ไม่สนว่าจะได้ผลหรือไม่ ผูกสัมพันธ์ที่ดีไว้ก่อนจะดีกว่าอย่างไรเสียฝ่าบาทก็มาที่ตำหนักจินหวูทุกวัน อีกครู่หนึ่งก็จะออกจากราชสำนักแล้ว ซูฉ่ายเวยมาที่นี่ก็เพื่ออยากลองเสี่ยงดู“ไม่มีปัญหา ตามข้าเข้ามาในตำหนักสิ” อินชิงเสวียนตอบรับอย่างสบายๆหากเมินเฉยต่อการหาเงินถือเป็นคนโง่ หนึ่งหรือสองตำลึงก็นับเป็นเงินยายหลี่รีบเข้าไปรับตัวเสี่ยวหนานเฟิง เพราะว่ามีไป๋เสวี่ย วันนี้เจ้าเด็กดื้อตัวน้อยจึงไม่ค่อยร้องหาอินชิงเสวียนมากเท่าไรทั้งสองกำลังเดินเข้าตำหนัก กลับได้ยินเซียงหลานร้องตะโกนด้วยความตกใจ “เหนียงเหนียง กระโปรงของท่าน”“ทำไมงั้นหรือ?”ซูฉ่ายเวยขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ และอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าตื่นตกใจ“มีอะไรไหลออกมาใช่หรือไม่?”เซียงหลานพยักหน้าซูฉ่ายเวยรีบถกกระโปรงผ้าแพรของตัวเองขึ้น และได้เห็นรอยเลือดอยู่บนนั้นทันที ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา“ข้าขอตัวกลับก่อน วันอื่นค่อยมาใหม่”อินชิงเสวียนกำลังอยากขายผ้าอนามัยพอดี จะปล่อยนางไปได้อย่างไร จึงรีบคว้าแขนของซูฉ่ายเวยเอาไว้“ไม่เป็นไร ข้าจะนำของดีมาให้เจ้า รับรองว่าเจ้าจะสบายตัวไปทั้งวัน และนอนหลับอย่างดีทั้ง
อินชิงเสวียนเรียกอวิ๋นฉ่ายเข้ามา ให้นางนำสาวใช้และแป้งมาด้วย ส่วนตัวเองก็เข้าไปในมิติและเก็บเงินให้ดีตอนนี้นางเก็บสะสมเงินได้ไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ความปรารถนาของคนไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เคยพึงพอใจกับความต้องการในเงินตรา ตอนที่มีร้อยตำลึงก็อยากได้พันตำลึง เมื่อมีพันตำลึงก็ขวนขวายจะเอาหมื่นตำลึง ตอนนี้อินชิงเสวียนก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินนับหมื่นตำลึง แต่กลับอยากได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะไข่มุกที่ส่องประกายเหล่านั้น เพียงแค่มองก็หาได้ยากยิ่งอินชิงเสวียนกอดไข่มุกเม็ดโตของนางแล้วจูบมันสองครั้ง จากนั้นก็เก็บเกี่ยวพืชผลเป็นชุด เนื่องจากนางต้องการขายเมล็ดพันธุ์ อินชิงเสวียนไม่ได้แปรรูปสินค้าในรอบนี้ จากนั้นก็ได้ค้นพบข้อดี การเก็บเกี่ยวที่ดินหลังจากที่ได้อัพเกรด จะได้คะแนนสะสมถึงห้าร้อยแต้มหากอัพเกรดอีกสองสามครั้ง คะแนนสะสมก็จะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย ดูเหมือนว่าความต้องการที่จะซื้อปืนก็มีความเป็นไปได้บ้างแล้ว บางทีอาจจะสามารถเอารถถังขับออกไปได้เดิมทีนางปล่อยให้มิติทำงานตามอิสระ จู่ๆ ตอนนี้นางกลับมีความหวังขึ้นมาใหม่อีกครั้งอินชิงเสวียนปลูกพืชผลด้วยความดีใจ หลังจากรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณแล้ว
อินชิงเสวียนประสานมือคำนับ ยิ้มและพูดขึ้นว่า “แม่นางช่างมีสายตาแหลมคมทีเดียว เพียงมองปราดเดียวก็จำข้าได้”วันนั้นนางปลอมตัวเป็นผู้ชายไปที่เรือนจุ้ยหงเพื่อตามหากวนเซี่ยว จึงได้พบกับฟางรั่ว“เรื่องที่แม่นางอยากซื้อเมล็ดพันธุ์ ไม่ทราบว่าต้องการมากเท่าไรขอรับ?”ฟางรั่วหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ข้าอยากปลูกไว้ในลานบ้านของข้า ต้องการไม่มากนักหรอก”หลิวเหล่าไท่ไท่ถามขึ้นอยากแปลกใจ “ครั้งก่อนแม่นางบอกว่า มีเท่าไรก็เอาเท่านั้นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”ฟางรั่วพูดขึ้นด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “ตอนนั้นข้าอยากซื้อลานบ้านไว้ในเมืองหลวงสักแห่ง จึงอยากปลูกเป็นจำนวนมาก ตอนนี้กลับซื้อลานบ้านไม่สำเร็จ จึงซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ไม่มากนัก”อินชิงเสวียนอดที่จะผิดหวังไม่ได้“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ทว่าของแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะปลูกไว้ในลานบ้าน แม้จะปลูกไปแล้วก็จะได้ผลผลิตไม่มาก แม้นางปลูกผักสดหรือผลแตงจะเหมาะสมมากกว่า”ฟางรั่วทำเสียงอ๋อ น้อมตัวลงและพูดว่า “ข้ามีคันนาเพียงสองแถวเท่านั้น หากทำไม่ได้ก็คงต้องปลูกอย่างอื่นแล้วล่ะ ต้องขอโทษที่รบกวนด้วย เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เมื่อมองเงาหลังของฟางรั่ว หลิวเหล่าไท่ไ
อินชิงเสวียนหันม้ากลับในทันที“เชิญท่านอ๋อง!”“เชิญ”เย่จั้นกำปั้นกำไว้ที่หน้าอก ยืดเอวนั่งหลังตรง ท่าทางราวกับต้นไผ่ สูงตระหง่านไม่ธรรมดาท่าทีของพลทหารเช่นนี้ ทำให้อินชิงเสวียนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา อีกประเดี๋ยวจะเข้าไปแลกสุราดีในมิติ ให้เขาลองชิมเสียหน่อยในระหว่างที่ครุ่นคิด เย่จั้นก็ควบม้าของเขาไป“ที่นี่เป็นอย่างไร?”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็เห็นป้ายขนาดใหญ่แขวนอยู่ด้านบน โดยมีตัวอักษรสี่ตัวว่าโรงเตี๊ยมจวี้เสียนเขียนอยู่บนนั้น ซึ่งมีเสน่ห์แบบโบราณเป็นอย่างมากยิ้มเบาๆ และพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องชอบก็พอแล้วขอรับ”ทั้งสองลงจากม้าพร้อมกัน เย่จั้นสังเกตเห็นสิ่งที่อินชิงเสวียนเหยียบ จึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “นี่คือโกลนม้าที่ฝ่าบาททรงว่าไว้ใช่หรือไม่?”อินชิงเสวียนพยักหน้าและพูดว่า “ขอรับ ของสิ่งนี้จะช่วยให้คนอยู่บนหลังม้าได้อย่างมั่นคง ท่านอ๋องนำกลับไปด้วยได้นะขอรับ”เย่จั้นขี่ม้าเป็นประจำ จึงรู้ถึงประโยชน์ของมันเป็นอย่างดี อดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชมออกมาจากใจ “เป็นของดีจริงๆ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะ”อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเกรงใจก
อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อยเย่จิ่งอวี้และเย่จั้นเคยไปตามหาตัวเองที่หอสวดมนต์ด้วยงั้นหรือ?หรือว่าคนสวมหน้ากากที่นางพบในมิติวันนั้น ก็คือพวกเขาสองคน?เมื่อก่อนเคยบ่นว่าเย่จิ่งอวี้ไม่สนใจนาง รู้สึกผิดต่อเขาเสียแล้วเย่จั้นพูดต่อว่า “จิ่งอวี้นิสัยเย็นชา ไม่ค่อยสนิทสนมกับใคร โดยเฉพาะผู้หญิง เขาตีต่อเจ้าเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก”อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากของตัวเอง และกล่าวคำนับ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่บอกเรื่องนี้กับข้า”เย่จั้นพยักหน้าและพูดอีกว่า “บางครั้งการได้รับความโปรดปรานก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป การทะเลาะกันในวังหลังก็ไม่น้อยไปกว่าสมัยราชวงศ์ก่อน ก่อนที่ท่านพ่อของเจ้าจะกลับเมืองหลวง เจ้าต้องถ่อมตัวให้มาก และอย่าให้ใครมาจับผิดเอาได้ หากใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า คงทำให้เกิดเรื่องใหญ่ในราชวงศ์ก่อนอย่างแน่นอน”เย่จั้นน้ำเสียงราบเรียบ แต่ด้านในแฝงไปด้วยความเป็นห่วง ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาคารวะและพูดขึ้น “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงแนะนำ ข้าจะอยู่ในวังหลังอย่างระมัดระวัง เพื่อรอท่านพ่อกลับมา”“เช่นนั้นข้าก็วางใจ”เย่จั้นอ้าปากราวกับจะพูดบางสิ่ง สุดท้ายก็เงียบ
สวนอวิ๋นเซียงเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกเริ่มแตกหน่อ ผลิใบสีเขียวอ่อน เป็นที่ชื่นใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนักเมื่อเห็นต้นกล้าเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็จิตใจเบิกบานมากหากปลูกต่อไปเช่นนี้ ภายใน 3-5 ปี สายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงในสมัยใหม่เหล่านี้จะหยั่งรากแตกหน่อได้ในต้าโจว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้นับว่าเป็นสิ่งที่นางนำมาสู่โลกใบนี้เองเสี่ยวหนานเฟิงก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน มือเล็กๆ ชี้ส่งๆ ไปยังตรงนั้นตรงนี้ เท้าน้อยๆ ก็ขยับขึ้นลงอย่างมีความสุข ปากก็พูดอ้อแอ้ด้วยคำพูดแบบเด็กๆ ที่อินชิงเสวียนไม่สามารถเข้าใจได้เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือมาอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไป พาเขาเข้าไปในทุ่งนา พับเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งยองๆ ปล่อยให้เขาได้สัมผัสต้นอ่อนเหล่านั้นเสี่ยวหนานเฟิงมีความสุขมาก จนมือเล็กจ้อยอดไม่ได้ที่จะดึงขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็คว้าต้นกล้าแล้วถอนขึ้นมาทั้งรากเย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงว่าจ้าวเอ๋อร์จะมีเรี่ยวแรงขนาดนี้”อินชิงเสวียนพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ฝ่าบาทตามใจเขามากเกินไปแล้วเพคะ จะทำลายต้นกล้าได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงยืนขึ้น แล้วมองดูลูกชายของเขาด้
ณ ตำหนักจินหลวนกวนเมิ่งถิงถือฮู่ป่านไว้ในมือ ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “คืนวานนี้นอกจากซูฮ่วนผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแล้ว ก็ยังมีอธิบดีสำนักฮั่นหลินที่ถูกลอบสังหารจนถึงแก่ชีวิตด้วย ตอนนี้ผู้คนต่างตื่นตระหนก ขอทรงโปรดวินิจฉัยโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้นั่งตระหง่านบนบัลลังก์มังกร ใบหน้าสลักเสลามืดมนดั่งวังวนน้ำลึก โมราสีแดงที่อยู่บนมาลามุงกุฎโยกไหวเบาๆ แสดงถึงความโกรธเคืองที่อยู่ภายในใจเดิมทีการประชุมเช้านี้ต้องการคุยเรื่องเจียงวู ไม่นึกว่าจะได้ยินข่าวร้ายนี้เขากำที่วางแขนของบัลลังก์มังกรอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดที่หลังมือปรากฏชัด แล้วจึงถามด้วยเสียงทุ้มลึก “ผู้ว่าการศาลต้าหลี่อยู่ที่ใด”ชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบปีเดินออกมาจากเหล่าบรรดาขุนนาง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่กระหม่อมทราบเรื่องนี้ ก็ได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว เชื่อว่าคงจะทราบผลในอีกไม่กี่วันพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเย็นชา “อีกไม่กี่วันคือกี่วัน ข้าขอเวลาที่แม่ยำด้วย”ผู้ว่าการศาลต้าหลี่รีบพูดทันทีว่า “กระหม่อมขอเวลาสามวัน ภายในสามวัน จะต้องสืบหาตัวฆาตกรเหล่านี้มาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้พ
เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ พูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะให้เสด็จอาไปช่วยปกป้องเจ้า แต่เจ้าต้องระวังด้วย เมื่อเจ้ากลับถึงวังแล้ว ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นกุ้ยเฟย เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่เจ้า”อินชิงเสวียนตกใจ รีบเอ่ยขึ้นทันควัน “หม่อมฉันเพียงต้องการให้ราษฎรในต้าโจวสงบสุข ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยสงคราม ไม่เคยคิดที่จะใช้สิ่งนี้เพื่อไต่เต้าสู่ตำแหน่งสูงเพคะ”ยิ่งนางอยู่ในตำแหน่งที่สูงก็ยิ่งมีคนอิจฉามากขึ้นเท่านั้น และยากจะหลุดพ้น ตอนนี้ตำแหน่งสนมขั้นเฟยก็สูงพอควรแล้ว นางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปีนขึ้นไปต่อเย่จิ่งอวี้จับมือนางแล้วพูดอย่างอบอุ่น “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน เรื่องนี้สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นเพียงโอกาสที่เหมาะสม เดิมทีเจ้าควรจะเป็นไทเฮาของข้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว”อินชิงเสวียนยื่นมือออกมา โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หม่อมฉันไม่รู้สึกเสียใจเลย ตอนนี้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ขอฝ่าบาทถอนความคิดเมื่อครู่ อย่าแต่งตั้งเป็นหวงกุ้ยเฟยเลยเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดอ