หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 348 หากข้าช่วยนางไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นสามีของนาง

แชร์

บทที่ 348 หากข้าช่วยนางไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นสามีของนาง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
การเดินทางระยะไกลไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ด้านในต้นขาของอินชิงเสวียนปวดระบมไปหมด โชคดีที่นางสวมชุดกระโปรงสีดำของฟางรั่ว ถ้านางใส่กางเกง ท่าที่เดินคงจะน่าอายไม่น้อย

นางกุมบังเหียน แล้วเดินโซเซไปทางวังหลวง ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองสวมใส่หน้ากากใบหน้าของฟางรั่วอยู่ ดังนั้นนางจึงรีบหาสถานปลอดคน และถอดหน้ากากออก

หลังจากใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วยาม อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวังในที่สุด

ทหารองครักษ์ย่อมรู้จักนางอยู่แล้ว จึงพูดด้วยความประหลาดใจ “พระสนมเหยาเฟย ท่านกลับมาแล้ว”

อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า ถามอย่างกังวลทันที “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”

ทหารองครักษ์กล่าวว่า “ฝ่าบาททรงสำราญดี ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องหนังสือกระมัง”

เช้านี้เขาเห็นฝ่าบาทและจิ้งอ๋องขี่ม้าออกจากวัง ท่าทางดูกระตือรือร้นมาก

อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย “ฝ่าบาทปลอดภัยดี? แล้วองค์ชายน้อยล่ะ”

ทหารองครักษ์ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก “เมื่อวานพระสนมก็อุ้มกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ”

เมื่อได้ยินว่าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงยังอยู่ในวัง อินชิงเสวียนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เย่‍จิ่ง‍อวี้คงรู้แผนการของโยวหลานแล้ว พอมาลองคิดดู ถ้าเขาสามารถเป็นฮ่อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ranya12120
นางเอกงี่เง่าได้โล่เสมอ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 349 เป็นข้าที่แก้แค้นแทนเจ้า

    เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการออกรบด้วยตัวเองงั้นหรือและเพื่อตัวนางเองอีกด้วย?อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ และรู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกันนอกจากย่าของนางแล้ว ไม่มีใครดีต่อนางอย่าที่สุดขนาดนี้เลยทันใดนั้นนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วเดินออกจากทางเส้นเล็กไป“ฝ่าบาท หม่อมฉันกลับมาแล้ว”เสียงที่คุ้นเคยทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ตกใจเล็กน้อยแล้วก็เห็นร่างอรชรในชุดผ้าโปร่งสีดำยืนอยู่กลางพุ่มไม้เขียวชอุ่ม ใบหน้าที่งดงามราวกับเครื่องกระเบื้องหยก ส่องแสงเจิดจ้าท่ามกลางประกายแดดคิ้วบนใบหน้าของนางปัดเบาๆ จมูกเป็นสีดอกกุหลาบ ริมฝีปากแดงระเรื่อ และดวงตารูปกลมโตคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความโกรธและเสียงหัวเราะ นั่นคืออินชิงเสวียนผู้ที่ทำให้เขาถวิลหาทั้งยามหลับยามตื่นเย่‍จิ่ง‍อวี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น แล้วหยุดลงเขากระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ราชาสวรรค์เหนือกว่าพยัคฆ์ประจำถิ่น”อินชิงเสวียนยิ้ม “ผู้ถือเจดีย์สะกดปีศาจแห่งหนองน้ำ”“เป็นเจ้าจริงๆ!”เย่‍จิ่ง‍อวี้รีบก้าวไปข้างหน้าและกอดร่างผอมเพรียวไว้ในอ้อมแขนของเขาเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาอย่างยากลำบาก “ข้า...เป็นห่วงเจ้ามาก”อุณหภูมิร่างกายอันอบอุ่นได้ห่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 350 มัวชักช้าไม่ได้

    ณ ตำหนักเฉิงเทียนเย่‍จิ่ง‍อวี้แช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ และหลับลึกอีกแล้วบาดแผลที่หน้าอกตกสะเก็ดออกหมด ทิ้งไว้เพียงรอบแผลเป็นสีชมพูฝีมือการเย็นของเย่จิ่งหลานไม่เลวเลย อย่างน้อยบาดแผลก็ไม่น่าเกลียดอินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างๆ เมื่อมองไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความลำเอียงของท่านเทพผู้สร้างดูเหมือนว่าข้อดีทั้งหลายจะอยู่ในตัวเขาหมดเลย คิ้วหนา เรียวตาหงส์ จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบาง กลุ่มผมสีดำห้อยอยู่บนไหล่ เส้นตรงใต้กระดูกไหปลาร้า กล้ามเนื้อหน้าท้องแน่น และกล้ามท่อนแขนเป็นเส้น หลังมือที่วางอยู่ขอบถังไม้อาบน้ำเห็นเส้นปูดนูน อันทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งในสมัยโบราณการที่นางสามารถพบกับชายหนุ่มรูปงามได้ และเขาก็ชอบนางด้วย อาจเป็นผลบุญที่ครอบครัวของนางสั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษแต่ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ดูเหมือนจะหลับไปสักพัก ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อ นางจึงหยิบกระพรวนทองเส้นเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อของนางต่งจื่ออวี๋กล่าวว่าต้องสั่นเจ้านี่ในตอนกลางคืน ถึงจะตามหาเขาได้ ถ้าลองสั่นดูตอนนี้คงจะไม่เป็นไรกระมังอินชิงเสวียนค่อนข้างชอบเสียงนี้ มันฟัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 351 หึงหวง

    อินชิงเสวียนขมวดคิ้วงามนางมีความประทับใจที่ดีต่อเย่จั้น เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้อีกทั้งเขายังมีวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และยังมีกุศโลบายอีกมากมาย หากสามารถอยู่ในเมืองหลวงได้ จะช่วยเย่จิ่งอวี้ได้มากโขหากเขาไปในตอนนี้ เย่จิ่งอวี้ก็จะไม่มีผู้ใดที่สามารถเชื่อถือได้อีกแล้ว“ในเมืองซุ่ยหานไม่มีนายพลท่านอื่นเลยหรือ?”“ตอนนี้มีเพียงผู้คุมเมืองสองนาย เกรงว่าจะสกัดกั้นได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น”เย่จิ่งอวี้มาที่ด้านหน้าหน้าต่าง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกระสับกระส่ายเล็กน้อย“อันที่จริงเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้รับข่าวด่วนจากเมืองซุ่ยหาน”อินชิงเสวียนถอนหายใจออกมา“น่าเสียดายที่ท่านพ่อข้ากลับเมืองหลวงแล้ว มิเช่นนั้นคงมีรับสั่งพระราชโองการให้พวกเขาอยู่สกัดกั้นสักพักก่อน”“เป็นจริงดังนั้น จะรับสั่งราชโองการตอนนี้ก็สายไปแล้ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ และพูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “รีบไปส่งข่าวให้เสด็จอาเข้าวัง”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปพยุงเขาขึ้น “เสด็จอาไม่ต้องมากพิธี”เย่จั้นเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่ข้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 352 ระยะเวลาเจ็ดวัน

    “จ้าวเอ๋อร์”เมื่อเห็นลูกชาย อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถระงับความคิดถึงในใจของนางได้ จึงรีบไปที่ต้นเอล์มเก่าแก่ชายผมขาวกลับไม่ขัดขวางนางไว้ และยังปล่อยมือ ยื่นเด็กให้กับอินชิงเสวียนเสี่ยวหนานเฟิงโอบคอของอินชิงเสวียนในทันที ใบหน้าเล็กๆ คล้องคอของนางเหมือนแมว“คิดถึงแม่ใช่ไหม แม่ดูหน่อยสิว่าหิวโซหรือไม่”อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงมาไว้ตรงหน้า และสำรวจรอบตัวเขาเมื่อเห็นว่าลูกยังคงขาวอวบ เนื้อแน่นอวบอ้วน จึงวางใจในทันทีเย่จิ่งอวี้ก็เดินมาที่ใต้ต้นไม้ และคารวะชายผมขาว“ผู้น้อยเย่จิ่งอวี้ ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”ชายผมขาวพยักหน้า และถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว เพื่อให้เวลากับสามคนพ่อแม่ลูกอินชิงเสวียนหอมแก้มของเสี่ยวหนานเฟิงไม่หยุด จากนั้นก็หันไปหาชายผมขาว“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสมีเรื่องอะไรกับผู้น้อย?”เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้เคารพเขาเช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงไม่กล้าเสียมารยาทชายผมขาวมองมาที่นาง และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบ “เจ้าคือผู้ดีดพิณการเวกนั่นใช่หรือไม่?”“หากท่านผู้อาวุโสพูดถึงพิณที่โรงเตี๊ยมโหย่วเจีย ผู้น้อยคือคนที่ดีดพิณนั้นจริงๆ”สายตาของชายผมขาวจับจ้องไปทั่วใบหน้าของอินช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 353 ความตั้งใจแรกเริ่ม

    อินชิงเสวียนเดินออกจากบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์ เสี่ยวหนานเฟิงไปเล่นลูกสุนัขที่ทำจากฟางกับชายผมขาวแล้ว และมีเสียงหัวเราะดังออกมาไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวหนานเฟิงราวกับเสียงกระดิ่งเงิน อินชิงเสวียนก็รู้สึกหดหู่อย่างอดไม่ได้ลูกคนนี้สนิทสนมกับเขาเร็วเกินไปแล้วหรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ ใครก็ลักพาตัวเขาไปได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?ทว่ามันก็ทำให้ความโศกเศร้าเจือจางลงเช่นกัน หากว่าเสี่ยวหนานเฟิงร้องไห้งอแงไม่ให้นางไป ไม่แน่ว่านางอาจอยู่ต่อในตอนนี้เลยสีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็ดูไม่ดีมากนักภายใต้แสงจันทร์ เดิมทีรูปเส้นของใบหน้านั่นก็เด่นชัดอยู่แล้ว กลับยิ่งคมชัดมากขึ้น ริมฝีปากบางสองด้านประกบเข้าหากันแน่นอินชิงเสวียนเหลือบมองเขา และเดินเคียงข้างเขาพร้อมกับหนิงซวง“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง แค่การเรียนศิลปะการเล่นพิณเพียงเจ็ดวัน มันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว”เสียงที่นุ่มนวลดังขึ้นข้างกาย เย่จิ่งอวี้กลับยิ่งโทษตัวเอง“เพราะข้าไม่มีความสามารถ ไม่อาจปกป้องเจ้าและจ้าวเอ๋อร์ให้ดีได้”อินชิงเสวียนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยและพูดว่า “ฝ่าบาทพูดเกินไปแล้วเพคะ การเรียนศิลปะการเล่นพิณกับท่านผู้อาวุโส ก็เป็นความต้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 354 ข้าคือสามีของนาง

    อินชิงเสวียนหยิบกระพรวนทองออกมาจากอ้อมแขนรูปทรงของกระพรวนคล้ายกับกำไลข้อมือมาก สีทองเหลืองอร่าม และมีกระพรวนเล็กๆ ห้อยอยู่ที่วงแหวนรอบนอก รวมทั้งหมดสิบอัน เมื่อเขย่าเพียงเล็กน้อยก็จะเกิดเสียงดังกังวานชัดเจนเย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปรับ แต่ยังไม่ทันสัมผัสโดนพวงกระพรวน ในสมองก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้งเขาใช้มือกดที่หน้าผาก และเดินโซเซเล็กน้อยอินชิงเสวียนรีบนำกระพรวนยัดเข้าไปในอกเหมือนเดิม พร้อมกับเอื้อมมือไปพยุงเย่จิ่งอวี้ไว้“ในเมื่อฝ่าบาทไม่ชอบเสียงของมัน ก็อย่าฝืนเลยนะเพคะ”ฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ยืนมั่นคงแล้ว ความดื้อรั้นก็มาพร้อมด้วย“ให้ข้าดูอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อ แม้แต่สนามรบข้ายังไม่กลัว ข้าจะกลัวกระพรวนเล็กๆ นี่ได้อย่างไร”อินชิงเสวียนจึงจำเป็นต้องหยิบออกมาอีกครั้ง เย่จิ่งอวี้รวบรวมสมาธิหยิบมันขึ้น ถือไว้ในมือและใช้แรงเขย่าเสียงที่ไพเราะดังออกมาจากกระพรวน เย่จิ่งอวี้รู้สึกเจ็บที่หัวคิ้ว จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืดและแทบล้มลงกับพื้น“ฝ่าบาท!”อินชิงเสวียนตกใจ และรีบโอบเอวของเขาไว้“อย่าลองเลยนะเพคะ”อินชิงเสวียนแย่งกระพรวนกลับมา และวางเข้าไปในอกเย่จิ่งอวี้จับไหล่ของอินชิงเส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 355 ตบหน้า

    ทั้งสองเดินกลับตำหนักเฉิงเทียนอย่างช้าๆ ภายใต้แสงจันทร์ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยามค่ำคืนอากาศเย็นสบายและมีสายลมพัดเบาๆ ซึ่งสบายใจเป็นอย่างมากอินชิงเสวียนหลับตาลงอย่างอดไม่ได้ ปล่อยให้เย่จิ่งอวี้จูงตัวเองไปเหมือนตอนที่นางยังเด็ก มักจะให้คุณย่าเดินจูงตัวเองอยู่บนคันนา ตอนนั้นนางก็ชอบหลับตาให้ลมพัด รู้สึกเป็นอิสระอย่างมาก“ง่วงแล้วหรือ?” เย่จิ่งอวี้ถาม“ไม่เพคะ เพียงแค่ชอบสายลมยามค่ำคืน”อินชิงเสวียนสูดอากาศเย็นๆ ท่ามกลางสายลมอย่างละโมบ แล้วถามอีกครั้งว่า “พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าใช่ไหมเพคะ?”งานพระราชพิธีศพของไทเฮา จะต้องมีพิธีการที่ยุ่งยากเหล่านั้นแน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกปวดหัวอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนย่นใบหน้าเล็กๆ เย่จิ่งอวี้ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู“หากเจ้าไม่อยากไป ข้าจะบอกว่าเจ้าไม่สบาย”“ไม่ดีกว่าเพคะ หากว่าหม่อมฉัน เหล่านางสนมในวังหลังและพวกขุนนางจะนินทาหม่อมฉันเอาได้”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ “มีข้าอยู่ ใครจะกล้าว่าร้ายเจ้า”ในระหว่างที่พูด ก็เดินมาถึงหน้าประตูตำหนัก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดีดพิณลอยออกมาเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 356 ข้าคิดถึงเจ้า

    อินชิงเสวียนไม่ตอบแต่ย้อนถามว่า“ฝ่าบาทไม่ให้พระสนมสวีอยู่ด้วยหรือเพคะ นางเป็นถึงผู้ช่วยชีวิตของฝ่าบาท”เมื่อมองเห็นดวงตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยคำถาม เย่จิ่งอวี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้“ข้าได้เลื่อนตำแหน่งให้สวีเม่าแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณบ้างเล็กน้อย อีกทั้งเสนาบดีกรมพิธีการก็อายุมากแล้ว อีกไม่เกินสองสามปีก็จะขอลาออกกลับบ้านเกิด ข้าจะยกตำแหน่งเสนาบดีให้กับสวีเม่า สวีจือย่วนคงเข้าใจในความลำบากใจของข้า”ผู้ช่วยชีวิตก็เรื่องหนึ่ง ความรักก็เป็นอีกเรื่องเช่นกันเขารักอินชิงเสวียน แต่ไม่ใช่เพราะความงามของนางเย่จิ่งอวี้เป็นคนรอบคอบมาก และเขาไม่เพียงแค่มองสิ่งต่างๆ ตามรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นสิ่งที่เขารักจริงๆ ก็คือความรู้และความสามารถของอินชิงเสวียนโรคระบาด น้ำท่วม ภัยพิบัติทางทหาร ไม่ว่างานจะยากแค่ไหน นางล้วนสามารถหาทางแก้ไขได้เสมอสำหรับเขาแล้ว อินชิงเสวียนไม่ใช่แค่นางสนมธรรมดาคนหนึ่งมานานแล้ว แต่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่เขาขาดไปไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่รักแรกพบ แต่มันก่อเกิดอย่างช้าๆ และระเบิดออกมาในที่สุด ซึ่งแข็งแกร่งกว่ารักแรกพบมากเขาไม่ใจบุญสุนทานเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อน แ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status