เฮอะ คนที่โทรศัพท์เข้ามาเรียก "คุณเจียง" ทุกคำ แต่ว่าคุณเจียงของตระกูลนี้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือเธอเจียงเหยา! ยังไงซะก็เป็นถึงคุณชายของตระกูลฮั่ว ไม่ว่าจะเป็นคุณชายใหญ่หรือว่าท่านสามฮั่ว หากว่าสามารถแต่งเข้าตระกูลฮั่วได้ ก็สามารถเป็นที่เชิดหน้าชูตาไปทั่วทั้งเจียงโจวกระทั่งไปจนถึงหยางเฉิง! เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็เผยท่าทีที่ดูดุร้ายแต่ได้ใจออกมา "ป้าโจว!" "คุณหนูใหญ่..." ป้าโจวรีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ในตอนแรกหัวใจเธอก็เต้นแรง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเจียงเหยางดูเหมือนจะอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย "คุณหนูใหญ่มีอะไรจะสั่งเหรอค่ะ?" "โทรศัพท์กลับไป" เจียงเหยาเชิ่ดคางขึ้น "บอกคนทางด้านนั้นว่า ฉันสามารถให้ดีไซน์เนอร์เข้ามาวัดตัวฉันได้ตลอดเวลา!" "ยังมี โทรศัพท์ไปหาเจียงชั่น!" เธอเย้ยหยันออกมา "รอจนเมื่อดีไซน์เนอร์ทำชุดวันนั้นให้กับฉัน ฉันจะให้คนชั้นต่ำนั่นได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าฉันถูกคนตระกูลฮั่วรับตัวไป!" ... เจียงชั่นมาถึงประตูคฤหาสน์ตระกูลเจียงตามที่นัดเอาไว้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นนาน ไม่อยากกดกริ่งประตู เพราะไม่ต้องการจะเดินเข้าไปในบ้านที่แต่เดิมก็ไม่ใช่ขอ
เจียงเหยาชะงักฝีเท้าทันที หันกลับไปจ้องมองเธอ“ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ฉันไม่ได้รู้จักฮั่วจือเหยียนคนนี้เลย” เจียงชั่นพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร จะมีอำนาจแบบไหน ของพวกนี้ไม่ได้เขี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย”“ฉันมีสามีแล้ว และฉันก็รักเขามาก จุดประสงค์ในชีวิตของฉันไม่ใช่แต่งงานกับครอบครัวร่ำรวย!”เจียงเหยาขมวดคิ้ว สงสัยในความจริงจากคำพูดของเธอมากบนโลกใบนี้ยังมีคนที่ไม่ชอบความมั่งคั่งอยู่อีกเหรอ?อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสายตาที่สงบนิ่งของเจียงชั่น จู่ ๆ หัวใจของเธอก็มีความไม่พอใจอยู่หลายส่วน“เฮอะ พูดซะน่าฟัง!” เจียงเหยายังพูดออกมาอย่างรุนแรง “เธอไม่ได้กินองุ่นแล้วจะพูดว่าองุ่นเปรี้ยวได้เหรอ!”เจียงชั่นยิ้มออกมาเมื่อครู่นี้ที่เจียงเหยาเสียดสีว่าเธอไม่รู้จักแบรนด์เนมระดับโลก บอกว่าสีซอให้ควายฟังแต่ในตอนนี้เธอเองก็รู้สึกว่ากำลังสีซอให้ควายฟังคำจำกัดความของความสุขแตกต่างกันออกไป มุมมองแตกต่างกัน แน่นอนว่าต้องพูดไม่เหมือนกัน“แล้วแต่เธอจะคิด ฉันไม่สนใจ” เจียงชั่นยิ้มออกมาจาง ๆ หันหลังให้เธออย่างไม่แยแสเจียงเหยาโมโหเสียจนต้องกระทืบเท้าออกมาเดิมทีคิดอยากเห็นท่าทีโม
"ฉันเพียงแต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้" เจียงชั่นยิ้มให้กับเธอ "เธอชื่อฮั่วจือซิน ส่วนเขาชื่อฮั่วจือเหยียน อีกทั้งยังมาจากหยางเฉิงเหมือนกัน ฉันก็เลยเดาว่าพวกเธออาจจะเกี่ยวข้องกัน" "พี่ทายถูกแล้ว" ฮั่วจือซินพูดออกมาเบา ๆ "ฮั่วจือเหยียนเป็นพี่ใหญ่ของฉัน" "เขาเป็นลูกของลุงรอง และก็เป็นหลานชายคนโตของตระกูล" "พี่สาว เขาเป็นคนนิสัยแย่ พี่อย่าได้ไปเกี่ยวข้องกับเขาเด็ดขาด!" เจียงชั่นตะลึงไป ก่อนจะยิ้มออกมาต่อ เธอไม่มีทางเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนอื่นนอกจากสามีของเธอ! "พี่สาว" ฮั่วจือซินมองยังเขา "อันที่จริงแล้ว...ฉันยังมีพี่ชายแท้ ๆ คนหนึ่ง" "อ๋อ" เจียงชั่นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา "เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฉัน!" ฮั่วจือเลียริมฝีปาก ยิ้มแล้วพูดออกมา"เขาชื่อฮั่วจือสิง พี่ว่าชื่อนี้ดีไหม?" "ฮั่วจือสิง?" เจียงชั่นปลอบให้เธอมีความสุข "ชื่อนี้น่าฟัง น่าฟังกว่าฮั่วจือเหยียนนั่นมาก!" "จริงไหม?" "อืม จริงสิ" ฮั่วจือซินแอบกดโทรศัพท์ แล้วกดบันทึกเสียงเอาไว้ "พี่สาว พี่พูดใหม่อีกรอบสิ!" "พูดอะไร?" "พี่บอกว่าชื่อของฮั่วจือสิงน่าฟังกว่าฮั่วจือเหยียน!" เจียงชั่นหัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา ก่อนจะ
“นายน้อย..” ฟางฮั่นลังเลฮั่วจือสิงมองเขาก่อนจะกระซิบ “มีอะไร?”ลูกน้องหนุ่มเม้มปากเบา ๆ “ผมรู้ว่านายน้อยได้วางแผนในอนาคตไว้ให้คุณเจียง แต่ตามกฎหมายแล้ว ตอนนี้...เธอเป็นภรรยาของกู้หม่าง”“นายน้อย ถ้าหากว่าได้มอบทรัพย์สินมากมายและบริษัทให้กับคุณเจียง มันจะไม่ได้หมายความว่านายน้อยมอบให้กู้หม่างด้วยครึ่งหนึ่งเหรอครับ?”ฮั่วจือสิงยิ้มอย่างมั่นใจเขาเองก็ได้คิดหาทางออกให้กับปัญหานี้แล้ว และขอให้เย่เชินช่วยดูเรื่องกฎหมายอีกแรงสถานะทางการเงินของเธอกับเขายังไม่ได้มีการผูกมัดกันแม้ว่าจะเป็นคู่รักกันก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดสำหรับฮั่วจือสิงคือการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นของเจียงชั่นเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น“ไม่ต้องกังวล” เขามองฟางฮั่น “กู้หม่างจะไม่ได้อะไรไปจากฉัน”“กลับไปที่เจียงโจวครั้งนี้ ฉันตั้งใจจะอธิบายทุกอย่างให้เจียงชั่นได้รู้ เธอเป็นคนฉลาดและรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ฉันเชื่อ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงคนนี้จะพร้อมเผชิญไปกับฉัน”ฟางฮั่นพยักหน้า ทว่ามีความไม่สบายใจอยู่ลึก ๆแต่เมื่อเห็นว่าฮั่วจือสิงมั่นใจและพอใจในสิ่งที่คิด เขาก็ไ
ฮั่วเหวินหยวนมองดูหลานชายด้วยความใจเย็น ก่อนจะเทชาร้อนลงไปในถ้วยเล็กฮั่วจือสิงเดินไปที่หน้าต่างบานสูง ในขณะที่หันหลังให้ผู้เป็นปู่ “โทรหาฉันมีเรื่องอะไร?”“ไม่มีอะไรพิเศษ ก็แค่...”ฮั่วจือเหยียนจงใจหยุดกลางประโยคมีเพียงการเยาะเย้ยที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์“เอาล่ะ ไว้เราคุยกันทีหลัง” ฮั่วจือสิงยิ้มเยาะ “ปู่อยู่ตรงนี้คงคุยไม่สะดวก”“ดี งั้นก็ประจบประแจงคุณปู่บ้างสิ”“พูดจาประจบประแจง...ฮั่วจือสิง ผู้หญิงของนายก็คงเก่งเรื่องนี้มากสินะ..”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าที่ตึงเครียดขึ้นมา ก่อนจะมีบรรยากาศเย็นยะเยือกรอบกายฮั่วจือเหยียนยิ้มร้ายกาจ “ฉันว่าผู้หญิงของนาย เธอกลิ่นหอมเย้ายวนดี แถมผิวก็เนียนเอามาก ๆ”“ฮั่วจือเหยียน!”“นี่น้องชาย แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่พาคุณเจียงผู้แสนดีกลับมาก่อนล่ะ ฮ่า ฮ่า”ในขณะที่พูดปลายสายก็ตัดขาดไป ก่อนที่จะมีข้อความส่งมาในโทรศัพท์ภาพถ่ายไม่คมชัดมากนักและไม่ชัดเจน ทว่าก็ปรากฎร่างบางที่กำลังนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่เพียงลำพังฮั่วจือสิงรู้สึกว่าหูดับไปชัวขณะ ก่อนจะกำโทรศัพท์แน่นมาก ราวกับจะทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในต
ทั้งคู่ต่างก็เป็นหลานชายแท้ ๆ ของเขา แม้จะชื่นชอบฮั่วจือสิงมากกว่า แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับฮั่วจือเหยียนว่าแล้วไม้เท้าหัวมังกรก็ถูกกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง“ฮั่วจือเหยียน ประสบการณ์น้อยแล้วยังขยันแต่จะสร้างปัญหา เขาต้องมีสมองมากกว่านี้สิ!” ชายชราเอ่ยด้วยความโกรธ“บอกพ่อของเขาให้มาหาฉันเดี๋ยวนี้! ให้อบรมลูกชายของเขาให้ดี!”“ผู้หญิงที่จือเหยียนจับตัวมาคือเจียงชั่นจริง ๆ หรือเปล่า?”“คุณท่าน...” พ่อบ้านเฉินลังเล “ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นคุณเจียงจากเจียงโจวจริง ๆ ก็ได้ แต่ได้ยินมาว่าในตระกูลเจียงมีลูกสาวอยู่สองคน ผมก็เลยไม่มั่นใจว่าจะใช่เธอจริง ๆ ไหม...”ฮั่วเหวินหยวนหรี่ตาลงด้วยแววเจ้าเล่ห์จ้องไปที่อีกฝ่ายถ้าเป็นอย่างนั้นนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ฮั่วจือสิงเลิกกับผู้หญิงคนนั้นเขาเข้าใจหลานชายของตัวเองดี ฮั่วจือสิงขี้หวงของของเขามาก ชายหนุ่มอาจจะโกรธอยู่ครู่หนึ่งเวลาที่มีคนมาแตะต้องของของตัวเอง แต่เมื่อสงบลง เขาจะเริ่มเหินห่างไปจากเธอ...ฮั่วเหวินหยวนเข้าใจ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อย“คุณท่าน เราจะหาคนมาคอยจับตาดูนายน้อยให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัยและไม่ใ
“ฮั่วจือสิง!”เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปแบบนั้น ฮั่วจือเหยียนก็เบิกตากว้างรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก“นี่พี่ชาย” ฮั่วจือสิงหยุดแล้วเอียงศรีษะเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ปู่เคยบอกเอาไว้ว่าควรมองให้กว้างแล้วอย่าไปใส่ใจกับเรื่องผู้หญิงกับพี่น่ะ”“ก็เลยคิดว่าท่านพูดถูก ดังนั้น...”เขามองฮั่วจือเหยียนอย่างเย็นชา “ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีก็แล้วกันนะ”ฮั่วจือเหยียนตกตะลึงทำไมกัน เมื่อกี้นี้เขายังต่อสู้กับเขาอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ใช่หรือไง? เขาเกือบจะถูกฮั่วจือสิงบีบคอจนตายแท้ ๆ?ฮั่วจือเหยียนรีบหันไปหยิบปืนลูกซองในขณะที่กำลังบรรจุกระสุน ฮั่วจือสิงก็รีบหันกลับมาแล้วใช้ปืนพกจี้ศีรษะอีกฝ่ายทันที“พี่ชาย” เขายิ้มเย็นชา “เคยบอกพี่กับลุงไปแล้วนี่ว่าอย่าลอบกัดกันข้างหลัง ไม่งั้นจุดจบจะเลวร้ายมากขนาดไหน ยังไม่ลืมใช่ไหม?”ใบหน้าของฮั่วจือเหยียนซีดลง ก่อนจะยอมวางปืนลูกซองลงฮั่วจือสิงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาดูถูก แต่ก่อนที่จะก้าวออกไปจากประตูก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากทางด้านหลัง“กู้หม่าง!”เจียงเหยาวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความสิ้นหวัง ทว่าเท้ากลับไปสะดุดกับผ้าปูที่นอนจนล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง เธอเพิกเฉยต่อ
ฟางฮั่นตกตะลึง เพราะวันนี้เขาจะต้องไปหาคณะกรรมการเพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปบริษัท ฮั่วจือสิงจะกลับไปที่เจียงโจวในช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ได้ยังไง“นายน้อยกำลังกังวลเรื่องคุณเจียงใช่ไหมครับ?” ฟางฮั่นเอ่น “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้คนของผมกำลังจับตาดูเธออยู่ คุณเจียงยังคงปลอดภัยดีครับ”“แล้วทำไมเธอถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน!” ฮั่วจือสิงอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมาด้วยความกังวลฟางฮั่นเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงจริง ๆ แล้วการที่หญิงสาวไม่รับสายก็น่าจะมีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะโทรศัพท์แบตหมด ไม่ได้ยิน หรือแม้แต่ไม่มีสัญญาณก็เป็นไปได้...อีกอย่างต้องรับสายทันทีกลางดึกแบบนี้ เจียงชั่นจะไม่หลับไม่นอนเลยหรืออย่างไร? นายน้อยของเขาเองก็เช่นกัน...ฮั่วจือสิงอดไม่ได้ก่อนจะรีบไปหยิบกุญแจรถแล้ววิ่งออกไปทว่าจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสายด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย“ที่รัก...”“ฉันขอโทษค่ะ” น้ำเสียงของเจียงชั่นราวกับเสียงของคนที่เพิ่งตื่นนอน “เมื่อตอนเย็นฉันไปทานข้าวกับเพื่อนแล้วเราก็ดื่มเบียร์กัน...”“คุณก็รู้นี่คะว่าเวลาที่ฉันดื่มมากไปฉันมักจะหลับ พอถึงบ้านฉันก็สลบไ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั