เจ้าของบ้านเช่าโทรศัพท์มา ถามว่าห้องเช่าเล็ก ๆ นั้นเธอจะยังเช่าต่อไหมหัวใจของเจียงชั่นตึงเครียด ที่นั่นมีความทรงจำของเธอกับฮั่วจือสิงมากมาย ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธเขาแต่ความทรงจำเหล่านี้เธอก็ตัดใจทิ้งมันไม่ได้“คุณนายกู้ คุณพูดอะไรออกมาสักคำสิ!” เจ้าของบ้านตะโกนออกมา “หากว่าไม่เช่าต่อแล้ว ฉันจะให้คนอื่นเช่า! ตอนนี้บ้านของฉันเป็นที่ต้องการกันมากนะ!”“ห้ามให้คนอื่น!” เจียงชั่นหลุดปากพูดออกมา “ในตอนนั้นพวกเราเซ็นสัญญากันเอาไว้หนึ่งปีแท้ ๆ ตอนนี้ยังไม่ถึงกำหนดเวลาเลย!”“ยังไม่ถึงกำหนดเวลา แต่คุณก็ต้องจ่ายค่าเช่าด้วยนะคุณนายกู้!”“วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางติดหนี้คุณแน่!”เจียงชั่นมุ่ยปากออกมา “อีกเดี๋ยวฉันจะโอนค่าเช่าให้คุณ!”“และฉันก็ไม่ใช่คุณนายกู้!” เธอขึ้นเสียงสูง พูดบอกเจ้าของบ้านออกมาอย่างชัดเจนทีละคำ “สามีของฉันสกุลฮั่ว!”“อ๋อ…ได้ได้ได้ คุณนายฮั่ว!” เจ้าของบ้านไม่ได้สนใจว่าจะสกุลกู้หรือว่าฮั่ว ขอเพียงแค่มีเงินจะสกุลบรรพชนอะไรก็ได้เจียงชั่นวางสายลง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้หยิ่นเหวินซีหัวเราะออกมา มือหนึ่งวางลงบนไหล่ของลูกสาว เลิกคิ้วแล้วถามเธอออกมา “เมื่อครู่นี้พูดอะไรออกม
เจียงชั่นมองไปที่หน้าจออยู่ครู่หนึ่งเมื่อเปิดกล้องวีดีโอ ทางด้านนั้นเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“กำลังทำอะไรอยู่?”เจียงชั่นไม่พูดอะไรออกมา ก็ปิดกล้องฝั่งตัวเองลง ฮั่วจือสิงไม่ได้สนใจ ยังคงยิ้มอยู่ให้เธอพร้อมน้ำเสียงแหบพร่าน่าดึงดูด“ผมกำลังเดินเล่นอยู่ในสนาม”เจียงชั่นตะลึงไป เมื่อมองไปที่่หน้าจอนั้น สนามแห่งนั้นใหญ่โตจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นยามค่ำคืนก็สามารถมองเห็นได้ว่าตกแต่งออกมาอย่างงดงามด้านหลังของเขาเห็นเป็นภูเขาที่กระจัดกระจายอยู่ อาคารสูงตั้งตระหง่าน บางครั้งยังได้ยินเสียงน้ำพุดังขึ้นเป็นครั้งคราวที่แท้ที่นี้ก็เป็นที่ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เล็ก…ช่างแตกต่างจากที่เธออยู่อาศัยมากนักจู่ ๆ เจียงชั่นก็รู้สึกได้ถึงความต่ำต้อย เธอนั่งอยู่บนหน้าต่างที่ยื่นออกมา มือเล็ก ๆ คว้าเบาะที่นั่งอย่างไม่สงบนักฮั่วจือสิงไม่ได้ยินเสียงเธอเป็นเวลานาน หน้าจอเองก็มืดดำสนิท แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสบายใจเพราะว่าเธอไม่ได้ตัดสายเขาทิ้ง เธอยังคงฟังอยู่ จากหน้าจอเขายังคงได้ยินเสียงหายใจและหัวใจเต้นของเธออยู่แค่นี้เขาก็รู้สึกเพียงพอแล้ว “ชั่นชั่น” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ “อากาศที่เจียงโจว
ฮั่วจือสิงยิ้มออกมาจาง ๆ “เรื่องอะไร?”“ผมถูกรับเข้าเรียนโครงการพิเศษแล้ว!”“รับเข้าเรียนโครงการพิเศษ?”“ใช่แล้ว มหาวิทยาลัยหยางเฉิง! ผมเข้าคณะแพทย์ศาสตร์เชียวนะ!”เจียงชั่นยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์คืนมา“เสี่ยวเฉิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยางเฉิงได้จริง ๆ เหรอ?” ฮั่วจือสิงค่อนข้างประหลาดใจ เพราะอย่างไรแล้วเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น มัธยมปลายยังไม่ทันเรียนจบด้วยซ้ำไป“อืม หนังสือรับเข้าเรียนออกมาแล้ว” เจียงชั่นรู้สึกภูมิใจแทนน้องชาย “เป็นศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยหยางเฉิงเลือกมาด้วยตัวเอง เสี่ยวเฉิงผ่านการสอบทั้งหมดห้าครั้ง นอกจากนี้แล้วทุกครั้งก็ล้วนแต่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง!”“ยินดีด้วย!” ฮั่วจือสิงเม้มริมฝีปาก น้องเขยเขาคนนี้เหมือนกับเขามาก ผลการเรียนโดดเด่นมาก อายุยังน้อยก็สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วหากว่าเป็นแบบนี้ หยิ่นเฉิงก็ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยที่หยางเฉิงไม่ใช่เหรอ?หากว่าอาศัยโอกาสนี้ เจียงชั่นกับแม่ของเธอก็สามารถมาที่หยางเฉิงได้เช่นกัน…ภายนอกของฮั่วจือสิงไม่แสดงออกอะไรออกมา แต่ในใจกลับแอบตื่นเต้น“เสี่ยวเฉิง” เขาพูดเสียงต่ำ “วันที่ลงทะเบียนบอกพี่เขยส
สีหน้าหยิ่นเหวินซีซีดขาว ทั่วทั้งกายสั่นเทาดวงตาของเธอแดงก่ำ จ้องมองไปยังเจียงหมิงหย่วนราวกับว่าเจอผีเสียอย่างนั้นในปีนั้นเขารับเธอไว้ไม่ผิดแต่เขาก็ทำลายเธอ! ทำให้เธอคิดว่าเจียงชั่นคือลูกสาวของเขา…อีกเพียงนิดเธอก็เกือบจะไม่ต้องการลูกสาวของตัวเองแล้ว!ความทรงจำช่วงวัยเยาว์ทะลักเข้ามาในจิตใจของหยิ่นเหวินซีราวกับน้ำท่วมความเจ็บปวดและมืดมนในอดีต เป็นรอยแผลที่เธอไม่อยากจะเปิดเผยออกมาอีกในชีวิตนี้…“หรือว่าเธอยังคิดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่อีกเหรอ?” เจียงหมิงหย่วนเย้ยหยันออกมา “เขาแต่งงานมีลูกไปแล้ว ไม่ต้องการเธอไปนานแล้ว! เขาครอบครองตระกูลหยิ่น หลอกใช้เธอจนบรรลุเป้าหมายแล้วก็โยนเธอทิ้งไว้ข้างทาง!”“พอแล้ว!” หยินเหวินซีปิดหูแล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา“บนโลกใบนี้คนที่ดีกับเธอ ก็มีเพียงแค่ฉัน!” ใบหน้าของเจียงหมิงหย่วนแทบจะดูบิดเบี้ยวไป “หยิ่นเหวินซี! เจียงกรุ๊ปต้องการจะเปิดตลาดใหม่ หากว่ายาชนิดนี้พัฒนาไปจนสำเร็จ ถ้าอย่างนั้น…”“ไม่มีทาง!” หยิ่นเหวินซีคำรามออกมาอย่างดุร้าย “นายไม่ต้องแม้แต่จะคิดไป! ของสิ่งนั้นฉันทำลายมันไปแล้ว ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในมือฉัน ไม่เพียงแต่นายจะไม่ได้มันไป ตระกูลหยิ่น
“เจียงหมิงหย่วน กล้าพนันกับฉันไหมว่า?” เขายกยิ้ม “วันนี้ต่อให้นายกับเจียงเหยาจะตายอยู่ที่นี่สำหรับเมืองนี้แล้วก็ถือว่ามีเพียงแค่คนสองคนที่หายไปเท่านั้น ฉันไม่มีทางต้องรับโทษอะไร”“นาย…”“ในตอนที่นายรังแกคนอื่น ก็ลองคิดดูว่าเบื้องหลังของคนนั้นมีใครยืนอยู่บ้าง!”พลังของฮั่วจือสิงดูน่าเกรงขาม เจียงหมิงหย่วนอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อเจียงเหยาเห็นว่าจะควบคุมเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว มือเท้าก็จะเริ่มวุ่นวายขึ้นมา“เจียงหมิงหย่วน” ฮั่วจือสิงพูดเสียงขรึม “นายลองคิดดูให้ดี ว่ายังคิดจะเป็นศัตรูกับฉันอีกต่อไปไหม หรือว่าจะพาลูกสาวที่ไม่มีสมองนี้ไสหัวกลับไป?”สองเข่าของเจียงหมิงหย่วนอ่อนแรง นานกว่ากว่าจะพูดเสียงสั่นออกมา “ปล่อยลูกสาวฉันมา…พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”“ไป?” ฮั่วจื่อสิงยิ้มออกมา “ประธานเจียงแม้แต่คำฉันก็ยังฟังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ฉันบอกว่า ไสหัวไป!”เขาปล่อยมือหนึ่งลง เจียงเหยาทรุดตัวลงเสียงดังกับพื้น ก่อนจะรีบคลานหนีไป…เจียงหมิงหย่วนไม่ได้ได้เปรียบใดเลย กลับกันถูกทำให้อับอายเข้า ในตอนที่จะออกไปนั้นมือเท้าก็เหมือนจะไม่ค่อยทำงาน เป็นเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งที่คลานออกไปในที่สุ
“มีเรื่องอะไรกัน?” เจียงชั่นตะลึงไปฮั่วจือสิงกุมมือเธอไว้เบา ๆ“คุณจะต้องยกเลิกการแต่งงานระหว่างคุณกับกู้หม่างทันที” เขามองยังเธอ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป ผมมีวิธี”“และยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ…” เขายิ้มออกมา “ขอให้คุณเจียงช่วยรับโครงการที่ดินตรงชานเมืองตะวันตกของหยางเฉิงนี้ไป ทำให้ที่ดินแห่งนี้เพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น!”“อะไรนะ?” เจียงชั่นส่ายหัวอย่างตื่นตระหนก “ไม่ได้ ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย!”“ไม่มีใครเข้าใจอะไรมาตั้งแต่เกิดหรอก” ฮั่วจือสิงพูดออกมาเสียงเบา “เริ่มต้นลงมือไปพลางพร้อมกับเรียนรู้ไปด้วย ไม่นานก็จะติบโตได้อย่างรวดเร็ว”“แต่ว่า…”“ชั่นชั่น” เขาพูดออกมาอย่างชัดเจน “คุณทำได้”เจียงชั่นกัดริมฝีปาก ก้มหน้าหลับตาลงความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะปมด้อยในใจ ทำให้เธอมักจะรู้สึกว่านี่เป็นเหมือนของขวัญที่ได้มาจากเขาอย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นที่เขายังไม่ใช่ฮั่วจือสิง ก็มอบมรดกตกทอดของครอบครัวให้เธอทั้งหมด แม้แต่บัตรเงินเดือนก็ยังมอบให้เธอ มอบร้านกาแฟให้กับเธอ…เธอไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้เลยเจียงชั่นดึงมือออกจากฝ่ามือเขาเงียบ ๆ ใบหน้าเผยความโศกเ
ลู่หลี่ซานกลอกตาให้เขา แล้วเย้ยหยันออกมา ก่อนจะพาเขาไปยังห้องมืดทุกคนเมื่อเห็นว่าประตูมีแสงสว่าง ก็พากันวิ่งไปทางประตู“ทำอะไรกัน” ลู่หลี่ซานคำรามออกมาทุกคนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึกตัก “พี่ชายไว้ชีวิตด้วย…พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเคยไปพบกันที่ไหนมาก่อน แล้วไปล่วงเกินพี่ชายได้ยังไงกัน…พี่พอจะอธิบายให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม?”“พี่ชายจะให้พวกเราทำอะไร พวกเราจะต้องทำตามเป็นแน่!”ฮั่วจือสิงก้าวออกมาด้านหน้า โยนทะเบียนสมรสลงไปด้านหน้าพวกเขา“นี่…”“ทั้งสองคนบนทะเบียนสมรสต้องการจะยุติความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกัน” ฮั่วจือสิงมองพวกเขาอย่างเย็นชา “แต่ฝ่ายชายนั้นไม่ได้อยู่ที่นี้ พวกนายรีบหาวิธีการที่เร็วที่สุดมาจัดการซะ!”ทุกคนต่างก็พากันมองหน้ากันด้วยความสับสน แสงสว่างเหนือศีรษะของพวกเขาเพียงพอให้พวกเขามองรายละเอียดด้านในนั้นได้อย่างชัดเจน“กู้หม่าง?” มีคนจำขึ้นมาได้ พูดกระซิบออกมาเสียงเทา “นี่ไม่ใช่…ลูกเขยตระกูลเจียงเหรอ…”“นายรู้จัก?” ฮั่วจือสิงเลิกคิ้วขึ้น“ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก…” คน ๆ นั้นทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น และก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ท่ามกลางความตื่นตระหนกก็เผยความจริงอ
เจียงชั่นดูแลผู้เป็นแม่อยู่ที่ข้างเตียง แต่อาการของหยิ่นเหวินซีกลับไม่ดีขึ้นเลยเพราะความยุ่งยากจากเจียงหมิงหยวนและเจียงเหยา การรักษาจากครั้งก่อนจึงแทบจะไร้ประโยชน์เจียงชั่นมองท่าทางที่สิ้นหวังของแม่ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ทว่าก็ทำได้เพียงให้กำลังใจก็เท่านั้นเสิ่นเซียวได้ปรึกษากับหมอที่เคยรักษาหยิ่นเหวินซีและปรึกษากับจิตแพทย์เฉพาะทาง พวกเขาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าควรจะให้เธอพักอยู่ที่อื่นก่อน“เจียงชั่นบางทีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอาจจะช่วยให้อาการของคุณป้าดีขึ้น” เสิ่นเซียวเอ่ย “ผมได้ลองศึกษาจากหลาย ๆ เคสแล้ว ส่วนใหญ่อาการพวกเขาจะคล้ายคลึงกัน และร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วถ้าได้ลองปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดู”“คุณป้าเองก็คงจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีที่เจียงโจว ถ้าหากว่ายังให้อยู่ที่นี่ต่อคงไม่เป็นผลดี ต้องลองเปลี่ยนสถานที่แล้วให้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไปเลย”เจียงชั่นถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของฮั่วจือสิงในวันนั้นหรือว่าจะต้องไปหยางเฉิงกับเขาจริง ๆ ?“ชั่นชั่น..” หยิ่นเหวินซีลืมตาขึ้นด้วยร่างกายที่อ่อนล้า เธอพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีเจียงชั่นรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวและวางเบาะเอาไว้ให
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั