“วันนี้มีอะไรอีกบ้างจ๊ะ?”““บ่ายโมงจะมีสัมภาษณ์ดาราวาไรตี้ 2 คน เวลาบ่ายสองครึ่งจะมีการประชุมภายในบริษัท ส่วนบ่ายสามจนถึงห้าโมง จะต้องไปสื่อสำคัญหลายรายการเพื่อทำข้อตกลงความร่วมมือค่ะ”“แล้วก็ตอนหนึ่งทุ่มมีนัดทานอาหารเย็นกับตัวแทนคนดัง โรงแรมถูกจองไว้ที่แมนฮัตตันเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นร้านอาหารชั้นบนสุดค่ะ”เจียงชั่นเป็นคนที่มีระเบียบมาก แม้ว่าเธอจะมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่ก็ระมัดระวังและมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน เมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเธอก็ไม่รีบร้อนและจัดการกับปัญหาด้วยความสงบ ไม่เพียงแต่สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม แต่เธอยังเขียนแผนการที่ดีมากอีกด้วย ความสามารถในการทำงานของเธอจึงได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากฟู่ซิ่วอวี้ยิ้มด้วยความสบายใจ รู้สึกดีใจที่เลือกคนไม่ผิดฮั่วจือสิงมองเจียงชั่นด้วยสายตาที่เป็นทุกข์เล็กน้อยในตอนเช้าที่มาทำงาน เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าวเช้าเลยด้วยซ้ำตอนเย็นก็มักจะอยู่ทำงานจนดึก แล้วตื่นเช้าไปทำงานด้วยใต้ตาที่เป็นหมีแพนด้าด้วยภาระงานที่เกินพิกัดแบบนี้ทำให้เขาไม่สามารถทนดูต่อไปได้อีก“แม่ครับ” เขาเอ่ย “แม่กับชั่นชั่นเหนื่อยกันมาก ผมอยากจะพาเธอไปงานเว
ขนาดของงานลงนามไม่ได้ใหญ่มาก แต่ผู้ที่มีการติดต่อทางธุรกิจกับฮั่วจือสิงกลับเต็มไปด้วยคนที่มีชื่อเสียงโครงการที่ดินชานเมืองทางตะวันตกเกี่ยวข้องกับแง่มุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และพิธีลงนามนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างและบริษัทออกแบบหลายแห่งเป็นหลักและในสัญญาเหล่านี้พวกเขาทั้งหมดกำหนดให้มีลายเซ็นของเจียงชั่น โครงการจึงจะมีผลเจียงชั่นนั่งอยู่ในห้องแต่งตังและกำลังถูกแต่งหน้าโดยหัวหน้าช่างแต่งหน้าหลายคนจากแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำระดับนานาชาติ บนราวแขวนเสื้อผ้าที่ผู้ช่วยของเธอนำเข้ามา มีเสื้อคลุมอลังการหลายชุดที่ส่องแสงเจิดจ้า พวกมันมีลักษณะคล้ายกับเครื่องแต่งกายของเจ้าหญิงในเทพนิยาย ชุดทั้งหมดได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ โดยแต่ละดีไซน์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตลิสต์กำลังคุยกันว่าควรสวมชุดแบบไหนในการแต่งหน้าแบบนี้ และในขณะเดียวกันเจียงชั่นก็กำลังโบกปากกาในมือของเธอ และลงลายเซ็นบนเอกสารหลายฉบับอย่างเคร่งขรึมฮั่วจื้อสิงเคาะประตูแล้วเข้าไป เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรักใคร่และเอ็นดู เขาเดินไปนั่งลงข้างเธอแล้วโบกมือให้สไตลิสต์ออกจากห้องไปตอนนี้ห้องว่
เหยาม่านหนิงเหลือบมองเจียงชั่น “ฉันแค่อยากจะคุยด้วยน่ะ”เจียงชั่นรักษาระยะห่าง โดยคอยสังเกตอะไรก็ตามในห้องที่เธอสามารถใช้เพื่อป้องกันตัวได้“เจียงชั่น ฉันรู้ว่าในใจของจือสิง ฉันเทียบกับคุณไม่ได้เลย” เหยาม่านหนิงพูดเบา ๆ “แต่การแต่งงานของเราถูกจัดเตรียมโดยคุณปู่ของฉัน และครอบครัวของเราทั้งสองก็มีความสัมพันธ์อันยาวนานมาหลายชั่วอายุ ความเชื่อมโยงนี้ จะตัดขาดไม่ได้เพียงเพราะปรารถนาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรอกนะ”“ฉันเคยได้ยินคำพูดนั้นมาหลายครั้งแล้ว” เจียงชั่นพูดอย่างไม่แยแส “คุณเหยา ฉันอยากจะบอกคุณด้วยว่าบางสิ่งไม่สามารถบังคับได้จริง ๆ และบางคนจะไม่เปลี่ยนเจตจำนงเพียงเพราะความสัมพันธ์ที่ยาวนาน”“ฉันเข้าใจ” เหยาม่านหนิงจ้องมองเธอ “อันที่จริงฉันยอมแพ้แล้ว เพราะจือสิงไม่ใช่ของฉัน ฉันจึงควรปล่อยมือเขาไป เขาคงจะมีความสุขมากขึ้นเมื่ออยู่กับคุณ”“แต่สิ่งที่ฉันอยากบอกคุณก็คือคุณต้องมีค่าควรกับเขา” หัวใจของเจียงชั่นแน่นขึ้นขึ้นเล็กน้อย“อืม พูดตามตรงนะ ฉันคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ฉันก็เลยจัดการมันได้อย่างง่ายดาย และฉันรู้ว่าจือสิงไม่ชอบให้ใครมาชักนำ ฉันก็เลยไม่ได้เตรียมการเร
เหยาม่านหนิงยืนนิ่งอยู่กับที่ ริมฝีปากของเธอขยับแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เจียงชั่นยิ้มและเดินออกจากห้องแต่งตัวอย่างสง่างามเดิมทีเธอไม่ต้องการแข่งขันเพื่อสิ่งใด แต่ถ้าใครยืนกรานที่จะท้าทายเธอ เธอก็ไม่สนใจที่จะต่อสู้จนถึงบทสรุปสุดท้ายเนื่องจากเธอเพิ่งอ้างตัวครั้งใหญ่ว่าเป็นภรรยาของตระกูลฮั่ว เธอจึงต้องแสดงท่าทีของภรรยาในตอนนี้ เธอเดินอย่างสง่างามเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ยืนอยู่ข้าง ๆ ฮั่วจือสิง ก่อนจะค่อย ๆ ประสานแขนของเธอกับเขาด้วยท่าทางที่สงบ“อืม คุณเลือกชุดดูดีเลยนะ” ฮั่วจือสิงหัวเราะเบา ๆ “ทุกคนกำลังมองคุณอยู่”“คุณเคยเลือกให้ฉันผิดด้วยเหรอคะ?” เธอพิงเขาอย่างแนบชิดฟางฮั่นเข้ามาพร้อมกับนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสสองสามคน ฮั่วจือสิงจึงพยักหน้าเล็กน้อย แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างสุภาพ ขณะที่เขากำลังจะแนะนำเจียงชั่นให้พวกเขา จู่ ๆ เหยาม่านหนิงก็เดินเข้ามาจากด้านข้าง“จือสิง!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเธอดึงดูดสายตาหลาย ๆ คนในทันที คนบางคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮั่วและตระกูลเหยา ในความคิดของพวกเขาการแต่งงานระหว่างฮั่วจือสิงและเหยาม่านหนิงเป็นข้อตกลงที่เสร็จสิ้นแล้วอย่างไรก็ต
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน...... เจียงชั่นจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างไรกันเล่า! มือที่กำหมัดแน่นของเหยาม่านหนิงสั่นเทาอยู่บ้าง นับตั้งแต่เธอพบเจียงเหยาที่บ้านของฮั่วจือสิงเมื่อครั้งล่าสุด เธอก็สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ต่อมาพอเธอรู้ว่าเจียงเหยาเป็นคนหลอกง่าย เธอจึงคิดจะติดสินบนเธอ เจียงเหยาอยากได้สตูดิโอ เธอก็เลยมอบสตูดิโอให้ ขอเพียงผู้หญิงคนนี้ให้ข้อมูลสำคัญที่ใช้จัดการกับเจียงชั่น แต่เธอกลับไม่คาดคิดเลยว่าเจียงเหยาจะให้ข่าวลวง! วันนั้นอีกฝ่ายให้สัญญาเสียเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า "วางใจเถอะค่ะ คุณเหยา! ตั้งแต่ยังเด็กเจียงชั่นก็ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือมากนัก แม้แต่ตอนที่หล่อนไปโรงเรียนก็ไม่ได้ตั้งใจเรียน แถมยังเรียนไม่เก่งสักอย่าง! อ้อ หล่อนเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็เพราะว่าคุณพ่อของฉันยัดเงินให้หล่อนได้เข้าไปเรียนต่างหากล่ะ!" เหยาม่านหนิงโมโหเสียจนฟันบนกับฟันล่างกระทบกันดังกึกกัก ตอนนี้พอลองนึกดูแล้ว เจียงเหยาน่าจะโกหกเรื่องนี้เพราะริษยาเจียงชั่น มิหนำซ้ำเธอยังโง่พอที่จะเชื่อลงไปได้! "คุณเหยา" จู่ ๆ เสียงของฟางฮั่นก็ดังขึ้นทางด้านหลัง เหยาม่านหนิงสะดุ้งตกใจ "คุณเหยา คุณคิดว่า
"คุณจ้องหน้าฉันทำไม?" เจียงชั่นถูกสีหน้าท่าทางของเขาทำเอาตกอกตกใจ "ชั่นชั่น คุณ..." เขาพูดยังไม่ทันจบก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ น้ำเสียงหนักหรือเบาดี? ควรจะเด็ดขาดหรือจับเข่าคุยกับเธอดี? ตอนที่เกลี้ยกล่อมเธอควรจะใช้ลูกไม้อย่างไรดี ควรจะเลือกสรรคำพูดอย่างไรดี... ฮั่วจือสิงเม้มปาก สีหน้าที่บูดบึ้งอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความอึมครึมไปกันใหญ่ "เอาล่ะ ฉันรู้ว่าคุณคิดจะพูดอะไร" เจียงชั่นยิ้มพลางยื่นมือเล็ก ๆ ออกมาสอดประสานนิ้วมือของเขาพลางมองเขาด้วยสายตาใสซื่อบริสุทธิ์ "นี่เป็นความคิดของแม่คุณ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเราต้องทำให้เนี่ยซินเซ็นสัญญากับบริษัทของพวกเราให้ได้ ไม่สำคัญหรอกว่าเงื่อนไขจะเข้มงวดขนาดไหน พวกเราก็ต้องตอบตกลง" "ทำไมล่ะ?" ฮั่วจือสิงขึ้นเสียงทันที เจียงชั่นตะลึงงันแล้วเหม่อมองเขา ฮั่วจือสิงกระแอมไอสองครั้ว "ผมหมายความว่า....วงการบันเทิงใช่ว่าจะมีนักแสดงแบบนี้แค่เพียงคนเดียว ทำไมถึงต้องเป็นเขาด้วยเล่า?" ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เขาอยากจะเฉดหัวเนี่ยซินออกไปจากวงการบันเทิงเสียจริง ๆ! "ใช่ค่ะ มีดาราอยู่มากมาย แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีทักษะการแสดง ทั้งยังมีข่าวลือ ร
เจียงเหยาผงะอึ้งไปชั่วขณะ พลางลอบยินดีอยู่ในใจ ช่วงนี้กู้หม่างพักอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเจียง เขาทั้งเกียจคร้านและนิสัยไม่ดี เจียงหมิงหย่วนรู้สึกรังเกียจเขามานานแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคนที่นายท่านรองจัดเตรียมมาให้ ทำให้ยากที่จะขับไล่เขาไปได้ พวกเขาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นพฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ อันเป็นเรื่องปกติของเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหยาม่านหนิงคิดจะปล่อยตัวกู้หม่างออกมาอีกครั้ง... เช่นนี้ไม่เพียงกำจัดตัวปัญหาได้ แต่ยังเปิดโอกาสให้จัดการกับเจียงชั่นได้อีกด้วย! เจียงเหยายิ้มพลางตบเข่าดังฉาด "คุณเหยา ที่จริงคุณน่าจะลองขบคิดเรื่องที่ฉันเคยพูดเอาไว้เมื่อคราวก่อนดูนะคะ!" "อะไรงั้นเหรอ?" เหยาม่านหนิงหยิบโซดาที่อยู่ตรงหน้าแล้วเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่ยี่หระ "กะ... ก็เรื่องประกาศข่าวการแต่งงานระหว่างนังแพศยานั่นกับกู้หม่างยังไงล่ะ!" เหยาม่านหนิงหรี่ตาพลางครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น คราวก่อนที่เธอพบฮั่วจือสิง ดูเหมือนว่าเขาจะเอ่ยถึงอยู่ไม่กี่คำ แต่กลับไม่ได้อธิบายเรื่องทุกอย่าง ประเด็นสำคัญก็คือให้กู้หม่างลุกขึ้นมาก่อเรื่อง ทุกคนก็จะได้รู้ว่าเขาต่างหากที่เป็นสามีของเจียงชั่น ส
"อะไรนะ?" เหยาม่านหนิงสะดุ้งตกใจ "หล่อนตบตีคนด้วยเหรอ?" "อืม!" เจียงเหยาหรี่ตา "นังแพศยาคนนี้แสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าคนอื่น แต่ทันทีที่หล่อนหันหลังกลับไป หล่อนก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย! หล่อนนัดพบนางเอกคนนั้นในที่ลับตาคนแล้วฉวยโอกาสที่แถวนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ตบตีเธอแรง ๆ เสียหลายฉาด!" "ดังนั้น...คุณเหยา พวกเราสามารถจัดฉากล่วงหน้าในงานเลี้ยงวันเกิดได้นี่นา!" "จัดฉากยังไงกัน?" "ลากตัวเจียงชั่นมาตรงบริเวณที่ไม่มีใครอยู่ ละ...แล้วขอให้คุณอดทนตบหน้าตัวเองสักสองสามฉาด ถึงตอนนั้นฉันจะพาคนเข้ามา! ให้ทุกคนได้เห็นว่าเจียงชั่นตบตีคุณยังไงล่ะ!” "เรื่องนี้..." ยิ่งเหยาม่านหนิงได้ฟังมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น ทำไมเธอต้องตบหน้าตัวเองสักสองสามฉาดด้วยเล่า? กลยุทธ์แสร้งทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ? แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่อยากลงสนามด้วยตัวเองเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่เชื่อแผนการของเจียงเหยาไปเสียทีเดียว แต่แผนการในคราวนี้ช่างถูกใจเธอนัก เธอก็เลยอยากจะลองดูสักตั้งเผื่ออาจจะได้ผลก็เป็นได้! "คุณเหยา เมื่อถึงเวลาคุณต้องแสร้งทำตัวอ่อนแอนะ!" เจียงเหยาเอ่ยเส
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั