เมื่อกลับมาถึงเรือน หลินเซียงอี๋ก็ทราบว่าอวิ๋นเฉิงอยู่ที่ห้องหนังสือหลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย นางก็รินชาหนึ่งกาแล้วนำไปส่งที่ห้องหนังสือหนานเจียงองครักษ์คนสนิทของอวิ๋นเฉิงเฝ้าอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นหลินเซียงอี๋ก็รีบทำความเคารพ “ฮูหยินน้อย ท่านมาแล้ว ท่านโหวน้อยอยู่ในห้องหนังสือขอรับ เชิญท่านเข้าไปได้เลย”กล่าวจบก็เปิดประตูด้วยท่าทางขยันขันแข็ง เชิญหลินเซียงอี๋เข้าไปด้านในหลินเซียงอี๋กระพริบตาปริบๆ ห้องหนังสือสถานที่สำคัญเช่นนี้ปล่อยนางเข้าไปตามใจชอบได้หรือ? ไม่เข้าไปแจ้งสักหน่อยหรือ?แต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของหนานเจียง หลินเซียงอี๋ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหันไปรับกาชาจากเผิ่งฮั่ว แล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องอย่างแผ่วเบาเผิ่งฮั่วยืนอยู่กับหนานเจียง นางเหลือบมององครักษ์ที่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าข้างกาย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “คุณหนูของข้าแค่ยกชามาให้ท่านโหวน้อย เจ้ามีความสุขขนาดนี้เชียว?”“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ ท่านโหวน้อยอาจจะดีใจกว่าข้าด้วยซ้ำ!”หนานเจียงหลุดปากพูดออกมาเผิ่งฮั่วสงสัย หมายความว่าอย่างไรกัน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ข้าบอกว่ามันต้อง...”หนานเจียงเอ่ยได้เพียงครึ่งประโยคก็ตระหนักได้ว่
“ฮูหยินน้อย ท่าน...ทะเลาะกับท่านโหวน้อยหรือเจ้าคะ?”เผิ่งฮั่วเห็นสีหน้าของหลินเซียงอี๋จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“เปล่า” หลินเซียงอี๋ส่ายหน้า คิดถึงท่าทีของอวิ๋นเฉิงเมื่อครู่นี้เมื่อคืน คำพูดที่เขาบอกกล่าวกับตนเองเพราะคิดว่านางเป็นหวังพิ่นถิง แสดงให้เห็นชัดว่าเขาไม่ได้สนใจหวังพิ่นถิงตอนนี้ท่าทีของเขาที่มีต่อนางก็ไม่ได้ดีมากไปกว่ากัน คิดว่าที่ยอมแต่งงานกับนาง คงเพราะแต่งงานบุตรีภรรยาเอกตระกูลหลินเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดชาติก่อน อวิ๋นเฉิงนำทัพออกรบทันทีในวันที่สองของการแต่งงานรบอยู่สามปี สถานการณ์ของชายแดนทางเหนือไม่ค่อยสู้ดีนัก ฮูหยินท่านโหวเป็นห่วงจนล้มป่วย ไม่มีแรงดูแลกิจการงานในจวน จึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของหวังพิ่นถิง หวังพิ่นถิงถึงสามารถทำร้ายพวกนางได้ชาตินี้ อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เขาถึงไม่ได้นำทัพออกรบ แต่สถานการณ์ทางเหนือก็มิได้สงบนัก มีโอกาสที่เขาจะต้องออกไปรบกับศัตรูสิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้ก็คือร่วมหอกับเขาก่อนที่เขาจะออกไปรบ ยิ่งตั้งครรภ์ทายาทของเขาได้ยิ่งดีหากเป็นแบบนี้ ฐานะของนางในจวนโหวก็มั่นคงจนไม่อาจสั่นคลอนพอคิดเช่นนี้ หลินเซียงอี๋ก็เก็บความ
ตอนที่อวิ๋นเฉิงมาถึงเรือนกลางอาทิตย์อัสดงกำลังลาลับขอบฟ้าจากที่ไกลๆ ความมืดค่อยๆ ปกคลุมลงมา ภายในเรือนจุดตะเกียงสว่างไสวบนหน้าต่างมีตัวอักษรมงคลคู่ประดับทิ้งเอาไว้ เขาก้มมองชุดสีแดงที่ตัวเองสวมใส่อยู่ พลันรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเหมือนไม่ใช่ความจริงเขา...แต่งงานกับหลินเซียงอี๋แล้วจริงๆ?ตอนที่ก้าวเข้าไปในห้อง มองเห็นหญิงสาวที่บอบบางอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนฝันของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปฮูหยินที่อยู่ภายใต้แสงเทียนดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าเก่า คล้ายคลึงกับเด็กสาวที่สดใสร่าเริงในความทรงจำ ใบหน้าของอวิ๋นเฉิงพลันแดงระเรื่อ“แค่กๆ!”อวิ๋นเฉิงกระแอมไอ แล้วยกเท้าเดินเข้าไปในห้องคนที่อยู่ภายในห้องได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันมามองพร้อมกันเมื่อรู้สึกถึงสายตาของหลินเซียงอี๋ อวิ๋นเฉิงก็เกิดประหม่าจนเดินสะดุดทว่าสาวใช้ที่อยู่ภายในห้องยามได้เห็นท่าทางของเขาแล้วกลับแสดงสีหน้ากังวลออกมา โดยเฉพาะชิวเยว่ สายตาเป็นกังวลของนางยังแฝงความเจ็บใจอยู่เล็กน้อยด้วยอวิ๋นเฉิงเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นสีหน้าสลดใจของทุกคน เขารู้สึกแปลกใจและกำลังจะเอ่ยปากถาม หลินเซียงอี๋กลับโบกมือแล้วบอกว่า “ออกไปให้หมด!”
อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นเฉิงเดินกลับมาที่ห้องหนังสือด้วยความหงุดหงิด ตะโกนเรียกหนานเจียงเข้ามาหา“ท่านพ่อกลับมาหรือยัง?”“เรียนท่านโหวน้อย ท่านโหวกลับมาแล้วขอรับ ยามนี้รับประทานอาหารอยู่ที่เรือนหลักกับฮูหยิน!”“ดี ให้คนทำอาหารของคืนนี้ไปส่งที่เรือนของท่านแม่หนึ่งชุด”“ขอรับ!”หลังจากอวิ๋นเฉิงสั่งการไปแล้วก็ยังรู้สึกไม่หายขุ่นข้องหมองใจ จึงตวาดเสียงดังว่า “ให้คนเตรียมน้ำ ข้าจะชำระร่างกาย”หนานเจียงกระพริบตา “ที่นี่หรือขอรับ? ท่านโหวน้อย ท่านไม่กลับไปที่ห้องหรือ?”“จะถามอะไรให้มากความ บอกให้เจ้าไปทำก็ไปทำสิ”หนานเจียงไม่กล้าขัดคำสั่ง เขาเดินออกไปสั่งให้คนเตรียมน้ำในช่วงเวลาเดียวกัน ณ เรือนหลักหลี่ฉานฮว๋ามองอาหารที่ถูกส่งมาแล้วตบโต๊ะเสียงดัง “ไอ้ลูกเวร มันจะมากไปแล้วนะ!”ท่านโหวชะโงกหน้าไปดูแล้วรู้สึกสนุกขึ้นมา “ฮูหยินสั่งให้ส่งอาหารพวกนี้ไปหรือ?”“ฮึ ทำไมล่ะ?” ฮูหยินท่านโหวถามเสียงไม่เป็นมิตรท่านโหวรีบคีบไตขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “อย่าปล่อยให้เสียของ ข้าชอบกินอะไรพวกนี้”หลี่ฉานฮว๋ามองค้อนสามีตนเองเล็กน้อย ถามคนที่มาส่งอาหารว่า “ท่านโหวน้อยกับฮูหยินน้อยดับไฟนอนแล้วหรือยัง?”“เรียนฮูห
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”อวิ๋นเฉิงเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและกำลังกินอาหารที่หลินเซียงอี๋ให้คนเอามาส่ง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกเขาตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “เข้ามา!”เจ้าหนานเจียง รู้จักการเคาะประตูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“บอกให้เจ้าไป....ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ?”พออวิ๋นเฉิงแหงนหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นชุนฮว๋า เขาก็ขมวดคิ้วแน่น “ใครใช้ให้เจ้าเข้ามา ออกไป!”ชุนฮว๋ารีบยื่นกล่องอาหารในมือออกไป “ท่านโหวน้อย บ่าวรับคำสั่งจากฮูหยินให้เอาขนมมาส่งเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินว่ามารดาเป็นคนส่งมา สีหน้าของอวิ๋นเฉิงก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “วางไว้ตรงนั้น! กลับไปบอกท่านแม่ว่าอาหารที่ฮูหยินเตรียมไว้ดีมากอยู่แล้ว ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”ชุนฮว๋าวางขนมลงแล้วมองเขาด้วยท่าทางเจ็บปวดใจ “ท่านโหวน้อย ท่านไม่ต้องปิดบังแทนฮูหยินน้อยก็ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินทราบแล้วว่าฮูหยินน้อยไล่ท่านออกมา ดังนั้นถึงได้สั่งให้บ่าวเอาขนมมาส่ง”“ข้าโดนไล่ออกมาตอนไหนกัน?”อวิ๋นเฉิงเห็นว่าสาวใช้ตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนได้กลิ่นเครื่องหอมก็รีบถอยหนี “ถอยออกไปหน่อย เจ้าพูดมาให้ชัดๆ ใครบอกว่าข้าถูกไล่ออกมา?”ชุนฮว๋ากระพริบตาปริบๆ “แล้วทำไมท่านอ
วันรุ่งขึ้น ยามเช้าตรู่ ซื่อชูกับเผิ่งฮั่วที่เพิ่งคิดจะเข้าไปปลุกหลินเซียงอี๋ก็เห็นประตูห้องเปิดออกอวิ๋นเฉิงเดินออกมาจากภายในห้อง ก่อนจะเดินตรงไปทางห้องหนังสือที่อยู่ข้างๆ โดยไม่เหลียวมองอะไรทั้งนั้นสาวใช้กลุ่มหนึ่ง...จนกระทั่งหลินเซียงอี๋ตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย อวิ๋นเฉิงก็ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นตอนที่หลินเซียงอี๋เริ่มไม่แน่ใจว่าอวิ๋นเฉิงจะยอมมาหรือไม่ เสียงของหนานเจียงก็ดังขึ้นด้านหน้าประตู“ฮูหยินน้อย ออกเดินทางได้หรือยังขอรับ?”“ได้ ไปกันเถอะ!”หลินเซียงอี๋พาซื่อชูกับชิวเยว่เดินออกจากห้องยามนางแหงนหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าอวิ๋นเฉิงยืนรออยู่หน้าทางเข้าเรือนแล้ววันนี้อวิ๋นเฉิงไม่ได้สวมอาภรณ์สีแดง เขาสวมอาภรณ์สีดำอมแดงที่ปักลายทึบ บริเวณคอเสื้อและชายแขนเสื้อปักด้วยดิ้นทอง ทำให้เขาดูสง่าผ่าเผยไปทั้งตัวหลินเซียงอี๋เหลือบมองแวบหนึ่งก็ดึงสายตากลับมา ย่อตัวเล็กน้อยเอ่ยทักว่า “สามี”“ไปเถอะ!”อวิ๋นเฉิงกวาดตามองหลินเซียงอี๋แวบหนึ่งหญิงสาวสวมชุดกระโปรงตัวยาวสีชมพูที่ประดับด้วยดิ้นเงิน ปักลายมหามงคล ทุกย่างก้าวที่เดินประหนึ่งผีเสื้อขยับปีกบิน ดูอ่อนหวานบอบบาง แต่ไม่สูญเสียความสง
“ลุงเฉิน พาข้าไปพบท่านปู่กับท่านย่า”หลินเซียงอี๋จูงมือหลินเหยียนหลี่ เลือกไปพบท่านปู่ที่เรือนหลักอย่างไม่ลังเล“ได้เลยขอรับ บ่าวจะพาคุณหนูใหญ่ไปพบกับนายท่านผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้”พ่อบ้านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทางดีใจจนเนื้อเต้น รีบส่งคนไปแจ้งข่าวที่เรือนหลักป้าหวังหน้าถอดสีเล็กน้อย รีบเอ่ยรั้งว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินยังรอท่านอยู่นะเจ้าคะ! ท่าน....”“ป้าหวัง ท่านแม่นับเป็นผู้น้อย วันนี้ข้ากลับมาเยี่ยมตระกูล ย่อมต้องไปคารวะผู้อาวุโสก่อนสิ”หลินเซียงอี๋พูดตัดบทป้าหวัง ก่อนจะพาหลินเหยียนหลี่กับอวิ๋นเฉิงเดินตามพ่อบ้านไปที่เรือนหลัก โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้านหลังหลินเจิ้นเซิ่ง นายท่านผู้เฒ่าตระกูลหลินเป็นถึงอาจารย์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ตอนที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ได้แต่งตั้งเขาเป็นมหาราชครู ฐานะสูงส่งไม่ธรรมดามหาราชครูหลินมีบุตรชายสองคน บุตรสาวหนึ่งคนลูกชายคนโตคือหลินเฉินผู้เป็นบิดาของหลินเซียงอี๋ เพื่อปกป้องฮ่องเต้เขาจึงเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น ทิ้งภรรยาแซ่หวังไว้กับลูกชายและลูกสาว ซึ่งก็คือหลินเซียงอี๋และหลินเหยียนหลี่ลูกชายคนรองหลินถิง รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่
“ท่านปู่ ท่านย่า หลานสาวอกตัญญูผู้นี้มาคารวะพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋คุกเข่าลงต่อหน้ามหาราชครูหลินและฮูหยินผู้เฒ่า โขกศีรษะหนึ่งครา ยามแหงนหน้าขึ้นมาใบหน้าก็เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วหลินเหยียนหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่สาวยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้เขาเหลือบมองไปที่เบาะรองนั่งที่ว่างเปล่าข้างๆ พี่สาว ก่อนจะคุกเข่าตาม“ท่านปู่ ท่านย่า อย่าโกรธพี่หญิงใหญ่เลยนะขอรับ เป็นความผิดของเหยียนหลี่เอง”หลินเหยียนหลี่กล่าวเช่นนั้นแล้วก้มหัวโขกศีรษะหนึ่งครามหาราชครูหลิน ฮูหยินผู้เฒ่า...อารองหลิน อาสะใภ้รอง...อวิ๋นเฉิง...หลินเล่ออี๋ในวัยสิบขวบเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงแจ่มใส เมื่อเห็นน้องชายคนเล็กที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่มาตลอดแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา ก็อดหัวเราะไม่ได้“คิกๆๆ น้องสาม เบาะตรงนั้นเป็นที่ของพี่เขยนะ”อวิ๋นเฉิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ขณะที่ดึงหลินเหยียนหลี่ขึ้นจากเบาะรองนั่ง ก่อนจะคุกเข่าลงแทน “ผู้น้อยอวิ๋นเฉิงคารวะท่านปู่ ท่านย่า พวกท่านโปรดวางใจเถิดขอรับ ข้าจะดูแลเซียงอี๋อย่างดี ไม่ให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจแม้แต่น้อย”กล่าวจบก็โขกศีรษะลงไปอีกครั้งมหาราชครูหลินมอ
ชุนฮว๋าหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าหลินเซียงอี๋จะไม่ยอมไว้หน้าฮูหยินท่านโหวแม้แต่น้อยทั้งชิวเยว่และเซี่ยอวี่มองหน้ากัน รีบเข้าไปพยุงชุนฮว๋าขึ้นมา ทั้งสองคนประกบซ้ายขวา พาชุนฮว๋ามากล่าวขอโทษหลินเซียงอี๋“ฮูหยินน้อย ฮูหยินใหญ่ให้พวกเรามาปรนนิบัติฮูหยินน้อย พวกเราจึงเป็นคนของฮูหยินน้อย ชุนฮว๋าเพียงแต่ไม่รู้กฎระเบียบยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินน้อย บ่าวจะตั้งใจสั่งสอนนางเองเจ้าค่ะ”“พวกบ่าวจะพาชุนฮว๋าออกไปก่อนเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋ไม่อยากถือสาคนรับใช้จึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งสองคนพาตัวชุนฮว๋าออกไปพอทุกคนออกไปหมดแล้ว ซื่อชูที่อัดอั้นมานานก็ถามขึ้นทันที “ฮูหยินน้อย นังบ่าวสารเลวนั่นมาที่เรือนของเราได้อย่างไร?”“นางคือสาวใช้ที่ท่านโหวน้อยขับไล่ออกไปคืนนั้น ฮูหยินใหญ่จะให้นางเป็นอนุของท่านโหวน้อยหรือ?”“ฮูหยินน้อย ท่านต้องคิดหาวิธีขับไล่นางแพศยานั่นออกไปนะเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋หลุดหัวเราะออกมา นางมองซื่อชูที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างขบขัน พูดเย้าแหย่นางว่า “เจ้าเด็กคนนี่ ทำตัวเหมือนสามีตัวเองจะเอาเมียน้อยเข้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น”“ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาบุรุษที่รักเดียวใจเดียวมาให้เจ้าเอง รับรอ
สิ้นเสียงของหลี่ฉานฮว๋า บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลงทันทีหลินเซียงอี๋หันมองไปที่ชุนฮว๋าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังป้าหนิงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของนางยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกป้าหนิงถลึงตาใส่จนต้องหยุดหลินเซียงอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน พูดทันทีว่า “คนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ย่อมต้องเป็นคนดี ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องของพี่ชุนฮว๋าให้เรียบร้อย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”“ลูกสะใภ้ สัญญาขายตัวนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว ชุนฮว๋าก็นับว่าเป็นทาสของเจ้าเช่นกัน นางไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า จะตีจะด่าจะขายออกไปอย่างไรก็ตามใจเจ้า ไม่ต้องมาบอกกล่าวข้า”ระหว่างที่พูด ตงเสวี่ยก็ยื่นเอกสารสัญญาทาสของชุนฮว๋าให้หลินเซียงอี๋ด้วยความเคารพเมื่อตงเสวี่ยทำเช่นนั้น สีหน้าของชุนฮว๋าก็ซีดเผือด เหมือนไม่คิดว่าฮูหยินจะยอมยกสัญญาซื้อตัวทาสของนางให้อีกฝ่ายจริงๆหลินเซียงอี๋เลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คิดว่าแม่สามีจะมอบให้จริงๆ นี่มันไม่ใช่การส่งคนมาแฝงข้างกายนางหรอกหรือ แล้วการให้สัญญาซื้
อวิ๋นเฉิงเห็นหลินเซียงอี๋ครุ่นคิด สีหน้าแสดงถึงความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าปะปนกันหัวใจพลันหนักอึ้งหรือว่านางยังลืมเจ้าคนตระกูลกู้นั่นไม่ได้?ทันใดนั้น ความคิดที่จะชวนนางพูดคุยก็หายไปหมดสิ้นทั้งสองคนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ตอนที่กลับไปถึงจวนโหว อวิ๋นเฉิงพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "ข้าจะไปที่ห้องหนังสือ เย็นนี้ไม่ต้องรอข้า ทานอาหารก่อนได้เลย" แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเซียงอี๋รู้สึกงงๆ นางหันไปมองเผิ่งฮั่วแล้วพึมพำว่า "คนผู้นี้ทำไมถึงอารมณ์เสียอีกแล้ว?"เผิ่งฮั่วก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงหลินเซียงอี๋ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปง้อใคร จึงพาเผิ่งฮั่วไปที่เรือนหลักในช่วงเวลาเดียวกัน ณ เรือนหลักของจวนโหวหลี่ฉานฮว๋ามองสาวใช้คนสนิทที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความผิดหวัง"ชุนฮว๋า เจ้ารู้ไหม ข้าได้หาคู่ครองที่ดีเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไม่แต่งงานกับเขาจริงๆ หรือ?"ชุนฮว๋าที่คุกเข่าอยู่ตกใจ รีบพูดว่า "ฮูหยิน ข้ามีใจให้ท่านโหวน้อย ขอท่านเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่าน โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!""ข้าไม่ต้องการแต่งงาน ข้ายินดีปรนนิบัติท่านโหวน้อยและฮูหยินน้อยไปตลอดชีวิต แม้จะ
หลินเหยียนหลี่ทำปากยื่น ไม่ยอมพูดอะไรหลินเซียงอี๋ขบฟันกรอด ยกมือขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ยังอยากโดนตีอีกหรือไง?”“พี่ก็คิดจะตีข้าอย่างเดียว!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างขุ่นเคือง “ท่านแม่บอกว่าถ้าข้าเอาใจพี่สาว พี่สาวก็จะช่วยเหลือข้า ต้องทำให้พี่ชอบข้า พี่ถึงจะนึกถึงพวกเรา”หลินเซียงอี๋ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก นางถามต่อ “แล้วใครบอกเจ้าว่าพี่เขยบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย?”หลินเหยียนหลี่กลอกตาไปมา ตัดสินใจพูดออกมา “พี่สาวตระกูลหวังบอกว่าเดิมทีสามีของพี่สาว ควรจะเป็นสามีของนาง”“นางพูดอะไรเจ้าก็เชื่อ? เจ้าโง่หรือเปล่า?”“ข้าไม่ได้โง่นะ!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาวต่างหากที่ไม่รู้จักคุณค่า ไม่ยอมแต่งงานกับพี่ชายสิงโจวพี่สาวตระกูลหวังถึงได้พูดแบบนั้น”หลินเซียงอี๋หัวเราะเยาะ “หลินเหยียนหลี่ เจ้าอยากโดนตีอีกแล้วใช่ไหม?”หลินเหยียนหลี่ยังคงไม่ยอมแพ้ “ข้าพูดผิดตรงไหน?”“อวิ๋นเฉิงเคยเป็นคู่หมั้นของข้า ท่านพ่อเป็นคนหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะท่านแม่กับหวังพิ่นถิงวางแผนร่วมกัน ข้าถึงได้ขอถอนหมั้นกับเขา แต่ต่อมาข้าก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด ถึงได้สลับตัวไปแต่งงา
น้องชายที่นางคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษกลับมีสภาพแบบนี้ลับหลัง เป็นร่างแยกของคนตระกูลหวังชัดๆ!หลินเซียงอี๋โกรธจนน้ำตาคลอเบ้านางนึกถึงชะตากรรมที่โดดเดี่ยวเดียวดายในตระกูลกู้เมื่อชาติที่แล้วทุกครั้งที่นางกลับไปบ้านเดิม นางก็ไม่เคยเจอหน้าน้องชาย แม่บอกว่าน้องชายกำลังขยันศึกษาตำรา นางก็เชื่อเสียสนิทใจแต่ลืมไปว่าถ้าอยู่ใกล้คนเลวๆ อย่างหวังเย่าจู่ น้องชายจะเรียนดีได้อย่างไรพอมาคิดดูแล้ว ตอนที่ตระกูลหลินล่มสลาย ท่านแม่ส่งน้องชายไปอยู่กับปู่ ก็เพราะแม่เป็นฝ่ายรบเร้า และท่านปู่ก็สงสารลูกหลานตระกูลหลินที่ต้องตกระกำลำบากเลยรับไว้หลินเหยียนหลี่ยังคงร้องไห้ หลินเซียงอี๋รู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบๆ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เห็นกิ่งไม้ที่ใครสักคนทำตกไว้ข้างประตู ก็รีบเก็บขึ้นมาหันหลังกลับไปฟาดใส่หลินเหยียนหลี่อย่างแรง “อายุแค่นี้กลับไม่ตั้งใจเรียน คิดไม่ซื่อ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านพ่อเอง”ชาติที่แล้วหลินเซียงอี๋ใช้ชีวิตเหลวแหลก ไม่รู้จักธาตุแท้ของคน ถูกมารดาและลูกพี่ลูกน้องวางแผนทำลาย ถูกคนร่วมเรียงเคียงคิดร้าย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความตายอย่างน่าอนาถชาตินี้ นางสามารถแก้แค้นพวกคนสารเลวเหล่านั้น
“เซียงอี๋อย่าไปถือสามารดาของเจ้าเลยนะ เชื่อใจอาสะใภ้รองนะ อาสะใภ้รองจะช่วยดูแลเหยียนหลี่ให้เอง”สะใภ้แซ่หานพาลูกชายลูกสาวมาส่งคู่บ่าวสาวถึงประตูที่สอง ความจริงแล้ว นางอยากจะสืบดูว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่เรือนตะวันตกหลินเซียงอี๋ย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ข้าก็ต้องรบกวนอาสะใภ้รองแล้วเจ้าค่ะ”“อาสะใภ้รองไม่ต้องไปส่งแล้ว ให้เหยียนหลี่ไปส่งข้าก็พอ”“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าส่งพวกเจ้าตรงนี้นะ”สะใภ้แซ่หานมองอวิ๋นเฉิงที่กำลังคุยกับลูกชายของนางอยู่ ดึงหลินเซียงอี๋ไปด้านข้างแล้วถามเบาๆ ว่า “เซียงอี๋ ท่านย่าคิดว่าเรื่องของเรือนตะวันตกต่อไปนี้จะยกให้ข้าดูแลด้วย”“ข้าคิดว่า ค่าใช้จ่ายประจำวันของพี่สะใภ้ใหญ่และเหยียนหลี่ต่อไปนี้จะออกจากเงินส่วนกลาง เหมือนกับเรือนตะวันออกของพวกเรา แต่ว่าคุณชายจากตระกูลหวังก็อยู่ที่เรือนตะวันตกด้วย ข้าก็เลยอยากจะถามเจ้าว่า จะต้องทำตาหลักการแบบไหนดี ข้าจะได้ตระเตรียมได้ถูก”ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะถามหลินเซียงอี๋ที่เป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว แต่คนที่ดูแลเรือนตะวันตกตอนที่ยังไม่ได้แยกครอบครัวคือหลินเซียงอี๋ หากไม่ถามก่อ
ความวุ่นวายที่เรือนตะวันตกไม่ได้เล็ดลอดออกไป ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองและบ้านรองจึงไม่รู้เรื่องอาหารมื้อกลางวันจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนหลัก แบ่งที่นั่งชายหญิงชัดเจนเพียงแต่คนของตระกูลหลิน นอกจากหลินเซียงอี๋แล้ว หลินเล่ออี๋ลูกสาวคนเดียวก็ยังเด็กอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจึงไม่ได้วางฉากกั้นทุกคนในครอบครัวทยอยกันเข้ามานั่งจนเต็มที่นั่งยกเว้นสะใภ้แซ่หวังที่ยังไม่มาสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สู้ดีนัก มองไปที่สาวใช้ข้างกาย "เจ้าไปตามสะใภ้แซ่หวังมา เซียงอี๋กลับมาเยี่ยมบ้าน ในฐานะแม่กลับไม่อยู่ ดูไม่งามเลย"ป้าจางเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน แต่งงานกับพ่อบ้านของตระกูลหลิน หลังจากนั้นก็อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาตลอด ได้รับความไว้วางใจอย่างมากนางเป็นคนเที่ยงธรรมและเคร่งขรึม ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหลินดูแลจัดการทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่เฉียบขาด ไม่ไว้หน้าใครสะใภ้แซ่หานเห็นแม่สามีให้คนนี้ไปตามสะใภ้แซ่หวังก็แอบดีใจ ในแววตาคาดหวังว่าจะได้ชมเรื่องสนุกพี่สะใภ้คนนี้ ชีวิตต่อไปภายหน้าคงลำบากแน่หลังจากป้าจางไปแล้ว สะใภ้แซ่หานก็กลอกตาแล้วลุกขึ้นถาม "ท่านแม่ พวกเราจะรอพี่สะใภ้หรือเริ่
คำพูดของอวิ๋นเฉิงหนักแน่นและทรงพลังจากนั้น อวิ๋นเฉิงก็พาหลินเซียงอี๋ออกจากเรือนชิ่งฟางโดยไม่ฟังคำอธิบายของสะใภ้แซ่หวังเมื่อออกจากเรือนตะวันตก อวิ๋นเฉิงก็ปล่อยมือหลินเซียงอี๋หลินเซียงอี๋มองไปที่คนข้างๆ แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณสามีที่ช่วยเหลือข้าในวันนี้ ข้า…”“หลินเซียงอี๋ ต่อไปทำอะไรให้คิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน”อวิ๋นเฉิงตำหนิโดยไม่ลังเล “ถ้าวันนี้เจ้าถูกไอ้สารเลวกู้มันแตะต้องจริงๆ แล้ววงศ์ตระกูลของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”หลินเซียงอี๋เก็บความซาบซึ้งใจไว้ “สามีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เรื่องวันนี้ข้าประมาทเอง ข้าไม่น่าเชื่อใจท่านแม่”“อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสามีที่เชื่อใจข้า ไม่ได้ฟังคำใส่ร้ายป้ายสีของคนอื่น”อวิ๋นเฉิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะ “เจ้าดิ้นรนขวนขวายจะแต่งเข้าจวนโหวเพื่อจะมีชีวิตที่ดี จะกลับไปกินของเก่าอย่างกู้สิงโจวได้อย่างไร”“จวนโหวถึงจะไม่ใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าตระกูลกู้เยอะ”“ข้ามีสมอง ย่อมรู้จักแยกแยะถูกผิด”หลินเซียงอี๋ฟังแล้วคันฟัน อยากจะกระโดดกัดคนตรงหน้าใ
กู้สิงโจวหันไปมองอวิ๋นเฉิงด้วยความเดือดดาล “ท่านโหวน้อย ท่านเพิ่งจะยอมรับว่าคุณหนูหลินเซียงอี๋เป็นคนนัดพบข้าไม่ใช่หรือ”อวิ๋นเฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นางแค่นัด เจ้าก็เสนอหน้ามา? คุณชายกู้เอาตำราคุณธรรมทั้งหลายไปท่องให้สุนัขฟังหมดแล้วหรือ?”กู้สิงโจว…เมื่อโดนด่าไปเต็มๆ ใบหน้าของกู้สิงโจวก็แดงก่ำเหมือนตับหมู ทว่าเขากลับเถียงไม่ออกสักคำเดิมทีคิดว่าจะยุให้อวิ๋นเฉิงกับหลินเซียงอี๋ผิดใจกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลินเซียงอี๋กลับมาหาตนเองได้ แต่อวิ๋นเฉิงเห็นภรรยาใหม่ของตนอยู่กับอดีตคู่หมั้นในห้องสองต่อสอง ก็ต้องโกรธแค้นและเกิดความร้าวฉานขึ้นแน่แต่ใครจะรู้ อวิ๋นเฉิงกลับไม่ทำตามที่คาดไว้เลย หนำซ้ำยังปกป้องหลินเซียงอี๋อย่างเต็มที่ด้วยอวิ๋นเฉิงใช้รูปร่างอันสูงใหญ่ ยืนปกป้องหลินเซียงอี๋อยู่ข้างๆ มองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้านของเซียงอี๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ข้าต้องไปถามท่านปู่ท่านย่าสักหน่อยแล้ว ว่าท่านอาสะใภ้รองดูแลจัดการบ้านช่องอย่างไร”“หรือคิดจะรังแกเซียงอี๋เพราะไม่มีใครหนุนหลัง?”สะใภ้แซ่หวังเห็นว่าอวิ๋นเฉิงจะเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ