หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 656 การตายของหมอเทวดาหนิง

แชร์

บทที่ 656 การตายของหมอเทวดาหนิง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-30 19:08:22
เจ้าสำนักเซี่ยวไม่รู้ว่าเรื่องรักของตัวเองหมดลมหายใจไปแล้ว เมื่อออกมาจากบ้านของหมอเทวดาหนิง ก็ตรงไปที่ถิ่นอาศัยชั่วคราวอย่างหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์

เพื่อคุ้มกันชีพจรของเซี่ยวอิ๋นหวน หมอเทวดาหนิงให้เขาส่งกำลังภายในหนึ่งถึงสองครั้ง วิธีนี้อาจจะสามารถช่วยต่อชีวิตให้นานยิ่งขึ้น

เจ้าสำนักเซี่ยวเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนรักอย่างมาก เมื่อออกนอกประตูก็ใช้วิชาตัวเบา

เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็พบฉินเอ๋อร์วิ่งออกมาจากด้านใน มุมปากยังคงมีรอยเลือดติดอยู่

“เจ้าสำนัก”

เมื่อเห็นเจ้าสำนักเซี่ยว ฉินเอ๋อร์ก็ขาอ่อนแรงลง และคุกเข่าลงบนพื้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เจ้าสำนักเซี่ยวเดินเข้าไปอย่างว่องไว และพยุงฉินเอ๋อร์ขึ้นมา

ฉินเอ๋อร์พูดสะอึกสะอื้นว่า “เจ้าสำนักเพิ่งไปได้ไม่นาน หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกโจมตีเจ้าค่ะ”

เจ้าสำนักเซี่ยวถามอย่างโมโหว่า “หวนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ผู้ที่ลงมือคือใคร”

ฉินเอ๋อร์รีบพูดว่า “ผู้คุมตราเซี่ยวไม่เป็นอะไร เซ่อเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ”

เจ้าสำนักเซี่ยวโล่งใจ และถามอีกว่า “บาดแผลของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เห็นหน้าตาของโจรหรือไม่?”

“ไม่เจ้าค่ะ คนคนนี้มีเคล็ดวิชาว่องไวมาก เมื่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 657 ใส่ความ

    สำนักเซียวเหยา? เย่จิ่งอวี้จำได้ว่าเมื่อก่อนท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า สำนักเซียวเหยาเป็นสำนักนอกรีต ไม่ปรากฏตัวตามที่สาธารณะ อีกทั้งชายและหญิงในสำนักต่างก็เชี่ยวชาญวิชาการดูดพลังงาน ปรับความสมดุลของหยินหยาง คนมากมายในเส้นทางยุทธจักรเดียวกัน ต่างก็ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขาตอนนั้นเย่จิ่งอวี้ยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าการดูดพลังงานคืออะไร ตอนนี้เขามีภรรยาและลูกแล้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกเกลียดชังในทันทีที่มีล้วนเป็นสามลัทธิและเก้าสาขาอาชีพ ซึ่งอยู่ในทุกหนทุกแห่งในระหว่างที่ครุ่นคิด เจ้าสำนักเซียวเหยาก็เดินเข้ามาในบ้านเมื่อทุกคนเห็นร่างชุดคลุมสีดำที่ยาวไปถึงเท้า ก็รู้ว่าคนผู้นี้พูดแต่ความจริงเท่านั้นในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยในใจว่า เจ้าสำนักเซียวเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวได้? เมื่อเห็นว่าเขามีลมหายใจที่ทอดยาว ฝ่าเท้าที่มั่นคง ซึ่งไม่เหมือนท่าทางของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือว่าข่าวลือเป็นเรื่องโกหก? เจ้าสำนักเซียวเหยาเดินเข้ามาถึงห้องโถง เขาหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ข้าทำให้ผู้ร่วมยุทธจักรทุกท่านต้องเป็นห่วง ข้าเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 658 หรือว่าจะเป็นนาง

    เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เย่จิ่งอวี้ก็หรี่ตาเล็กน้อย ขณะเดียวกันนั้น เขาก็มองเห็นต่งจื่ออวี๋ด้วยเช่นกันเย่จิ่งอวี้และต่งจื่ออวี๋เคยพบปะกันหลายครั้ง เขารู้ดีว่าต่งจื่ออวี๋มีนิสัยซื่อๆ และไม่ใช่คนเลวในเมื่อท่านอาจารย์ของเขาสนับสนุนเจ้าสำนักเซี่ยว เช่นนั้นเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่แน่แต่ไม่ว่าอย่างไร ไอ้โจรแก่นี่จับตัวเองมาที่นี่เป็นเรื่องจริงทั้งเพ แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวไม่ใช่ผู้ที่สังหารหมอเทวดาหนิง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นพวกที่มีเมตตาเย่จิ่งอวี้ไตร่ตรองในใจ แต่เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับความถูกผิดของที่นี่ เขาเพียงอยากกลับเมืองหลวงเพื่ออยู่กับภรรยาและลูกของเขาอีกครั้งในเมื่อได้จัดการกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็ไม่พร้อมที่จะสร้างปัญหาให้กับคนสำนักเสียงศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไร คนเหล่านี้สามารถมาต่อต้านศัตรูถึงเป่ยไห่ ซึ่งสมควรได้รับความเคารพอย่างยิ่งขณะที่กำลังกลับโรงเตี๊ยม ก็เห็นเจ้าสำนักเซียวเหยาเดินออกมาจากด้านในเมื่อเห็นชายผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำ เย่จิ่งอวี้จึงรู้สึกแปลกใจมากขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่ไม่นานนัก เขาก็ระงับความคิดที่จะสะกดรอยตามลงไปคนเหล่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 659 สมปรารถนา

    “พวกเจ้าพูดถึงใครกันแน่?”เฮ่ออวิ๋นทงฟังไม่เข้าใจต่งจื่ออวี๋พูดด้วยสีหน้าที่เคารพ “คือแม่นางผู้นั้นที่ข้ามอบกระพรวนทองให้”เฮ่ออวิ๋นทงลูบเคราแล้วพูดว่า “เช่นนี้นี่เอง ไม่คิดว่าแม่นางผู้นั้นจะมีความสามารถถึงเพียงนี้”เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วอีกครั้ง“หากจื่ออวี๋และข้าพูดถึงคนเดียวกัน ตอนนี้แม่นางผู้นั้นต้องอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน ข้าต้องมอบพลังให้แก่หวนเอ๋อร์ทุกวัน จึงไม่ออกจากไปได้ ฮวาเชียนก็ได้ออกเดินทางไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว คงทำได้เพียงหาคนไปตามหาแล้วล่ะ”เฮ่ออวิ๋นทงพยักหน้าพูดว่า “คงทำได้เพียงแค่นี้แหละ การเดิมพันในสงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก พวกเราต้องชนะและห้ามแพ้ แม้ว่าตอนนี้แต่ละสำนักได้มารวมตัวกันแล้ว แต่กลับแฝงไว้ด้วยเจตนาที่มิดีมิร้าย ซึ่งไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้ใดคิดการไม่ดี เจ้าและข้าต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ ข้ากลัวว่าจะมีคนสร้างเรื่องการตายของหมอเทวดาหนิง”เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “ข้าปฏิบัติตนอย่างซื่อตรงสุจริต จะต้องกลัวคำวิจารณ์ของผู้อื่นไปทำไมกัน”เฮ่ออวิ๋นทงพูดว่า “ไม่เคยได้ยินหรือว่าความคิดเห็นของประชาชนมีพลัง กลับดำเป็นขาวได้ ร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 660 ภัยพิบัติที่ไม่มีเค้ามาก่อน

    คำโบราณกล่าวว่า วรยุทธ์สูงส่งเพียงไหนก็ยังกลัวมีดทำอาหาร จึงไม่เชื่อว่ายอดฝีมือการต่อสู้เหล่านั้นจะไม่กลัวปืนพก แม่งเอ้ย ถึงตอนนั้นใครกล้าลองดีกับเขา ก็จะให้เขาได้ลิ้มรสกระสุนปืนเสียหน่อยแน่นอนว่า คนที่เขาอยากฆ่าที่สุดก็คือไอ้คนตงหลิวพวกนั้น แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ยังต้องทำการผ่าตัดอีกสองครั้ง จึงจะมีเงินไปแลกซื้อลูกกระสุนเพียงแต่น่าเสียดายที่อินชิงเสวียนมุ่งมั่นจะไปยังเป่ยไห่ จึงลงมือทำการได้ยาก หากลากยาวเกินไปก็กลัวว่าอินชิงเสวียนจะโมโหอีก ตอนนี้จึงทำได้เพียงเดินดูไปก่อนเย่จิ่งหลานกลับหวังว่าจะสามารถเดินช้าลงหน่อย หากเส้นทางนี้ไม่มีจุดหมายปลายทางก็คงดีเมื่อคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง เย่จิ่งหลานสอดปืนพกเอาไว้อย่างดี และเรียกหวังซุ่นเข้ามา ตัวเองก็ไปนอนพักผ่อนร่างกายของเขาที่เล็กเพียงแค่นี้ เมื่อทำการผ่าตัดเป็นเวลานานจึงค่อนข้างใช้แรงมาก เมื่อตื่นขึ้นมา ฟ้าก็ใกล้มืดลงแล้วเมื่อไปดูที่ห้องรักษาก็พบว่าเจ้าอ้วนนั่นได้กลับไปแล้ว เมื่อออกจากมิติจึงได้รู้ว่า อินชิงเสวียนสั่งให้คนขับรถม้าออกเดินทางแล้ว ตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งอยู่บนรถม้า“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่จิ่งหลานนั่งเบียดลงบนที่นั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 661 เหมือนข้าเคยพบนางมาก่อน

    จากที่ไกลๆ ชายชุดดำหลายคนกำลังรุมโจมตีผู้หญิงชุดม่วงคนนั้นคนหนึ่งเห็นเพื่อนล้มลงบนพื้น จึงร้องตะโกนออกมาเสียงดังและยาว“เจ้าสามตายแล้ว รีบเข้าไปช่วยเร็ว”ทันใดนั้น ชายชุดดำสองคนก็แยกตัวออกมา และโผบินมาทางรถม้าเย่จิ่งหลานยิงปืนอีกสองนัด น่าเสียดายที่คาดเดาคนเหล่านี้ไม่ได้ จึงยิงไม่โดนเย่จิ่งหลานรู้สึกลนลานในทันที จึงเหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง เมื่อครู่ยิงโดนเพราะระยะทางค่อข้างใกล้ หากต้องการแม่นเหมือนตาเห็น เกรงว่ายังต้องฝึกฝนอีกสักระยะหนึ่งอินชิงเสวียนกระโดดลงจะรถม้า นางต้องการทดลองความสามารถของคนเหล่านี้ หากไม่ไหวจริงๆ ค่อยเข้าในมิติความเร็วและพละกำลังถาโถมเข้าสู่ร่างกาย นางเบี่ยงหลบดาบยาวของคนคนนั้น ความว่องไวของนางราวกับปีศาจ ล้อมไปด้านหลังของคนคนนั้น และฟาดฝ่ามือลงใจกลางหลังของเขาชายชุดดำอีกคนถือดาบมาช่วยเพื่อนในทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น หญิงสาวที่อยู่ไกลๆ ก็ลดแรงกดดันลงนางฉวยโอกาสในการเปิดการโจมตี เสียงทอดถอนใจดังขึ้นหลายครั้ง ชายชุดดำ ทันใดนั้นก็ล้มลงบนพื้นหญิงสาวมีบาดแผลเต็มตัว สองขาอ่อนแรงและร่วงลงบนพื้นในทันที บนหน้าอกมีรูเลือดขนาดใหญ่ นางมีเลือดไหลออกมามาก สีหน้าซีด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 662 นางคือฮวาเชียน

    อินชิงเสวียนพูดอย่างสบายๆ ว่า “อาจจะเป็นคนไข้ของเจ้าก็ได้”เย่จิ่งหลานส่ายหัวแล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ โดยพื้นฐานข้าทำการตรวจคนแก่เป็นส่วนมาก อีกทั้งมากสุดคือวันละสองคน และจำได้หมดแทบทุกคน”“เช่นนั้นเจ้ารู้จักนางที่ใด?”อินชิงเสวียนหาเรื่องมาถามแก้ขัดก่อนหน้านี้เย่จิ่งหลานอาศัยอยู่ที่ตำหนักฉู่เย่ว์มาตลอด เขารู้จักคนไม่มากนักเย่จิ่งหลานเองก็สงสัยเช่นกัน แต่เขายังคงรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ ต้องเคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแน่เขาจ้องผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอด อินชิงเสวียนจึงพูดเร่งรัดอย่างอดไม่ได้ “คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว รีบทำการผ่าตัดก่อนเถอะ พวกเรายังต้องรีบเดินทางอีก ตอนนี้เสียเวลามามากแล้ว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง”เมื่อได้ยินคำว่า ‘ในวัง’ เย่จิ่งหลานก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ข้าคิดออกแล้ว ผู้หญิงคนนี้เคนเป็นคนในวัง”อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อย“ข้าหลวงหญิงงั้นหรือ? แต่เหตุใดข้าหลวงหญิงจึงมีวิทยายุทธ์สูงส่งเช่นนี้ หรือว่าเป็นองครักษ์เงาของเย่จิ่งอวี้?”“เย่จิ่งอวี้?”ทันใดนั้นเย่จิ่งหลานก็ตบที่ศีรษะแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นหญิงรับใช้ของหวนไท่เฟ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 663 ข้ากลัวเจ้าได้รับบาดเจ็บไงเล่า

    ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงลูกสะใภ้ของเซี่ยวอิ๋นหวน ฮวาเชียนก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้วนางหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ข้าคือคนขแงหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ผู้คุมตราเซี่ยวที่ท่านพูดถึงก็คือเสด็จแม่ของฮ่องเต้แห่งราชวงศ์นี้ ไท่เฟยเซี่ยวอิ๋นหวน”อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เสด็จแม่ของฝ่าบาทคือคนในยุทธจักร อีกทั้งยังเป็นผู้คุมตราแห่งสำนัก นี่มันเกินจินตนาการมากไปแล้วฮวาเชียนฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เดิมทีข้าเป็นหญิงรับใช้ของผู้คุมตรา หลายปีก่อนข้าลงเขาไปอวยพรวันเกิดให้แก่เจ้าสำนักกระบี่สังหารกับผู้คุมตรา ระหว่างทางได้พบกับเสด็จพ่อของอวี้เอ๋อร์ ผู้คุมตราหลงใหลในคำหวานของเขาและตามเขาเข้าวัง แต่เรื่องดีมักไม่ยืนยาว ฝ่าบาทก็เปลี่ยนไปมีรักใหม่ ผู้คุมตราเศร้าหมองมาโดยตลอด เมื่อถูกเจ้าสำนักรู้เข้าจึงพยายามบังคับให้ผู้คุมตรากลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”เมื่อเล่าถึงตรงนี้ สายตาของฮวาเชียนก็มีความเกลียดชังแวบผ่านมา“สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ตระกูลราชวงศ์ที่ไร้หัวใจ”“เช่นนั้น... พระศพของหวนไท่เฟยคืออะไรกัน?”อินชิงเสวียนถามด้วยความไม่เข้าใจฮวาเชียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “นั่นเป็นเพียงภาพลวงตาที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 664 การโจมตีของศัตรู

    เมื่อดื่มน้ำชาหมดกาแล้ว เย่จิ่งอวี้จึงกลับเข้าห้องเขานั่งขัดสมาธิบนเตียง เคลื่อนไหวกำลังภายใน ปรับตัวเองอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ต้องออกไปจากเป่ยไห่ให้ได้เพียงพริบตาเดียว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสภาพอากาศริมทะเลเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจคาดเดาได้ พระอาทิตย์เพิ่งตกสู่พื้นดิน ลมทะเลเริ่มโหมกระหน่ำกลิ่นเค็มค่อยๆ พัดมาจากริมทะเล และบางครั้งอาจได้ยินเสียงคลื่นยักษ์กระทบโขดหินช่วงเวลาเที่ยงคืน เงาดำที่ทอดยาวบินออกจากด้านหลังต่างของโรงเตี๊ยม และหายเข้าไปในยามราตรีทันทีผู้นี้ก็คือฮ่องเต้เย่จิ่งอวี้ผู้ปกครองแผ่นดินเขาใช้เวลาหลายวันในการตรวจดูเส้นทางไปจากเป่ยไห่ และเวลาที่แน่ชัดในการลาดตระเวนของลูกศิษย์แต่ละสำนักขอเพียงคลาดเวลาที่ยืนยาวนี้ไปได้ ก็จะสามารถออกไปจากสถานที่บ้านี่ได้เช่นกันเย่จิ่งอวี้ใช้วิชาตัวเบา หมอบอยู่บนหลังคาราวกับแมว เมื่อถึงประตูลานกว้างของเป่ยไห่ ปรากฏว่าพบลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากปากทาง คนเหล่านี้ถือดาบในมือทุกคน ท่าทางราวกับเผชิญหน้ากับข้าศึกการแต่งกายก็แตกต่างกัน ซึ่งมองออกว่ามาจากต่างสำนักกันเมื่อนึกถึงฝีมือที่แปลกประหลาดของผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status