เจียงชั่นตกใจและยืดตัวขึ้น ไม่รู้ว่าควรจะวางมือเล็ก ๆ นั้นไว้ที่ไหนฮั่วจือสิงนั่งลงข้างเธอ เขาหยิบขนมปังมาโยนให้นกพิราบก่อนจะหันมายิ้มให้“อารมณ์เสียเหรอ?”เจียงชั่นก้มหน้าเล็กน้อย เขารู้ได้ยังไง?“ดูเหมือนผมจะยังไม่ได้เล่าเรื่องวัยเด็กตัวเองให้คุณฟัง”ฮั่วจือสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบ “พ่อกับแม่ผมหย่ากันตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ แม้จะอยู่กับพ่อ แต่ก็ต้องตามแม่ไปที่อังกฤษอยู่บ่อย ๆ”“แม่เป็นคนที่เข้มแข็งมากแล้วก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ผมก็เลยเติบโตมาแบบที่ไม่อ่อนแอ ในตระกูลฮั่วปู่ตั้งใจเลี้ยงและฝึกฝนผมมาเพื่อให้เป็นทายาทสืบทอด ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะการกิน การเดิน ทุกท่าทางมักจะถูกควบคุมอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ...”“ไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังต้องพร้อมที่จะสู้และต่อกรกับใครก็ได้ในตระกูล”“ยิ่งปู่แสดงความชื่นชอบและให้ค่ากับใครมากเท่าไร คนคนนั้นก็จะตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเป้านิ่งสำหรับทุกคนเลยล่ะ” มุมปากของฮั่วจือสิงยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่แสดงออกดูขมขื่นและไม่เห็นคุณค่าในตัวเองหัวใจของเจียงชั่นตึงเครียดขึ้นมา ในเวลานั้น...เขาก็คงเป็นเพียงเด็กอายุหกหรือเจ็ดขวบเท่านั้น“ผมใช้เวลาส่วนให
หัวใจของฮั่วจือสิงสั่นไหวเจียงชั่นหรี่ตาลง ขนตายาวหนาที่เป็นแพสวยขยับราวกับปีกของผีเสื้อ“ต่อมาฉันเองก็ได้เข้าใจเหมือนกัน” เธอพูดเบา ๆ “ว่าตัวตนและชื่อเสียงของคนคนหนึ่งมันเป็นแค่ป้ายกำกับเอาไว้ก็เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นฮั่วจือสิงหรือว่ากู้หม่าง สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย”“สิ่งที่สำคัญคือคุณไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งตอนนี้...แล้วฉันก็จะไม่เปลี่ยนเหมือนกัน”ฮั่วจือสิงมองคนตัวเล็กแล้วจับมือเธอเบา ๆ เจียงชั่นหัวเราะแล้วประสานมือเข้ากับมือใหญ่ของเขา“คุณยกโทษให้ผมแล้วหรือยัง?”“ฉันไม่ได้โทษคุณหรอกค่ะ แต่แค่ยังรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ” เธอเม้มปาก “ฉันอาจจะยังต้องใช้เวลาสักพัก..คุณช่วยรอฉันหน่อยได้ไหม?”“ได้สิ ผมจะรอ” เขาเต็มใจที่จะรอเธอตลอดไปฮั่วจือสิงกอดเธอแน่น ราวกับกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝัน“ชั่นชั่น คุณจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม?” เขายืนยันด้วยความไม่สบายใจเจียงชั่นยิ้ม “ค่ะ”“ไม่ว่าผมจะเป็นอะไร คุณจะไม่ทิ้งผมใช่หรือเปล่า?”คนฟังสะดุ้งทำไมเขาถึงได้ถามคำถามโง่ ๆ ออกมาแบบนี้อีกแล้ว? เหมือนครั้งที่แล้วต
“ตอนนี้เราทุกคนก็รู้จักกันแล้ว ผมจะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้วกันนะ” ฮั่วจือสิงหัวเราะเบา ๆ “ทนายเย่เป็นทนายฝีมือดีและมีชื่อเสียงในหยางเฉิงและเจียงโจว ค่าทนายมองปราดเดียวคุณก็พอจะคำนวนได้ว่าจะประมาณเท่าไร”“ส่วนคุณชายไป๋คนนี้...” เขามองเจียงชั่น “คุณคงจำเขาได้เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้น ดังนั้นผมคงไม่ต้องแนะนำเขาเพิ่มเติม”การแสดงออกของไป๋จิ่งหยวนเปลี่ยนไป ก่อนจะโพล่งออกมาอย่างไร้เดียงสา “ทำไมล่ะ?!”“ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นมันไร้สาระจะตาย! ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!”“พี่สะใภ้ต้องรู้จักผมอีกที! ครั้งนี้ไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนจริงใจมากนะ เพราะผมหล่อมากไงล่ะคนอื่นก็เลยเอาแต่อิจฉา รวมถึงคุณชายฮั่วของคุณด้วย...”“อุ้ย!”ก่อนที่จะพูดจบเย่เชินก็ตบหัวคนปากไวไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเหลือบไปเห็นแววตาที่ไม่พอใจของฮั่วจือสิงไป๋จิ่งหยวนรู้สึกเสียใจ เพราะความหล่อสินะที่ทำให้เขาต้องอยู่อยู่ท่ามกลางเป้าสายตาแบบนี้!........เหยาม่านหนิงมาที่หยานหยวนโดยไม่สนใจว่าจะถูกบอดี้การ์ดกันตัวเอาไว้หรือไม่ทันทีที่เธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้ เธอก็เห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้น หญิงส
สุดท้ายเจียงเหยาก็สู้เหยาม่านหนิงไม่ได้ ฮั่วจือเหยียนทำเพียงแค่เหลือบมอง ก่อนจะให้บอดี้การ์ดแยกทั้งสองออกจากกัน และให้คนพาเจียงเหยาออกไปเจียงเหยาตะโกนในขณะที่ดิ้นรน “คุณชาย ทำไมไม่ช่วยฉันล่ะ คุณชาย...”ไม่ช้าเสียงที่วุ่นวายในหยานหยวนก็เงียบลงเหยาม่านหนิงถ่มน้ำลายไล่หลังอย่างแรง ก่อนจะหยิบผ้าสะอาดจากคนรับใช้ขึ้นมาเช็ดตัว แล้วมองฮั่วจือเหยียนที่นั่งอยู่บนโซฟา“ตายแล้วหรือไง?” ไฟในใจของเธอปะทุอีกครั้ง “แค่นั่งมองยัยนั่นตีฉันงั้นเหรอ?”“คุณเหยา” ฮั่วจือเหยียนยิ้ม “คุณเองก็สู้ได้ไม่เลวเลย จะไปเคียดแค้นกับเธอทำไม”“ฮั่วจือเหยียน!”“เอาล่ะ อย่าโกรธไปเลยน่า!” ฮั่วจือเหยียนให้สาวใช้เอาชาชั้นดีมาให้ “ดื่มชาให้สงบลงก่อนสิครับ”เหยาม่านหนิงกลอกตาแล้วมองผู้ชายตรงหน้านิ่งวันนี้เธอมาหาฮั่วจือเหยียนเพื่อขอคำอธิบายฮั่วจือเหยียนพูดอยู่เสมอว่าจะช่วยเธอกำจัดเจียงชั่นและพาฮั่วจือสิงกลับมา แต่นี่มันก็นานมากแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่กำจัดเจียงชั่นเท่านั้นแต่ตอนนี้เจียงชั่นได้ย้ายมาอยู่ที่หยางเฉิงแล้วด้วย!เหยาม่านหนิงรู้อย่างนั้นก็แทบบ้าเธอจ้องฮั่วจือเหยียนอย่างเอาเรื่อง “คุณชายฮั่ว ตระกูลเหยาข
หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงาน เจียงชั่นก็เห็นฮั่วจือสิงกำลังนั่งเล่นไพ่อยู่กับผู้เป็นแม่รูปแบบการเล่นไพ่ประเภทนี้แปลกมาก แถมยังมีกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อน มันดูเหมาะอย่างยิ่งในการทดสอบตรรกะและความอดทนของผู้เล่นแม่เคยสอนเธอให้เล่นตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอก็ไม่สามารถเรียนรู้มันได้ ทว่าก็คิดไม่ถึงที่คนทั้งสองดูสนุกกับเกมนี้เป็นอย่างมากมีเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่ในห้องนั่งเล่น ฮั่วจือสิงฉลาดพอที่จะยอมแพ้ในแต่ละเกมอย่างใจเย็น ในขณะที่หยิ่นเหวินซีเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อชัยชนะหยิ่นเหวินซีมีความสุขมาก ตอนนี้เธอเป็นแม่ยายที่ดูแลลูกเขยเป็นอย่างดี ยิ่งมองเขาเท่าไรเธอก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเท่านั้นหลังจากจบเกมฮั่วจือสิงก็กำลังสับไพ่ แต่ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นเจียงชั่นยืนอยู่ไม่ไกล เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วหัวเราะเบา ๆ “กลับมาแล้วเหรอ?”“อ้าว ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วล่ะจ๊ะ?” หยิ่นเหวินซีหัวเราะในขณะที่ถือไพ่อยู่ในมือ “จือสิงเล่นไพ่กับแม่ทั้งบ่ายเลยล่ะ แม่ว่าเขาคงเหนื่อยแล้ว ไปทำอะไรให้เขากินเหน่อยสิ”เจียงชั่น “....”“แม่คะ” เธอยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา “วันนี้หนูเหนื่อยมาทั้งวันเลยนะ”“แล้วเห็นหรือเปล่าว่าจือสิงก็
ฮั่วจือสิงตกตะลึง “คุณว่าไงนะ?”“คุณจะช่วยฉันได้ไหม?”แน่นอนว่าคนฟังกำลังกรีดร้องอยู่ในใจทว่าสีหน้าของเขายังสงบนิ่ง ก่อนจะไอแล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากให้ผมช่วยล่ะ?”“เพราะว่า...” เจียงชั่นหยุดชั่วคราว “ถ้าต้องการทำอะไรให้สำเร็จ นอกจากความพยายามของตัวเอง เราก็ควรจะใช้ทรัพยากรรอบตัวที่มีไม่ใช่เหรอคะ?”ฮั่วจือสิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนธุรกิจ อาจารย์ของเขาเคยพูดในสิ่งเดียวกัน ความสำเร็จของคนคนหนึ่งต้องใช้เวลา สถานที่ และคอนเนคชั่นที่เหมาะสมเจียงชั่นยิ้ม “คนที่ฉันอยากจะสัมภาษณ์เป็นถึงนักแสดงตัวท็อป ด้วยระดับของฉันแล้วฉันก็เกรงว่าแม้แต่ผู้จัดการของเขาก็จะดูถูกฉันก่อน มันดูเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน ทุกคนที่นี่เองก็รอดูและรอซ้ำเติมฉันเหมือนกัน”“จะมีก็แต่ซุปเปอร์แมนที่อยู่ข้าง ๆ ฉันเท่านั้นที่จะช่วยได้...”เธอเอื้อมไปบีบใบหน้าหล่อแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ถ้าซุปเปอร์แมนยอมให้ฉันยืมพลังพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขามาช่วยงานนี้ ฉันจะขอบคุณมากเลยล่ะค่ะ”“แล้วจะขอบคุณยังไง?”“คุณไม่อยากได้รองเท้าหนังสักคู่หรือไง?” เธอกะพริบตา “เดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อ
ฮั่วจือสิงอดยิ้มไม่ได้และกำลังจะตอบโต้ แต่ทันใดนั้นคนตัวเล็กรีบมากระซิบเสียก่อน“อีกสักครู่ตรงโต๊ะหลักพี่อย่าตื่นเต้นล่ะ”“มีอะไร?”“คิดว่า...” ฮั่วจือซินยิ้มอย่างซุกซน “พี่น่าจะกินข้าวไม่ลง”ฮั่วจือสิงตกตะลึง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะหลักน้องสาวตัวแสบของเขาพูดถูก...รอยยิ้มของฮั่วเหวินหยวนดูมีอำนาจ สายตาเย็นชาของเขากำลังกวาดมองทุกคนจากตรงที่นั่งหลักส่วนรองตำแหน่งเป็นที่ของเขาซึ่งข้าง ๆ กันมีเหยาม่านหนิงนั่งอยู่ข้าง ๆ “มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะจือสิง?” ฮั่วเหวินหยวนเรียก “มานั่งสิ”สีหน้าของฮั่วจือสิงเคร่งขรึม ชายหนุ่มกำหมัดแน่นแล้วเดินไปข้าง ๆ เหยาม่านหนิงคนรับใช้ดึงเก้าอี้ออกมาให้ด้วยความเคารพสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขาเรื่องราวระหว่างเขาและเจียงชั่นแพร่สะพัดออกไปทั่วตระกูลฮั่ว ทุกคนรู้ดีว่าเขาได้เจอใครบางคนเข้าในระหว่างที่พักฟื้นอยู่ในเจียงโจวแล้วทุกคนก็รู้ด้วยว่าเขามีปากเสียงกับผู้อาวุโสประจำตระกูลหลายครั้งก็เพราะเรื่องของผู้หญิงคนนั้นอย่างไรก็ตามวันนี้ฮั่วเหวินหยวนได้ชวนเหยาม่านหนิงมาด้วยจริง ๆนี่ไม่ใช่การประกาศต่อสาธารณะใช่ไหมว่าเหยาม่านหนิงคือหลานสะใภ้เพียงคนเดียวขอ
อยู่ ๆ บรรยากาศก็ชวนอึดอัดขึ้นมาทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่จานอาหารตรงหน้า ไม่มีใครขยับตะเกียบอีก ทุกคนต่างก็กำลังจับตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปแน่นอนว่าสีหน้าของฮั่วเหวินหยวนในตอนนี้ดูจะเคร่งเครียดมากที่สุด เขามองฮั่วจ่านเฮ่อด้วยความเคร่งขรึมฮั่วจือสิงยิ้มอย่างเย็นชาในความเข้าใจของผู้อาวุโสฮั่ว ฮั่วจือสิงเป็นอันดับสองของตระกูลหากนับจากคนในตระกูลทั้งหมด และไม่มีใครกล้าที่จะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้ ฮั่วเหวินหยวนเกลียดความจริงที่ว่าสมาชิกในตระกูลจะไปมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนข้างนอก และฮั่วจ่านเฮ่อเองก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อบอกให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ตระกูลฮั่วมากขึ้น นั่นทำให้ฮั่วเหวินหยวนไม่พอใจฮั่วจือสิงมองเขาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ในรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยเลศนัยบางอย่างสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้คือวิธีหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง“ฮั่ว..ฮั่ว..ฮั่วจือสิง!” ฮั่วจ่านเฮ่อเอ่ยติดอ่างด้วยความโกรธ “พูดเรื่องไร้สาระอะไรต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้?”“อย่าเชื่อเขาเลยนะครับพ่อ..เขาคงไม่พอใจแล้วมาระบายความโกรธลงที่ผม”“พูดแบบนี้ลุงสองกำลังใส่ร้ายผม” ฮั่วจือสิงเอ่ยอย่างไม่เร่งรีบ “ปู่สอนผมเองว่าให้เคารพผู้ท
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั