Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 665 การสู้รบอย่างดุเดือด

Share

บทที่ 665 การสู้รบอย่างดุเดือด

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ผีแคระนั่นก็ว่องไวมากเช่นกัน กระโดดขึ้นสูงจากพื้นระยะสามจ้าง และฟาดฝ่ามือไปที่เย่จิ่งอวี้

ฝ่ามือขนาดใหญ่พัดกรรโชกเข้ามา เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย ผีแคระเหล่านี้มีความสามารถไม่แพ้กันเลย

บูม

มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น พัดฝุ่นดินตลบ ทั้งสองต่างถอยคนละหนึ่งก้าว

ผีแคระด่าออกมาหนึ่งคำด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจ จากนั้นก็โบกฝ่ามือโจมตีเย่จิ่งอวี้อีกครั้ง

ลูกศิษย์คนอื่นๆ ก็ต่อสู้กับผีแคระที่เหลือเหล่านั้น เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีลูกศิษย์หลายคนล้มลงบนพื้น

เย่จิ่งอวี้กวาดสายตามอง และเข้าใจอย่างชัดแจ้ง ผีแคระเหล่านี้ช่ำชองการโจมตีเป็นกลุ่ม โดยปกแล้วเป็นการต่อสู้แบบสามรุมหนึ่ง อีกคนหนึ่งเดินไปรอบๆ เพื่อต้านการเข้ามาปะทะของพวกลูกศิษย์

จึงพูดตะโกนทันทีว่า “อย่าแยกจากกัน คนเหล่านี้ช่ำชองการโจมตีเป็นกลุ่ม”

ระหว่างที่พูดก็มีอีกหลายคนล้มลงบนพื้น

ผีแคระคนหนึ่งส่งเสียงหัวเราะร่าดังออกมา ระหว่างสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก ใช้ภาษาดินแดนจงหยวนพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ไอ้โง่”

สายตาของเย่จิ่งอวี้เยือกเย็นทันที

“รนหาที่ตาย”

เขาชักดาบยาวข้างเอวออกมา เมื่อขยับข้อมือก็มีเสียงมังกร
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 666 ยุยงใส่ไฟ

    เมื่อพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็หันไปทางเจ้าสำนักเซี่ยวการอ้างหลักศีลธรรมบังคับให้ทำตามที่ตนเองปรารถนายืนอยู่บนจุดสูงได้เสมอ แม้แต่ในสมัยโบราณก็ไม่มีข้อยกเว้น ในสายตาของทุกคนมีความแตกต่างกันมากขึ้นในทันทีเฮ่ออวิ๋นทงรุดหน้าไปหนึ่งก้าว และพูดด้วยสัจธรรมว่า “ผู้อาวุโสซูพูดผิดแล้วล่ะ พิณการเวกเป็นถึงสิ่งของของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ การใช้งานเป็นอย่างไรควรให้เจ้าสำนักเซี่ยวเป็นผู้ตัดสินใจเอง อีกทั้งแต่ละสำนักล้วนมีวิชาดาบเป็นหลัก แม้เจ้าสำนักเซี่ยวนำพิณนี้ออกมา ก็อาจไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่พวกเราควรทำให้ตอนนี้คือรักษาผู้คุมตราเซี่ยวให้เร็วที่สุด จึงจะใช้พิณการเวกได้อีกครั้ง”ซูถูส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย“ข้ารู้ว่าเจ้าสำนักเฮ่อและเจ้าสำนักเซี่ยวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่เรื่องสำคัญอย่างมาก เมื่อชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ตกอยู่ในมือของศัตรู ทั่วทั้งดินแดนจงหยวนก็จะประสบหายนะ เกรงว่าทุกท่านที่อยู่ที่นี่ยังไม่รู้วิธีการของชาวตงหลิวชัดเจนดีนัก ตอนนี้จึงใช้วิธีการต้านศัตรูไว้ก่อน ตอนนี้ข้าได้พบผู้ที่รอบรู้ท่วงทำนองเพลงแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักเซี่ยวยินยอมที่จะลองดูหรือไม่”หา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 667 เวลาตายของเจ้าใกล้จะมาถึงแล้ว

    ดวงตาสองข้างของผู้หญิงโกรธเป็นไฟ เกลียดที่นางหลงผิดไปเพียงชั่วครู่ เดิมทีคิดอยากสั่งสอนคนรักของนาง ไม่คิดว่าจะโดนย้อนเล่นงานและสูญเสียอำนาจไปมากกว่าครึ่งยิ่งเกลียดตัวเองที่แสดงตัวในชุดคลุมสีดำอยู่เสมอ ตอนนี้ถูกคนสวมรอยใช้ชื่อ เกรงว่าแม้แต่ลูกศิษย์ก็ไม่มีใครล่วงรู้“หากมีวันใดที่ข้ารอดไปได้ ข้าจะสับร่างสุนัขชั้นต่ำอย่างเจ้าเป็นหมื่นชิ้น”ชายชุดคลุมดำหัวเราะร่าและเดินมาด้านหน้า ใช้มือบีบใต้คางของหญิงสาว พูดด้วยน้ำเสียงมืดมนว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสนี้แก่เจ้างั้นหรือ?”ดวงตาสองข้างของผู้หญิงแทบถลนออก ความโกรธภายในดวงตาราวกับถูกเผาไหม้ถึงแก่นแท้ชายชุดคลุมดำปล่อยมือ และพูดอย่างเชื่องช้าว่า “แม้ว่าสำนักเซียวเหยาเป็นสำนักนอกรีต แต่เป็นทางลัดในการฝึกวิชาได้อย่างรวดเร็ว ข้าขอตำแหน่งนี้แล้วกัน ส่วนเจ้ายังคงมีประโยชน์อยู่ อย่างน้อยวิทยายุทธ์ของเจ้าก็สูงกว่าผู้หญิงที่ฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่มาก”เขากระชากชุดกระโปรงของผู้หญิงออก และนอนทับลงบนร่างของนางผู้หญิงครางร้องด้วยความเจ็บปวด ผสมกับการหายใจถี่หนัก ระหว่างที่กำลังหลงระเริงในอารมณ์ ชายชุดคลุมดำบีบคอของนางไว้อย่างอดไม่ได้ และตะโกนเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 668 การฆ่าด้วยยาพิษ

    หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม จูอวี้เหยียนก็มาถึงเป่ยไห่เมื่อเห็นป้ายบอกทางขนาดใหญ่ เด็กขายของก็ตื่นเต้นดีใจอย่างอดไม่ได้“แม่นางจู ถึงเป่ยไห่แล้วขอรับ”จูอวี้เหยียนพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน “ไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนกันก่อนเถอะ”“ดีขอรับ ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้”เมื่อได้ยินเสียงราวกับสวรรค์ ร่างกายของเด็กขายของก็อ่อนระทวยลงทันที เขากระโดดลงจากรถม้าอย่างเซ่อซ่า และตามหาโรงเตี๊ยม เมื่อหาห้องพักได้แล้วก็อุ้มจูอวี้เหยียนลงจากรถม้าเมื่อมองเด็กขายของวิ่งไปวิ่งมา จูอวี้เหยียนก็รังเกียจเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ถึงที่หมายเสียที ไอ้คนรกสายตาก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีชีวิตรอดอีกต่อไประหว่างที่ครุ่นคิด เด็กขายของก็ยกอาหารเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู“แม่นางจู ข้าสั่งอาหารหลายอย่างที่ท่านชอบกิน รีบมาชิมดูสิ!”จูอวี้เหยียนเหลือบมองนางอย่างเขินอายและพูดว่า “ข้าอยากอาบน้ำ เพียงแต่เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน เจ้าปรนนิบัติข้าคงไม่เหมาะสม ข้าขอรบกวนเจ้าช่วยไปซื้อสาวรับใช้ให้ข้าหน่อย หากไปพบท่านแม่ของข้าในสภาพนี้ นางคงคิดว่าท่านทรมานข้า และจะต้องว่าจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องของเรา”เด็กขายของพยักหน้าและพูดว่า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 669 ความคิดของซูถู

    ลูกศิษย์หญิงตกใจเล็กน้อย เจ้าสำนักเป็นอะไรกัน? ผู้ที่สำนักโยกย้ายไปเป็นยอดฝีมือระดับหัวกะทิมาตลอด เหตุใดวันนี้จึงทำการสะเพร่าเช่นนี้? ระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ๆ พลังมหาศาลก็ดูดเข้ามาและคนก็โผบินไปที่ฉุยอวี้อย่างไม่อาจควบคุมได้ลูกศิษย์หญิงรู้สึกถึงความเย็นที่ต้นคอ และถูกมือใหญ่ที่เย็นยะเยือกคว้าเอาไว้“เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก? หรือว่าเจ้าสงสัยตัวข้า?”เสียงที่แหบพร่าดังออกมาจากผ้าคลุมสีดำ ลูกศิษย์หญิงหวาดกลัวในทันที“ลูกศิษย์ไม่กล้า”ฉุยอวี้ขยับข้อมือ ลูกศิษย์หญิงก็ล้มลงบนพื้นในทันทีความน่าสะพรึงหลังที่เย็นยะเยือกปล่อยออกมาจากร่างกายของฉุยอวี้ ลูกศิษย์หญิงจึงกลัวจนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ รีบคุกเข่าลงด้วยความลนลานและความเคารพฉุยอวี้ทำเสียงฮึดฮัด“ออกไปซะ”“ลูกศิษย์น้อมรับคำสั่ง”เมื่อรู้สึกถึงความอาฆาตที่น่าสะพรึงกลัว ลูกศิษย์หญิงก็วิ่งคลานออกไปจากห้องลับฉุยอวี้หลับตาลงอีกครั้ง นำลมปราณที่แท้จิตจากการถอนพลังทั้งหมดมาใช้ด้วยตัวเองวันถัดมาชายฝั่งทะเลเป่ยไห่สว่างสดแจ่มใสอย่างหาได้ยาก ท้องฟ้าสีครามไม่มีเมฆ และน้ำทะเลก็มีสีเดียวกับท้องฟ้าเวลาเช้าตรู่ ด้านในโรงน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 670 นักแม่นปืน

    เป่ยไห่เกิดเรื่องกะทันหัน ทางด้านของอินชิงเสวียนยังคงเพิ่มความเร็วในการเดินทางร่างกายของฮวาเชียนยังไม่ฟื้นตัวดี อินชิงเสวียนจึงให้นางและอวิ๋นฉ่าย รวมทั้งคนอื่นๆ รอในมิติของเย่จิ่งหลานชั่วคราวก่อนการเดินทางที่แสนยาวไกล การนั่งรถม้าไม่ใช่เรื่องที่สะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสี่ยวหนานเฟิงด้วย อินชิงเสวียนไม่สามารถให้ลูกชายร่วมลำบากกันนางได้แน่นอนหวังซุ่นก็ตามเข้าไปอย่างกระฉับกระเฉง เมื่อเห็นผู้หญิงก็ก้าวเท้าไม่ออกเป็นปกติอินชิงเสวียนก็ไม่กังวลว่าเขาจะทําอะไรนอกกรอบ เจ้าหมอนี่มีทักษะศิลปะการต่อสู้ปานกลาง นอกจากความสามารถในการปลอมตัว ก็ไม่มีความสามารถอื่นอีกแล้วเมื่อทุกคนถูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว บนรถก็เหลือเพียงอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานเมื่อเห็นเย่จิ่งหลานหยิบปืนชี้ไปทั่ว อินชิงเสวียนก็ไม่พอใจอย่างน่าประหลาด ก่อนหน้านี้นางประหยัดประหยัดใช้ แทบจะต้องหักครึ่งคะแนนสะสมมาใช้ เพื่อสะสมให้ครบหนึ่งแสน แลกอาวุธปืนและอวดความโก้หรูตอนนี้ความหวังหมดสิ้น จึงใช้เงินตามอำเภอใจและปล่อยเลยตามเลย อยากกินอะไรก็กิน อยากเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน โดยไม่นึกถึงปืนพกอีกแล้วเย่จิ่งหลานจึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 671 ตู้เยี่ยน

    เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานออกหน้าท่าทางเกินจริง อินชิงเสวียนก็พูดด้วยรอยยิ้ม “จะทำอะไรได้เล่า ก็เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยผู้มีชีวิตลำเค็ญเท่านั้น น่าสงสารแต่ข้าที่ยังไม่ได้ทำงานสักวัน กลับต้องมาถูกรถเก๋งชนตาย”เย่จิ่งหลานมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง ปล่อยมือแล้วพูดว่า “หรือ ว่าในโลกนี้จะมีอัจฉริยะจริงๆ?”อินชิงเสวียนพูดอย่างถ่อมตัว “อาจเป็นเพราะการดื่มน้ำพุวิญญาณกระมัง”“ข้าก็ดื่มน้ำพุวิญญาณเหมือนกัน ทำไมถึงไม่ได้ผลแบบนั้น เป็นเพราะเจ้าให้ข้าน้อยเกินไปแน่ๆ อีกเดี๋ยวใส่ไว้ในอ่างอาบน้ำให้ข้าหน่อยนะ ข้าจะแช่ตัวให้หนำใจไปเลย”เย่จิ่งหลานกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหวอินชิงเสวียนด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“ได้สิ ถึงเติมน้ำให้เจ้าสิบตันก็ไม่มีปัญหา”“ถ้างั้นก็รีบเลย จะรออะไรอีกเล่า”หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบก็เข้าไปในมิติอินชิงเสวียนดูแผนที่คร่าวๆ เพื่อไม่ให้เจ้าม้าเหนื่อยเกินไป พวกนางพักผ่อนในเวลากลางคืน และเดินทางในตอนกลางวันตลอด ตอนนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเป่ยไห่เป็นระยะทางราวๆ หนึ่งวัน ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่คำนวณไว้แต่แรกมาก เมื่อคิดถึงเย่จิ่งอวี้ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย อิน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 672 สุดที่จะทนได้

    ศิษย์ชายคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก พูดอย่างระมัดระวัง “เรียนเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสซูนำคนจำนวนมากมาที่สำนัก บอกว่าขอพบเจ้าสำนักขอรับ”เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึแล้วพูดว่า “ตาแก่นี่ ยังไม่ยอมแพ้อีก คิดจะเอาพิณการเวก ฝันไปเถอะ”เขาสะบัดชายเสื้อคลุม แล้วก้าวอาดๆ ออกจากประตูไปคนที่อยู่นอกประตูยังคงตะโกน หากมีเพียงหนึ่งหรือสองคน พวกเขาคงไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้แน่ เจ้าสำนักเซี่ยวได้รับการยกย่องจากชาวยุทธ์ว่าเป็นปราชญ์แห่งดนตรี เพลงขลุ่ยสามารถทำให้คนร้องขอชีวิตไม่ได้ ร้องขอความตายยิ่งไร้หนทาง ยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะกล้าทำให้เขาไม่พอใจแต่พอมีคนมากขึ้น ย่อมไม่เหมือนเดิมแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนจำนวนมากไม่ชอบหน้าเจ้าสำนักเซี่ยว ในเมื่อมีคนเต็มใจออกหน้า ทุกคนจึงอยากมารับส่วนแบ่งกันแม้ว่าจะไม่ได้อะไรเลย แต่การได้ต่อต้านเจ้าสำนักเซี่ยวก็คุ้มค่าที่จะเอาไปคุยโวได้พักหนึ่งขณะที่ฝูงชนกำลังดุเดือดเลือดร้อน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังปัง และทันใดนั้นประตูของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดออกชายชราสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเอามือไพล่หลังเดินออกไปหนวดเคราและเส้นผมของชายคนนี้เป็นสีขาว ดวงตาพยัคฆ์แม้นไม่เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 673 ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่

    เย่จิ่งอวี้ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก เจ้ารู้จักคนที่ชื่อฮวาเชียนหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่า “ข้าพอจะรู้จักแม่นางฮวาอยู่ นางเป็นคนของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ถือว่าคุ้นเคยกันนัก แค่ได้พบหน้าไม่กี่ครั้งเท่านั้น”เย่จิ่งอวี้ตกใจมาก ฮวาเชียนยังไม่ตายจริงๆ ดูเหมือนว่าไทเฮาไม่ได้โกหกเขาเขาระงับความสับสนในดวงตา แล้วถามอีกครั้ง “เจ้ากับฮวาเชียนได้พบปะพูดคุยกันบ้างหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “เรื่องนั้นไม่เคยเลย แม้ว่าอาจารย์จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าสำนักเซี่ยว แต่ปกติเรามักจะฝึกฝนวรยุทธ์ในสำนักของใครของมัน ไม่มีการไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หากคราวนี้ไม่ได้มาที่เป่ยไห่นี้ เกรงว่าเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ”ต่งจื่ออวี๋เหลือบมองเย่จิ่งอวี้และถามด้วยความพิศวง “ท่านรู้จักแม่นางฮวาผู้นั้นหรือ”เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “นับว่ารู้จักกันอยู่ ที่ข้ามาเป่ยไห่ครั้งนี้ เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากถามนาง ไม่ทราบว่าน้องชายต่งพอจะช่วยตามนางมาพบข้าได้หรือไม่”ต่งจื่ออวี๋ไม่รู้ว่าฮวาเชียนออกจากเป่ยไห่แล้ว จึงตอบตกลงทันที“เรื่องนี้ไม่น่าจะยาก ประเดี๋ยวข้าจะหาข้ออ้าง เข้าไปใ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status