เก่อหงยวนเพียงรู้สึกมึนศีรษะ ส่วนคนกระเด็นถอยไปข้างหลังมีเสียงดังปัง ล้มหน้าหงายเนื่องจากมีคนสองคนเสียชีวิตกะทันหัน ทุกคนจึงอยู่ในความตึงเครียด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอู้อี้อยู่ด้านหลัง จึงหันหลังกลับทันทีแทบทุกคนเห็นเก่อหงยวนล้มลงกับพื้นใบหน้าของเก่อหงยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงใบหูทันทีในไม่ช้านางก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ใช้แขนข้างหนึ่งวางบนเข่า แล้วเท้าคางบนฝ่ามือ ถลึงตามองและพูดว่า “มองอะไรกัน ข้าขอนั่งพักสักครู่ไม่ได้หรือ”ขณะที่พูด ผู้อาวุโสสวีก็มาถึงแล้วเขาขมวดคิ้วถามว่า “หงยวน เจ้าวิ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่”เก่อหงยวนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าแค่อยากมาดูเรื่องสนุก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย ก็เลยนั่งพักอยู่ที่นี่ อาจารย์อาสวี ท่านไม่ต้องสนใจข้า ไปทำธุรกิจของท่านเถอะเจ้าค่ะ!”อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เก่อหงคนนี้มีนิสัยเหมือนเด็ก...แค่คิดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกมีหนามทิ่มที่หลังพออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในระยะ แต่ความรู้สึกยังคงไม่หายไป ทำให้นางยืนขึ้นด้วยความหนาวสั่นและสยดสยองเมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงกดดันที
อินชิงเสวียนตกใจ กำลังจะเรียกเย่จิ่งอวี้เข้ามาดู แต่คนผู้นั้นก็หายตัวไปแล้วหรือว่าตัวเองตาลาย หรือคนใกล้เคียงถูกโจมตีทีละคน จึงเกิดความสงสัยไปเอง?อินชิงเสวียนเปิดกล้องวงจรปิดดูอีกครั้ง ซึ่งก็มีร่างหนึ่งจริงๆ นางไม่ได้ดูผิดจากนั้นก็คิดอีกครั้ง บนชายฝั่งเป่ยไห่มียอดฝีมือมากมาย บางทีอาจมีผู้อาวุโสจากยุทธจักรคนอื่นไปลาดตระเวนชายหาด ไม่น่ามีอะไรต้องห่วงเมื่อเห็นดวงตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้หลับลง ราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ อินชิงเสวียนก็ถือโทรศัพท์ปัดเล่นไปมา ไม่นานก็ม่อยหลับไปในที่สุดเมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้วเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนขอบเตียง กำลังเล่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือถ้าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าของข้าวต้าโจว อินชิงเสวียนคงจะคิดว่าตัวเองได้กลับไปสู่ยุคปัจจุบันแล้ว“ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้”อินชิงเสวียนหาว พลางมองไปที่เย่จิ่งอวี้เย่จิ่งอวี้ยืดนิ้วออก เกาสันจมูกของนางเบาๆ“สายแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองหลวง ข้าคงไปประชุมเช้านานแล้ว”วันธรรมดาเย่จิ่งอวี้มักจะตื่นตอนตีสี่ ถ้าตามเวลาในเมืองหลวง เวลานี้เขาคงไปประชุมได้สองชั่วยามแล้ว“อาอวี้อยากกลับเมืองหลวงไหม” อินชิงเสวียนถาม
“เชื่อว่าทุกท่านคงรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ วันนี้ที่เชิญทุกคนมาที่นี่ ด้วยหวังว่าทุกคนจะรวมตัวกันเป็นหนึ่ง ตามหาตัวสายลับที่ซ่อนอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่มาให้ได้”เฮ่ออวิ๋นทงเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น สำนักกระบี่สังหารเป็นสำนักกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ได้รับความเคารพยำเกรงอย่างสูง เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขารับผิดชอบสถานการณ์โดยรวมทุกคนพยักหน้าทันที วิธีการของเมื่อวานโหดร้ายและเลวทรามอย่างยิ่ง ดูเหมือนฝีมือของชาวตงหลิวจริงๆผู้อาวุโสสวีกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ หากไม่กำจัดสายลับ เหล่าลูกศิษย์ก็จะตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เรารอนแรมมาไกลถึงที่นี่ แม้ว่าจะตาย ก็ต้องตายอย่างคุ้มค่า”เจ้าสำนักเซี่ยวเห็นด้วย “ใช่แล้ว”ซูถูเหลือบมองเจ้าสำนักเซี่ยว พูดกระทบกระแทกแดกดัน “ตามความเห็นของข้า อาจไม่ใช่คนตงหลิวก็ได้ อาจจะเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งในสำนักบางสำนัก ใช้ประโยชน์จากน่านน้ำที่มีปัญหา เพื่อตกปลาในเวลาลำบาก ทำร้ายเพื่อนด้วยกัน”เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่ชอบซูถูที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ จึงตบโต๊ะอย่างอดไม่ได้“ซูถู เจ้ากำลั
เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ชิงเสวียนสำคัญต่อข้าอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะยืมออกไปได้อย่างไร?”อาซือหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ข้าเพียงอยากพาแม่นางอินไปลาดตระเวนชายฝั่งชั่วครู่ เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ต้องตื่นตกใจ ตอนนี้ลูกศิษย์ของสำนักต่างก็ส่งออกไปทำงานกันแล้ว มีพิณการเวกอยู่ก็สามารถประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าสำนักฉุยต้องการลาดตระเวน ข้าไปกับเจ้าก็ย่อมได้ เหตุใดต้องรบกวนอินชิงเสวียนด้วยเล่า”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และรีบพูดต่อว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวพูดถูกต้องเลยทีเดียว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ อีกสักครู่ข้าและเจ้าสำนักเซี่ยว รวมทั้งผู้อาวุโสซูจะไปลาดตระเวนชายฝั่งด้วยกัน”เฮ่ออวิ๋นทงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าไปด้วยสิ”ซูถูเข้าใจในทันทีและถอนหายใจพูดว่า “ตอนนี้เกิดคดีฆาตกรรมเช่นนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันหวาดกลัว เจ้าสำนักแต่ละท่านคอยอยู่ที่สำนักจะดีกว่า”เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าเจ้าสำนักเฮ่อกลัวว่าพวกข้าจะทำร้ายเจ้าสำนักเซี่ยวงั้นหรือ?”เจ้าสำนักเซี่ยวแทบไม่เห็นสองคนนี้อยู่ในสาย
ผู้หญิงคนนี้ก็คือจูอวี้เหยียนที่ถูกตัดเอ็นกล้ามเนื้อมือและเท้าจนหมดสิ้นเมื่อก่อนที่นางฝึกฝนพิษกู่ รากฐานบางส่วนมาจากการฝึกพลังเซียวเหยา จึงมีความรวดเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่มาก รวมทั้งอาซือหลานคอยช่วยนางดูดพลังผู้อื่นมาให้อยู่เสมอ เวลาเพียงไม่กี่วัน จูอวี้เหยียนก็ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนเป็นแผนการที่นางและอาซือหลานวางเอาไว้ ซึ่งมีทั้งเจ้าสำนักเซี่ยวและเซี่ยวอิ๋นหวนเพียงแต่แผนการผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย อาซือหลานต้องการให้นางเข้าใกล้เซี่ยวอิ๋นหวน แล้วค่อยคิดหาวิธีในการพบตัวเย่จิ่งอวี้ จากนั้นนำกู่ลูกในร่างกายของเขาออกมา น่าเสียดายที่จูอวี้เหยียนเกลียดพวกเขามากเกินไป รวมทั้งความคับแค้นที่มีอยู่ในใจ จึงได้จับตัวเซี่ยวอิ๋นหวนมายังสำนักเซียวเหยานางไม่สามารถนำกู่ลูกของเย่จิ่งอวี้ให้อาซือหลานได้ ยิ่งไม่อาจยอมรับความรักระหว่างอาซือหลานและอินชิงเสวียน ตอนนี้นางต้องการแก้แค้นเพียงเท่านั้นตราบใดที่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ ก็ไม่กลัวว่าเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนจะไม่ยอมศิโรราบให้“นำผู้หญิงคนนี้ไปมัดไว้ที่เสาหินด้านนอกห้องลับ ห้ามให้อาหารและน้ำดื่มแก่นางเด็ดขาด”จูอวี้เหยีย
“ฉุยอวี้ เจ้าทำอะไร?”เดิมทีเจ้าสำนักเซี่ยวต้องการถามซูถูถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเขาจะตายด้วยฝ่ามือของฉุยอวี้ฉุยอวี้ร่อนลงบนพื้นแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่คิดว่าซูถูจะกล้าแอบเล่าเรียนวิทยายุทธ์ของสำนักเซียวเหยา ถือเป็นการทำผิดต่อข้อห้ามสำคัญในยุทธจักร อีกทั้งเขายังลอบโจมตีเจ้าสำนักเซี่ยวก่อน หากปล่อยคนเลวทรามเช่นนี้ทิ้งไว้อาจเกิดความวุ่นวายได้สักวัน เจ้าสำนักเซี่ยวไม่จำเป็นต้องใจอ่อนต่อคนเลวทรามเช่นนี้”เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วแน่น มองไปที่อาซือหลานด้วยสายตาที่เฉียบคม“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่ควรฆ่าควรด้วยความร้อนใจเช่นนี้ เมื่อครู่ซูถูกำลังจะเรียกชื่อของเจ้าไม่ใช่หรือ ฉุยอวี้ เจ้าและซูถูรบเร้าให้ข้ามาที่นี่ หรือว่ามีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงไว้อยู่?”อาซือหลานถอนหายใจและพูดว่า “อย่างน้อยข้าก็เป็นเจ้าสำนักเช่นเดียวกัน เหตุใดเจ้าสำนักเซี่ยวจึงมองเหยียดหยามกันเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องแผ่นดินของชาติอย่างดินแดนจงหยวน ข้าก็คงไม่เดินทางไกลนับพันลี้มาที่นี่ ตอนนี้ลูกศิษย์ในสำนักสูญสิ้นนับร้อย ตายไปถึงแปดสิบคน กลับต้องถูกเจ้าสำนักเซี่ยวเคลือบแคลงใจเช่นนี้ ฉุยอวี้มีความทุกข์ใจแต่
“ทำไมหรือเจ้าคะ หรือว่าติดตั้งไว้ไม่ได้แล้ว?”อินชิงเสวียนเบิกตากว้าง รีบถามขึ้นมา“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเพียงถามดูเท่านั้น วันนี้ของสิ่งนั้นของเจ้าทำประโยชน์ได้ดีมาก ชาวตงหลิวกว่าสิบคนที่เข้ามาลอบโจมตี ลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเลราวกับปลาตาย”อินชิงเสวียนตื่นเต้นดีใจขึ้นมาในทันที“จริงหรือเจ้าคะ?”เจ้าสำนักเซี่ยวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน ตอนนี้มีลูกศิษย์กำลังไปที่ริมทะเล เพื่อนำศพเหล่านั้นขึ้นมา”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็เปลี่ยนสีหน้าทันที“ไม่ได้ ตอนนี้ลงทะเลไม่ได้นะเจ้าคะ”สิ่งของอย่างแหไฟฟ้าไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู หากลงไปตอนนี้ อย่างน้อยก็จะมึนงง หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ถูกไฟฟ้าช็อตจนตายอินชิงเสวียนเพิ่งพูดจบ ลูกศิษย์นอกสำนักคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอดด้วยความลนลาน“เจ้าสำนักเซี่ยว แย่แล้วขอรับ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกคนที่ลงทะเลจึงเจ็บปวดกันเป็นอย่างมาก ยังมีลูกศิษย์อีกสองคนสลบอยู่ในน้ำ เจ้าสำนักเฮ่อลงไปช่วยก็เกือบได้รับบาดเจ็บเช่นกันขอรับ”เมื่อได้ยินว่าเฮ่ออวิ๋นทงก็เสี่ยงที่เป็นอันตราย เจ้าสำนักเซี่ยวก็ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“ชิงเสวียน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“หาก
ความเจ็บปวดเข้ากระดูกทำให้มุมปากของเซี่ยวอิ๋นหวนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองไปยังด้านหน้า“เจ้าเองหรือ?”เซี่ยวอิ๋นหวนจำได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็คือแม่นางที่นางช่วยไว้ระหว่างทางกลับจูอวี้เหยียนยิ้มที่มุมปากแล้วพูดว่า “ข้าเอง”เซี่ยวอิ๋นหวนเหลือบมองนางอย่างละเอียด ตัวเองไม่เคยพบเจอกับแม่นางผู้นี้มาก่อนจริงๆ ไม่รู้ว่านางมาเป็นศัตรูกับตัวเองได้อย่างไร“เหตุใดเจ้าจึงจับข้ามาที่นี่?”จูอวี้เหยียนยกแส้ขึ้นมาอีกครั้ง และหวดลงบนตัวของเซี่ยวอิ๋นหวนอย่างรุนแรงนางยิ้มด้วยความน่าสะพรึงกลัวแล้วพูดว่า “เพราะว่าข้าเกลียดเจ้า เกลียดลูกชายของเจ้า ยิ่งเกลียดลูกสะใภ้ของเจ้า ได้ยินว่าเจ้าเคยเป็นไท่เฟยมาก่อน ไม่รู้ว่ารสชาติแบบนี้เป็นอย่างไร?”“หรือว่า... เจ้าชอบอวี้เอ๋อร์งั้นหรือ?”เซี่ยวอิ๋นหวนกัดฟันและถามด้วยน้ำเสียงสงบจูอวี้เหยียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าลูกชายของเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ใครต่างก็ต้องชอบงั้นหรือ?”“ในเมื่อไม่ใช่ เจ้ามีสิ่งใดต้องเกลียดงั้นหรือ?”เมื่อเห็นสีหน้าเซี่ยวอิ๋นหวนไม่เปลี่ยนแปลง ความโกรธของจูอวี้เหยียนก็ปะทุออกมา“นังผู้หญ