"ขอพบท่านประธานเหรอคะ" พนักงานมองคนที่มาขอพบ ..เสื้อผ้าการแต่งตัว เหมือนกับไม่ได้มาคุยงาน"ผมมีธุระจะคุยกับท่านประธาน" สายตาแบบนี้ทำไมภูธรจะดูไม่ออกว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเขาเคยอยู่จุดสูงสุดมาแล้ว ถ้ามีคนแต่งตัวแบบนี้มาขอพบประธานใหญ่..คงให้เข้าพบหรอก"รอก่อนเดี๋ยวขอแจ้งเลขาของท่านก่อนค่ะ" ใบหน้าของพนักงานดูจะไม่จริงจัง ยังชั่งใจอยู่ว่าจะแจ้งดีไหม"ทำไมคุณถึงคิดว่าท่านจะรู้ล่ะ ว่าลูกเราอยู่ที่ไหน" ผู้เป็นภรรยายังคงถามสามีในขณะที่ยืนรอ"มันเหลือแค่หนทางเดียว เราไม่รู้นี่ว่าลูกไปอยู่ที่ไหน"ทั้งสองนั่งรอที่โต๊ะรับแขกชั้นล่างอยู่นานสองนาน พนักงานก็ดูเหมือนจะเฉยมาก..น้ำสักแก้วก็ไม่มีมาบริการ"ติดต่อขึ้นไปให้หรือยังครับ" ภูธรเดินมาถามอีกครั้ง"คุณคะ คนที่คุณมาขอพบคือประธานของบริษัทนี้ คุณช่วยใจเย็นกว่านี้ได้ไหมคะ" ว่าแล้วพนักงานคนนั้นก็หันไปตะไบเล็บต่อ"ฉันว่าคุณมานั่งรอก่อนดีกว่าค่ะ" ภรรยาเดินมาจูงมือสามี"คุณก็เห็น ว่าพนักงานไม่สนใจเราเลย""จะว่าให้พวกเขาก็ไม่ได้หรอกค่ะ มันคงเป็นระบบระเบียบของบริษัท""มันจะระเบียบอะไรนักหนา รอมาชั่วโมงกว่าแล้วนะ" ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้ทาน และตอนนี้ก็
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสุดหรู ก้าวเดินลงจากรถแล้วตรงเข้ามาในบริษัทเขาไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง ยังเดินตรงไปที่ประตูลิฟท์ทั้งๆ ที่มีชายหญิงวัยกลางคนมองตามตั้งแต่ลงจากรถแล้ว"คุณลุงคะ..ใช่ท่านประธานคนนี้หรือเปล่าคะที่คุณลุงอยากจะพบ" พนักงานคนที่ให้ทั้งสองไปพักอาศัยที่ห้องเช่าของเธอรีบเดินเข้ามาบอก เพราะเห็นว่าลุงต้องการจะพบท่านประธานมาก แต่พอท่านมาแล้วทำไมลุงถึงไม่เข้าไปหาท่านประธานคนที่ภูธรต้องการพบก็คือสำราญ แต่ผู้ชายคนที่พนักงานบอกว่าเป็นท่านประธาน??"เขาคือท่านประธานที่นี่เหรอหนู""ใช่ค่ะท่านคือลูกชายของท่านประธานคนก่อน ที่เข้ามารับช่วงต่อค่ะ" พนักงานคนนี้พอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แต่พอเห็นสีหน้าของลุงกับป้าแล้ว คงจะมาหาท่านประธานคนก่อนแน่เลย"คุณครับ" ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนมาก แต่การแต่งตัวหรือแม้แต่ตำแหน่ง คงไม่ใช่หรอกมั้ง นี่คือความคิดของภูธร เขาก็เลยต้องเดินเข้าไปหาเพื่อเช็คให้แน่ใจจังหวะนั้นประตูลิฟต์ได้เปิดออก คนที่ยืนรอลิฟท์อยู่ถึงกับหันขวับกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู"?" สายตาคมมองที่สองสามีภรรยา แบบไม่เชื่อตาตัวเอง"ขะ..คุณพ่อ?!"พนักงานที่กำลังทยอยกันเข้ามาในบริษ
"ฉันว่าเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า จะมายืนคุยอะไรอยู่ตรงนี้ อายชาวบ้านชาวช่องเขา" ประไพยังได้เอ่ยพูดต่อ ที่จริงไม่มีใครมองเข้ามาเห็นหรอก เนื้อที่กว้างขวางขนาดนี้และภูธรก็ยอมเดินตามเข้ามาแต่โดยดีในห้องรับแขก.."ฉันจะเป็นคนพูดก่อนเลยแล้วกันนะ" ในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะตอนนี้สามีได้โอนทุกอย่างที่นางควรจะได้ให้กับนางหมดแล้ว ..และทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี"ในเมื่อเด็กเขารักกัน เราเป็นผู้ใหญ่แก่ใกล้จะลงโลงกันอยู่แล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้เด็กเขาได้มีชีวิตอยู่ร่วมกันไป"ถึงแม้คำพูดของแม่จะไม่มีความอ่อนโยนเลย แต่ทุกประโยคที่พูดออกมามันทำให้ลูกชายแทบจะน้ำตาไหล เพราะเหมือนแม่กำลังปกป้องความรักของลูกอยู่"เรื่องผิดพลาดที่ผู้ใหญ่ได้ทำไว้ในอดีต ฉันจะไม่นำมันมาพูดให้มีผลกระทบต่อปัจจุบันและอนาคตของเด็ก คุณเห็นด้วยไหมคุณภูธร" ประโยคนี้ประไพหันไปมองพ่อของเธอโดยตรงและบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมาถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในเมื่อต้นต่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะอะไรภูธรรู้ดียิ่งกว่าใคร"ในเมื่อตอนนี้เรากำลังจะเป็นปู่ย่าตายายกันแล้ว""..?.." ประโยคหลังมันทำให้แขกทั้งสองถึงกับสะดุ้
"ผมคิดว่าเราควรจะจัดระบบระเบียบของพนักงานต้อนรับใหม่ดีกว่าไหมครับ"กึก!! เสียงของในมือของหัวหน้าแผนกต้อนรับถึงกับตกพื้น"ยังไงเหรอครับท่าน" ผู้จัดการใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกายก็รีบถามกลับ"แผนกต้อนรับเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท เราควรที่จะหาบุคคลที่เชื่อถือได้มารับตำแหน่งนี้ ยิ่งเป็นหัวหน้าแผนกแล้วก็ยิ่งต้องดูให้ดี" สายตาของภูธรมองไปดูป้ายที่เหน็บอยู่ หน้าอก ก็เห็นแล้วว่าเธอคนนี้คือหัวหน้าแผนก"ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ถ้าดิฉันรู้จะไม่ทำแบบนั้นเลยค่ะ" หัวหน้าแผนกรีบยกมือขึ้นไหว้ ขอโทษขอโพย"มันเรื่องอะไรกันแน่" ผู้จัดการใหญ่ หันไปหาคนที่กำลังตื่นตูมอยู่"ท่านเข้ามาเมื่อวานนี้ มาถามหาท่านประธานค่ะ""แล้วเธอก็ไม่แจ้งขึ้นไปข้างบนเหรอ" ผู้จัดการยังคงสอบถามต่อ"แจ้ง..ค่ะ" ตอบแบบตะกุกตะกัก"แจ้งหรือไม่แจ้งเดี๋ยวก็รู้" ภูธรพูดเหมือนว่าจะตรวจสอบ เพราะเมื่อวานนี้เขาก็ได้แอบสังเกตอยู่ ว่าเธอคนนี้ไม่ได้ติดต่อไปที่ไหนเลย"ขอโทษจริงๆ ค่ะ ดิฉันไม่ได้แจ้ง""แค่แจ้งหรือไม่แจ้งขึ้นไปเธอยังโกหกเลย แบบนี้คงให้ทำงานด้วยกันไม่ได้แล้วมั้ง""ดิฉันมีลูกต้องเลี้ยงอย่าให้ดิฉันออกเลยนะคะ ดิฉันจะพยายามทำงาน
"ใจเย็นๆ ก่อนสิวะไอ้เสก""ไม่ใจเย็นแล้วว่ะ มึงดูสิ ถ้ากูเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย วันๆ กูจะไปไหนได้วะ กูคงเป็นง่อยตาย""ทำไมพี่ต้องเป็นง่อยด้วย" จั๊กจั่นหันกลับไปถามในขณะที่มะลิซ้อนกำลังพาเธอออกจากห้องไปก่อน แต่ก็ยังไปไม่พ้นประตูเลยด้วยซ้ำ"เป็นง่อยก็เพราะเธอนั่นแหละ วันๆ คงจะไม่ได้ไปไหน มัวแต่ตามต้อยๆ""ได้ถ้าพี่ต้องการแบบนั้น เราจะกลับไปหาผู้ใหญ่ด้วยกัน""เดี๋ยวก่อนสิจั๊กจั่น" จบคำพูดจั๊กจั่นก็รีบวิ่งออกจากห้องมา เหนือตะวันรีบตามไป"โอเค! เจอกันที่บ้านเลยละกัน ทำให้ได้เหมือนปากพูดนะ!!" เสกสรรยังเดินตามมาแล้วตะโกน ตอนที่เธอกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ที่ทุกคนต้องนัดกันมาคุยที่บ้าน เพราะผู้ใหญ่ได้ตกลงว่าจะให้แต่งงานกัน แต่พอทั้งสองจะไม่แต่งตามคำผู้ใหญ่ ก็ต้องได้กลับมาถอนคำพูด..บนรถ.."พี่ไม่ต้องพาฉันกลับหรอก แค่ไปส่งฉันขึ้นรถทัวร์ก็พอแล้ว""แล้วจะกลับได้เหรอ""กลับได้สิมายังมาได้เลย""กลับไปคุยกันที่บ้านก่อน มิลานยังไม่รู้เรื่องนี้เลย""ไม่ต้องบอกให้มิลานรู้หรอก เดี๋ยวพลอยไม่สบายใจไปเปล่าๆ""ไม่ได้! คนที่จะโดนเล่นก็คือพี่"ขับรถเพียงไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน"มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมนายไปคบคนแบบนั้
"กูขึ้นไปนอนก่อนแล้วกัน" คุยกับเสกสรรอยู่แบบนั้นเพียงไม่นานเหนือตะวันก็ลุก"ทำไมมึงไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยวะ""ก็ในเมื่อมึงสุขสมหวังไม่ใช่เหรอ มึงไม่ได้อกหักสักหน่อย ที่จะต้องการเพื่อน""สุขสมหวังก็ต้องการเพื่อนเหมือนกัน""ไม่เอากูง่วงขับรถมาทั้งวัน" ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ เดินขึ้นบ้านไปส่วนเสกสรรทิ้งตัวลงนอนที่แคร่ไม้เหมือนเดิม ..ในใจก็คิดแต่ว่าพรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะต้องให้พ่อกับแม่ไปถอนคำพูด และต้องเสียค่าสินไหมให้ฝ่ายหญิงที่เคยกระทำล่วงเกิน เพราะผู้ใหญ่เห็นกับตา ก็เลยไม่ต้องมีหลักฐานอะไร"จุ๊จุ๊"เหนือตะวันเปิดมุ้งเข้ามาก็ได้ยินเสียงภรรยา"มีอะไร""จั๊กจั่นนอนอยู่""อะไรนะ?.. นอนหลับนานหรือยัง""เพิ่งหลับมั้ง เพราะเพิ่งเงียบไป""ถ้างั้นแสดงว่า..?" เขาอยากจะพูดว่าถ้างั้นก็ได้ยินหมดแล้วน่ะสิ"ก็ใช่ไง"แต่ที่จริงจั๊กจั่นยังไม่หลับหรอก ใครจะไปหลับได้ เจอเรื่องหนักขนาดนี้ รวมทั้งร่างกายที่บอบช้ำเพราะไม้เรียวของแม่"เราก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยนี่แหละ อย่าคิดอะไรมากนะ" เหนือตะวันได้แต่ปลอบใจภรรยา แล้วเขาก็นอนลงอีกฝั่งหนึ่งเช้าวันต่อมา..จั๊กจั่นรีบลงมาจากบ้านของเพื่อน เพราะวันนี้เป
"กูล่ะสงสารจั๊กจั่นมัน มึงก็ไม่น่าไปทำน้องแต่ทีแรกเลย" สาครคือเพื่อนหมู่บ้านเดียวกัน แถมบ้านอยู่ใกล้จั๊กจั่น ถูกแม่ทำโทษทีไรสาครก็ได้ยิน แต่จะไปช่วยก็ไม่ได้ เพราะนั่นมันเป็นเรื่องในครอบครัวของเขา"ถ้ามึงจะมาพูดเรื่องนี้อย่ามาหากูเลยดีกว่าไอ้คร""แล้วนี่มึงจะอยู่บ้านอีกนานไหม กูเห็นไปกรุงเทพฯ บ่อยกว่าไปนาซะอีก""ไปไม่ไปมันก็เรื่องของกู ไปหาเหล้ามาแดกดีกว่าว่ะ""นี่ยังหัววันอยู่เลย มึงอยากจะแดกอะไรนักหนา""กูไม่ให้มึงออกเงินช่วยหรอกน่า เงินกูมีเยอะแยะ" ทำไมเสกสรรจะไม่รู้สึกผิด เพราะเห็นตามเนื้อตัวที่เขียวช้ำของจั๊กจั่นแล้ว รู้ดีว่ามันคือผลงานของตัวเอง เขาถึงไม่ให้แม่ต่อรองราคาลงมากกว่านั้นในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งกินเหล้าอยู่นั้น ตั๊กแตนก็ได้เดินเข้ามา"พี่สาครก็อยู่นี่เหรอ""มีอะไรวะ อย่าบอกว่ามาตามหาจั๊กจั่นอีกแล้ว""ก็ใช่น่ะสิ.. ทำเรื่องให้ฉันปวดหัวได้ทุกวี่ทุกวัน ถ้าไม่ใช่น้องนุ่งนะ ฉันไม่สนใจหรอก" พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น นั่นแหละคือความถนัดของตั๊กแตนเลย"คงจะลงไปเล่นปลายนากับป้าวรรณีมั้ง" คนที่พูดก็คือเสกสรร"ฉันไปที่นั่นมาแล้ว""ถ้าไม่อยู่ที่นั่น ก็คงไปเล่นบ้านเพื่อนนั่นแหล
[หน้าห้างสรรพสินค้า]"ตื่น" ไม่ใช่แค่คุณนายแม่ที่เห็นคอนเท้นนั้นของเน็ตไอดอล เจ้าของห้างก็เห็นเช่นกัน จึงต้องได้รีบให้คนมาเชิญตัวผู้หญิงที่นอนอยู่หน้าห้างออกไปก่อน กลัวว่าจะเป็นข่าวเสียหายหญิงสาวถูกเขย่าจนรู้สึกตัว..รีบลุกขึ้นมานั่งแบบงัวเงีย"ขอโทษค่ะ" จั๊กจั่นรีบลุกขึ้นยืนเพราะรู้สึกอาย ตอนนี้ใครหลายคนต่างก็มองมา ถึงแม้ที่นี่จะดึกแล้ว แต่คนก็ยังพลุกพล่านอยู่"ผู้หญิงคนที่นอนอยู่หน้าห้างเมื่อสักครู่ไปไหนแล้ว" ลงรถได้ประไพก็รีบเดินมา เพราะจำห้างนี้ได้แม่น เวลาที่นั่งดูไลฟ์สด แน่นอนว่ามันคือเวลาปัจจุบัน"เห็นรปภ.ของห้างมาไล่ให้ออกไปแล้ว" คนที่ยังอยู่แถวนั้นตอบออกไป"แล้วเห็นไหมว่าเดินไปทางไหน""คนเยอะขนาดนี้ไม่เห็นหรอกป้า""ไอ้นกแก้วมันจะไปไหนของมันเนี่ย" ประไพแน่ใจว่าต้องเป็นจั๊กจั่นแน่พอเดินตามหาแถวนั้นไม่เจอ นางก็เลยโทรไปหาลูกชาย ซึ่งวันนี้เขาขอพาภรรยาไปนอนที่บ้านแม่ยาย>>{"อะไรนะครับแม่?"}{"ตอนนี้แม่ยังอยู่ที่ห้าง เดี๋ยวแม่ส่งคลิปให้ดู"} นางก็เลยกดแชร์คลิปนั้นเพื่อให้ลูกชายได้ช่วยดู พอมิลานและเหนือตะวันเห็นก็แน่ใจเลยว่านั่นคือจั๊กจั่นเหนือตะวันก็เลยรีบโทรกลับไปที่หมู่บ้าน>>{"จ
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร
"กูขอโทษด้วยนะที่ทำให้มึงเดือดร้อนไปด้วย" พอเหตุการณ์ปกติ ทั้งสี่ก็ได้มานั่งคุยกันที่บ้านหลังเดิมของมิลาน"ไม่เป็นไรหรอกน่าา เป็นเพื่อนกัน""แล้วพ่อมึงจะยอมมาไหมวะ" ด้วยความโมโหและความเป็นห่วงคนรัก เขาก็เลยพูดไปโดยไม่ได้คิด เพราะคนระดับท่านรัฐมนตรีจะว่างมาให้ไหม"ต้องลองคุยกับพ่อดูก่อน""อย่าคิดมากนะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป" มิลานได้แต่ปลอบใจจั๊กจั่นที่นั่งทำหน้าเศร้า"ทุกคนก็เลยต้องได้มาเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันน่าจะกลับไปพร้อมแม่ให้เรื่องมันจบๆ ไป""ทุกคนเต็มใจช่วย อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ"เหนือตะวันก็เลยเดินเข้ามาเอาโทรศัพท์ที่รถ เพื่อที่จะโทรหาพ่อดูก่อน.. ที่เขาต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถเพราะยังไงบ้านปลายนาก็ไม่ค่อยมีสัญญาณอยู่แล้ว แถมไม่มีไฟฟ้าที่จะชาร์จโทรศัพท์ด้วยเวลาผ่านไป.. ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาก็ได้กลับมาหาทั้งสามที่นั่งรออยู่ที่เดิม"พ่อกูติดประชุมในพรรค""ท่านปลีกตัวมาไม่ได้เลยเหรอ" มิลานเดินเข้ามาถามสามี"ไม่แน่ใจ""ทำไมไม่ถามดีๆ ก่อนล่ะ""ทุกคนพอแค่นี้เถอะ ฉันจะกลับบ้าน" จั๊กจั่นไม่อยากจะให้ พวกเพื่อนๆ ต้องมาเดือดร้อนกับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว"ไม่ได้นะ
"มานี่เลยนะนังลูกไม่รักดี!" อัมพรเดินเข้าไปคว้าตัวลูกสาวเข้ามาหวังจะทำโทษ"อย่าทำอะไรจั๊กจั่นนะน้า" เสกสรรที่เดินตามหลังมา ดูท่าไม่ดีก็เลยรีบเข้ามาขวางไว้"เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอเสก ไหนตกลงกับน้าแล้วไงว่าจะไม่เจอหน้ากัน""ผมแค่มาส่งเห็นมันมืดค่ำแล้ว น้าจะปล่อยให้ลูกสาวมีอันตรายหรือไง" ในขณะที่พูดสายตาของเขาตวัดมองไปที่ตั๊กแตน แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าตั๊กแตนจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพราะดูเรียบร้อย ผิดกับอีกคนที่เขากำลังหลงใหลอยู่ในตอนนี้ เธออาจจะเป็นคนที่ดูแรง แต่เธอก็ไม่ได้เสแสร้งเหมือนตั๊กแตน"ใครก็พูดได้ถ้าจะพูดแบบนี้" ตั๊กแตนยังพูดยุแยง เพราะได้ยินเมื่อตอนกลางวันเรื่องที่เสกสรรมาสู่ขอจั๊กจั่นอีกครั้ง ก็เลยเริ่มจะหมั่นไส้"ตกลงแม่จะตีไหม ถ้าไม่ตีฉันจะกลับเข้าห้องแล้ว""จั๊กจั่นอย่าพูดแบบนั้น" เสกสรรห้ามปรามไว้ เพราะมันเหมือนกับไปกระตุ้นอารมณ์ของแม่ เขากลัวว่าน้าอัมพรจะตีเธอซ้ำรอยเดิม"พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกกลับบ้านพี่ไปเถอะ" จั๊กจั่นหันมาตวาดใส่เสกสรร เพราะถ้าเขายังอยู่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้"พี่จะกลับ แต่ต้องแน่ใจก่อนว่าน้าอัมพรจะไม่ตีเรา" แต่เสกสรรไม่ยอมไปเพราะกลัวแม
"ไอ้เสกมึงจะฆ่าแม่หรือไง" พ่อรีบเข้ามาในครัวเมื่อได้ยินเสียง"ผมฆ่าแม่ตอนไหน""ก็เรื่องที่มึงกำลังพูดอยู่เมื่อกี้ไง!""พ่อได้ยินแล้วเหรอ""กูได้ยินตั้งแต่คำแรกที่มึงพูดแล้ว" ที่พ่อของเขาได้ยินเพราะท่านอยู่แถวหน้าต่าง ตรงที่เขาคุยกับแม่พอดี"นะพ่อนะ..ไปขอเมียให้ผมหน่อยนะ"ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปเก็บของที่ภรรยาทำตกหล่น"พ่อกับแม่จะไปคุยให้ผมไหมเนี่ย""มึงจำได้ไหมก่อนที่มึงจะหนีเข้ากรุงเทพฯ มึงก็พูดคำนี้แหละ แต่มึงให้พวกกูไปถอนคำพูด จนเสียค่าสินไหมไปกี่แสน""เรื่องนั้นผมขอโทษ ผมรับรองว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว""กูไม่เชื่อมึงหรอกไอ้เสก""เชื่อผมเถอะพ่อ" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาหน้าบ้าน เพราะตอนนี้พ่อเอาขยะออกมาทิ้ง"ถูกตีเลยเหรอวะ" จังหวะนั้นป้าร้านค้ากำลังคุยกับตั๊กแตนอยู่พอดี"จะเหลือเหรอป้า""เรื่องปกติของแม่มันอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ตีลูก""สมน้ำหน้าน่ะสิไม่ว่า เดี๋ยวก็ท้องไม่มีพ่อเข้าสักวัน""กำลังพูดถึงเรื่องใครอยู่" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาได้ยินคำนี้พอดี"จะพูดถึงใครล่ะ ก็พูดถึงเรื่องผู้หญิงที่พี่ไม่เอาแล้วไง" ตั๊กแตนหันไปพูดกับเสกสรรแบบได้ใจ เหมือนกับว่าหาแนวร่วมเพราะ