ลู่หลี่ซานกลอกตาให้เขา แล้วเย้ยหยันออกมา ก่อนจะพาเขาไปยังห้องมืดทุกคนเมื่อเห็นว่าประตูมีแสงสว่าง ก็พากันวิ่งไปทางประตู“ทำอะไรกัน” ลู่หลี่ซานคำรามออกมาทุกคนต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึกตัก “พี่ชายไว้ชีวิตด้วย…พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเคยไปพบกันที่ไหนมาก่อน แล้วไปล่วงเกินพี่ชายได้ยังไงกัน…พี่พอจะอธิบายให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม?”“พี่ชายจะให้พวกเราทำอะไร พวกเราจะต้องทำตามเป็นแน่!”ฮั่วจือสิงก้าวออกมาด้านหน้า โยนทะเบียนสมรสลงไปด้านหน้าพวกเขา“นี่…”“ทั้งสองคนบนทะเบียนสมรสต้องการจะยุติความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกัน” ฮั่วจือสิงมองพวกเขาอย่างเย็นชา “แต่ฝ่ายชายนั้นไม่ได้อยู่ที่นี้ พวกนายรีบหาวิธีการที่เร็วที่สุดมาจัดการซะ!”ทุกคนต่างก็พากันมองหน้ากันด้วยความสับสน แสงสว่างเหนือศีรษะของพวกเขาเพียงพอให้พวกเขามองรายละเอียดด้านในนั้นได้อย่างชัดเจน“กู้หม่าง?” มีคนจำขึ้นมาได้ พูดกระซิบออกมาเสียงเทา “นี่ไม่ใช่…ลูกเขยตระกูลเจียงเหรอ…”“นายรู้จัก?” ฮั่วจือสิงเลิกคิ้วขึ้น“ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก…” คน ๆ นั้นทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น และก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ท่ามกลางความตื่นตระหนกก็เผยความจริงอ
เจียงชั่นดูแลผู้เป็นแม่อยู่ที่ข้างเตียง แต่อาการของหยิ่นเหวินซีกลับไม่ดีขึ้นเลยเพราะความยุ่งยากจากเจียงหมิงหยวนและเจียงเหยา การรักษาจากครั้งก่อนจึงแทบจะไร้ประโยชน์เจียงชั่นมองท่าทางที่สิ้นหวังของแม่ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ทว่าก็ทำได้เพียงให้กำลังใจก็เท่านั้นเสิ่นเซียวได้ปรึกษากับหมอที่เคยรักษาหยิ่นเหวินซีและปรึกษากับจิตแพทย์เฉพาะทาง พวกเขาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าควรจะให้เธอพักอยู่ที่อื่นก่อน“เจียงชั่นบางทีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอาจจะช่วยให้อาการของคุณป้าดีขึ้น” เสิ่นเซียวเอ่ย “ผมได้ลองศึกษาจากหลาย ๆ เคสแล้ว ส่วนใหญ่อาการพวกเขาจะคล้ายคลึงกัน และร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วถ้าได้ลองปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดู”“คุณป้าเองก็คงจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีที่เจียงโจว ถ้าหากว่ายังให้อยู่ที่นี่ต่อคงไม่เป็นผลดี ต้องลองเปลี่ยนสถานที่แล้วให้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไปเลย”เจียงชั่นถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของฮั่วจือสิงในวันนั้นหรือว่าจะต้องไปหยางเฉิงกับเขาจริง ๆ ?“ชั่นชั่น..” หยิ่นเหวินซีลืมตาขึ้นด้วยร่างกายที่อ่อนล้า เธอพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีเจียงชั่นรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวและวางเบาะเอาไว้ให
เกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นภายในใจของเจียงชั่น ในขณะที่มือเล็กกำผ้าห่มแน่นขึ้นด้วยความสั่นเทาในตอนนี้เธอยังคงพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮั่วจือสิงอย่างจริงจัง ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหมอดูชราคนนั้นสามีภรรยาไม่ควรอยู่ห่างไกลกันนักคิดได้อย่างนั้นก็มีก้อน ๆ หนึ่งจุกขึ้นมาในลำคอหญิงชรายังบอกอีกว่าไม่ช้าก็เร็วที่อาจจะต้องแยกจากกัน...เธอเหลือบมองฮั่วจือสิงในแสงสลัว ๆ ว่ายังมีเชือกสีแดงพันรอบข้อมือของเขา ในตอนนั้นเธอหัวเราะว่าทำไมเขาถึงเชื่อเรื่องนี้ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่าย ๆซึ่งเหตุผลในการเลือกที่จะเชื่อก็เพราะกลัวที่จะสูญเสียเธอไปเจียงชั่นสูดลมหายใจ เธอเองก็กลัว..กลัวว่าจะเสียเขาไปจากชีวิตหากโชคชะตาต้องพรากพวกเขาให้ออกห่างกัน เธอก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อเข้าไปหาเขาว่าแล้วหัวเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมาจากผ้าห่ม ในขณะที่เอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่นุ่มนวล “ฮั่วจือสิง”หัวใจของคนฟังสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาพยายามตั้งใจฟัง ทว่าก็ไม่ได้หันกลับไป“อีกไม่กี่วัน..ฉันจะต้องย้ายไปหยางเฉิงค่ะ”“คุณว่าไงนะ?”เจียงชั่นยิ้มบาง ๆ “หูคุณหนวกหรือไง?”ชายหนุ่
เมื่อปีที่แล้ว“คุณไม่ได้บอกเหรอว่าอยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง?” เจียงชั่นตอบเบา ๆ “ตอนนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นวันที่เราแต่งงานกัน”ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เจียงชั่นสวมชุดแต่งงานสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนมาถึงยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนั้นหมอดูบอกว่าสภาพอากาศแบบนั้นมันเป็นลางที่บอกว่าชีวิตการแต่งงานจะไม่ราบรื่นและมีความสุขแต่ก็คาดไม่ถึงที่ทั้งสองกลับใช้ชีวิตร่วมกันได้เป็นอย่างดีหัวใจของฮั่วจือสิงสั่นไหว ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปที่เตียง อาศัยแสงสว่างน้อยนิดมองมือขาวนุ่มที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มก่อนที่เขาจะตัดสินใจยื่นมือออกไปจับ แม้เจียงชั่นจะชักมือกลับแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงที่มีมากกว่าของเขาได้ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้แล้วปล่อยให้เขาจับมือตัวเองอยู่เงียบ ๆฝ่ามือใหญ่ที่นุ่มและอบอุ่นให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเธอเสียงทุ้มมีเสน่ห์ส่งออกมาท่ามกลางความมืด“เรากลับไปอยู่ในช่วงเวลาในตอนนั้นแล้วมาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้งนะ”“ผมชื่อฮั่วจือสิง แม้ว่าครอบครัวของผมจะร่ำรวยมีเงินแต่ผมกลับไม่ได้เป็นคนมีอนาคตอะไร ผมแค่อยากจะปกป้องภรรยาของผมแล้วขอให้เธอ
หลังจากที่เจียงชั่นมาถึงหยางเฉิงแล้วจัดการทุกอย่างเสร็จ เธอก็ได้รับการตอบรับเข้าสัมภาษณ์จากบริษัทแห่งหนึ่งการสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่นและเธอก็ได้เริ่มงานในทันที หลังเลิกงานเจียงชั่นจะกลับมาดูแลแม่ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะไปเยี่ยมเสี่ยวเฉิงที่มหาลัย รวมถึงนำของใช้ที่จำเป็นไปให้เขาด้วยวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความสงบและเรียบง่ายฮั่วจือสิงเองก็คอยติดตามเธออยู่เงียบ ๆ ไม่เข้าไปรบกวนในชีวิตของเธอเลย และเขาก็มักจะไปที่บ้านเพื่อช่วยเธอทำงานบ้านเท่านั้นซึ่งเขาไม่ใช่แค่ผู้ช่วยของเธอ แต่เจียงชั่นมอบหน้าที่ให้อย่างชัดเจนเหมือนกับที่เขาเคยทำถ้าหากเป็นตอนที่เธออารมณ์ดีก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ช่วงนั้นต้องเครียดจากการทำงาน หรือแม้แต่ช่วงเป็นประจำเดือน จากหญิงสาวผู้อ่อนโยนก็พร้อมที่จะเกรี้ยวกราดได้ทุกเมื่อเมื่อเจียงชั่นตะโกนใส่เขา หยิ่นเหวินซีก็ต้องรีบเข้ามาห้าม“ทำไมต้องขึ้นเสียงนะ คุยกับจือสิงดี ๆ ไม่ได้หรือไง?”“ไม่งั้น...ถ้าจะตะโกนใส่กันแบบนั้น ก็ทำเอาเองเสียสิ ทำไมถึงได้ใจร้ายต่อกันขนาดนั้น”“อย่าเอาพฤติกรรมแบบนั้นมาทำใส่คนอื่น แม่เห็นแบบนี้แล้วไม่มีความสุขเลยที่ลูกตะโกนใส่จ
เจียงชั่นตกใจและยืดตัวขึ้น ไม่รู้ว่าควรจะวางมือเล็ก ๆ นั้นไว้ที่ไหนฮั่วจือสิงนั่งลงข้างเธอ เขาหยิบขนมปังมาโยนให้นกพิราบก่อนจะหันมายิ้มให้“อารมณ์เสียเหรอ?”เจียงชั่นก้มหน้าเล็กน้อย เขารู้ได้ยังไง?“ดูเหมือนผมจะยังไม่ได้เล่าเรื่องวัยเด็กตัวเองให้คุณฟัง”ฮั่วจือสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบ “พ่อกับแม่ผมหย่ากันตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ แม้จะอยู่กับพ่อ แต่ก็ต้องตามแม่ไปที่อังกฤษอยู่บ่อย ๆ”“แม่เป็นคนที่เข้มแข็งมากแล้วก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ผมก็เลยเติบโตมาแบบที่ไม่อ่อนแอ ในตระกูลฮั่วปู่ตั้งใจเลี้ยงและฝึกฝนผมมาเพื่อให้เป็นทายาทสืบทอด ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะการกิน การเดิน ทุกท่าทางมักจะถูกควบคุมอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ...”“ไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังต้องพร้อมที่จะสู้และต่อกรกับใครก็ได้ในตระกูล”“ยิ่งปู่แสดงความชื่นชอบและให้ค่ากับใครมากเท่าไร คนคนนั้นก็จะตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเป้านิ่งสำหรับทุกคนเลยล่ะ” มุมปากของฮั่วจือสิงยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่แสดงออกดูขมขื่นและไม่เห็นคุณค่าในตัวเองหัวใจของเจียงชั่นตึงเครียดขึ้นมา ในเวลานั้น...เขาก็คงเป็นเพียงเด็กอายุหกหรือเจ็ดขวบเท่านั้น“ผมใช้เวลาส่วนให
หัวใจของฮั่วจือสิงสั่นไหวเจียงชั่นหรี่ตาลง ขนตายาวหนาที่เป็นแพสวยขยับราวกับปีกของผีเสื้อ“ต่อมาฉันเองก็ได้เข้าใจเหมือนกัน” เธอพูดเบา ๆ “ว่าตัวตนและชื่อเสียงของคนคนหนึ่งมันเป็นแค่ป้ายกำกับเอาไว้ก็เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นฮั่วจือสิงหรือว่ากู้หม่าง สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย”“สิ่งที่สำคัญคือคุณไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งตอนนี้...แล้วฉันก็จะไม่เปลี่ยนเหมือนกัน”ฮั่วจือสิงมองคนตัวเล็กแล้วจับมือเธอเบา ๆ เจียงชั่นหัวเราะแล้วประสานมือเข้ากับมือใหญ่ของเขา“คุณยกโทษให้ผมแล้วหรือยัง?”“ฉันไม่ได้โทษคุณหรอกค่ะ แต่แค่ยังรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ” เธอเม้มปาก “ฉันอาจจะยังต้องใช้เวลาสักพัก..คุณช่วยรอฉันหน่อยได้ไหม?”“ได้สิ ผมจะรอ” เขาเต็มใจที่จะรอเธอตลอดไปฮั่วจือสิงกอดเธอแน่น ราวกับกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝัน“ชั่นชั่น คุณจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม?” เขายืนยันด้วยความไม่สบายใจเจียงชั่นยิ้ม “ค่ะ”“ไม่ว่าผมจะเป็นอะไร คุณจะไม่ทิ้งผมใช่หรือเปล่า?”คนฟังสะดุ้งทำไมเขาถึงได้ถามคำถามโง่ ๆ ออกมาแบบนี้อีกแล้ว? เหมือนครั้งที่แล้วต
“ตอนนี้เราทุกคนก็รู้จักกันแล้ว ผมจะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้วกันนะ” ฮั่วจือสิงหัวเราะเบา ๆ “ทนายเย่เป็นทนายฝีมือดีและมีชื่อเสียงในหยางเฉิงและเจียงโจว ค่าทนายมองปราดเดียวคุณก็พอจะคำนวนได้ว่าจะประมาณเท่าไร”“ส่วนคุณชายไป๋คนนี้...” เขามองเจียงชั่น “คุณคงจำเขาได้เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้น ดังนั้นผมคงไม่ต้องแนะนำเขาเพิ่มเติม”การแสดงออกของไป๋จิ่งหยวนเปลี่ยนไป ก่อนจะโพล่งออกมาอย่างไร้เดียงสา “ทำไมล่ะ?!”“ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นมันไร้สาระจะตาย! ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!”“พี่สะใภ้ต้องรู้จักผมอีกที! ครั้งนี้ไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนจริงใจมากนะ เพราะผมหล่อมากไงล่ะคนอื่นก็เลยเอาแต่อิจฉา รวมถึงคุณชายฮั่วของคุณด้วย...”“อุ้ย!”ก่อนที่จะพูดจบเย่เชินก็ตบหัวคนปากไวไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเหลือบไปเห็นแววตาที่ไม่พอใจของฮั่วจือสิงไป๋จิ่งหยวนรู้สึกเสียใจ เพราะความหล่อสินะที่ทำให้เขาต้องอยู่อยู่ท่ามกลางเป้าสายตาแบบนี้!........เหยาม่านหนิงมาที่หยานหยวนโดยไม่สนใจว่าจะถูกบอดี้การ์ดกันตัวเอาไว้หรือไม่ทันทีที่เธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้ เธอก็เห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้น หญิงส
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั