“ได้สิ” ชายหนุ่มตอบตกลงแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านฮั่วจือซินและหวังเหม่ยหยุนมองหน้ากัน ก่อนฮั่วจือซินจะหันไปมองที่เจียงชั่น “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”เจียงชั่นตกตะลึง ก่อนที่หวังเหม่ยหยุนจะเป็นคนเปิดบทสนทนาส่วนกาแฟก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปชงหญิงสาวนั่งยิ้มอยู่ในสนามและพูดคุยกับหญิงวัยกลางคนอยู่นานหลังจากที่ฮั่วจือซินเข้ามาด้านใน เธอก็มองแผ่นหลังกว้างของผู้ชายที่ยืนอยู่หลังบาร์นิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างเงียบ ๆ ส่วนฮั่วจือสิงเองก็เหลือบมองการกระทำนั้นด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นหัวใจของหญิงสาวเต้นรัว ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “พี่ชาย..”“คิดจะทำอะไร ทำไมถึงพาน้าหยุนมาที่นี่?” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเคร่งขรึมฮั่วจือซินโบกมือด้วยความตื่นตระหนก“ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะ! พี่ต้องขอบคุณแม่ฉันต่างหากล่ะ ถ้าหากว่าเพราะแม่ วันนี้เหยาม่านหนิงคงจะมาที่นี่แล้ว”“อะไรนะ?”ฮั่วจือสิงเลิกคิ้วในขณะที่แววตาดำดิ่งลง“รู้เรื่องหมดแล้วงั้นเหรอ?”“แม่ไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่นี่ แต่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่เจียงโจวมาตลอด ซึ่งแม่ก็จะมาหาฉันบ่อย ๆ ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นที่จะพาแม่มาที่นี่ด้วยกัน”ฮั่วจือสิงพยักหน้า ก่อน
“ที่รัก!”เจียงชั่นส่ายหน้าแล้วขยิบตา ก่อนจะเข้าไปปลอบฮั่วจือซินฮั่วจือซินไม่ได้กลัว ที่จริงเธอเคยถูกพี่ชายคนนี้ทำให้ตกใจมานักต่อนักแล้วและค่อนข้างที่จะชินทว่าเจียงชั่นกลับกำลังขอโทษเธออยู่หลายครั้งพร้อมกับรีบทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนพื้นฮั่วจือสิงอยากจะช่วย แต่ถูกเจียงชั่นห้ามเอาไว้อย่างอ่อนโยน “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ถ้าคุณไม่รู้วิธีมันจะเป็นอันตรายได้”หญิงสาวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานเธอก็สามารถออกมาทักมายพวกเขาได้อีกครั้งหวังเหม่ยหยุนที่เฝ้ามองจากด้านข้างมองไปที่ใบหน้าของฮั่วจือสิง ก่อนจะหาโอกาสเดินเข้าไปหาแล้วหัวเราะเบา ๆ“เป็นภรรยาที่ดีเลยนะจ๊ะ”หวังเหม่ยหยุนหรี่ตาแล้วยิ้ม “แม้ว่าฉันจะไม่ใช่แม่ของเจียงชั่น แต่ก็มองออกเลยว่าเธอเติบโตมาได้เป็นอย่างดี”ฮั่วจือสิงมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออกใด ๆทว่าหวังเหม่ยหยุนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้รู้สึกสงสารเหล่าลูกหลานในตระกูลฮั่วอยู่ไม่น้อยดูเหมือนว่าต่อหน้าผู้อื่นพวกเขาจะได้รับเกียรติและความเคารพมากมาย แต่ทว่าในเรื่องการหาคู่ชีวิตมาแต่งงานด้วยนั้นกลับไม่สามารถเลือกได้อย่างอิสระเห็นอย่างนี้เธอก็รู้สึกอยากจะ
ถ้าตอนนั้นสามารถแม่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้แล้วไม่หย่าร้างกับฮั่วจ่านเผิงฮั่วจือจือสิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะได้ยินเสียงของเจียงชั่นและฮั่วจือซินหัวเราะมาจากด้านนอกพวกเธอนั่งอยู่ในลานเล็ก ๆ ที่มีแสงแดดสดใสส่องประกาย รอบกายเต็มไปด้วยดอกไอริสสีม่วงบานสะพรั่ง ประกอบกับกลิ่นหอมกรุ่นของคุกกี้แครนเบอร์รี่ที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ภาพที่เห็นทำให้ผู้ที่มองมาอยากจะหยุดมันเอาไว้อย่างนั้นตลอดไปป“ไม่ต้องกังวลไป” หวังเหม่ยหยุนยิ้ม “ในเมื่อน้องสาวเธอชอบเจียงชั่นขนาดนั้น ในฐานะแม่เดี๋ยวน้าจะช่วยอย่างเต็มที่”“จริง ๆ คนในตระกูลฮั่วเองก็ไม่ได้เจรจายากอะไร แต่ไอ้ฮั่วจ่านเฮ่อนั่นกับไอ้หลานสารเลวอย่างฮั่วจือเหยียน...”หวังเหม่ยหยุนสบถออกมาเมื่อต้องพูดถึงสองชื่อนี้ฮั่วจือสิงจึงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หลายปีมานี้ที่ฮั่วจ่านเฮ่อรังแกเขาอย่างไม่เปิดเผย มีหวังจะได้โดนหวังเหม่ยหยุนเล่นงานคืนเป็นแน่....นับตั้งแต่ที่หญิงสาวได้ผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิตมา เจียงชั่นแม้ว่าจะมีภายนอกที่สดใส แต่ฮั่วจือสิงบอกได้เลยว่าข้างในหญิงสาวแทบจะเข้าใกล้คำว่าซึมเศร้าทว่าก็นับเป็นเรื่องดีมากที่หมู่นี้เธอกำลังยุ่งวุ่น
ฮั่วจือสิงเหลือบมองเขาด้วยคำถามที่อยู่ในใจมานานพวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามาก แต่ตอนนี้กลับตามผู้หญิงสองคนนั้นไม่ทันเสียได้ ตอนนี้พวกเขาแทบจะเป็นอัมพาตจากความเหนื่อยล้าเสียแล้วดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะต้องได้รับการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียแล้วในคืนนี้...“เฮ้ นี่คุณหัวเราะอะไรน่ะ” ลู่หลี่ซานโบกมือต่อหน้าฮั่วจือสิงที่มีสติอีกครั้งจึงกลั้นยิ้มเอาไว้ ก่อนจะเคร่งขรึมตามเดิม“ลู่หลี่ซาน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “คิดที่จะกลับไปใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ถูกต้องอยู่ไหม?”ลู่หลี่ซานตกใจ สีหน้าเริ่มมีความซับซ้อนขึ้นมา“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่กับหลินอวี่ฉิงที่ยอมรับในตัวนายได้ แต่นายต้องคิดให้ชัดเจนเพราะชีวิตนายในตอนนี้ต้องอยู่กับมีดที่เปื้อนเลือดตลอดเวลา แถมยังมีแต่ศัตรูที่จ้องจะทำร้าย”“วันนั้นบังเอิญว่าฉันอยู่ที่โรงแรมนั้นพอดี...” ฮั่วจือสิงมองเขาอย่างมีความหมยา “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง มันจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้อีกหรือเปล่า?”“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายอีก หลินอวี่ฉิงจะมีความสุขหรือไง?”การแสดงออกของลู่หลี่ซานเปี่ยนไป ก่อนจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อยในความเป็นจริงเขาเอ
“นี่อย่าไปว่าเขาแบบนั้นน่า” ลู่หลี่ซานเอ่ย “กว่าจะได้ภรรยาคนนี้มาได้ยาก ก็ต้องระมัดระวังกันหน่อย...”“รอยขีดข่วนจะไม่เป็นปัญหา!” อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงจากพ่อค้าดังแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง “ผมมียา ยาวิเศษที่จะไม่ทำให้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนตัว!” ลู่หลี่ซานและหลินอวี่ฉิงหัวเราะลั่นเจียงชั่นถูกขวดยาขนาดเล็ก ๆ ที่ออกแบบสวยงามดึงดูดสายตา บนบรรจุภัณฑ์มีการออกแบบที่ย้อนยุค ดูมีขนาดเล็กและถนัดมือนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นขวดยาที่ถูกทำขึ้นราวกับงานฝีมือคนขายจึงพูดกับเธอยิ้ม ๆ “อยากได้สักขวดไหมจ๊ะ? สินค้าตัวนี้ผลิตโดยบริษัทยาหงซี ผมซื้อมาใช้มากกว่าสิบปีแล้วล่ะ รับประกันเลยว่าใช้ได้ดีทั้งเด็กและผู้ใหญ่”“บริษัทยาหงซี?”“ใช่แล้ว! โรงงานผลิตยาของตระกูลหยิน”ฮั่วจือสิงตกใจแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมืองท่านั้นอยู่ใกล้กับหนานหยางมาก ตระกูลหยินที่ว่าจะใช่ตระกูลหยินที่อยู่หนานหยางหรือเปล่านะ?ทุกคนเดินไปข้างหน้าก่อนจะไปหยุดกินของว่างริมทางตรงบริเวณที่คนไม่เยอะมากนัก โดยมีชายสองคนเดินตามมาข้างหลังลู่หลี่ซานสังเกตเห็นว่าฮั่วจือสิงผิดปกติไป“เกิดอะไรขึ้น?”“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาตอบอย่างสงบ ก่อนจะคิดอยู่ครู่ห
ชายหนุ่มทั้งสองตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่!”แน่นอนว่าแม้จะคัดค้านมันก็ไม่ได้ผลเพราะสุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าการขัดคอผู้เป็นภรรยาจะมีผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าการที่ต้องนอนห้องเดียวกับผู้ชายด้วยกันในตอนเย็นเมื่อลู่หลี่ซานกลับมาถึงที่โรงแรมพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่ที่กลางห้องเท่านั้นหัวใจของเขาก็อยากจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ตรงกันข้ามฮั่วจือสิงกลับมีท่าทีที่สงบมากกว่า เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปหยิบไวน์แดงจากตู้มาเติมน้ำแข็งแล้วดื่มช้า ๆ“ฮั่วจือสิงเราต้องร่วมมือกัน” ลู่หลี่ซานกัดฟัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วยกันอีก ได้ยินไหม!”ลู่หลี่ซานนอนลงบนเตียงด้วยความโกรธ ได้แต่หวังว่าจะไม่โกรธจนทำร้ายเตียงให้เสียหายได้ฮั่วจือสิงกลับดูเฉยเมย พลางยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปนอนหน้าต่าง ก่อนจะมีแววตาที่เคร่งขรึมลงตระกูลหยินในหนานหยางหยินรั่วหงและโรงงานผลิตยาสิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ในใจของเขาตลอดชายหนุ่มรู้ดีว่าฮั่วจ่านเฮ่อต้องการทำร้ายเขา แต่ทำไมหยินรั่วหงถึงเข้ามาเกี่ยวด้วย?เงินประกันหลายร้อยล้านบาทน่ะเ
“ชั่นชั่น” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเธอ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป..ผมต้องไปฝึกซ้อม”เจียงชั่นสะดุ้ง “มีแข่งอีกงั้นเหรอคะ?”“ใช่” เขาตอบอย่างคลุมเครือ “คราวนี้ผมอาจจะไปสักสองสามวัน”ได้ยินอย่างนั้นเธอก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อยแต่เพราะเป็นอาชีพที่เขารัก เธอจึงสนับสนุนเต็มที่ฮั่วจือสิงจึงเข้าไปโอบเอวบางแล้วซุกใบหน้าลงที่ลำคอระหง ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย“คุณจำท่าที่ผมเพิ่งสอนไปได้ใช่ไหม?”เจียงชั่นกลอกตา “จำได้สิคะ”เขาจึงยิ้มอย่างร้ายกาจ “จำได้แค่ไหน?”เจียงชั่นจึงทำท่าทางง่าย ๆ “ก็ถ้ามีใครมาโจมตีฉันจากทางด้านหน้าแบบนี้...หรือถ้ามีคนโจมตีจากทางด้านหลัง...”เมื่อเธอสัมผัสข้อมือของฮั่วจือสิง เขาก็กอดเธอแน่นทันทีชายหนุ่มแข็งแกร่งมากจนเธอไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการมาได้ ใบหน้าสวยจึงแดงก่ำ“ที่รัก...”“ว๊าย!”ทันใดนั้นฮั่วจือสิงก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเข้าไปที่เตียงใหญ่ในห้องนอนทันทีโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆก่อนที่จะกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เจียงชั่นก็ยกมือขึ้นต่อยที่หน้าอกแกร่งทันที พลางจ้องคนตรงหน้าอย่างดุเดือด“เมื่อกี้ทำได้ดี” ฮั่วจือสิงลดเสียงลง “ตอนนี้...”ก่อนจะคว้
แววตาของฮั่วจือสิงลึกล้ำลง ในขณะที่แผ่นหลังกว้างแข็งทื่อขึ้นมา ทว่าชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบบรรยากาศภายในห้องดูเย็นยะเยือก แววตาของฮั่วเหวินหยวนจับจ้องเขาอย่างไม่วางตาก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง “เจียงชั่น..เป็นใคร?”“เป็นภรรยาของผม”ว่าแล้วฮั่วเหวินหยวนก็ยกมือขึ้นมาปัดชุดน้ำชาบนโต๊ะอย่างแรงจนของทั้งหมดหล่นลงจากโต๊ะเสียงดังฮั่วจือสิงกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดที่หลังมือฮั่วเหวินหยวนจึงเอ่ยอย่างเฉียบขาด “แต่งงานเมื่อไหร่ แกได้ผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?!”“ถ้าหากว่าฉันไม่ให้คนไปสืบ แกก็คงคิดที่จะแบ่งสมบัติของตระกูลฮั่วออกไปกว่าครึ่งใช่ไหม?”แม่บ้านและคนรับใช้ที่อยู่หน้าประตูต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรเมื่อได้ยินเสียงจากข้างในแม้แต่ฟางฮั่นเองก็ยังคงยืนตะลึงฮั่วเหวินหยวนผู้ที่สงบและใจเย็นมาโดยตลอด เขาไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อนวันนี้ทั้งปู่หลานต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ต้องพูดถึงว่าเสียงที่ได้ยินจะทำให้คนฟังต้องกลัวจนตัวสั่นขนาดไหน“แกต้องการที่จะมอบทรัพย์ ไม่สิ เงินทุนครึ่งหนึ่งในชื่อของแก รวมถึงทรัพย์สินและเงินสดในต่างประเทศให้กับผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ?”“จือสิง” ฮั่วเหวินหยวนเอ่ยอย่า
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั