แชร์

บทที่ 475 เพื่อนที่รู้ใจ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-03-19 15:18:48
อินชิงเสวียนพยักหน้า และออกจากโรงน้ำชาพร้อมเย่จั้น

เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็พบเด็กคนหนึ่งในชุดผ้าแพรเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู และเอามือไพล่หลัง

เมื่อเห็นหน้าตาของเขาชัดเจนแล้ว อินชิงเสวียนจึงคิดในใจว่า สงสัยว่าผู้คนในราชวงศ์ต่างชื่นชอบมาฟังเรื่องซุบซิบที่นี่

เด็กผู้ชายตัวน้อยคนนี้ ก็คือฝูอี้อ๋องเย่จิ่งหลาน

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนและเย่จั้น เย่จิ่งหลานก็ตกใจเล็กน้อย

รีบน้อมตัวลงและพูดว่า “สวัสดีเสด็จอาสิบสาม สวัสดีเสด็จพี่สะใภ้”

ปากเล็กๆ พูดจาค่อนข้างหวานเลยทีเดียว

เย่จั้นมองเขาแล้วถามว่า “มาดื่มชางั้นหรือ?”

เย่จิ่งหลานพูดว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ วันนี้อากาศดีทีเดียว จึงออกมาเดินเล่น เสด็จอาสิบสามและเสด็จพี่สะใภ้จะกลับแล้วหรือ?”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ความจริงจะไปเยี่ยมท่าน ในเมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ข้าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”

เย่จั้นเหลือบมองเขาทั้งสองคน และเกิดความสงสัยในใจ

ทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อใด?

“เช่นนั้นพวกท่านเชิญตามสบาย แต่รีบกลับด้วยล่ะ”

เย่จั้นประสานมือคำนับ ยกชุดคลุมแล้วเดินออกไป

อินชิงเสวียนมายังชั้ยสอง และนั่งลงตำแหน่งที่นั่งเดิม

“ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 476 ข้าคิดจะตามเกี้ยวท่าน

    อินชิงเสวียนไม่เคยเห็นสิ่งใดในสายตาของเย่จิ่งหลานเพียงแต่เมื่อนึกถึงตัวละครชายที่ข้ามมิติมา ตัวเอกที่เป็นผู้ชายมักมีสูตรโกง ที่จะรวบรวมสี่ทะเลแปดดินแดนอย่างเกรงขาม อินชิงเสวียนจึงไม่มีความมั่นใจสิ่งที่นางต้องการมีเพียงแค่ความสงบสุขในต้าโจว ตราบใดที่เย่จิ่งหลานไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อ หากเขาต้องการสิ่งใด นางจะช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ“เย่จิ่งหลาน ท่านอยากเป็นหมอในต้าโจวจริงๆ งั้นหรือ?”เย่จิ่งหลานยิ้มที่มุมปาก“เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าทำอะไรได้อีกบ้าง?”อินชิงเสวียนพูดไม่ออกในทันที เมื่อลองคิดดูแล้ว พวกเขาสองคนต่างเป็นคนยุคปัจจุบัน มีอะไรก็พูดตรงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมเหมือนคนโบราณ“ข้าคิดว่าพวกผู้ชายอย่างท่านไม่มีความพอใจต่อสิ่งที่มีอยู่ อีกทั้งยังมีใจที่จะเอาชนะโลกนี้ หากท่านต้องการไปขยายอาณาเขตในดินแดนอื่น ข้ายินดีที่จะสนับสนุนอาหารให้จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทน”เย่จิ่งหลานเหลือบมองอินชิงเสวียนครู่หนึ่ง ยิ้มและถามว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะยิ่งมีใจทะเยอทะยานหรอกหรือ?”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ข้าเชื่อใจท่าน เพราะท่านเคยพูดว่าเราสองคนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน”เมื่อม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 477 หากล่มสลาย ประชาชนก็ยิ่งลำบาก

    อินชิงเสวียนกำลังหยอกล้อกับเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในสวน สองวันนี้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร เมื่อกลับมาจากสำนักศึกษาหลวง ก็กลับเข้าวังเลยทันที จึงกลับมาค่อนข้างไวทีเดียวตอนนี้ลูกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พูดจารู้ความขึ้นมาก อินชิงเสวียนจึงยอมสละเวลาเพื่ออยู่กับลูกมากขึ้นเด็กคนนี้เติบโตมาด้วยน้ำพุวิญญาณ จะต้องฉลาดกว่าเด็กคนอื่นแน่นอน อินชิงเสวียนอ่านบทกลอนให้เขาฟังทุกวัน จากนั้นก็สอนสัตว์ต่างๆ บนการ์ดให้เขาได้เรียนรู้เพียงแต่ความอดทนของเจ้าเด็กอ้วนมีขีดจำกัด เรียนสักพักยังพอไหว แต่หากเรียนเป็นเวลานานก็จะทำลายข้าวของด้วยความใจร้อนอินชิงเสวียนกำลังแย่งแผ่นการ์ดจากปากของเขา เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาพอดี“จ้าวเอ๋อร์ยั่วโมโหเสด็จแม่อีกแล้วใช่ไหม?”เดินสาวเท้ามาด้านหน้าเตียงนอน อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงที่ซุกซนขึ้นมา เสี่ยวหนานเฟิงหยิบแผ่นการ์ดในปากออกมาทันที และใส่เข้าปากของเย่จิ่งอวี้“กินกิน”อินชิงเสวียนขำพรวดออกมา“ดูสิว่าลูกชายของท่านกตัญญูมากแค่ไหน เก็บแผ่นการ์ดไว้ให้พ่อของเขาด้วย”เย่จิ่งอวี้ใช้สองนิ้วคีบการ์ดแผ่นนั้นเอาไว้ และลูบลงบนศีรษะของเสี่ยวหนานเฟิง“เสด็จพ่อไม่กิน ขอบใจเจ้ามาก”เสี่ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 478 ค้นพบ

    เจวี๋ยอิ่งก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ได้ส่งคนไปตามสืบแล้ว”เย่จิ่งอวี้ตบฉาดลงบนโต๊ะอย่างแรงพูดด้วยความโมโห “ในโลกนี้มีคนสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ด้วยหรือ หากจับตัวคนร้ายได้ ให้เขารับโทษรถแยกร่าง ศาลยุติธรรมส่งคนไปตรวจสอบแล้วหรือไม่?”เจวี๋ยอิ่งพูดว่า “เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมไปถึงที่เกิดเหตุแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ได้นำร่างส่งมาที่ศาลยุติธรรมแล้ว”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเข้มว่า “เจ้าคอยฟังข่าวมา แล้วมารายงานข้าได้ทุกเวลา”“พ่ะย่ะค่ะ”เจวี๋ยอิ่งเดินเข้ามาสองก้าว จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางที่ชื่อว่าจังอวี้จิ่น ควรจัดการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “เอาเงินไว้ให้นาง ช่วยนางหาซื้อบ้านในเมืองหลวง รอให้จับตัวอาซือหลานได้เมื่อใด ค่อยบอกนางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”เมื่อเจวี๋ยอิ่งออกไปแล้ว เย่จิ่งอวี้สงบจิตใจลง และหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมาอีกครั้ง...ณ ตำหนักจินหวูตกบ่าย ซูฉ่ายเวยมานั่งพูดคุยด้วยครู่หนึ่ง นางไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่มาหลายคืน เพราะเสียงร้องโหยหวนของสวีจือย่วน หลังจากที่เงียบไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 479 หรือว่าเป็นเขา

    เสียงศักดิ์สิทธิ์?หรือว่าเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?อินชิงเสวียนมองหยกชิ้นนี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจหากเป็นของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เหตุใดจึงปรากฏอยู่ที่ตำหนักจินหวู?คนที่ขโมยพิณไปไม่ได้เข้ามาในตำหนัก อีกทั้งหยกชิ้นนี้มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด อย่างน้อยก็ต้องตกอยู่ที่นี่เป็นปีแล้ว ไม่มีทางเป็นของของนาง...“กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นที่ข้างหู อินชิงเสวียนได้สติกลับมาทันที“ฝ่าบาทมาถึงเมื่อไรเพคะ?”เย่จิ่งอวี้ยิ้มจางๆ“ข้าเพิ่งมา เสวียนเอ๋อร์มีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่?”อินชิงเสวียนชูหยกในมือขึ้นมา“ข้าพบสิ่งนี้เพคะ”เย่จิ่งอวี้รับหยกมา เมื่อพลิกดูแล้ว คิ้วคมก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย“เสียงศักดิ์สิทธิ์? หรือว่าเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?”อินชิงเสวียนพูดว่า “นอกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ยังมีสถานที่อื่นชื่อว่าเสียงศักดิ์สิทธิ์อีกหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้ส่ายหน้า“นิกายต่างๆ ในยุทธภพ ข้ารู้จักไม่มากนัก แต่สิ่งเดียวที่ข้ายืนยันได้ก็คือ นิกายจะไม่มีชื่อที่คล้ายกันอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนถามอีกว่า “หากเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เช่นนั้นสิ่งที่ถือเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 480 ข้าเชื่อใจท่าน

    อินชิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเขา จึงผิดหวังและเสียใจอย่างอดไม่ได้หากว่าเย่จิ่งหลานเป็นคนทำจริงๆ ตัวเองควรทำอย่างไรดี?เขาเป็นเพื่อนที่รู้ใจเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ หากเขาไม่อยู่แล้ว นางคงอยู่คนเดียวอย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายในโลกใบนี้เป็นแน่หากว่าเขาทำเรื่องผิดบาปเช่นนี้จริงๆ ตัวเองจะปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรือ?นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยหน้าขึ้นถามว่า “หากว่าศาลยุติธรรมจับผู้นี้ได้ จะมีมาตรการการลงโทษอย่างไร?”ฉางจี้จิ่วลูบเคราแล้วพูดว่า “วิธีการของคนผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก สติฟั่นเฟือน หากลงโทษคนผู้นี้ตามกฎหมาย ตามกฎหมายของต้าโจว จะมีการลงโทษโดยการใช้รถห้าคันดึงแยกร่างของนักโทษจนตาย”อินชิงเสวียนได้ยินก็ใจสั่น“หากว่าผู้กระทำความผิดเป็นลูกหลานในเชื้อพระวงศ์เล่า?”ฉางจี้จิ่วหัวเราะเหอะๆ ประสานมือคำนับไปทางตะวันออกแล้วพูดว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ ไม่มีทางลดโทษเพียงเพราะเป็นญาติสนิทในเชื้อพระวงศ์แน่นอน ตามคำกล่าวว่า ความผิดของโอรสแห่งสวรรค์ย่อมมีโทษเทียบเท่าประชาชน เรื่องนี้อาจารย์อินวางใจได้เลย”อินชิงเสวียนยิ่งฟังก็ยิ่งว้าวุ่นใจ จึงสอนวิชาฟิสิกส์อย่างลวกๆ จากนั้นก็พาหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 481 เจ้าถามมากเกินไปแล้ว

    เมื่อเห็นข้อความในพระราชโองการ หินก้อนใหญ่ที่ทับอกของอินจ้งก็ถูกวางลงไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินดีที่จะออกรบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเสบียงและหญ้ามีไม่เพียงพอต่อการบริโภคเป็นเวลานาน อีกเรื่องสำคัญก็คืออาการป่วยของอินสิงอวิ๋นนี่เป็นไข้ใจของอินจ้งมาโดยตลอดคืนนั้น จวนแม่ทัพจัดการเลี้ยงสุรา เพื่อต้อนรับอูเอินและแม่ทัพเจียงวูสำหรับการต้อนรับที่สมศักดิ์ศรีของอินจ้ง อูเอินและคนอื่นๆ ต่างซาบซึ้งใจมากชูแก้วแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นคำสั่งของโอรสแห่งสวรรค์ ข้าและคนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะยุติสงครามเช่นกัน ตอนนี้สามารถติดต่อค้าขายกันได้ ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตราบใดที่สามารถแลกเปลี่ยนธัญพืชจากราชวงศ์โจวได้ พวกเราก็จะสามารถพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกได้เช่นกัน ซึ่งทำให้มีชีวิตที่มั่นคงได้”อินจ้งหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ฝ่าบาทมีปรีชาญาณโดดเด่น ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล คาดว่าพระองค์ทรงเห็นข้อเสียของเจียงวู จึงมีพระประสงค์ให้ทำการติดต่อค้าขายกันได้ ตราบใดที่เจียงวูไม่รุกรานอาณาเขตของพวกเรา ความสงบสุขนี้จะดำรงสืบไปเป็นนิตย์”อูเอินพูดอย่างละอายใจว่า “แม่ทัพอินพูดถูกต้องทีเดียว ครั้งนี้เจียงวูจะทำให

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 482 สัญญายุติสงคราม

    วันถัดมา ณ เมืองลั่วสยาอินจ้งนำอูเอินและคนอื่นๆ ตามทัพมาถึงพื้นที่ลาดชันสิบลี้ทางตะวันออกของเมืองด้านตรงข้าม มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้มนั่งบนหลังม้า ด้านหลังของเขามีกลุ่มทหารเจียงวูตามมาด้วยเมื่อเห็นรูปร่างของผู้ชาย อินจ้งกำเชือกในมือแน่นเขารู้เรื่องอาซือหลานปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋นจากปากของกวนเซี่ยว จึงแอบกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นแต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเขายิ้มเล็กน้อย ประสานมือคำนับและพูดว่า “ท่านคือท่านอ๋องถูหย่าลาจี๋เล่อใช่หรือไม่?”อาซือหลานยกมือขึ้นคำนับและพูดว่า “แม่ทัพอิน สบายดีหรือไม่”กวนเซี่ยวขี่ม้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าแพ้สงคราม ก็ควรจะคุกเข่าลงยอมรับโทษ กล้าดีอย่างไรที่มัวนั่งสบายใจบนหลังม้า?”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะยอมแพ้ แต่ข้าก็ยอมแพ้ต่อฮ่องเต้ของราชวงศ์โจว ในเมื่อแม่ทัพอินไม่ใช่คนสกุลเย่ และไม่ลูกหลานของเชื้อพระวงศ์ จะให้ข้าคุกเข่าลงด้วยเหตุอันใด?”“เจ้า...”กวนเซี่ยวเกลียดเขาเข้ากระดูก จึงจับด้ามดาบไว้แน่นอินปู้อวี่กดไหล่ของเขาเอาไว้ เพื่อบอกเขาว่าอย่าเพิ่งวู่วามอินจ้งหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 483 หวนสู่เมืองหลวง

    อินชิงเสวียนตัดสินใจทำการทดลองในวัง อย่างไรพืชผักและเมล็ดข้าวสาลีในสวนอวิ๋นเซียงถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ที่ดินก็ทิ้งว่างแม้อินชิงเสวียนจะสามารถเร่งเวลาการเติบโตในมิติได้ แต่พื้นมีกลับมีจำกัด แม้ว่านางจะนำเสบียงอาหารออกมาจากมิติทั้งหมด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อประชาชนชาวต้าโจวดังคำที่ว่า สอนเขาจับปลา ดีกว่าหาปลาให้เขากิน แต่ถ้าหากปลูกเมล็ดข้าวสาลี ผลผลิตคงไม่มากเท่าด้านในมิติ การปลูกมันเทศและมันฝรั่งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พืชเหล่านี้เติบโตง่ายกว่า ผลผลิตค่อนข้างมาก และยังสามารถใช้ประทังความหิวได้หลายวันนี้ อินชิงเสวียนจึงใช้เวลาในช่วงบ่ายพาขันทีกลุ่มหนึ่งมาสร้างโรงเรือนที่สวนอวิ๋นเซียง และสร้างเตาผิงขนาดใหญ่ไว้ด้านในพวกลำไม้ไผ่ค่อนข้างหาได้ง่าย ถุงพลาสติกก็ใช้คะแนนสะสมแลกมา อินชิงเสวียนขี้เกียจอธิบายที่มาของพลาสติกกับทุกคน นางสั่งให้คนนำไปปูในทันทีทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันว่า สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนล้วนมาจากฮว๋าเซี่ยทั้งนั้น เพราะเหนียงเหนียงมักมีสิ่งของที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเสมอ ทุกคนจึงไม่รู้แปลกใจหลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว อินชิงเสวียนก็ใช้น้ำพุวิญญาณน้ำผัก และสั่งให้ข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-19

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status