ชายหนุ่มทั้งสองตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่!”แน่นอนว่าแม้จะคัดค้านมันก็ไม่ได้ผลเพราะสุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าการขัดคอผู้เป็นภรรยาจะมีผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าการที่ต้องนอนห้องเดียวกับผู้ชายด้วยกันในตอนเย็นเมื่อลู่หลี่ซานกลับมาถึงที่โรงแรมพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่ที่กลางห้องเท่านั้นหัวใจของเขาก็อยากจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ตรงกันข้ามฮั่วจือสิงกลับมีท่าทีที่สงบมากกว่า เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปหยิบไวน์แดงจากตู้มาเติมน้ำแข็งแล้วดื่มช้า ๆ“ฮั่วจือสิงเราต้องร่วมมือกัน” ลู่หลี่ซานกัดฟัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วยกันอีก ได้ยินไหม!”ลู่หลี่ซานนอนลงบนเตียงด้วยความโกรธ ได้แต่หวังว่าจะไม่โกรธจนทำร้ายเตียงให้เสียหายได้ฮั่วจือสิงกลับดูเฉยเมย พลางยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปนอนหน้าต่าง ก่อนจะมีแววตาที่เคร่งขรึมลงตระกูลหยินในหนานหยางหยินรั่วหงและโรงงานผลิตยาสิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ในใจของเขาตลอดชายหนุ่มรู้ดีว่าฮั่วจ่านเฮ่อต้องการทำร้ายเขา แต่ทำไมหยินรั่วหงถึงเข้ามาเกี่ยวด้วย?เงินประกันหลายร้อยล้านบาทน่ะเ
“ชั่นชั่น” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเธอ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป..ผมต้องไปฝึกซ้อม”เจียงชั่นสะดุ้ง “มีแข่งอีกงั้นเหรอคะ?”“ใช่” เขาตอบอย่างคลุมเครือ “คราวนี้ผมอาจจะไปสักสองสามวัน”ได้ยินอย่างนั้นเธอก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อยแต่เพราะเป็นอาชีพที่เขารัก เธอจึงสนับสนุนเต็มที่ฮั่วจือสิงจึงเข้าไปโอบเอวบางแล้วซุกใบหน้าลงที่ลำคอระหง ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย“คุณจำท่าที่ผมเพิ่งสอนไปได้ใช่ไหม?”เจียงชั่นกลอกตา “จำได้สิคะ”เขาจึงยิ้มอย่างร้ายกาจ “จำได้แค่ไหน?”เจียงชั่นจึงทำท่าทางง่าย ๆ “ก็ถ้ามีใครมาโจมตีฉันจากทางด้านหน้าแบบนี้...หรือถ้ามีคนโจมตีจากทางด้านหลัง...”เมื่อเธอสัมผัสข้อมือของฮั่วจือสิง เขาก็กอดเธอแน่นทันทีชายหนุ่มแข็งแกร่งมากจนเธอไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการมาได้ ใบหน้าสวยจึงแดงก่ำ“ที่รัก...”“ว๊าย!”ทันใดนั้นฮั่วจือสิงก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเข้าไปที่เตียงใหญ่ในห้องนอนทันทีโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆก่อนที่จะกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เจียงชั่นก็ยกมือขึ้นต่อยที่หน้าอกแกร่งทันที พลางจ้องคนตรงหน้าอย่างดุเดือด“เมื่อกี้ทำได้ดี” ฮั่วจือสิงลดเสียงลง “ตอนนี้...”ก่อนจะคว้
แววตาของฮั่วจือสิงลึกล้ำลง ในขณะที่แผ่นหลังกว้างแข็งทื่อขึ้นมา ทว่าชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบบรรยากาศภายในห้องดูเย็นยะเยือก แววตาของฮั่วเหวินหยวนจับจ้องเขาอย่างไม่วางตาก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง “เจียงชั่น..เป็นใคร?”“เป็นภรรยาของผม”ว่าแล้วฮั่วเหวินหยวนก็ยกมือขึ้นมาปัดชุดน้ำชาบนโต๊ะอย่างแรงจนของทั้งหมดหล่นลงจากโต๊ะเสียงดังฮั่วจือสิงกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดที่หลังมือฮั่วเหวินหยวนจึงเอ่ยอย่างเฉียบขาด “แต่งงานเมื่อไหร่ แกได้ผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?!”“ถ้าหากว่าฉันไม่ให้คนไปสืบ แกก็คงคิดที่จะแบ่งสมบัติของตระกูลฮั่วออกไปกว่าครึ่งใช่ไหม?”แม่บ้านและคนรับใช้ที่อยู่หน้าประตูต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเมื่อได้ยินเสียงจากข้างในแม้แต่ฟางฮั่นเองก็ยังคงยืนตะลึงฮั่วเหวินหยวนผู้ที่สงบและใจเย็นมาโดยตลอด เขาไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อนวันนี้ทั้งปู่หลานต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ต้องพูดถึงว่าเสียงที่ได้ยินจะทำให้คนฟังต้องกลัวจนตัวสั่นขนาดไหน“แกต้องการที่จะมอบทรัพย์ ไม่สิ เงินทุนครึ่งหนึ่งในชื่อของแก รวมถึงทรัพย์สินและเงินสดในต่างประเทศให้กับผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ?”“จือสิง” ฮั่วเหวินหยวนเอ่ยอย่า
“ที่หยางเฉิงกว้างขวางมากพอสำหรับเธอ” ฮั่วเหวินหยวนถือไม้ค้ำหัวมังกร “หาที่ให้เธอได้ปักหลักอยู่ที่นี่แล้วแต่งงานซะ แกไปเยี่ยมเธอได้บ้างในทุก ๆ เดือน”“ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นประพฤติตัวดีและไม่ก่อปัญหา แกก็สามารถเก็บเธอไว้ข้าง ๆ ได้”ฮั่วจือสิงตกใจและยิ้มอย่างเย็นชา “ปู่อยากให้เธอมาเป็นภรรยาลับผมงั้นเหรอ?”“ผู้หญิงแบบนั้น แม้จะเป็นคนนอกแต่ก็สามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้”หัวใจของฮั่วจือสิงสั่นไหว“ไม่ได้” เขาเอ่ยเสียงเครียด “ผมจะไม่ยอมให้เธอต้องมาทนทุกข์กับความไม่ยุติธรรมแบบนั้น”“แล้วแกจะทำอะไร? แต่งงานกับเธอเหรอ?” ฮั่วเหวินหยวนพูดเสียงเคร่งขรึม “ฉันว่าแกกำลังหมกมุ่นเกินไปแล้ว!”ชายชราเริ่มหายใจไม่ออก เขาใช้มือกุมที่หน้าอกแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง“เลิกกับเธอซะจือสิง! ถึงแกจะไม่อยากแต่งงานกับเหยาม่านหนิง แต่แกก็ยังเลือกผู้หญิงจากตระกูลใหญ่อื่น ๆ ได้”“ผมบอกไปแล้วว่าในชีวิตนี้ผมไม่ต้องการใครอีกนอกจากเจียงชั่น!”“แกไม่ต้องการใครนอกจากเธองั้นเหรอ?” ฮั่วเหวินหยวนเปล่งเสียงดังแล้วมองหลานอย่างเย็นชา “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอต้องหายไปจากโลกใบนี้ซะ”ฮั่วจือสิงรู้สึกว่าได้ยินเสียงอื้ออ
ฮั่วจือสิงหยุด แผ่นหลังกว้างแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาอย่างชัดเจนชายหนุ่มหันกลับมาจ้องมองเหยาม่านหนิงก่อนจะเม้มปากเล็กน้อย เผยให้เห็นการเย้ยหยัน“การแต่งงาน?”“เราหมั้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”หัวใจของเหยาม่านหนิงเต้นรัว ดวงตากลมเบิกกว้าง“มันขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณกับผม แต่น่าเสียดายที่ผมไม่คิดว่าเราสองคนจะมีความต้องการเรื่องนี้ที่ตรงกัน”“จือสิง คุณ...”“ต่อจากนี้ไปควรจะเรียกผมว่าคุณฮั่ว” ฮั่วจือสิงยิ้มเยาะ “เราไม่ได้คุ้นเคยจนถึงขั้นเรียกชื่อได้ขนาดนั้น”หลังพูดไปแบบนั้นร่างสูงก็หันกลับมาแล้วเดินทิ้งให้เธอยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังแล้วร่างสูงก็ค่อย ๆ จางหายไปจากสายตาเหยาม่านหนิงกัดฟันแล้วกำชายกระโปรงของตัวเองแน่น รู้สึกถึงหินก้อนใหญ่ที่ปิดกั้นเธอไว้จากหัวใจของเขาเธอหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือซึ่งสีหน้าของฮั่วเหวินหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลยเหยาม่านหนิงมองชุดน้ำชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้นบอกชัดเจนว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างปู่หลานเป็นแน่ในสถานการณ์แบบนี้ เหยาม่านหนิงเองก็ไม่ต้องการสร้างปัญหา จึงเอ่ยอย่างสุภาพแล้วจะจากไ
อีกด้านหนึ่งของปลายสายที่เงียบลงครู่หนึ่งเสียงอันนุ่มนวลและอ่อนหวานของหญิงสาวก็ดังขึ้น“ฉันก็รักคุณอยู่แล้วนี่คะ”หัวใจของเจียงชั่นเต้นรัว ก่อนที่แก้มใสจะเริ่มร้อนผ่าว จากนั้นเธอก็รีบวางสายไปหญิงสาวถือโทรศัพท์ค้างไว้ด้วยความเขินอายอยู่พักใหญ่หลังจากที่แต่งงานกันมาดูเหมือนว่าคนทั้งคู่จะไม่ได้พูดคำว่ารักอย่างเป็นทางการเลยเจียงชั่นยืดตัวขึ้น รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนปุยเมฆ ความฝันในคืนนี้คงจะมีเขามาปรากฎตัวอยู่ด้วยแน่นอนหลังจากที่ฮั่วจือสิงวางสาย เขาที่กำลังจะขอให้ฟางฮั่นขับรถไปส่งก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง“ผู้หญิงคนนั้นนามสกุลเจียง?”หัวใจของเขารัดแน่น ก่อนจะหันกลับไปมองอย่างเย็นชา“ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก?”“จือสิง...” เหยาม่านหนิงหยุดชั่วคราวก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามที่เรียก “คุณชายสาม ทำแบบนี้กับคุณเจียงต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่วิธีที่ดีไม่ใช่เหรอคะ?”สีหน้าของฮั่วจือสิงเคร่งขรึม “เป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอ ไม่เกี่ยวกับคุณ”“แต่เรื่องของคุณล้วนแต่เกี่ยวข้องกับตระกูลฮั่ว”“คุณไม่ใช่คนตระกูลฮั่ว มีอะไรให้ต้องกังวล?”ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยความหึงหวงล
“เป็นอะไรไปคะคุณหนู” คนรับใช้ของตระกูลเหยาเห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามาปลอบเธอทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเหยาม่านหนิงคนรับใช้ก็ต่างคาดเดาได้ ก่อนจะนำเสื้อคลุมมาให้“ไม่ต้องกังวลไปนะคะคุณหนู ตราบใดที่คุณท่านยังไม่อนุญาต คุณชายฮั่วจะไม่กล้าพาผู้หญิงคนไหนกลับมา...”“แล้วฉันล่ะ?”“คุณหนู ผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่มีอะไร เดี๋ยวเราหาคนไปตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ ดีไหมคะ?”เหยาม่านหนิงนึกถึงสีหน้าที่น่ากลัวเมื่อครู่ของฮั่วจือสิง เธอก็นึกลังเล“คุณหนู คุณชายบอกแค่ว่าไม่ให้เข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่ได้บอกนี่ว่าเราจะไปสืบเรื่องราวของเธอคนนั้นไม่ได้”เหยาม่านหนิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เธอจะต้องรู้จักศัตรูของตัวเองให้เป็นอย่างดีพอถึงตอนนั้นถึงจะสามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาด.....เจียงโจวเจียงชั่นพาแม่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอจึงค่อนข้างที่จะยุ่งและไม่มีเวลาส่วนหยินเฉิงก็มีหน้าที่จัดสิ่งของต่าง ๆ ในห้องนอนให้เหมาะสมทว่าเมื่อเห็นกล่องที่วางไว้ตรงมุมห้อง เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วมองสิ่งนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นข้างในนั้นมีอะไร?หยินเฉิงตะลึงเมื่อเจียงชั่นเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม “จัดทุกอย่าง
เจียงชั่นมองผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย แต่ก็ทำตามที่บอก เธอปิดประตูลงอย่างแน่นหนาหยิ่นเหวินซีนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและเศร้าหมอง“แม่...” เจียงชั่นนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าของเธอ“ชั่นชั่น” เมื่อได้สติอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ค่อย ๆ มองไปที่กล่องเล็ก ๆ มุมห้อง “ไปเอานั่นมาสิจ๊ะ”เจียงชั่นตะลึง หัวใจเต้นรัวรู้สึกไม่สบายใจทว่าเธอก็ทำตามที่แม่บอก ร่างบางเดินไปหยิบกล่องไม้ขนาดกลาง ๆ ขึ้นมาด้วยมือเดียว พื้นผิวของกล่องถูกสลักไปด้วยลวดลายสีเข้มอันงดงามดูพิเศษมากเจียงชั่นเคยสงสัยเกี่ยวกับกล่องนี้มาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ทว่าหยิ่นเหวินซีไม่อนุญาตให้เคลื่อนย้ายมัน ดังนั้นจึงต้องเก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดกับกล่องใบนี้มีกุญแจสีแดงอยู่บนตัวกล่อง ในสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้เลยกับความย้อนยุคแบบนี้“ชั่นชั่น” หยิ่นเหวินซีพูดเสียงเศร้า “แม่ไม่ใช่แม่ที่ดีนักแล้วก็ทำร้ายลูกมาตลอด แม้ว่าลูกจะแต่งงานแล้วแต่แม่ก็ยังไม่สามารถมาเห็นด้วยตาของตัวเองได้”“ลูกเอากล่องใบนี้กลับไปด้วย และดูแลมันให้เหมือนกับของขวัญที่แม่อยากจะให้ในวันแต่งงานนะ”
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั