แชร์

บทที่ 675 เข่นฆ่าโรมรัน

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เย่จิ่งอวี้ถามศิษย์คนที่เดินมากับเขา เขาก็ไม่รู้ จึงต้องยอมแพ้

เมื่อกลับมาถึงสถานที่ตั้งของสำนักอวิ๋นซาน ซูถูก็ออกไปแล้ว

เย่จิ่งอวี้ไม่สนใจเลยสักนิดว่าซูถูจะไปที่ไหน ตอนนี้เขาแค่อยากพบฮวาเชียน ถามถึงเรื่องราวของเสด็จแม่ตั้งแต่ต้นจนจบ

เนื่องจากมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจ เย่จิ่งอวี้จึงไม่คุยกับคนอื่น เขาเข้าไปในที่พำนักชั่วคราว ปิดประตูและนั่งลง

ในสถานที่อันเต็มไปด้วยยอดฝีมือเช่นนี้ เขาจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด

นั่งขัดสมาธิ รวบรวมสมาธิ เพ่งกำลังภายในทั้งหมดไปที่จุดตันเถียน ปล่อยลมปราณไหลผ่านร่างกายอย่างช้าๆ หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าสู่ภาวะเข้าฌาน

ดูเหมือนคนทั้งคนจะตกอยู่ในความโกลาหล กลุ่มหมอกหนา ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดที่อยู่ตรงหน้าได้

ในหูแว่วยินเสียงยุ่งเหยิงต่างๆ บ้างก็มีคนเรียกหาพ่อบุญธรรม บ้างก็มีคนเรียกหาอวี้เอ๋อร์ นอกจากนี้ยังมีเสียงฆ่าฟันดังปะปนขึ้นด้วย

เย่จิ่งอวี้จิตใจแตกกระเจิง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น มีวงกลมสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ รูม่านตา แต่เพียงพริบตาก็หายไปในทันที

พลังลมปราณภายในร่างกายเหมือนกับม้าป่า ที่กำลังวิ่งพล่านไปมาอย่างดุเดือด

เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย อาจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 676 แว้งกัด

    เจ้าสำนักเซี่ยวหวังแค่จะจับตัวเย่จิ่งอวี้ ระหว่างที่เดินมา กลับถูกหยุดโดยผีแคระที่มีสัญลักษณ์รูปสีแดงระหว่างคิ้ว“เจ้าสำนักเซี่ยว ไม่เจอกันนานสบายดีหรือไม่”คนผู้นี้พูดภาษาจงหยวนแปร่งๆ ตัวเตี้ยและอ้วนเหมือนถังเล็กๆ แต่เคลื่อนไหวได้เร็วราวกับกระสุนปืน เท้าดูเหมือนจะติดสปริงไว้ กระเด้งตัวเหมือนคางคก เคลื่อนที่ไปซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่เห็นต้องรู้สึกสับสนมึนงงเมื่อเห็นคนผู้นี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมในฉับพลันชายคนนี้ชื่อโนจิริจูนิ เป็นหนึ่งในแม่ทัพของตงหลิว คนผู้นี้มีเคล็ดวิชาลับ จัดการได้ยากมาก วิธีการค่อนข้างโหดร้ายอำมหิต ไม่ว่าสตรีคนใดที่ตกอยู่ในมือของเขาจะต้องถูกย่ำยีแค่ชื่อนี้ก็ทำให้คนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันได้“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ข้าจะดูว่าวันนี้เจ้าก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว”ในขณะที่พูดคุย ทั้งสองได้ลงมือเคลื่อนไหวหลายกระบวนท่าแล้ว ภายใต้กำลังภายในอันเผด็จการของเจ้าสำนักเซี่ยว ความเร็วของโนจิริจูนิก็ช้าลงมากถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ที่สามารถผนึกมิติของอินชิงเสวียนได้ แม้แต่ในยุทธจักร เจ้าสำนักเซี่ยวก็ถูกเรียกขานว่าเป็นผู้นำโนจิริจูนิพูดว่า “ไม่ได้เจอกันหลาย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 677 เพลงหยกรัตติกาล

    เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกฮวาเชียน เย่จิ่งอวี้ก็หันศีรษะทันทีแน่นอนว่าเขาเห็นสตรีคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาคุ้นเคย แม้เวลาผ่านไปหลายปี ใบหน้าที่ตรากตรำความลำบากมากมายของนาง ยังเป็นเหมือนกับในความทรงจำของเย่จิ่งอวี้เมื่อมองดูสตรีในชุดสีขาวพระจันทร์ยืนอยู่ข้างๆ ฮวาเชียนอีกครั้ง หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็พองโตขึ้นเสวียน‍เอ๋อร์ ทำไมนางถึงมาที่เป่ยไห่!ขณะที่กำลังว่อกแว่ก ดาบเล่มยาวก็ฟาดลงมาที่หัว ตามมาด้วยถ้อยคำก่นด่าอันโกรธเกรี้ยว“บากะยาโร่ว (ไอ้บ้าเอ๊ย)” คนตัวเตี้ยรู้สึกได้ว่าเย่จิ่งอวี้กำลังฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองถูกดูหมิ่น อดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งเย่จิ่งอวี้ไม่มีความอดทนที่จะเสียเวลากับพวกเขาอีกต่อไป แค่อยากจะไปหาอินชิงเสวียนโดยเร็วที่สุดทันทีที่กระบี่ยาวในมือตวัด เสียงมังกรแผดคำรามก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปราณกระบี่มหาศาลทำให้กระบี่ยาวสูงขึ้นหนึ่งเมตรในทันทีเมื่อผีแคระตงหลิวเห็นสิ่งนี้ แทนที่จะกลัว เขากลับหัวเราะ“เจ้าน่ะ ขยะ”ทันใดนั้นเขาก็ยกดาบยาวขึ้น โจมตีไปที่แขนของเย่จิ่งอวี้ โดยไม่คาดคิดว่าปราณกระบี่นั้นเร็วกว่าวิชาดาบของเขาหลายเท่าตัว ได้ยินเสียงฉึ่บ และแขนของผ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 678 ความน่าทึ่งของมิติ

    อินชิงเสวียนตกอยู่ในห้วงภวังค์แหjงเสียงพิณ ไม่สนใจโลกภายนอก แม้ว่าเสียงพิณจะน่าตื่นเต้นมาก แต่สภาวะจิตใจของอินชิงเสวียนกลับสงบอย่างประหลาดในเวลานี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงอันน่าอัศจรรย์ดังมาจากมิติที่เงียบสงบมาโดยตลอดมิติอัพเกรด รับคะแนนสะสม 10,000 คะแนนเพิ่มทักษะ ช่วงชิงดวงชะตาเพิ่มระยะเวลาการใช้ทักษะ ครั้งละ 10 นาทีเพิ่มจำนวนครั้งการใช้ทักษะ 10 ครั้งอินชิงเสวียนรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีโห ให้รางวัลมากมายขนาดนี้เลย นางเกือบลืมเรื่องมิติไปแล้วเชียวในช่วงนี้ หน้าที่เดียวในมิติคือการปลูกพืช สะสมคะแนนเล็กน้อย และแลกเป็นของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ในความเห็นของนาง สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในมิติคือน้ำพุวิญญาณ ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือว่ามิติของตัวเองเกี่ยวข้องกับพิณการเวก?ถ้ารู้แต่แรกว่าจะได้รับคะแนนสะสมมากมายในคราวเดียว นางคงจะไม่ใช้คะแนนอย่างสุรุ่ยสุร่าย และสะสมแลกปืนพกมาแทน คงจะยอดเยี่ยมที่สุดทันทีที่เกิดความเสียใจภายหลัง อินชิงเสวียนก็หลุดพ้นจากสภาวะจิตใจในเมื่อครู่ทันที เสียงพิณก็วุ่นวายไร้ระเบียบทันทีแม้ว่านางจะไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 679 ที่นี่เป็นที่ฝังศพของเจ้า

    อินชิงเสวียนหันไปมองเย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย เนื่องจากความตื่นเต้นมากเกินไป“เจ้า...คืออาอวี้?”เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมา ถอดหน้ากากออก ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าหล่อเหลาคมสันก็ประจักษ์ชัดในดวงตาของอินชิงเสวียนเรียวตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความสุขเขาจับมือของอินชิงเสวียนทันที พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าเอง เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่ทำไม”อินชิงเสวียนรู้สึกตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะโผตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ พูดละล่ำละลักว่า “ข้าต้องมาตามหาท่านอยู่แล้ว อาอวี้ ท่านไม่เป็นไร ดีจังเลย”เย่จิ่งหลานยืนอยู่ข้างหลังทั้งสองคน เขาไอแห้งๆ และพูดว่า “เฮ้ ทุกคนไปกันหมดแล้ว พวกเราก็ควรตามไปไม่ใช่หรือ”ใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง รีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก แล้วก็เห็นเจ้าสำนักเซี่ยวที่ถูกพยุงออกไปด้วยศิษย์หลายคนฮวาเชียนยังคงยืนอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนกำลังรอพวกเขาอยู่เย่จิ่งอวี้พูดทันที “เสวียน‍เอ๋อร์ ไว้เราค่อยคุยเรื่องอดีตกันทีหลัง ข้ามีเรื่องจะถามฮวาเชียน”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น อินชิงเสวียนรีบพูดว่า “อาอวี้ นี่เป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด ท่านอาฮวาไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 680 แม่ลูกพบหน้า

    ฮวาเชียนมาที่ห้องที่ใกล้กับฝั่งขวา เอื้อมมือออกไปดันประตูให้เปิดออกเย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเห็นสตรีคนนั้นนอนอยู่บนเตียงทันทีหญิงผู้นั้นสวมเสื้อป้ายตัวในสีขาว มือทั้งสองข้างตกอยู่ข้างลำตัว อายุราวๆ สามสิบหกสามสิบเจ็ดปี ผิวขาวซีด ใบหน้าดูป่วยนางหลับตาเบาๆ ขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว ถึงกระนั้น ก็ยังไม่สามารถปกปิดความงดงามอันน่าทึ่งได้ ถ้าเป็นเมื่อตอนที่อายุยังน้อย คงงดงามไม่น้อยไปกว่าอินชิงเสวียนแน่เมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งอวี้ก็ตัวสั่นสะท้าน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงแม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะซูบผอมไปมาก แต่เขาก็ยังจำได้ ว่านี่คือเสด็จแม่ที่เขาฝันถึงหลายครั้งจนไม่ถ้วนเขาเดินไปที่เตียงโดยไม่รู้ตัว งอเข่า และทรุดตัวลงคุกเข่าลงบนพื้น“เสด็จแม่ อวี้เอ๋อร์มาพบท่านแล้ว”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ภาพเบื้องหน้าก็พร่ามัวไปแล้วแม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งที่สูง แต่ก็ต้องฝ่าแดนอเวจีนับไม่ถ้วน ถึงมาอยู่ในจุดที่เขาอยู่ทุกวันนี้ได้องค์ชายคนอื่นๆ ล้วนเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากมารดา มีเพียงเขาที่อาศัยอยู่ตามลำพังในตำหนักบูรพาวัยเด็กของเย่จิ่งอวี้ข้ามผ่านมาด้วยความลำบาก ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่มีมีทายาทแค่ส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 681 หวนไท่เฟยฟื้นแล้ว

    แล้วเย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียน รีบพูดทันควัวน “ต้องรบกวนเสวียน‍เอ๋อร์แล้ว”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนโยน“หวนไท่เฟยก็เป็นเสด็จแม่ของข้าเช่นกัน อาอวี้ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าอย่างซาบซึ้ง อินชิงเสวียนเป็นดาวนำโชคของเขาจริงๆ ไม่ว่าเขาจะประสบพบเจอปัญหาอะไรก็ตาม ตราบใดที่สาวน้อยคนนี้ยังอยู่ นางก็สามารถช่วยเขาจัดการได้ได้มีภรรยาเช่นนี้ นับเป็นวาสนาอย่างแท้จริง!อินชิงเสวียนหยิบถุงน้ำออกจากแขนเสื้อ เย่จิ่งอวี้ก็เอื้อมมือไปรับ แล้วยกร่างหวนไท่เฟยขึ้นอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ ป้อนให้นางดื่มฮวาเชียนไม่หวังกับสิ่งนี้มากนัก นับตั้งแต่ผู้คุมตราเซี่ยวสลบไสลไม่ได้สติ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เดินทางไปขอยาถอนพิษจากสำนักต่างๆ กินยาไปมากแต่ก็ไม่มีผล แล้วยาที่ใสเหมือนน้ำเปล่านี้ จะทำอะไรได้แต่ถึงอย่างไร นี่คือความกตัญญูของฝ่าบาทและกุ้ยเฟย นางจึงไม่มีอะไรจะพูดมากนัก แค่ถอนหายใจเบาๆ และถอนตัวออกไปเย่จิ่งหลานยืนอยู่ในห้องคนเดียว รู้สึกประดักประเดิดพอสมควร แต่แล้วเขาก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์ในห้องนั้น เย่จิ่งอวี้วางเสด็จแม่ของเขาไว้บนเตียง สำหรับน้ำพุวิญญาณของอินชิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 682 ผู้ที่สวรรค์เลือก

    สองแม่ลูกกอดกันแน่น เซี่ยวอิ๋นหวนไม่นึกรู้เลยว่าความฝันจะคล้ายความจริงได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของลูกชายเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของแขนอีกด้วยดีจังเลย!ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานความฝันอันแสนหวานนี้ให้กับนาง ได้เห็นลูกชายก่อนตาย นางก็ควรจะพอใจแล้ว“ลูก อวี้เอ๋อร์ลูกแม่ ไม่คิดว่าเจ้าจะโตขนาดนี้แล้ว เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ”เซี่ยวอิ๋นหวนผลักลูกชายออกไปเล็กน้อย แล้วมองดูเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเจ้าสำนักเซี่ยวและเฮ่ออวิ๋นทงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อยหรือว่านี่คือพลังจากทางสายเลือดงั้นหรือหมอเทวดาหนิงเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าขจัดพิษให้หมดไปไม่ได้ เซี่ยวอิ๋นหวนก็ไม่สามารถฟื้นได้อีก ไม่คาดคิดว่านางจะลืมตาขึ้นมา ถือเป็นปาฏิหาริย์จริงๆเฮ่ออวิ๋นทงดึงเจ้าสำนักเซี่ยว แสดงท่าทางเป็นความหมายให้เขาติดตามตัวเองออกไป ยากนักที่สองแม่ลูกจะได้พบหน้ากัน กลัวว่าตาเฒ่าเซี่ยวจะพูดอะไรที่ไม่พึงประสงค์ออกไปอีกอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานก็ตามมาด้วย ทั้งสองไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว เย่จิ่งอวี้คงมีเรื่องมากมายที่จะพูดกับหวนไท่เฟย ในมิตินี้ควรสงวนไว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 683 เสียดาย

    “นี่...”ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดคำนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็หยุดนางไว้“เรื่องนี้เป็นอันตกลงตามนี้ ข้ายังต้องไปหาใครบางคน มาช่วยตรวจอาการของหวนเอ๋อร์ว่าเป็นอย่างไรแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน หากต้องการอะไร ให้ไปหาฮวาเชียนได้”เจ้าสำนักเซี่ยวชื่นชมอินชิงเสวียนเป็นอย่างมาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมากอินชิงเสวียนโค้งคำนับและพูดว่า “ขอบคุณเจ้าสำนักเซี่ยวที่ดูแล ชิงเสวียนจะปกป้องความปลอดภัยให้หวนไท่เฟยอย่างแน่นอน”เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้า และออกไปพร้อมกับเฮ่ออวิ๋นทงเมื่อออกมานอกหอ เฮ่ออวิ๋นทงถามว่า “สตรีคนนั้นคือใคร ทำไมนางถึงเล่นพิณการเวกได้”เจ้าสำนักเซี่ยวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และพูดว่า “นางเป็นกุ้ยเฟยคนปัจจุบัน ยังเป็นคนที่ลิ่นเซียวเลือก”เฮ่ออวิ๋นทงตกใจเล็กน้อย“หรือว่านางก็คืออินชิงเสวียน?”เรื่องของเด็กคนนี้ เฮ่ออวิ๋นทงเคยได้ยินต่งจื่ออวี๋พูดถึงเหมือนกัน จึงพอจะจำได้เมื่อนึกถึงศิษย์น้องลิ่นเซียว เฮ่ออวิ๋นทงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“แม้ว่าลิ่นเซียวจะหวาดระแวง แต่ก็มีสายตาเฉียบแหลมดี”เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึและพูดว่า “นับตั้งแต่เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ตายไป เขาก็บ้าๆ บวมๆ ใครจะรู้ว่าตอนนี้

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status