ที่ระเบียงใหญ่ด้านบนโรงแรมตี้หาวกู้หม่างเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้เลานจ์ตัวใหญ่ วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเขา มีเมฆหมอกปกคลุมเป็นปมในใจที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้“คุณไม่สนใจคุณชายฮั่วเลยหรือไง?”“ถ้าเขาสนใจคุณขึ้นมา คุณก็จะประสบความสำเร็จได้เร็วเลยนะ”…นิ้วแกร่งจับแก้วน้ำแน่น จนผิวตรงมือซีดเห็นได้ชัดว่าเขาแค่ต้องการหยอกล้อเธอเล่น ไม่คิดว่าหญิงสาวจะโต้ตอบกลับมารุนแรงขนาดนั้น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปนอนในห้องเลย แถมยังทำตัวเย็นชาใส่อีก เธอยังคงทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านตามปกติ ทว่ากลับเพิ่มระยะห่าง ทำให้บรรยากาศมันอึมครึมทำให้ชายหนุ่มแทบบ้าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็อยากจะรัดคอตัวเองให้ตายไปเลยเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงจอดอย่างช้า ๆ ตรงลานจอดไม่ไกล กระแสลมจากใบพัดทำให้ผมของกู้หม่างปลิวไสวไปตามแรงลมไป๋จิ่งหยวนลงจากเฮลิคอปเตอร์มาด้วยท่าทางมีความสุข เมื่อเห็นกู้หม่างชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้แต่ยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากอีกฝ่ายเขาสั่งทรัฟเฟิลและคาเวียร์ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ แต่กู้หม่างแทบไม่แตะพวกมันเลยด้วยซ้ำไป๋จิ่งหยวนจ
จู่ ๆ เจียงชั่นก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของฟางจินหยางสติก็กลับเข้าสู่ความเป็นปกติโดยอัตโนมัติ ดวงตากลมมองเขาอย่างตื่นตัวฟางจินหยางที่เข้ามาใกล้ก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นเธอแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองอันอันที่อยู่ด้านข้าง “เลิกงานได้แล้ว ส่วนเจียงชั่นอยู่ต่อก่อน”อันอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปก่อน ก่อนไปเธอก็หันกลับมามองด้วยความไม่สบายใจทุกคนรู้ดีว่าฟางจินหยางมีความคิดที่ไม่ดีต่อเจียงชั่นถ้าหญิงสาวถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังแบบนั้นคงจะไม่มีอะไรหรอกใช่ไหม?อันอันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบริษัทครั้งล่าสุดที่ออกไปทำงานด้วยกันมา ตามนโยบายของบริษัท พนักงานจะต้องแจ้งเบอร์บุคคลที่จะให้ติดต่อกรณีฉุกเฉินกับเพื่อนร่วมงานเอาไว้ เธอจึงจำได้ว่าของเจียงชั่นบุคคลที่ติดต่อได้คนนั้นคือกู้หม่างหญิงสาวจึงพยายามหาหมายเลขโทรศัพท์ของกู้หม่างทันที ก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งข้อความหาเขา…ภายในออฟฟิสฟางจินหยางกำลังส่งรอยยิ้มที่มุ่งร้ายไปยังเจียงชั่น“ตามที่คิดไว้ไม่มีผิดว่าน้องที่เรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน” สายตาของเขามองเธอหัวจรดเท้า “บริษัทไม่ได้มีการติดต่อกับตระกูลไป๋มาสักพักแล้ว แต่เธอมอบ
“ไม่เห็นเหรอว่าคุณชายไป๋ท่าทีแปลกไปน่ะ?”“แปลกตรงไหน” ฟางจินหยางไม่เห็นด้วย “เวลาที่เห็นผู้หญิงสวยก็เป็นแบบนั้นกันหมดไม่ใช่หรือไง?”“นั่นแหละที่ฉันจะพูด แต่ท่าทางของไป๋จิ่งหยวนไม่ได้เหมือนว่าเขาเจอผู้หญิงสวยหรือว่าอะไร เหมือนคนที่เจอญาติผู้ใหญ่เสียมากกว่า”ฟางจินหยางเกือบพ่นหัวเราะออกมาดัง ๆชายหนุ่มปิดปากแล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาที่เหี้ยมโหด ก่อนจะเอ่ยกับซุนเถิงเบา ๆ “ผมเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ห้องอยู่ทางนั้น...”หัวใจของเจียงชั่นสั่นไหว พยายามโน้มตัวเข้าไปแอบฟังอย่างเงียบ ๆโรงแรมที่นี่ตั้งอยู่ที่ชานเมืองซึ่งค่อนข้างไกลออกมาพอสมควร ในเวลากลางคืนจึงเงียบสงบ ไม่มีความวุ่นวายหรือผู้คนพลุกพล่านเท่าไรหญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่กำลังปะทุอยู่ในอกฟางจินหยางส่งยิ้มอย่างน่ากลัว “ที่นี่ห่างไกลจากผู้คน แม้ว่าจะร้องสุดเสียงแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฮ่าฮ่า พอคุณชายไป๋สนุกได้อย่างเต็มที่ เขาก็จะยอมเซ็นทุกอย่างให้กับเรา”“อีกอย่างผมแอบติดกล้องไว้ในห้องนั้นด้วย..เผื่อว่าไป๋จิ่งหยวนไม่ยอม เราก็จะเผยแพร่วิดิโอทันที” “ไอ้เด็กนี่!” ซุนเถิงชี้ไปที่อีกฝ่ายแล้วยิ้มพอใจ “จัดการได้ดีจร
“ไม่ต้องกังวลไปคุณเจียง” ไป๋จิ่งหยวนรักษาระยะห่างจากเธอ “ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”เจียงชั่นหันออกไปด้านนอก ทว่ากลับไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอแท้จริงแล้วไป๋จิ่งหยวนรู้ว่าซุนเถิงและฟางจินหยางมีแผนร้ายอะไร ทันทีที่รถขับออกจากโรงแรมเขาจึงยังไม่สามารถมุ่งตรงไปยังทางกลับบ้านของเจียงชั่นได้ทันที และเลือกที่จะพาขับรถอ้อมเป็นเวลานานทว่าเจียงชั่นไม่รู้เธอมีอาการตื่นตระหนกและร่างกายเริ่มสั่นเทาหญิงสาวใช้มือกำสายกระเป๋าไว้แน่นในตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอก็คือภาพทักษะการป้องกันตัวของผู้หญิงที่เคยเห็นผ่านตามา หญิงสาวพยายามสงบสติอารมณ์และคิดอย่างรอบคอบ ในรถคันนี้มีอยู่สามคนรวมทั้งคนขับด้วย นอกจากเธอที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว อีกสองคนก็เป็นผู้ชายตัวใหญ่ทั้งนั้นเธอไม่มีทางที่จะสู้แรงพวกเขาได้เลยตอนนี้ที่เธอนั่งอยู่หลังคนขับเริ่มเม้มปากแน่นและพยายามสังเกตการเคลื่อนไหวของไป๋จิ่งหยวนด้วยดวงตากลมโตที่เย็นชา…หลังจากที่ออกมาจากคลับกู้หม่างก็เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนที่ฟางฮั่นจะกระซิบบอกเบา ๆ “เพื่อไม่ให้คุณชายสองสงสัย คืนนี้ผมคงต้องรีบกลับไปที่หยางเฉิง นายน้อย...”“ไปทำธุระของนายเถอะ” กู้หม
เจียงชั่นเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมา รู้สึกเหมือนว่ากระดูกทุกส่วนของร่างกายถูกดึงออกมาทั้งหมด เจ็บปวดจนแทบจะทยไม่ได้เธออเห็นกำแพงและฝ้าเพดานสีขาวรอบกาย พร้อมกับกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่โชยมาแตะจมูก ร่างกายและใบหน้าถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าก็อชยิ่งไปว่านั้นขาเรียวข้างหนึ่งยังถูกยกขึ้นห้อยเอาไว้หญิงสาวตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่เอื้อมเข้ามาจับ ส่งความอบอุ่นจากมือของเขาสู่หัวใจของเธอทันใดนั้นดวงตากลมก็หันไปสบตากับเขาชายหนุ่มมองมาด้วยความสงบเงียบ ทว่าความพลุ่งพล่านกลับแสดงออกมาได้ชัดผ่านแววตาทั้งกังวล โกรธ สงสาร...และโทษตัวเองเขาฝืนยิ้มแล้วลูบผมนุ่มนิ่มของเธอเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่า “คุณฟื้นแล้ว”เจียงชั่นขยับหัวของตัวเองเบา ๆ ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดที่ระบมไปทั้งร่างกาย“ฉันเป็นอะไรเหรอคะ?”“คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?” กู้หม่างจับมือเธอไว้แล้วลูบเบา ๆริมฝีปากของเจียงชั่นแห้งผาก ลำคอร้อนผ่าวราวกับมีไฟกำลังแผดเผาก่อนที่จะค่อย ๆ ได้สติกลับมา แล้วจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทั้งหมดซุนเถิงและฟางจินหยางวางแผนให้ธอไปกับไป๋จิ่งหยวน จากนั้นไป
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูหดหู่ลงเล็กน้อย กู้หม่างจึงยิ้มแล้วรวบผมยาวของเธอขึ้น“เป็นอะไร?”เจียงชั่นถอนหายใจแล้วยิ้มอย่างขมขื่น“ตอนนี้ฉันคงโต้ตอบอะไรพวกเขาไม่ได้” เธอกระซิบ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ค่ะ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไรเลย ..คนอย่างพวกเขาคงใช้ชีวิตต่อได้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายลงไป แต่ฉัน..ทำอะไรไม่ได้เลย ฉันทำอะไรพวกเขาไม่ได้”“ได้แค่แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร ฉันจะอดทนจนถึงวันที่ฉันแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ พอถึงตอนนั้นฉันจะเอาคืนพวกเขาให้สาสม”กู้หม่างมองเธอแล้วยิ้มบาง ๆเจียงชั่นไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอแล้วยังมีความอดทนสูงไม่เพียงแต่ไม่อ่อนแอแล้วยอมให้รังแกง่าย ๆ เขาเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความโกรธและเกลียดชังที่มี อยากจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมกับที่ทำเธอเลือกที่จะปกป้องตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญที่จะมีชีวิตรอดเหมือนกันกับเขาว่าแล้วมุมปากของกู้หม่างก็ยกขึ้น ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วจริง ๆหลังจากที่เผชิญหน้ากับการลอบสังหาร เขาก็ได้แต่อดทนและยอมแม้กระทั่
อาการบาดเจ็บของเจียงชั่นยังต้องใช้เวลาในการพักฟื้น กู้หม่างจึงพาเธอกลับมาดูแลที่บ้านในตอนแรกเจียงชั่นเองก็กังวลว่าชายหนุ่มจะทำงานบ้านไม่เป็น รวมถึงการทำอาหารด้วย การที่เธอบาดเจ็บแบบนี้ ที่บ้านคงจะวุ่นวายน่าดูแต่ในตอนที่เขาอุ้มเธอผ่านประตูเข้ามา ดวงตากลมก็เปล่งประกายสดใสภายในบ้านสะอาดและเป็นระเบียบ ทุกอย่างดูเรียบร้อยมากกว่าตอนก่อนที่เธอจะบาดเจ็บด้วยซ้ำ“คุณโอเคใช่ไหม?” กู้หม่างหัวเราะเบา ๆเขามองดวงตากลมนั้นที่ราวกับดวงตาของเด็กน้อยที่กำลังอ้อนวอนอะไรบางอย่างจากคุณครูเจียงชั่นยิ้มหวานเธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าสามีของเธอนั้นเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก เธอเคยคิดว่าเขาคงจะเก่งแต่เรื่องการเงินและภาษาด้วยซ้ำไม่คิดว่าจะเชี่ยวชาญเรื่องงานบ้านเป็นกับเขาด้วยจากนั้นกู้หม่างก็นำอาหารมาสองจานเธอลองชิมก็พบว่ารสชาติไม่แย่ แต่ก็คิดว่าคงหนักเกลือไปเสียหน่อยอย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งนี้“สามีของฉันเนี่ยเก่งที่สุดเลยนะ!” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยท่าทางน่ารัก “ดูเหมือนว่าเจ็บตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำอะไร แต่มีคนมาคอยดูแลไม่ห่าง”“โอเค” กู้หม่างยิ้มบาง ๆ ดวงตาของเข
เจียงชั่นรู้สึกสับสนแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องตอบเขาอย่างไร จึงทำได้เพียงเขินอายอยู่อย่างนั้นเธอเลือกที่จะหลับตาลงเบา ๆ ฟังเสียงฝนที่กระทบตรงหน้าต่างนิ่ง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงรสจูบอันเร่าร้อนของคนตัวโต...เธอเลือกที่จะค่อย ๆ เปิดหัวใจออกอย่างช้า ๆ…เช้าวันรุ่งขึ้นกู้หม่างตื่นขึ้นก่อนในตอนที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลฮั่วเขามักจะตื่นตอนตีสี่เพื่อไปทำกิจกรรมตอนเช้าอย่างแข็งขัน เขาจึงมักตื่นเช้าอยู่เสมอ เป็นนิสัยที่ติดตัวมานานหลายปีแล้วแต่เพราะเมื่อคืน วันนี้จึงเป็นวันที่เขาอยากจะอยู่บนเตียงไปเรื่อย ๆ ครั้งแรกในชีวิตกู้หม่างมองหน้าคนตัวเล็กเงียบ ๆ เธอกำลังหลับสนิทดูน่ารักและมีเสน่ห์ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปจูบปากนุ่มนิ่มนั้นอีกครั้ง แล้วกลิ่นหอมอ่อน ๆ ก็ทำให้เขารู้สึกตื่นตัวอยู่ไม่น้อยพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนตอนนี้เธอคงจะหมดแรงกู้หม่างเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเขาสว่างขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบสวมเสื้อยืดแล้วลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ระเบียงอย่างเงียบ ๆ“นายน้อย ผมโทรมารบกวนเร็วไปหรือเปล่า?” เย่เชินเอ่ยเสียงทุ้ม“ว่าไง?”ปลายสายยิ้มเบา ๆ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั