ยายหลี่พูดอย่างอ่อนใจ “ระยะนี้องค์ชายน้อยอารมณ์รุนแรงขึ้นมากเพคะ”“คงเป็นเหมือนพ่อสารเลวของเขานั่นแหละ”อินชิงเสวียนกินแตงโมไปสองชิ้น ในที่สุดก็รู้สึกเย็นลงไปบ้าง จากนั้นนางก็ถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้ายังมีของกินพอหรือไม่”อวิ๋นฉ่ายกล่าวด้วยใบหน้ามีความสุข “พระสนมไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างเพียงพอแล้ว สำหรับเนื้อ หม่อมฉันก็ทำเป็นเนื้อสับเก็บไว้ในน้ำเย็น เตรียมไว้สำหรับทำเกี๊ยวคืนนี้”อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ทำเกี๊ยวก็ดี ข้าก็อยากกินเกี๊ยวเหมือนกัน จริงสิ คืนนี้ข้าจะพักที่วังเย็น แล้วจะออกจากวังพรุ่งนี้เช้า”นางรับตัวเจ้าหมาน้อยมา เปิดปุ่มให้ตุ๊กตาดนตรีทำงาน แล้วตุ๊กตาดนตรีก็เปล่งเสียงเพลงและเริ่มเต้นรำเจ้าหมาน้อยถูกดึงดูดทันที ดวงตาสีเข้มของเขาเปิดกว้าง แพขนตาหนาราวกับพัดเล็กๆ ขยับไปมา ดูหนาฟูและน่ามองมากเขายื่นมือเล็กๆ ออกมา ชี้ไปที่ตุ๊กตาดนตรี แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้ที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ จากนั้นโบกมือเล็กๆ อย่างมีความสุข ราวกับกำลังเต้นรำกับตุ๊กตาดนตรียายหลี่เองก็มองดูของเล่นด้วยความประหลาดใจ “พระสนมเก่งกาจจริงๆ”อวิ๋นฉ่ายก็เดินมาดู จ้องมองที่ตุ๊กตาดนตรี ไม่รู้ว่าสิ่งนี้
“หา?”หลี่เต๋อฝูตกใจเล็กน้อย ฮ่องเต้นึกอย่างไรถึงจะเสด็จไปที่นั่นยิ่งพอนึกถึงเจ้านายในวังเย็นที่เหลือเพียงกระดูกไม่กี่ชิ้น กระดูกสันหลังของเขาก็เย็นวาบ“ฝ่าบาท สถานที่อย่างวังเย็นนั้นเป็นมลทิน พระองค์สูงศักดิ์บริสุทธิ์ อย่าไปเหยียบสถานที่เช่นนั้นดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเสียงเย็นเยียบ “โลกใบนี้มีคนตายไม่เพียงร้อยคนพันคน หากผีสางมีอยู่จริง คงมีอยู่เต็มทั่ววังหลวงแห่งนี้แล้ว” หลี่เต๋อฝูพอได้ยินวาจาของฮ่องเต้ ครานี้เย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง“ฝ่าบาท...”“มากความนัก!”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงต่อว่า แต่ตัวคนกลับขึ้นไปนั่งอยู่บนเกี้ยวแล้วขันทีน้อยเหล่านั้นแม้นจะกลัวจนตัวสั่ง แต่หากฮ่องเต้ต้องการเสด็จ พวกเขาก็ไม่กล้าขัดขวางพอมาถึงข้างกำแพงวังเย็น เสียงเห่าโฮ่งของไป๋เสวี่ยดังคราหนึ่ง แล้ววิ่งตรงไปที่ต้นไม้โบราณด้านล่าง เจ้าหมาตะกุยหญ้าบนพื้นแล้วมุดเข้าสวนไปเย่จิ่งอวี้คิ้วขมวดแน่น ตรัสกับหลี่เต๋อฝูว่า “เจ้าไปดูซิ” หลี่เต๋อฝูตามไปถึงข้างตัวไป๋เสวี่ย ทางไป๋เสวี่ยแยกเขี้ยวยิงฟันใส่หลี่เต๋อฝูจนเขาตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้เขาเห็นชัดขึ้นว่าตรงนั้นมีโพรงอยู่“ทูลฝ่าบาท ด้านหลั
ได้ยินดังนั้น อินชิงเสวียนรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่ใช่ว่าท่านโหราจารย์ทำนายผิดหรอก แต่เป็นเพราะนางเปิดใช้น้ำพุวิญญาณให้เทน้ำฝนลงมาอย่างไม่ได้ตั้งใจแม้ว่านางอยากทำเรื่องดีๆ เพื่อประชาชนบ้าง ให้มีฝนตกลงมาเยอะหน่อย แต่คะแนนสะสมน้อยเกินไปจริงๆ ทั้งหมดก็แค่สองสามร้อยคะแนน แถมยังต้องแลกด้วยของใช้จำเป็นไปอีกไม่น้อย หากได้สักหมื่นสักแสนคะแนน ตีให้ตายอินชิงเสวียนก็จะปล่อยให้ฝนตกในต้าโจวสามวันสามคืนไปเลย แต่ตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วโชคดีที่เย่จิ่งอวี้ก็ออกราชโองการให้ซ่อมแซ่มทางน้ำ ผันน้ำจากทางใต้ไปทางเหนือ หากภารกิจนี้สำเร็จ ต่อให้เกิดภัยแห้งแล้งขนานใหญ่ขึ้นอีก ก็คงไม่ย่ำแย่เท่าสถานการณ์ในปีนี้พออินชิงเสวียนนึกถึงประชาชนข้างถนนที่สวมเสื้อผ้าไม่ครบชิ้น และพวกเด็กเล็กที่ผอมกะหร่องจนโตแต่หัว นางก็พอเข้าใจเย่จิ่งอวี้ที่เร่งรีบอยากให้เกษตรกรปลูกเมล็ดพันธุ์ให้ได้ไวๆ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการต่อชีวิตของประชาชน มีเพียงให้พวกเขาได้กินอิ่มท้องก่อนเท่านั้น ถึงจะพูดเรื่องทำบ้านเมืองมั่งคั่งได้นึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ตรงประตูวังหลวงมีม้าเตรียมไว้ให้พวกเขาส
“คือว่า...ประการแรก ฮว๋าเซี่ยไกลเป็นพิเศษ ไปกลับหนึ่งหนอาจใช้เวลาตั้งหลายปี อีกอย่างก็คือ ฮว๋าเซี่ยตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกบนภูเขาเทพเซียน มีเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้นที่จะไปถึง พี่ชายของข้าเองก็มิได้หาฮว๋าเซี่ยพบทุกครั้ง”อินชิงเสวียนเริ่มพูดไปเรื่อยอีกแล้ว ทว่าหานสือกลับเชื่อหากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยินอดไม่ได้พูดอุทาน “นึกไม่ถึงว่าบนโลกจะมีแดนสวรรค์เช่นนี้ หากยามนี้ข้าไม่ได้เป็นขุนนาง ข้าต้องไปทิศตะวันออกเพื่อค้นหาอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนมองดูสีหน้าโหยหาของผู้เฒ่าหานจึงรีบเอ่ยต่อ “ใต้เท้าหานดูแลการหาเลี้ยงชีพของราษฎร เป็นความหวังของราษฎรทุกคน นี่เป็นเรื่องใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านจะจากต้าโจวไปได้เช่นไร ฝ่าบาทต้องการใต้เท้า ชาวบ้านยิ่งต้องการท่าน”คำพูดของอินชิงเสวียนพลันทำให้รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าของหานสือ“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงยกย่องเกินไปแล้ว นี่ล้วนเป็นหน้าที่ของข้า ต้องขอบคุณเมล็ดของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง เมื่อเป็นเช่นนี้ ราษฎรต้าโจวยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องท้องอิ่มร่างกายอุ่นแล้ว” อินชิงเสวียนเอ่ยด้วยใบหน้าถ่อมตน “ข้าน้อยเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของต้าโจว ย่อมต้
อินชิงเสวียนถือแตงโมเข้าห้องครัวใช้มีดตัดแบ่งเป็นหลายชิ้น แบ่งให้พวกเด็กๆ และฉินเทียนทั้งสามคนทุกคนล้วนไม่เคยเห็นแตงโมมาก่อน อดตะลึงไม่ได้เสี่ยวอานจื่อถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่คือ...”“นี่คือแตงโมชองฮว๋าเซี่ย พวกเจ้ารีบชิมดูสิ ในบ้านเราเหลือไม่กี่ลูกแล้ว”พอทุกคนลองชิมไปหนึ่งคำ ดวงตาแต่ละคนเบิกกว้าง เพียงรู้สึกถึงรสชาติหวานเย็นไหลจากลำคอลงไป คล้ายกับทั้งร่างสดชื่นขึ้นไม่น้อยซานชิงอายุน้อย กินไปหนึ่งคำก็อดถามขึ้นไม่ได้ “ท่านพ่อ ทำไมข้าไม่เคยเห็นมันในบ้านเรามาก่อนขอรับ”ต้าฮวาลนลานรีบปิดปากซานชิง“อย่าพูดไร้สาระ พวกเราออกไปกินนอกบ้าน”อินชิงเสวียนเหลือบมองลูกสาวคนโตอย่างเห็นด้วย จากนั้นก็ยื่นแตงโมให้พวกเขาต้าฮวาใช้มือถือแตงโมไว้ เดินนำน้องชายทั้งสองคนไปยังกลางลานบ้านทั้งสามคนในห้องไม่ได้คิดอะไรมาก ที่สำคัญคือพวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อแคว้นฮว๋าเซี่ย ที่นั่นจะมีผลไม้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรฉินเทียนกินไปสองชิ้นแต่ก็ยังไม่หนำใจ เอ่ยขึ้นว่า “แตงโมนี้อร่อยมาก หากไม่ได้ตามเสี่ยวเสวียนจื่อมา จะไปกินแตงโมแสนอร่อยขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน”เสี่ยวอานจื่อหัวเราะแห
อินชิงเสวียนพูดยิ้มแย้ม “วิธีการทำอาหารจากแป้งยังมีอีกมากมาย สามารถนึ่งเป็นซาลาเปา ห่อเกี๊ยว ทำเส้นบะหมี่ รอให้ข้าวสาลีสุก ข้าจะออกตำราเรียน สอนประชากรต้าโจวทำอาหารจากแป้ง”หานสือพยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้นก็ดีเสียจริง”ระหว่างพูดคุยก็กินเปี๊ยะหมดไปหนึ่งแผ่น เขาห่อที่เหลือในกระดาษอย่างระมัดระวัง เก็บซ่อนไว้ในอกเสื้อ เตรียมนำกลับไปให้ภรรยาและลูกชายลู่ทงหันหน้ามา เห็นหานสือรับของจากมืออินชิงเสวียนแล้วเก็บไว้ในหน้าอก เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ คิดว่าขันทีน้อยคนนี้กำลังติดสินบนหานสือ พรุ่งนี้เขามีฎีกาให้ถวายแล้วชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์เคลื่อนย้ายไปทางตะวันตก ชาวนาลุกขึ้นมาหว่านเมล็ดพันธุ์หานสือตะโกนจากที่ไกลๆ “ใต้เท้าลู่ รีบลุกขึ้นเถอะ ทำงานเสร็จเร็วก็กลับบ้านเร็ว”ลู่ทงทำเสียงฮึดฮัดลุกขึ้นจากพื้น เด็กรับใช้สองคนตามข้าหลังเขาด้วยความกระตือรือร้น ทำงานกันจนดวงอาทิตย์ตกดิน หานสือถึงให้ทุกคนเลิกงานพักผ่อน“หมดวันแล้ว เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงรีบกลับไปเถอะ”อินชิงเสวียนประสานมือคารวะ“ใต้เท้าหานทำงานหนักมาทั้งวันก็พักผ่อนเถอะ พวกเรากลับวังไปรายงานผลปฏิบัติงาน”หานสือหัวเราะเหอะๆ “ได้ หากมีวาสนาพว
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตอนนี้เองเสี่ยวอานจื่อก็กลับมาจากข้างนอกแล้ว“มีเรื่องอันใดรึ”เสี่ยวอานจื่อกล่าวเสียงแหลมว่า “ไม่มีอะไร พวกเขาแค่คันไม้คันมืออยากลองเล่นสักตาสองตา แต่ข้าไม่เห็นด้วย เงินข้ายังต้องเก็บไว้ใช้ในยามแก่เฒ่านะ”อินชิงเสวียนทำเสียงจิ๊เย้ยหยัน เป็นถึงขุนนางของฮ่องเต้ แต่กลับกล้าเล่นพนันเช่นนี้ พวกขันทีน้อยเหล่านี้ช่างใจกล้ายิ่งนัก“คนที่มาหาเจ้าเมื่อครู่เป็นใครน่ะ”เสี่ยวอานจื่อทิ้งตัวลงบนเตียง กล่าวด้วยสีหน้าเพลิดเพลินว่า “เขาชื่อเสี่ยวฮว๋ายจื่อ เห็นเขาอายุยังน้อยเช่นนั้น แต่เขาก็เป็นคนเก่าแก่ในจวนรัชทายาทนะ”อินชิงเสวียนได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงเล็กน้อย หากเสี่ยวฮว๋ายจื่อผู้นั้นเป็นคนเก่าแก่ในจวนรัชทายาท นั่นก็หมายความว่าเย่จิ่งเย่าได้ซื้อตัวคนข้างกายของเย่จิ่วอวี้มาตั้งนานแล้วเช่นนั้นหรือหรือไม่ เขาก็เป็นหนอนบ่อนไส้ของเย่จิ่งเย่าความสัมพันธ์ในวังหลวงนั้นช่างซับซ้อนยิ่งนักในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างกลัดกลุ้มใจเช่นกัน หากเขาเป็นคนเก่าแก่จริง เหตุใดถึงไม่ติดตามหลี่เต๋อฝูล่ะ“เมื่อก่อนเจ้าเองก็อยู่ในจวนรัชทายาทล่ะสิ ไม่เช่นนั้นหัวหน้าหลี่ก็คงไม่เลือกเ
“แล้วเรื่องอื่นล่ะ”เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกคนผู้นั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้อันผิงอ๋องได้เจอกับเสนากวนเมิ่งถิง ตอนนี้ปลอมตัวเป็นขันทีไปที่ตำหนักฉือหนิง นอกจากนี้ กระหม่อมยังยึดจดหมายมาได้หนึ่งฉบับ เป็นจดหมายที่ตำหนักฉือหนิงส่งออกไปพ่ะย่ะค่ะ”เขาควักจดหมายนั้นออกมาจากหน้าอก ยื่นทูลเหนือหัวให้กับเย่จิ่งอวี้ด้วยความเคารพเป็นอย่างเย่จิ่งอวี้รับจดหมายนั้นมา แต่กลับไม่ได้ร้อนใจที่จะเปิดอ่านเขาใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางลูบเล่นอักษรที่ปิดผนึกอยู่บนจดหมายนั้น นัยน์ตาหงส์แคบยาวคู่นั้นเผยความเย้ยหยันเล็กน้อยคนผู้นั้นกล่าวถามว่า “จะให้กระหม่อมนำคนไปขับไล่อันผิงอ๋องออกจากวังหลวงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ดวงตาของเย่จิ่งอวี่เปล่งประกายขึ้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่จำเป็น จับตาดูให้ดีก็พอ”“พ่ะย่ะค่ะ”รับสั่งเสร็จคนผู้นั้นก็ถอยไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะอันตรธานหายไปจากตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้ลุกจากตั่งฟูกนุ่ม ชุดคลุมยาวไหมสีขาวราวหิมะลากพื้น ขับให้ร่างของเขาดูสูงโปร่งเขาเดินไปที่โต๊ะทรงพระอักษร เปิดผนึกจดหมายฉบับนั้นออก ก่อนจะอ่านข้อความ
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล
“อย่างเจ้าน่ะรึ?”ชิงฮุยขยับมือทำท่ามุทรา ครั้นแล้วนักพรตเทียนชิง เฮ่อยวน และเหมยชิงเกอก็ตีล้อมลิ่นเซียวทันที“อาจารย์ ท่านระวังด้วย พวกเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว”ลิ่นเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ยกกิ่งไม้ในมือขึ้นสู่ท้องฟ้า มันได้กลายเป็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าทั้งสามจะรู้ว่าสิ่งนั้นทรงพลังเพียงใด ท่าทางการโจมตีก็ช้าลงดวงตาทั้งคู่ของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง ฉายแววปีติยินดีในใจ สมแล้วที่เป็นเทพกระบี่ ไม่ได้พบนานหลายเดือน ดูเหมือนทักษะกระบี่ของลิ่นเซียวจะก้าวหน้าขึ้นมากชิงฮุยเลิกคิ้วขึ้น“คิดไม่ถึงว่าในต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้”เขาขยับนิ้วเล็กน้อย ทำท่ามุทราอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งอีกหลายคนออกไปโจมตีลิ่นเซียว แรงกดดันของอินชิงเสวียนลดลงอย่างกะทันหัน ในใจรู้สึกเสียใจอย่างมากหากอดทนรออีกหน่อย คงไม่ต้องใช้รีบเรียกใบมีดทะมึนออกมา ตอนนี้ไม่สามารถเรียกมันออกมาได้แล้ว ได้แต่หวังว่าสหายชาวยุทธ์จะมาช่วยเหลือเขาในใจย่อมตระหนักดี ความคิดนี้เป็นไปไม่ได้ ชาวยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันในเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ยกเว้นลิ่นเซียวแล้ว จะหากำลังคนได้จากที่ไหนอีก จากนั้นก็เริ่มเป็นห่วง
อินชิงเสวียนยื่นมือออกไปเรียกพิณการเวก ใช้คลื่นเสียงหยุดการโจมตีของยอดฝีมือทั้งหลาย ชิงฮุยไม่ได้ลงมือใดๆ แต่กลับนั่งมองดูอย่างสงบอินชิงเสวียนรู้สึกกังวลและหงุดหงิด แต่คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นเพื่อนสนิทและญาติของตัวเอง จึงไม่สามารถลงมือรุนแรงได้ แม้ว่าการใช้งานทักษะห้าสิบห้าสิบจะขยายเวลาออกไป แต่อย่างไรก็มีขีดจำกัด เมื่อหมดเวลาใช้งาน นางก็จะได้รับผลสะท้อนกลับเช่นกันนางต้องทำลายสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้นวินาทีถัดมา อินชิงเสวียนสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงนางเห็นเฮ่อยวน เหมยชิงเกอ และนักพรตเทียนชิงทะยานเข้ามาหาตัวเอง โดยใช้เคล็ดวิชาลับของแต่ละสำนักในการโจมตีแสงสีขาวและสีม่วงสองดวงเกาะเกี่ยวพันกัน อินชิงเสวียนก็ถูกโจมตีบนไหล่ทั้งสองข้าง กระอักเลือดออกมา หน้าซีดเผือดเหมือนคนตายนับตั้งแต่ที่ข้ามภพมาถึงตอนนี้ นางต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่นางไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตรอดเหมือนตอนนี้แม้ว่าตอนนี้นางจะเข้าไปในมิติได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ คนรักและญาติของนางล้วนกลายเป็นหุ่นเชิดของชิงฮุย หากนางถู
หลังจากที่ชิงฮุยพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกลานบ้าน เจ้าสำนักเฮ่อ เซี่ยวอิ่นหวน ผู้อาวุโสสวี และเจ้าสำนักคนอื่นๆ ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานบ้าน“คารวะนายท่าน!”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของอินชิงเสวียน ทุกคนโค้งคำนับ ซึ่งเป็นการคำนับที่ถ่อมตัวและให้ความเคารพสูงสุดชิงฮุยเป่าปากเป็นเสียงแหลมยาวอีกครั้ง ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือ เย่จิ่งอวี้ เฮ่อฉางเฟิง ต่งจื่ออวี๋ และศิษย์รุ่นเยาว์เหมือนกับเก่อหงยวนอินชิงเสวียนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เย่จิ่งอวี้สามีของนางกำลังโค้งคำนับให้ชิงฮุยแม้แต่อินชิงเสวียนเองก็รู้สึกเวียนหัว อยากจะคุกเข่าลงคำนับเขาเช่นกัน“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ชิงฮุยหัวเราะร่วนอย่างดุเดือด นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของเขาเสียการควบคุม“ทุกสิ่งที่ข้าต้องการ จะเป็นของข้าในที่สุด ผลลัพธ์นี้ แม่นางอินพอใจหรือไม่”อินชิงเสวียนทั้งตกใจและโกรธ“วิกลจริต เจ้าควบคุมพวกเขาเหมือนหุ่นเชิดไร้อารมณ์ บ้านเมืองเช่นนี้ เจ้าได้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร”ชิงฮุยยิ้มช้าๆ“ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องการบ้านเมือง สิ่งที่ข้าต้องการนั้นมันสูงส่งและยิ่งใหญ่กว่านั้น”อินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “เจ้าต้องการอะไร หรือว่