Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 475 เพื่อนที่รู้ใจ

Share

บทที่ 475 เพื่อนที่รู้ใจ

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนพยักหน้า และออกจากโรงน้ำชาพร้อมเย่จั้น

เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็พบเด็กคนหนึ่งในชุดผ้าแพรเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู และเอามือไพล่หลัง

เมื่อเห็นหน้าตาของเขาชัดเจนแล้ว อินชิงเสวียนจึงคิดในใจว่า สงสัยว่าผู้คนในราชวงศ์ต่างชื่นชอบมาฟังเรื่องซุบซิบที่นี่

เด็กผู้ชายตัวน้อยคนนี้ ก็คือฝูอี้อ๋องเย่จิ่งหลาน

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนและเย่จั้น เย่จิ่งหลานก็ตกใจเล็กน้อย

รีบน้อมตัวลงและพูดว่า “สวัสดีเสด็จอาสิบสาม สวัสดีเสด็จพี่สะใภ้”

ปากเล็กๆ พูดจาค่อนข้างหวานเลยทีเดียว

เย่จั้นมองเขาแล้วถามว่า “มาดื่มชางั้นหรือ?”

เย่จิ่งหลานพูดว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ วันนี้อากาศดีทีเดียว จึงออกมาเดินเล่น เสด็จอาสิบสามและเสด็จพี่สะใภ้จะกลับแล้วหรือ?”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ความจริงจะไปเยี่ยมท่าน ในเมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ข้าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”

เย่จั้นเหลือบมองเขาทั้งสองคน และเกิดความสงสัยในใจ

ทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อใด?

“เช่นนั้นพวกท่านเชิญตามสบาย แต่รีบกลับด้วยล่ะ”

เย่จั้นประสานมือคำนับ ยกชุดคลุมแล้วเดินออกไป

อินชิงเสวียนมายังชั้ยสอง และนั่งลงตำแหน่งที่นั่งเดิม

“ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 476 ข้าคิดจะตามเกี้ยวท่าน

    อินชิงเสวียนไม่เคยเห็นสิ่งใดในสายตาของเย่จิ่งหลานเพียงแต่เมื่อนึกถึงตัวละครชายที่ข้ามมิติมา ตัวเอกที่เป็นผู้ชายมักมีสูตรโกง ที่จะรวบรวมสี่ทะเลแปดดินแดนอย่างเกรงขาม อินชิงเสวียนจึงไม่มีความมั่นใจสิ่งที่นางต้องการมีเพียงแค่ความสงบสุขในต้าโจว ตราบใดที่เย่จิ่งหลานไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อ หากเขาต้องการสิ่งใด นางจะช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ“เย่จิ่งหลาน ท่านอยากเป็นหมอในต้าโจวจริงๆ งั้นหรือ?”เย่จิ่งหลานยิ้มที่มุมปาก“เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าทำอะไรได้อีกบ้าง?”อินชิงเสวียนพูดไม่ออกในทันที เมื่อลองคิดดูแล้ว พวกเขาสองคนต่างเป็นคนยุคปัจจุบัน มีอะไรก็พูดตรงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมเหมือนคนโบราณ“ข้าคิดว่าพวกผู้ชายอย่างท่านไม่มีความพอใจต่อสิ่งที่มีอยู่ อีกทั้งยังมีใจที่จะเอาชนะโลกนี้ หากท่านต้องการไปขยายอาณาเขตในดินแดนอื่น ข้ายินดีที่จะสนับสนุนอาหารให้จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทน”เย่จิ่งหลานเหลือบมองอินชิงเสวียนครู่หนึ่ง ยิ้มและถามว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะยิ่งมีใจทะเยอทะยานหรอกหรือ?”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ข้าเชื่อใจท่าน เพราะท่านเคยพูดว่าเราสองคนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน”เมื่อม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 477 หากล่มสลาย ประชาชนก็ยิ่งลำบาก

    อินชิงเสวียนกำลังหยอกล้อกับเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในสวน สองวันนี้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร เมื่อกลับมาจากสำนักศึกษาหลวง ก็กลับเข้าวังเลยทันที จึงกลับมาค่อนข้างไวทีเดียวตอนนี้ลูกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พูดจารู้ความขึ้นมาก อินชิงเสวียนจึงยอมสละเวลาเพื่ออยู่กับลูกมากขึ้นเด็กคนนี้เติบโตมาด้วยน้ำพุวิญญาณ จะต้องฉลาดกว่าเด็กคนอื่นแน่นอน อินชิงเสวียนอ่านบทกลอนให้เขาฟังทุกวัน จากนั้นก็สอนสัตว์ต่างๆ บนการ์ดให้เขาได้เรียนรู้เพียงแต่ความอดทนของเจ้าเด็กอ้วนมีขีดจำกัด เรียนสักพักยังพอไหว แต่หากเรียนเป็นเวลานานก็จะทำลายข้าวของด้วยความใจร้อนอินชิงเสวียนกำลังแย่งแผ่นการ์ดจากปากของเขา เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาพอดี“จ้าวเอ๋อร์ยั่วโมโหเสด็จแม่อีกแล้วใช่ไหม?”เดินสาวเท้ามาด้านหน้าเตียงนอน อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงที่ซุกซนขึ้นมา เสี่ยวหนานเฟิงหยิบแผ่นการ์ดในปากออกมาทันที และใส่เข้าปากของเย่จิ่งอวี้“กินกิน”อินชิงเสวียนขำพรวดออกมา“ดูสิว่าลูกชายของท่านกตัญญูมากแค่ไหน เก็บแผ่นการ์ดไว้ให้พ่อของเขาด้วย”เย่จิ่งอวี้ใช้สองนิ้วคีบการ์ดแผ่นนั้นเอาไว้ และลูบลงบนศีรษะของเสี่ยวหนานเฟิง“เสด็จพ่อไม่กิน ขอบใจเจ้ามาก”เสี่ย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 478 ค้นพบ

    เจวี๋ยอิ่งก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ได้ส่งคนไปตามสืบแล้ว”เย่จิ่งอวี้ตบฉาดลงบนโต๊ะอย่างแรงพูดด้วยความโมโห “ในโลกนี้มีคนสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ด้วยหรือ หากจับตัวคนร้ายได้ ให้เขารับโทษรถแยกร่าง ศาลยุติธรรมส่งคนไปตรวจสอบแล้วหรือไม่?”เจวี๋ยอิ่งพูดว่า “เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมไปถึงที่เกิดเหตุแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ได้นำร่างส่งมาที่ศาลยุติธรรมแล้ว”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเข้มว่า “เจ้าคอยฟังข่าวมา แล้วมารายงานข้าได้ทุกเวลา”“พ่ะย่ะค่ะ”เจวี๋ยอิ่งเดินเข้ามาสองก้าว จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางที่ชื่อว่าจังอวี้จิ่น ควรจัดการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “เอาเงินไว้ให้นาง ช่วยนางหาซื้อบ้านในเมืองหลวง รอให้จับตัวอาซือหลานได้เมื่อใด ค่อยบอกนางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”เมื่อเจวี๋ยอิ่งออกไปแล้ว เย่จิ่งอวี้สงบจิตใจลง และหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมาอีกครั้ง...ณ ตำหนักจินหวูตกบ่าย ซูฉ่ายเวยมานั่งพูดคุยด้วยครู่หนึ่ง นางไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่มาหลายคืน เพราะเสียงร้องโหยหวนของสวีจือย่วน หลังจากที่เงียบไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดก็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 479 หรือว่าเป็นเขา

    เสียงศักดิ์สิทธิ์?หรือว่าเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?อินชิงเสวียนมองหยกชิ้นนี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจหากเป็นของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เหตุใดจึงปรากฏอยู่ที่ตำหนักจินหวู?คนที่ขโมยพิณไปไม่ได้เข้ามาในตำหนัก อีกทั้งหยกชิ้นนี้มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด อย่างน้อยก็ต้องตกอยู่ที่นี่เป็นปีแล้ว ไม่มีทางเป็นของของนาง...“กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นที่ข้างหู อินชิงเสวียนได้สติกลับมาทันที“ฝ่าบาทมาถึงเมื่อไรเพคะ?”เย่จิ่งอวี้ยิ้มจางๆ“ข้าเพิ่งมา เสวียนเอ๋อร์มีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่?”อินชิงเสวียนชูหยกในมือขึ้นมา“ข้าพบสิ่งนี้เพคะ”เย่จิ่งอวี้รับหยกมา เมื่อพลิกดูแล้ว คิ้วคมก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย“เสียงศักดิ์สิทธิ์? หรือว่าเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์?”อินชิงเสวียนพูดว่า “นอกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ยังมีสถานที่อื่นชื่อว่าเสียงศักดิ์สิทธิ์อีกหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้ส่ายหน้า“นิกายต่างๆ ในยุทธภพ ข้ารู้จักไม่มากนัก แต่สิ่งเดียวที่ข้ายืนยันได้ก็คือ นิกายจะไม่มีชื่อที่คล้ายกันอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนถามอีกว่า “หากเป็นหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เช่นนั้นสิ่งที่ถือเป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 480 ข้าเชื่อใจท่าน

    อินชิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเขา จึงผิดหวังและเสียใจอย่างอดไม่ได้หากว่าเย่จิ่งหลานเป็นคนทำจริงๆ ตัวเองควรทำอย่างไรดี?เขาเป็นเพื่อนที่รู้ใจเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ หากเขาไม่อยู่แล้ว นางคงอยู่คนเดียวอย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายในโลกใบนี้เป็นแน่หากว่าเขาทำเรื่องผิดบาปเช่นนี้จริงๆ ตัวเองจะปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรือ?นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยหน้าขึ้นถามว่า “หากว่าศาลยุติธรรมจับผู้นี้ได้ จะมีมาตรการการลงโทษอย่างไร?”ฉางจี้จิ่วลูบเคราแล้วพูดว่า “วิธีการของคนผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก สติฟั่นเฟือน หากลงโทษคนผู้นี้ตามกฎหมาย ตามกฎหมายของต้าโจว จะมีการลงโทษโดยการใช้รถห้าคันดึงแยกร่างของนักโทษจนตาย”อินชิงเสวียนได้ยินก็ใจสั่น“หากว่าผู้กระทำความผิดเป็นลูกหลานในเชื้อพระวงศ์เล่า?”ฉางจี้จิ่วหัวเราะเหอะๆ ประสานมือคำนับไปทางตะวันออกแล้วพูดว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ ไม่มีทางลดโทษเพียงเพราะเป็นญาติสนิทในเชื้อพระวงศ์แน่นอน ตามคำกล่าวว่า ความผิดของโอรสแห่งสวรรค์ย่อมมีโทษเทียบเท่าประชาชน เรื่องนี้อาจารย์อินวางใจได้เลย”อินชิงเสวียนยิ่งฟังก็ยิ่งว้าวุ่นใจ จึงสอนวิชาฟิสิกส์อย่างลวกๆ จากนั้นก็พาหล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 481 เจ้าถามมากเกินไปแล้ว

    เมื่อเห็นข้อความในพระราชโองการ หินก้อนใหญ่ที่ทับอกของอินจ้งก็ถูกวางลงไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินดีที่จะออกรบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเสบียงและหญ้ามีไม่เพียงพอต่อการบริโภคเป็นเวลานาน อีกเรื่องสำคัญก็คืออาการป่วยของอินสิงอวิ๋นนี่เป็นไข้ใจของอินจ้งมาโดยตลอดคืนนั้น จวนแม่ทัพจัดการเลี้ยงสุรา เพื่อต้อนรับอูเอินและแม่ทัพเจียงวูสำหรับการต้อนรับที่สมศักดิ์ศรีของอินจ้ง อูเอินและคนอื่นๆ ต่างซาบซึ้งใจมากชูแก้วแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นคำสั่งของโอรสแห่งสวรรค์ ข้าและคนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะยุติสงครามเช่นกัน ตอนนี้สามารถติดต่อค้าขายกันได้ ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตราบใดที่สามารถแลกเปลี่ยนธัญพืชจากราชวงศ์โจวได้ พวกเราก็จะสามารถพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกได้เช่นกัน ซึ่งทำให้มีชีวิตที่มั่นคงได้”อินจ้งหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ฝ่าบาทมีปรีชาญาณโดดเด่น ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล คาดว่าพระองค์ทรงเห็นข้อเสียของเจียงวู จึงมีพระประสงค์ให้ทำการติดต่อค้าขายกันได้ ตราบใดที่เจียงวูไม่รุกรานอาณาเขตของพวกเรา ความสงบสุขนี้จะดำรงสืบไปเป็นนิตย์”อูเอินพูดอย่างละอายใจว่า “แม่ทัพอินพูดถูกต้องทีเดียว ครั้งนี้เจียงวูจะทำให

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 482 สัญญายุติสงคราม

    วันถัดมา ณ เมืองลั่วสยาอินจ้งนำอูเอินและคนอื่นๆ ตามทัพมาถึงพื้นที่ลาดชันสิบลี้ทางตะวันออกของเมืองด้านตรงข้าม มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้มนั่งบนหลังม้า ด้านหลังของเขามีกลุ่มทหารเจียงวูตามมาด้วยเมื่อเห็นรูปร่างของผู้ชาย อินจ้งกำเชือกในมือแน่นเขารู้เรื่องอาซือหลานปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋นจากปากของกวนเซี่ยว จึงแอบกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นแต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเขายิ้มเล็กน้อย ประสานมือคำนับและพูดว่า “ท่านคือท่านอ๋องถูหย่าลาจี๋เล่อใช่หรือไม่?”อาซือหลานยกมือขึ้นคำนับและพูดว่า “แม่ทัพอิน สบายดีหรือไม่”กวนเซี่ยวขี่ม้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าแพ้สงคราม ก็ควรจะคุกเข่าลงยอมรับโทษ กล้าดีอย่างไรที่มัวนั่งสบายใจบนหลังม้า?”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะยอมแพ้ แต่ข้าก็ยอมแพ้ต่อฮ่องเต้ของราชวงศ์โจว ในเมื่อแม่ทัพอินไม่ใช่คนสกุลเย่ และไม่ลูกหลานของเชื้อพระวงศ์ จะให้ข้าคุกเข่าลงด้วยเหตุอันใด?”“เจ้า...”กวนเซี่ยวเกลียดเขาเข้ากระดูก จึงจับด้ามดาบไว้แน่นอินปู้อวี่กดไหล่ของเขาเอาไว้ เพื่อบอกเขาว่าอย่าเพิ่งวู่วามอินจ้งหั

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 483 หวนสู่เมืองหลวง

    อินชิงเสวียนตัดสินใจทำการทดลองในวัง อย่างไรพืชผักและเมล็ดข้าวสาลีในสวนอวิ๋นเซียงถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ที่ดินก็ทิ้งว่างแม้อินชิงเสวียนจะสามารถเร่งเวลาการเติบโตในมิติได้ แต่พื้นมีกลับมีจำกัด แม้ว่านางจะนำเสบียงอาหารออกมาจากมิติทั้งหมด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อประชาชนชาวต้าโจวดังคำที่ว่า สอนเขาจับปลา ดีกว่าหาปลาให้เขากิน แต่ถ้าหากปลูกเมล็ดข้าวสาลี ผลผลิตคงไม่มากเท่าด้านในมิติ การปลูกมันเทศและมันฝรั่งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พืชเหล่านี้เติบโตง่ายกว่า ผลผลิตค่อนข้างมาก และยังสามารถใช้ประทังความหิวได้หลายวันนี้ อินชิงเสวียนจึงใช้เวลาในช่วงบ่ายพาขันทีกลุ่มหนึ่งมาสร้างโรงเรือนที่สวนอวิ๋นเซียง และสร้างเตาผิงขนาดใหญ่ไว้ด้านในพวกลำไม้ไผ่ค่อนข้างหาได้ง่าย ถุงพลาสติกก็ใช้คะแนนสะสมแลกมา อินชิงเสวียนขี้เกียจอธิบายที่มาของพลาสติกกับทุกคน นางสั่งให้คนนำไปปูในทันทีทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันว่า สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนล้วนมาจากฮว๋าเซี่ยทั้งนั้น เพราะเหนียงเหนียงมักมีสิ่งของที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเสมอ ทุกคนจึงไม่รู้แปลกใจหลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว อินชิงเสวียนก็ใช้น้ำพุวิญญาณน้ำผัก และสั่งให้ข

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status