เจียงชั่นไม่วางใจให้หลินอวี่ฉิงอยู่โรงพยาบาลเพียงคนเดียว ในตอนที่เข้าไปเยี่ยมนั้น ก็มองเห็นหลินอวี่ฉิงกำลังป้อนอาหารให้กับลู่หลีซานเข้าพอดี หลินอวี่ฉิงที่ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องคนอื่นหรือเรื่องต่าง ๆ นั้น ป้อนซุปให้เขาก็ยังเป่าอย่างระมัดระวังอยู่หลายครั้งเพราะกลัวว่าจะลวกลู่หลีซานเข้า ส่วนบนเตียงนั้นชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีแรงในการดูแลตัวเอง ใครจะไปคิดว่าก่อนหน้านั้นสองวันเขายังออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูร่างกายตัวเองอย่างหนักอยู่เลย? เจียงชั่นยิ้มออกมาและคิดถึงคนของตัวเอง คนที่ชอบทำหน้าดำเคร่งให้กับคนอื่น ทั่วทั้งตัวเขียนคำว่า "สิ่งมีชีวิตห้ามเข้าใกล้" สี่ห้าคำนี้อยู่ แต่เมื่อเห็นเธอก็เกาะหนึบติดตัวไม่ว่าจะไล่ยังไงก็ไล่ไม่ไป มองเห็นภรรยาตัวเล็กอยู่เสมอและแม้แต่นกกางเขนบนต้นไม้ก็เรียกเขาไปไม่ได้ "คุณมาแล้วเหรอ" ในตอนนี้จู่ ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เจียงชั่นหันกลับไปมอง ก็พบว่าเสิ่นเซียวเดินตรงมาทางด้านนี้ เขาเหลือบมองไปทางห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทีมืดมนเพียงครู่ ทว่าไม่นานรอยยิ้มอ่อนโยนก็กลับมาบนใบหน้าเขา "คุณลู่ฟื้นฟูได้ไม่เลวเลย" เขาพูดออกมาเสียงเบา "สองวัน
เจียงชั่นยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น "คุณหยิบทะเบียนสมรสมาทำไม!" ลำคอของฮั่วจือสิงตึงเขม็ง มุมปากแห้งผาก ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายออกมาว่าอย่างไรดี เขาอาศัยช่วงที่เจียงชั่นไม่อยู่บ้าน ค้นหาทะเบียนสมรส ชื่อบนนั้นเป็นกู้หม่างจริง ๆ...ในตอนเจียงชั่นแต่งงานแทนเจียงเหยา ตระกูลเจียงตามหาความสัมพันธ์ เขาก็ใช้บัตรประจำตัวของกู้หม่างมาจดทะเบียน หากว่าในตอนนั้นเขารู้ว่าตัวเองจะเกิดปัญหาขึ้นกับเจียงชั่น ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ต้องไปจดทะเบียนด้วยตัวเอง เย่เชินบอกเขาว่าตอนนี้คิดจะเปลี่ยนข้อมูลก็ยังทันเวลาอยู่ เพียงแต่อาจจะเสียเวลาไปเสียหน่อย อย่างไรก็ตามฮั่วจือสิงเพิ่งคิดที่จะเอาทะเบียนสมรสไป ก็ถูกเจียงชั่นพบเข้า "สามี ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่?" เมื่อเห็นว่าเขานิ่งอึ้งไป ในใจของเจียงชั่นก็รู้สึกไม่สงบ "คุณ...คุณถึงรื้อบ้านเสียยุ่งเหยิงขนาดนี้ ก็เพียงเพื่อหาทะเบียนสมรสเหรอ? คุณจะเอาทะเบียนสมรสไปทำไม?" ฮั่วจือสิงฝืนมือจับปากเอาไว้ นิ่งเงียบอยู่นานถึงได้พูดออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ "ผมเพียงแค่หาดูก็เท่านั้น" "แล้วนี่มีอะไรให้น่าดูกัน?" เจียงชั่นเบิกตากว้าง ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี ดึงสมุดเ
"เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น!" เธอลูบไปที่หน้าท้องแล้วยิ้มให้เขา เหมือนมีพลังของความอ่อนโยนแล้วแน่วแน่บางอย่าง "หากว่ามีลูกเข้าจริง จะต้องวางแผนเอาไว้เพื่อลูก ทว่าประกันนี้ฉันอยากจะซื้อให้คุณ..." เธอกุมมือเขาเอาไว้ ทั้งหัวใจและดวงตาล้วนแต่เต็มไปด้วยเขา "สามี...ฉันเพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมากจริง ๆ สองวันมานี้ฉันดูเอกสารมามาก ฉันกลัวว่าหากเกิดแบบในโพสต์นั้น ไปเจออุบัติเหตุอะไรเข้า ถ้าอย่างนั้นฉันก็..." "คุณพูดไร้สาระอะไร!" สีหน้าของฮั่วจือสิงดูเคร่งขรึม จ้องมองเธอด้วยความตึงเครียดอย่างยิ่ง "ห้ามคิดอะไรไร้สาระ คุณไม่มีทางเป็นอะไร!" "คุณอย่าเพิ่งตื่นเต้นไป!" เจียงชั่นพิงเข้ากับไหล่ของเขา "ฉันเพียงแต่บอกว่าหากว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คุณจะต้องจำไว้ว่าจะต้องเอาเงินพวกนี้ออกมา" "ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น! ไม่มีทางมีคำว่าหากว่า!" ฮั่วจือสิงอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา ใบหน้าเคร่งขรึมน่าหวาดกลัวแม้แต่เจียงชั่นก็ยังตกใจเข้า เจียงชั่นจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง หัวใจเต้นแรง การกระทำเขาคมชัดเฉียบขาด เพียงไม่กี่ครั้งก็ฉีกกรมธรรม์ประกันภัยสองฉบับนั้นจนกลายเป็นชิ้น ๆ โลกนี้ดูร
“เจียงชั่น ร่างกายของคุณค่อนข้างอ่อนแอ อันที่จริงแล้วครั้งนี้เป็นเหมือนการตั้งครรภ์ลวงแบบยากที่จะพบได้ แต่ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก บำรุงให้ดีๆ คุณยังสามารถตั้งครรภ์ได้อีก" "อีกเรื่องหนึ่งคือ..." เสิ่นเซียวนำรายงานผลตรวจฉบับหนึ่งออกมา บนนั้นเขียนชื่อของ เจียงหมิงหยวน "เรื่องนี้ผมของต้องขอโทษคุณก่อน ประธานเจียงเคยมาทำการตรวจที่ผม ส่วนลูกน้องของผมนำนักศึกษาแพทย์หลายคน พวกเขากำลังศึกษากันอยู่เลยนำตัวอย่างเลือดส่วนหนึ่งมาทำการทดลองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ตัวอย่างเลือดในนี้รวมไปถึงของคุณและประธานเจียง" "นี่ถือเป็นการละเมิดกฏของโรงพยาบาลอย่างร้ายแรง พวกเขาทั้งหลายจะถูกลงโทษ" "แต่เมื่ออ่านรายงานที่พวกเขาทดลองออกมาแล้ว ผลก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนว่า...คุณและเจียงหมิงหยวนไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน!" หูของเจียงชั่นเกิดเสียงดังวึ่งขึ้น สมองขาวโพลน ... ฮั่วจือสิงวิ่งขึ้นบันไดมาครั้งละสามขั้น มองหาร่างบางมีเสน่ห์ท่ามกลางกลุ่มคนอย่างร้อนรน อย่างไรก็ตามเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเสิ่นเซียวเดินออกมาจากห้องทำงาน "ชั่นชั่นล่ะ?" "ฉันให้นางพยาบาลพาเธอไปพักผ่อน" "ตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไ
แต่ว่าเรื่องนี้ เจียงหมิงหยวนจะไม่รู้เรื่องจริงเหรอ? ทำไมตั้งแต่ก่อนหน้านั้นที่หยางจวนด่าเธอนั้น จะมีบางครั้งบางคราวที่มีคำว่า "แพศยา" จำพวกนี้อยู่? ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วแพศยานั้นอาจจะไม่ใช่คำพูดส่ง ๆ ในตอนที่หยางจวนโมโหก็เป็นได้ แต่ว่าเป็นความจริงที่มีต้นตอ... เพราะฉะนั้นเธอกับหยินเฉิงอาจจะเป็นลูกสองคนที่ไม่มีพ่อก็เป็นได้? สมองของเจียงชั่นสันสนวุ่นวาย ในใจเหมือนราวกับว่ามีกองวัชพืช ที่ปิดกั้นจนไม่อาจหายใจออกมาได้ ฮั่วจือสิงย่อลงด้านหน้าเธอ สายตาอ่อนโยน ยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบา ๆ "ที่รัก" เสียงของเขาเบามาก "พวกเรากลับบ้านกันเถอะ" "ฉัน..." "ไม่ต้องพูดแล้ว ผมเข้าใจทั้งหมด ผมรู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของคุณไม่ดี แต่ว่ามีบางเรื่อง บางทีอาจจะยังตรวจสอบได้อย่างไม่ชัดเจนในชั่วขณะนั้น" "ที่รัก พวกเรามาค่อย ๆ คิดกันใหม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะคอยอยู่ข้างคุณตลอด ไม่ต้องเป็นกังวลนะ ดีไหม?" เจียงชั่นมองไปยังดวงตาของเขา มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา เขากุมมือเธอแน่นไปตลอดทาง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย เมื่อกลับถึงบ้าน เจียงชั่นก็มองเห็นนิตยสารเกี่ยวกับเด็กมากมายกระจัดกระจายอยู่บน
ในขณะที่เจียงชั่นตกตะลึงอยู่นั้น ฮั่วจื่อซินก็ถือโอกาสกอดเธอไว้แน่น“ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่สาว! คิดถึงฉันบ้างไหมเนี่ย?”เจียงชั่นยิ้มพลางบีบจมูกเล็ก ๆ ของเธอ“ก็คิดถึงน่ะสิ! พอไม่ได้ยินเสียงใส ๆ นี่ก็รู้สึกว่าชีวิตจะไม่มีสีสันเลยล่ะ”ดวงตาของฮั่วจือซินมองคนทั้งสองแล้วยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่สายตาของเจียงชั่นจะเลยมองไปยังหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ...ท่าทางดูดี ผมสั้นถูกม้วนลอนให้พอเหมาะรับกับใบหน้า ชุดสูทที่สวมใส่มีโลโก้แบรนด์ดังอยู่ทั่ว ประกอบกับกระเป๋าแอร์เมสรุ่นลิมิเต็ดที่อยู่ในมือ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไรนัก“อะแฮ่ม” หญิงสาวกระแอมไอฮั่วจือซินรีบดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแนะนำให้เจียงชั่นรู้จักในทันที “พี่คะ นี่คือคุณแม่ของฉันที่มาเยี่ยมฉันที่เจียงโจวน่ะค่ะ!”เจียงชั่นตกใจไม่คิดว่าคุณนายแห่งตระกูลฮั่วจะมาปรากฎตัวที่นี่คนตระกูลฮั่วถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงหรือิทธิพลมากมาย แต่พวกเขาก็ดูจะไม่ใช่คนที่ชอบใส่ชุดโชว์โลโก้หรูเต็มตัวแบบนี้เจียงชั่นไม่อยากจะทำตัวหยาบคาย หญิงสาวจึงกลั้นยิ้มเอาไว้“แม่คะ” ฮั่วจือซินเอ่ย “นี่พี่เจียงชั่น เป็นเพ
“ได้สิ” ชายหนุ่มตอบตกลงแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านฮั่วจือซินและหวังเหม่ยหยุนมองหน้ากัน ก่อนฮั่วจือซินจะหันไปมองที่เจียงชั่น “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”เจียงชั่นตกตะลึง ก่อนที่หวังเหม่ยหยุนจะเป็นคนเปิดบทสนทนาส่วนกาแฟก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปชงหญิงสาวนั่งยิ้มอยู่ในสนามและพูดคุยกับหญิงวัยกลางคนอยู่นานหลังจากที่ฮั่วจือซินเข้ามาด้านใน เธอก็มองแผ่นหลังกว้างของผู้ชายที่ยืนอยู่หลังบาร์นิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างเงียบ ๆ ส่วนฮั่วจือสิงเองก็เหลือบมองการกระทำนั้นด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นหัวใจของหญิงสาวเต้นรัว ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “พี่ชาย..”“คิดจะทำอะไร ทำไมถึงพาน้าหยุนมาที่นี่?” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเคร่งขรึมฮั่วจือซินโบกมือด้วยความตื่นตระหนก“ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะ! พี่ต้องขอบคุณแม่ฉันต่างหากล่ะ ถ้าหากว่าเพราะแม่ วันนี้เหยาม่านหนิงคงจะมาที่นี่แล้ว”“อะไรนะ?”ฮั่วจือสิงเลิกคิ้วในขณะที่แววตาดำดิ่งลง“รู้เรื่องหมดแล้วงั้นเหรอ?”“แม่ไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่นี่ แต่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่เจียงโจวมาตลอด ซึ่งแม่ก็จะมาหาฉันบ่อย ๆ ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นที่จะพาแม่มาที่นี่ด้วยกัน”ฮั่วจือสิงพยักหน้า ก่อน
“ที่รัก!”เจียงชั่นส่ายหน้าแล้วขยิบตา ก่อนจะเข้าไปปลอบฮั่วจือซินฮั่วจือซินไม่ได้กลัว ที่จริงเธอเคยถูกพี่ชายคนนี้ทำให้ตกใจมานักต่อนักแล้วและค่อนข้างที่จะชินทว่าเจียงชั่นกลับกำลังขอโทษเธออยู่หลายครั้งพร้อมกับรีบทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนพื้นฮั่วจือสิงอยากจะช่วย แต่ถูกเจียงชั่นห้ามเอาไว้อย่างอ่อนโยน “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ถ้าคุณไม่รู้วิธีมันจะเป็นอันตรายได้”หญิงสาวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานเธอก็สามารถออกมาทักมายพวกเขาได้อีกครั้งหวังเหม่ยหยุนที่เฝ้ามองจากด้านข้างมองไปที่ใบหน้าของฮั่วจือสิง ก่อนจะหาโอกาสเดินเข้าไปหาแล้วหัวเราะเบา ๆ“เป็นภรรยาที่ดีเลยนะจ๊ะ”หวังเหม่ยหยุนหรี่ตาแล้วยิ้ม “แม้ว่าฉันจะไม่ใช่แม่ของเจียงชั่น แต่ก็มองออกเลยว่าเธอเติบโตมาได้เป็นอย่างดี”ฮั่วจือสิงมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออกใด ๆทว่าหวังเหม่ยหยุนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้รู้สึกสงสารเหล่าลูกหลานในตระกูลฮั่วอยู่ไม่น้อยดูเหมือนว่าต่อหน้าผู้อื่นพวกเขาจะได้รับเกียรติและความเคารพมากมาย แต่ทว่าในเรื่องการหาคู่ชีวิตมาแต่งงานด้วยนั้นกลับไม่สามารถเลือกได้อย่างอิสระเห็นอย่างนี้เธอก็รู้สึกอยากจะ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั