"ด้วยพระบารมีของฝ่าบาท ที่ไม่ให้ตระกูลอินทั้งครอบครัวถูกล่ามตรวน ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขากำลังทำนาในเมืองซุ่ยหาน โดยที่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มครบครัน"น้ำเสียงของเย่จั้นสงบ มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ"เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดถามถึงตระกูลอิน"สีหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไป "อินจ้งทั้งตระกูลนับว่าเป็นขุนนางอาวุโสถึงสองรัชสมัย กล่าวได้ว่ากรำศึกเพื่อต้าโจวจริงๆ แม้ว่าความดีจะไม่สามารถชดเชยความไม่ดีได้ แต่คุณงามความดีนั้นลบล้างไม่ได้ ที่ข้าถามถึงพวกเขา ก็เพราะเห็นแก่คุณงามความดีเมื่อครั้งเก่าก่อน"เย่จั้นถอนหายใจกล่าวว่า "อินจ้งเป็นแม่ทัพที่หายากจริงๆ ทั้งยังเป็นคนตรงไปตรงมา จนตอนนี้ข้ายังไม่เชื่อว่าเขาจะทรยศต่อแคว้น"เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า "หลังจากที่อินจ้งมาถึงเมืองซุ่ยหาน ข้าก็ถามเขาเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับการทรยศ แต่อินจ้งไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ข้าดูท่าทางของเขา ก็ดูไม่เหมือนว่ากำลังโกหกเลย ถ้าอินจ้งมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์เจียงวูจริงๆ แล้วเหตุใดเขาจึงเป็นผู้นำรบเดินทางไกลไปทำศึกถึงเจียงวู""ข้ารู้ว่าฝ่าบาทเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ มีบางสิ่งอาจไม่เป็นไปตามที่ต้องการ รู้ด้วยว่าที่ฝ่าบาทเนรเทศตระก
"ท่านนี้คือนายหญิงจากหอสุ่ยอวิ้นที่ฝ่าบาททรงโปรด เจ้าช่วยผ่อนผันให้หน่อยเถิด"หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน องครักษ์ก็ยังไม่สะทกสะท้าน"ไม่ได้ ถาจะเข้าเจ้าก็ต้องเข้าไปคนเดียว"จุ๊ๆ เชื่อฟังดีจริงๆแต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน จะได้ป้องกันไม่ให้พวกลูกหมาลูกแมวมาลักพาตัวเสี่ยวหนานเฟิงไป"เช่นนั้นก็ได้ งั้นเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า"ซ้ายมือของตำหนักจินหวูมีสวนกล้วยไม้อยู่ อินชิงเสวียนเดินนำทั้งสองคนเข้าไปในสวน และนั่งลงที่บันไดตอนหนึ่ง"ระยะนี้นายหญิงเป็นอย่างไรบ้าง"หานปิงกำลังจะพูด แต่ถูกสายตาของสวีจือย่วนหยุดไว้"ก็ดี หานปิง เจ้าไปเฝ้าอยู่ตรงนั้นนเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสี่ยวเสวียนจื่อ"หานปิงตอบรับแล้วเดินไปเฝ้าอยู่อีกด้าน จากนั้นสวีจือย่วนก็คว้ามือของอินชิงเสวียนไว้"เรื่องตระกูลอิน เจ้าวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไร"อินชิงเสวียนอึ้งกับการถูกถามไปชั่วขณะนี่ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถทำตามที่ตัวเองคิดได้ตระกูลอินทั้งครอบครัวไม่ได้ถูกล่ามตรวน เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องของตระกูลอินเพราะเรื่องของอินสิงอวิ๋น นี่นับว่าเป็นความโชคดีท่ามกลางความโชคร้ายแล้ว"เรื่องนี้ต
อินชิงเสวียนตั้งใจจะเตรียมเงินไว้ให้อินจ้งหนึ่งหมื่นตำลึง เมื่อคำนวณทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่พันตำลึงก็จะครบหนึ่งหมื่น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาเงินให้ได้เร็วๆนางไปหาซูฉ่ายเวย ไม่ใช่เพราะนางต้องการไปถอนขนแกะ แต่เป็นเพราะซูฉ่ายเวยมีสถานะสูงสุดในบรรดานายหญิงเหล่านี้ และยามว่างเหล่าหญิงงามก็มักจะไปรวมตัวกันที่ตำหนักของนางระหว่างทาง อินชิงเสวียนเข้าไปในร้านค้าคะแนนสะสม หยิบยกทรงและชุดชั้นในออกมาเก็บไว้ในอกเสื้อจำนวนหนึ่ง นางยังเอาสติ๊กเกอร์ น้ำหอมและผงหอมมาใส่ไว้ในอกเสื้อด้วยจากนั้นก็เดินไปที่หอฉงฮวาเมื่อเข้ามาถึงประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครง เมื่อขันทีน้อยเห็นอินชิงเสวียน เขาก็เข้าไปรายงานทันทีซูฉ่ายเวยและผู้อื่นกำลังเย็นชุดเด็ก ในใจก็กำลังคิดกันอยู่ว่าเสี่ยวเสวียนจื่อไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้ว ถ้าเขาอยู่ยังพอจะสอบถามอะไรได้บ้างตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กอายุเท่าใด ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง จึงได้แต่คลำทางไปตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นเมื่อได้ยินว่าเขากำลังมา ก็รีบพูดอย่างตื่นเต้นทันที "เร็วเข้า ให้เขาเข้ามา"อินชิงเสวียนหอบท้องอันใหญ่โตเดินตัวโยกเข้าไป
เพียงพริบตาคนเหล่านี้ก็หายไปอินชิงเสวียนตกตะลึง คนเหล่านี้ไปทำอะไรในวังเย็น แถมยังสวมชุดพรางตัวอีกนางไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ สุดท้ายแล้วถ้านางไม่แสวงหาความตายก็จะไม่ตาย ดังนั้นนางจึงรีบเข้าไปในหอฉงฮวาทันทีเมื่อเห็นเสื้อผ้านุ่มๆ สองชุดนี้ ซูฉ่ายเวยก็ชอบมากจนวางไม่ลงทั้งฝีมือการตัดเย็บและเนื้อผ้า ดูดีกว่าชุดที่นายหญิงพวกนั้นเย็บอีกนางไม่สนใจถามด้วยซ้ำว่าสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด เพียงฮ่องเต้โปรดก็พอถึงอย่างไรทุกคนที่อยู่ในวังมีทางของตัวเอง และแม้ว่าจะถามไป อินชิงเสวียนก็ไม่บอกเช่นเดิม"ไม่ทราบว่าเสื้อผ้าสองชุดนี้?"อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ถ้าพระสนมชอบ ก็จ่ายให้ข้าห้าร้อยตำลึงก็พอ"อิงตามราคาของเสื้อผ้า ชุดเล็กๆ สองชุดนี้เรียกได้ว่าราคาแพงมาก แต่สิ่งที่เสี่ยวเสวียนจื่อขายนั้นย่อมแตกต่างจากผู้อื่น และซูฉ่ายเวยก็เต็มใจที่จะจ่ายเงินพวกนี้"เช่นนั้นก็ต้องขอบใจแล้ว"ซูฉ่ายเวยยกริมฝีปากขึ้นยิ้มแล้วพูดว่า "ฝ่าบาทต้องเลือกเสื้อผ้าเหล่านี้แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น..."อินชิงเสวียนพูดอย่างรู้ใจว่า "บ่าวย่อมเลือกของพระสนมอยู่แล้ว"ซูฉ่ายเวยยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดว
เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงหึในลำคอ"เจ้ารู้จักพูดจริงๆ"อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่ใช่ว่ากระหม่อมรู้จักพูด แต่เป็นเพราะนับตั้งแต่สมัยโบราณ ขุนนางและแม่ทัพผู้ภักดีมักจะถูกผู้อื่นอิจฉาริษยา กระหม่อมแค่พูดตามความรู้สึก"เย่จิ่งอวี้พ่นลมหายใจยาว"แล้วเรื่องของอินสิงอวิ๋นล่ะ จะอธิบายว่าอย่างไร"เขากำลังพูดถึงตระกูลอินจริงๆอินชิงเสวียนรีบจัดระเบียบคำพูดของนางอย่างรวดเร็ว"กระหม่อมอยู่กับฝ่าบาทมานานแล้ว ได้ยินเรื่องของตระกูลอินมาบ้าง ถ้าตระกูลอินสมรู้ร่วมคิดกับกบฏเจียงวูจริงๆ พวกเขาจะซ่อนหลักฐานการทรยศไว้ที่บ้านได้อย่างไร เชื่อว่าฝ่าบาททรงปรีชา คงคิดถึงข้อนี้แต่แรกแล้ว"อินชิงเสวียนกล่าวประจบ แล้วพูดต่อว่า "กระหม่อมคิดว่าตระกูลอินต้องถูกคนใส่ร้าย"เย่จิ่งอวี้ถามเบาๆ "แล้วผู้ใดอยากใส่ร้ายตระกูลอินล่ะ""เอ่อ...เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบ"เย่จิ่งอวี้มองไปข้างหน้าและพูดว่า "ตระกูลอินไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ใดเลย แม้ว่าจะถูกใส่ร้าย แต่ก็ต้องมีเหตุผลอ้าง""ถ้าจะเอ่ยถึงเหตุผลอ้าง เช่นนั้นก็มีมากมาย"อินชิงเสวียนพูดพร้อมกับแยกนิ้ววิเคราะห์ "บางทีอาจไม่ชอบใต้เท้าอินที่โดดเด่นในด้านการรบ
ทันทีที่อินชิงเสวียนเข้ามาก็บังเอิญเห็นฉากนี้ความรู้สึกเหมือนถูกทรยศได้อุบัติขึ้น ในใจรู้สึกอิจฉายิ่งนักเสี่ยวหนานเฟิงแนบแก้มกับใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ใบหน้าของเขาเปียกด้วยน้ำลายอินชิงเสวียนรีบกล่าวทันที "ฝ่าบาท ท่านส่งลูกให้กระหม่อมเถอะ ประเดี๋ยวถูกเขากัดเอา"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มละไม "เขาไม่กัดข้าหรอก"อินชิงเสวียนกลอกตา ลืมตอนที่เขาชกพระองค์ไม่ได้แล้วหรือ สำคัญตัวเองจริงๆเย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงนั่งบนตัก จับมือเล็กๆ ของเขาแล้วพูดอย่างอบอุ่น "ในอีกไม่กี่วัน เจ้าจะเป็นอ๋องแล้ว เป็นอ๋องคนแรกที่ข้าแต่งตั้ง เสี่ยวหนานเฟิงเจ้าดีใจหรือไม่"อินชิงเสวียนอยากจะบอกว่าแม่ของเขาไม่ดีใจเลย แต่นางไม่มีความกล้า ดังนั้นนางจึงต้องหุบปากและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ แล้วมือเล็กๆ อันจ้ำม่ำของเขาก็โบกไหวๆ อย่างมีความสุขอินชิงเสวียนแอบมองเย่จิ่งอวี้แวบหนึ่ง เป็นอ๋องดีอย่างไร เป็นฮ่องเต้ยังจะดีเสียกว่า ถ้านางเป็นไทเฮาออกว่าราชการผ่านหลังม่านได้ คงจะดีไม่น้อยชั่วพริบตา ค่ำคืนก็มืดสนิทลงเสียงกลองดังขึ้นในยามสอง และในที่สุดเย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่
"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรอีก"เสียงของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใดเจวี๋ยอิงที่คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวต่อว่า "บอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมรับอันผิงอ๋อง ต้องการจะสังหารกันเอง"เย่จิ่งอวี้หัวเราะเยาะ และพูดว่า "ในที่สุดเรื่องดาวมงคล ก็ทำให้คนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้"เจวี๋ยอิงกล่าวเสริมอีกว่า "ตามรายงานจากสายลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ดูเหมือนจะมีชาวยุทธ์จำนวนมากปะปนอยู่ในเมืองหลวง"เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น ถามอย่างเย็นชา "สืบได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด"เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความเคารพ "เวลานี้ยังไม่ทราบ กระหม่อมได้สั่งให้พวกเขาเร่งตรวจสอบแล้ว"กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เริ่มกระด้างขึ้น"เจ้าถอยไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!""กระหม่อมเข้าใจแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"หลังจากที่เจวี๋ยอิงจากไปแล้ว เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงอีกครั้งนับตั้งแต่อันผิงอ๋องออกจากสุสานหลวง เรื่องราวหลายอย่างในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะทำอะไรได้อีกบ้างหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "หลี
เมื่อมองดูดวงตาที่ใสกระจ่างของเย่จั้นแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจ"ข้าจะจัดการสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผิดต่อความไว้วางใจของเสด็จอา"เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างามและพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ต้าโจวมีความอดอยากไปทั่วแคว้น มีคนตายด้วยความหิวโหยอยู่ทุกแห่งหน ทั้งยังมีคนชั่วจงใจที่จะสร้างปัญหา ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"เมื่อดูจากกิริยาและวาจาของเย่จั้นแล้ว อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับนักรบที่แสนเยือกเย็นผู้นั้นได้นี่คงเป็นแม่ทัพที่คนโบราณบรรยายไว้กระมังท่วงท่าสง่างามของเย่จั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน แต่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนสง่างาม แต่กลับทำให้คนไม่อาจเพิกเฉยต่อความเฉียบคมในดวงตาที่ฉายแววออกมาเป็นครั้งคราวของเขาได้อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เย่จั้นจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกประดักประเดิด จึงเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็วเย่จิ่งอวี้ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ "ตอนนี้มีมาตรการตอบโต้สำหรับทุกสิ่งแล้ว เชื
ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ
อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง