กู้หม่างวางสายโทรศัพท์ สงบสติอารมณ์สองสามวินาที ก่อนจะโทรหาเจียงชั่นเพื่อยืนยันว่าเธอยังปลอดภัยดีหรือไม่เสียงจากปลายสายดูอ่อนแอ บ่งบอกถึงความจนปัญญา“ที่รัก ผู้อำนวยการยืนยันที่จะเชิญลูกค้าสองคนมาทานข้าวคืนนี้…โอ้ย คุณก็รู้ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเราตอนนี้คือเจียงเหยา ฉันไม่ไปไม่ได้จริง ๆ”“อือ ไม่เป็นไร” กู้หม่างไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เจียงเหยาโทรหาเขาก่อนหน้านี้ “คุณทานข้าวอยู่ไหนน่ะ? ส่งที่อยู่มาให้ผมหน่อย ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวผมไปรับ”เจียงชั่นยิ้มก่อนจะรับปาก ไม่นานก็ส่งที่อยู่ไปให้เขาทันทีกู้หม่างคิดถูก มันเป็นที่อยู่เดียวกับที่เจียงเหยาส่งให้เขาตอนแรกเขากังวลว่าเจียงเหยาคิดจะทำอะไรไม่ดีเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้หลอกเขาแต่ทำไมเธอถึงได้โทรมาให้เขาไปทานอาหารเย็นกับพวกเขาโดยเฉพาะเจาะจงเลยล่ะ?กู้หม่างคิดอยู่ครู่หนึ่งไม่ว่าจะเพราะอะไร เพื่อความปลอดภัย เขาไปดูหน่อยจะดีกว่า……หลังจากที่ทานข้าวไปได้ครึ่งหนึ่ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เริ่มจะคึกคักมีชีวิตชีวา ผู้ชายหลายคนชวนให้ดื่มเหล้า และกล่าวประจบสรรเสริญเจียงเหยากันให้วุ่นแต่ไหนแต่ไรมาเจียงชั่นไม
“ก็ดีนะ ทำไมเหรอ?”“ในเมื่ออาหารถูกปากก็ทานเยอะหน่อย ทานให้เยอะแล้วพูดให้น้อย!”“เธอ…” เจียงเหยาเบิกตากว้าง “ฉันจะทานมากทานน้อยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ? แต่ฉันแค่พูดคุยไปตามสบาย สามีเธอยังไม่เห็นว่าอะไรเลย เธอละเอียดอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ?”“อ๊ะ คุณพี่เจียงอย่าโกรธเลยนะ!” ผู้อำนวยการจางเอ่ยพลางยกแก้วขึ้น “เจียงชั่นเขาหวังดีอยากให้คุณทานข้าวเยอะ ๆ น่ะ! มา ๆ แก้วนี้ผมให้ดื่มก่อนด้วยความเคารพเลย!”เจียงเหยาส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ก่อนจะกระดกแก้วเหล้ารวดเดียวหมดแก้วเจียงชั่นพยายามระงับความโกรธของตัวเอง ปากบางเล็กเม้มเป็นเส้นตรง มือของเธอกำหมัดแน่นจนสั่นเล็กน้อยอยู่ใต้โต๊ะเธอมองไปยังใบหน้าที่ไร้ซึ่งความสนใจของกู้หม่าง อดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเองเจียงเหยาต้องการให้เขามาที่นี่เพื่อให้ตกอยู่ใต้อาณัติของเธอแน่นอน และอันที่จริงเขาก็ไม่ควรมาที่นี่ มาทนกับความทรมานและความโกรธเหล่านี้…งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้ดีไปกว่างานเลี้ยงครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ งานเลี้ยงครั้งที่แล้วพวกเขาสองคนสามารถแอบออกไปทางประตูด้านข้างได้ แต่งานเลี้ยงครั้งนี้มีหลายคนที่เข้าร่วม ถ้าออกไปอย่างโจ่งแจ้งเลยก็ดูไม่ดีอีก“ที่รั
วันถัดมาเมื่อเจียงชั่นเดินเข้ามาในบริษัท ก็รับรู้ได้ทันทีถึงสายตาของทุกคนในบริษัทที่มองเธอแตกต่างออกไปเธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากที่เธอจัดการกับเอกสารจำนวนหนึ่งแล้ว อันอันก็เคาะประตูเดินเข้ามา และกระซิบข้างหูเธออย่างตื่นเต้น “ตอนนี้เรื่องกระจายไปทั่วบริษัทแล้ว…สามีเธอโคตรเจ๋งไปเลย!”เจียงชั่นตะลึง “หมายความว่ายังไง?”“หุ้นพวกนั้นไง!” อันอันยื่นมือถือที่หน้าจอเปิดสว่างจ้าให้เธอดู “กราฟแดงไปหมดเลย เธอไม่เห็นเหรอ?”ปกติแล้วเจียงชั่นจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก แต่พอฟังคำพูดของอันอันแล้วเธอจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีพอดูกราฟแนวโน้มตลาดแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่กู้หม่างพูดเป็นความจริง!เธอขมวดคิ้วอย่างหนัก ในใจเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทันที“ได้ยินมาว่าคนพวกนั้นที่อยู่แผนกการตลาดได้ซื้อวิสาหกิจเฮ่อเหยียนอะไรนั่น ตอนนี้ขาดทุนย่อยยับเลย!” อันอันรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น “อยากจะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ ยังดีที่ผู้อำนวยการไต้ของพวกเราไหวตัวทัน ตอนเช้าเขาให้เพื่อนในตลาดหลักทรัพย์แอบขายทิ้งไปแล้วไปซื้อตัวใหม่แทน…เหอะ คิดว่าตอนนี้ปากพวกเขาเบี้ยวกันหมดละมั้ง!”เจียงชั่นฝืนยิ้ม ในหัวของเธอร
เมื่อเจียงเหยากลับถึงบ้านตอนดึก เจอกับเจียงหมิงหย่วนที่มีสีหน้าบางอย่าง เธอมองไปที่หยางจวนที่นั่งด้านข้างโดยไม่รู้ตัวสายตาของหยางจวนส่งสัญญาณบางอย่างให้เธอและเอามือข้างหนึ่งป้องริมฝีปากไว้ เอ่ยกับเธอว่า “ระวังด้วยนะ”จู่ ๆ ใจของเจียงเหยาก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเจียงหมิงหย่วนกระแอมสองทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาที่เขามองมาทำให้เจียงเหยาตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่“พ่อ…” เจียงเหยายิ้มแข็งเกร็ง “วันนี้พ่อกลับเร็วจัง งานที่บริษัทโอเคไหมคะ?”“เหอะ” เจียงหมิงหย่วนมองเธออย่างเย็นชา “แกดูกังวลกับสถานการณ์ที่บริษัทฉันจังเลยนะ!”เจียงเหยาเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ย “ตระกูลเจียงก็เป็นทรัพย์สินของครอบครัวเรา แน่นอนว่าหนูก็ต้องสนใจ…”“แกยังจะสนใจอยู่ไหมว่าทรัพย์สินนี้จะเป็นของใครหลังจากที่ฉันตายไป!”เจียงหมิงหย่วนตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืนทันทีและถลึงตาจ้องมองเธอด้วยความโกรธเจียงเหยาตกใจจนตัวสั่นไปหมด ใบหน้าซีดเผือด มองดูเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และรีบอธิบาย “พ่อ พ่อเข้าใจผิดแล้ว หนูไม่ได้…”“ยังจะมาต่อปากต่อคำกับฉันอีก!”ถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะตกลงไปที่พื้นจนแตกออกเป็นเสี่ยง เจียงเหยาหดคอลง กำหมัดแน
เจียงเหยาตาเป็นประกาย ใจเต้นรัวเร็ว“พ่อคะ ฮั่วจือซิน...ก็คือลูกสาวคนเล็กสุดของตระกูลฮั่วใช่ไหมคะ?”“อืม” เจียงหมิงหย่วนกล่าวเรียบ ๆ “ปีนี้ดูเหมือนว่าจะเพิ่งอายุสิบแปดปี ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย เธอจะเป็นลูกคนเล็กของตระกูลฮั่วไปตลอดชีวิตนั่นแหละ แล้วก็เป็นน้องสาวคนโปรดที่สุดของท่านสามตระกูลฮั่วด้วย ถ้าลูกชนะใจเธอได้ ถ้ามีเธอไปช่วยพูดสิ่งดี ๆ ต่อหน้าท่านสามตระกูลฮั่วให้ลูกได้ การที่ลูกจะได้แต่งงานเข้าตระกูลฮั่วก็ใช่จะเป็นเรื่องที่ไม่มีหวัง!”“พ่อคะ หนูรู้ว่าแล้วควรจะทำยังไง!” เจียงเหยากัดฟันเม้มริมฝีปาก ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง “หนูจะส่งคนไปคอยติดตามดูคุณหนูฮั่ว จากนั้นก็จะรีบเตรียมจัดงานเลี้ยง ทางที่ดี...ทางที่ดีให้จัดเป็นงานเลี้ยงการกุศลค่ะ! หนูรู้ว่าคนตระกูลฮั่วชอบทำการกุศลกันมาโดยตลอด”“ดี” ในที่สุดเจียงหมิงหย่วนมีรอยยิ้ม “หลังจากเจอฮั่วจือซิน ลูกก็เขียนจดหมายเชิญด้วยตัวเองไปเลยนะ!”“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ!”“เรื่องงานเลี้ยงยิ่งเร็วก็ยิ่งดีนะ เป็นการเลี่ยงอุปสรรคที่จะเข้ามามากเมื่อเวลายืดเยื้อนานไป”“หนูรู้ค่ะ” เจียงเหยาลอบยินดีกับตัวเองแต่คำพูดของเจียงหมิงหย่วนกลับทำลาย
ถึงยังไงก็เป็นเพียงแค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้น…เจียงชั่นหายใจเข้าลึก ๆ ฝืนยิ้มออกมา วางแผนไว้ว่าจะอยู่สักครู่หนึ่งแล้วจะหาข้ออ้างออกไปแต่เพิ่งจะเดินขึ้นบันไดหินหน้าโรงแรม ยังไม่ทันได้เข้าประตูโถงงานเลี้ยงเลย จู่ ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏร่างคนคนหนึ่ง“อ้าว มาจริงแฮะ?”เจียงเหยากอดอก มองจากด้านบนลงมาหาเธออย่างดูถูก บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยเจียงชั่นตะลึงไปครู่หนึ่ง ต้องบอกว่าคืนนี้เจียงเหยาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันมาก ชุดราตรีหางปลาสีแดงนี้ช่วยเสริมรูปร่างและผิวพรรณของเธอได้เป็นอย่างดีมากเปรียบเทียบกันดูแล้ว ชุดเดรสสีขาวดำธรรมดาของเธอนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าดูค่อนข้างลำลองไปสักหน่อย“เจียงชั่น” เจียงเหยาขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้บอกเธอเหรอว่าแขกพิเศษในคืนนี้คือคุณหนูฮั่ว? เธอแต่งตัวแบบนี้ มันจะทำให้ตระกูลเจียงเสียหน้านะ!”“เธอบอกแล้วว่าคืนนี้เป็นงานเลี้ยงการกุศล” เจียงชั่นเอ่ยเรียบ ๆ “งานเลี้ยงการกุศลจำเป็นจะต้องแต่งชุดคล้ายจะขึ้นไปทำการแสดงบนเวทีด้วยเหรอ?”“เธอว่าอะไรนะ?!”“ประเด็นสำคัญของงานเลี้ยงการกุศลก็คือการกุศล ไม่ใช่คุณหนูฮั่วอะไรนั่น” เจียงชั่นมองเธอ “ฉันคิดว่าแต่งตัวให้เหมาะสมก็พอแ
เจียงชั่นเดินตามหลังเธอไปเงียบ ๆ ผ่านตึกหลักของโรงแรมไปจนถึงทางเข้าลานจอดรถชั้นใต้ดินบริเวณโดยรอบทั้งมืดทั้งเงียบ มีคนผ่านไปมาน้อยมาก แต่ถึงแม้จะมีคนที่อยากจะไปที่ลานจอดรถใต้ดิน ก็คงจะลงลิฟต์ด้านในโรงแรม ไม่มีทางเดินอ้อมมาในเส้นทางเปลี่ยวแบบนี้หรอกเจียงชั่นเดินช้าลง ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัย“เธอทำอะไร?” เจียงเหยาที่อยู่ข้างหน้าเอ่ยเร่ง “เร็วเข้าสิ! รถฉันจอดอยู่ด้านล่างนะ”“เธอเดินลงไปหาแบบนี้ จะหาเจอเหรอ?”“ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงว่ารถตัวเองจอดอยู่ตรงไหน? ทำไม หรือว่าเธอคิดว่าฉันจะขับรถมารับเธอ?” เจียงเหยายิ้มเยาะ “เจียงชั่น ถ้าฉันขับรถไปรับเธอที่หน้าประตูโรงแรมอย่างเอิกเกริก ทุกคนเขาก็จะเห็นสิว่าวันนี้เธอใส่ชุดแย่ ๆ มาแบบนี้! เธอคิดจะให้ครอบครัวเราเสียหน้าใช่ไหม?”เจียงชั่นเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีกเส้นทางไปลานจอดรถชั้นใต้ดินเป็นเส้นทางเปลี่ยว คล้ายกับเป็นถ้ำมืด ๆ ที่มองไม่เห็นปลายทางเจียงเหยาอยู่ข้างหน้าแทบจะวิ่งเหยาะ ๆ แล้ว ส่วนเจียงชั่นที่เดินตามหลังเธอค่อนข้างที่จะตามไม่ทันเท่าไร เจียงเหยาเลี้ยงซ้ายทีขวาที ไม่รู้ว่าเดินไปไหนแล้ว รอบ ๆ ก็มืดมิดไปหมด กระทั่งไฟก็ไม่มี มองทางที่
เจียงชั่นใจเต้นรัว สมองว่างเปล่าเสียงที่อยู่ข้างนอกนั่น...น่าจะเป็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเธอเป็นใคร มาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง?“เฮ้อ กุญแจนี่มันปลดยากมากเลย!” ผู้หญิงคนนั้นถอนใจ “เอ่อ...เธอหลบไปข้างหลังนะ! ฉันจะเอาก้อนหินทุบกุญแจนี้!”เจียงชั่นตะลึง แล้วก็ทำตามที่เธอบอกทันที คือถอยหลังไปตรงมุมกำแพงเสียงผู้หญิงคนนั้นทุบประตูดังไปทั่วห้องใต้ดิน ค่อนข้างน่าหวาดกลัวทีเดียวไม่นานก็ได้ยินเสียงดังปัง ตามมาด้วยเสียงโซ่ตกลงกระทบกันดังชัดเจนประตูเปิดออก แต่เจียงชั่นกลับตัวแข็งทื่อ มือเท้าก็ราวกับนิ่งค้างไป“พี่?” ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น “ยังไม่รีบออกมาอีกล่ะ!”“เธอ...”“ไปสิ!” เจียงชั่นยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกมือบอบบางคว้าเข้าไว้ก่อนเธอไม่ได้มีสติที่จะมาครุ่นคิดเรื่องทั้งหมดนี้ ทำได้เพียงตามผู้หญิงคนนี้หนีออกจากคุกที่มืดมิดนั้นที่หน้าประตูมีซากหนูตายอยู่จำนวนมาก แล้วก็มีไม้เบสบอลกับก้อนหินก้อนใหญ่ด้วยดูท่าทางผู้หญิงคนนี้จะใช้ของพวกนี้ฆ่าพวกหนูเหล่านั้นส่วนมือเล็ก ๆ นั้นแม้ว่าจะบอบบางแต่กลับอบอุ่นมาก ราวกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายในยามสิ้นหวัง เจียงชั่นจับมือไว้แน่น
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั