาคารขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายกับปราสาทอันงดงามปรากฎต่อสายตา ด้านในคึกคักไปด้วยผู้คน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือเต็มไปด้วยรถหรูจอดอยู่มากมาย ส่วนด้านหลังก็เต็มไปด้วยเครื่องบินส่วนตัวหลายลำผู้ร่วมงานต่างก็เป็นคนมีฐานะร่ำรวยและมีเกียรติเจียงชั่นแต่งกายด้วยชุดเรียบง่าย ดูไม่เหมาะกับงานนี้สักเท่าไรเธอพยายามหลบซ่อนตัวเองจากฝูงชนตรงหลังเสาหินอ่อน ก่อนจะม
“คะ คุณ ไม่ได้จำผิดคนใช่ไหมคะ?”หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจียงเหยาก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ“จะเป็นเธอได้ยังไง?”“แล้วคุณชื่อเจียงชั่นหรือเปล่า?” ชายคนดังกล่าวเอ่ยถามด้วยแววตาเย็นชา “ถ้าคุณไม่ใช่คุณเจียงชั่น ก็อยู่เฉย ๆ”“คุณ...”“ที่นี่คือพื้นที่ของตระกูลหมิงหวง” เขาเอ่ยอย่างสงบ “ใครควรได้รับเชิญหรือไม่ได้รับเชิญเข้าไปในงานเป็นการพิจารณาของผมคนเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเตือน”ใบหน้าของเจียงเหยาแดงเถือกด้วยความโกรธ มุมปากอิ่มกระตุกและไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกสักคำหยางจวนและเจียงหมิงหยวนต่างก็มองหน้ากันอย่างสับสน เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังผิดปกตินั่นก็คือเจียงชั่น! ลูกสาวนอกสมรสแบบเธอมีคุณสมบัติอะไรมาปรากฎตัวในโอกาสแบบนี้!“คุณเจียง” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเจียงชั่นและพยักหน้าด้วยความเคารพ “กรุณามากับผม”หัวใจของเจียงชั่นเต้นรัวราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมา สมองของเธอที่วุ่นเริ่มว่างเปล่า“คุณคะ คุณ..น่าจะกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” เธอเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “ฉันไม่ได้มีจดหมายเชิญแล้วก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะร่วมงานเลี้ยงหรอกนะคะ ฉันแค่อยากจะส่งข้อมูลบางอย่าง..”“คุณเจียง คุณมากับผมก่
กู้หม่างตะลึงไปชั่วครู่นี่เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง...เขาจะไปอิจฉาไป๋จิ่งหยวนโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง? ตั้งแต่เด็กจนโตไป๋จิ่งหยวนเป็นฝ่ายที่ติดตามเขามาตลอดชายหนุ่มจึงกระแอมไอสองครั้ง ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาจิบแล้วไม่พูดอะไรทว่ามือเล็ก ๆ คู่หนึ่งกลับจับมือเขาไว้อย่างอ่อนโยนจากนั้นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวก็เข้ามาใกล้ที่ปลายจมูก ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระสับกระส่าย“ที่รัก” เจียงชั่นเอ่ยอย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มอ้อน ๆ “ถ้าคุณไม่ชอบฟังเรื่องงานของฉัน ฉันจะไม่พูดถึงมันอีกนะ”มุมปากของกู้หม่างกระตุก ก่อนจะยิ้มอย่างสบายใจขึ้นมา“ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบฟัง” เขามองเธอแล้วเอ่ยช้า ๆ “แต่คุณพูดชื่อไป๋จิ่งหยวนบ่อยไป เปลี่ยนได้ไหม?”เจียงชั่นเบิกตากว้าง “เปลี่ยนอะไรคะ”“ก็อย่างเช่น...” เขาหยุดชั่วคราว “งานเลี้ยงจัดขึ้นโดยตระกูลฮั่วไม่ใช่เหรอ? คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณชายฮั่วบ้างไหม?” เจียงชั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวเบา ๆการแสดงออกของกู้หม่างหม่นลง“คุณไม่รู้จักคุณชายฮั่วเหรอ?” เขาถามอย่างไม่ยอมแพ้“ทำไมพูดถึงเขาล่ะคะ?” เธอเหลือบมองเขา ก่อนจะลุกเดินไปนำผ้าที่ตากตรงระเบียงกลับมาพับทีล
ที่ระเบียงใหญ่ด้านบนโรงแรมตี้หาวกู้หม่างเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้เลานจ์ตัวใหญ่ วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเขา มีเมฆหมอกปกคลุมเป็นปมในใจที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้“คุณไม่สนใจคุณชายฮั่วเลยหรือไง?”“ถ้าเขาสนใจคุณขึ้นมา คุณก็จะประสบความสำเร็จได้เร็วเลยนะ”…นิ้วแกร่งจับแก้วน้ำแน่น จนผิวตรงมือซีดเห็นได้ชัดว่าเขาแค่ต้องการหยอกล้อเธอเล่น ไม่คิดว่าหญิงสาวจะโต้ตอบกลับมารุนแรงขนาดนั้น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปนอนในห้องเลย แถมยังทำตัวเย็นชาใส่อีก เธอยังคงทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านตามปกติ ทว่ากลับเพิ่มระยะห่าง ทำให้บรรยากาศมันอึมครึมทำให้ชายหนุ่มแทบบ้าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็อยากจะรัดคอตัวเองให้ตายไปเลยเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงจอดอย่างช้า ๆ ตรงลานจอดไม่ไกล กระแสลมจากใบพัดทำให้ผมของกู้หม่างปลิวไสวไปตามแรงลมไป๋จิ่งหยวนลงจากเฮลิคอปเตอร์มาด้วยท่าทางมีความสุข เมื่อเห็นกู้หม่างชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้แต่ยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากอีกฝ่ายเขาสั่งทรัฟเฟิลและคาเวียร์ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ แต่กู้หม่างแทบไม่แตะพวกมันเลยด้วยซ้ำไป๋จิ่งหยวนจ
จู่ ๆ เจียงชั่นก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของฟางจินหยางสติก็กลับเข้าสู่ความเป็นปกติโดยอัตโนมัติ ดวงตากลมมองเขาอย่างตื่นตัวฟางจินหยางที่เข้ามาใกล้ก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นเธอแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองอันอันที่อยู่ด้านข้าง “เลิกงานได้แล้ว ส่วนเจียงชั่นอยู่ต่อก่อน”อันอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปก่อน ก่อนไปเธอก็หันกลับมามองด้วยความไม่สบายใจทุกคนรู้ดีว่าฟางจินหยางมีความคิดที่ไม่ดีต่อเจียงชั่นถ้าหญิงสาวถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังแบบนั้นคงจะไม่มีอะไรหรอกใช่ไหม?อันอันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบริษัทครั้งล่าสุดที่ออกไปทำงานด้วยกันมา ตามนโยบายของบริษัท พนักงานจะต้องแจ้งเบอร์บุคคลที่จะให้ติดต่อกรณีฉุกเฉินกับเพื่อนร่วมงานเอาไว้ เธอจึงจำได้ว่าของเจียงชั่นบุคคลที่ติดต่อได้คนนั้นคือกู้หม่างหญิงสาวจึงพยายามหาหมายเลขโทรศัพท์ของกู้หม่างทันที ก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งข้อความหาเขา…ภายในออฟฟิสฟางจินหยางกำลังส่งรอยยิ้มที่มุ่งร้ายไปยังเจียงชั่น“ตามที่คิดไว้ไม่มีผิดว่าน้องที่เรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน” สายตาของเขามองเธอหัวจรดเท้า “บริษัทไม่ได้มีการติดต่อกับตระกูลไป๋มาสักพักแล้ว แต่เธอมอบ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั