Share

บทที่ 14 ฮ่องเต้พิโรธ

last update Last Updated: 2025-04-22 14:23:39

ไป๋จินเซียงมองตามนักฆ่าผู้นั้นไป เขาเป็นคนใช้ธนูยิงมันเองกับมือ เดิมทีเขาและจางเหยียนเหว่ยคิดจะมาเที่ยวเล่นในตลาด คอยสังเกตความเป็นไปของราษฎร และตั้งใจจะไปหาไป๋เหมยเหม่ยที่ร้านหม้อไฟเสียหน่อย แต่กลับพบว่ามีผู้คนวิ่งแตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด เมื่อสอบถามความก็พบว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ร้านของไป๋เหมยเหม่ย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นการทะเลาะเพื่อแย่งซื้ออาหารกันเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงกลับเหนือความคาดหมายยิ่งนัก กลับกลายเป็นว่ามีนักฆ่าคิดสังหารจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง 

จางเหยียนเหว่ยขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง

“ครานี้พวกเจ้าคงหลาบจำแล้วกระมัง ออกมาโดยไม่มีทหารติดตาม มีเพียงองครักษ์ผู้เดียวติดตามมาเท่านั้น พวกเจ้าเห็นหรือยังว่ามีคนจ้องจะทำร้ายพวกเจ้า!!!”

“ท่านพี่ ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าขออภัยด้วย”

จางจิ้งเฉวียนเอ่ยด้วยท่าทีที่รู้สึกผิดไม่น้อย

ไป๋เหมยเหม่ยยืนจับกระทะเอาไว้พลางจ้องมองจางเหยียนเหว่ยสลับกับมองจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง นางไม่คิดเลยว่ายามที่จางเหยียนเหว่ยโมโหแล้วจะน่ากลัวถึงเพียงนี้

ทุกคราที่ได้พบกันบนใบหน้าของเขาจะประดับด้วยรอยยิ้มและชอบเอ่ยวาจาหยอกเย้านางและคนอื่นๆ เล่น เขาดูเหมือนอ๋องเจ้าสำราญที่อารมณ์ดีตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นว่าเขาโมโหและเคร่งเครียดเช่นนี้

เมื่อรู้ว่าจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิงเป็นใคร ไป๋เหมยเหม่ยก็วางตัวไม่ถูก เป็นจางหนิงหนิงที่เดินเข้ามาจับมือนางก่อนจะเอ่ย

“ไม่ต้องมากพิธีกับข้า ต้องขอบใจเจ้าที่กล้าหาญออกมาปกป้อง ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทน มีเพียงหัวใจและร่างกาย...”

“แฝดน้อง มันใช่เวลาหรือ!!!”

         จางจิ้งเฉวียนเอ่ยขัดน้องสาวตนทันที เขารู้หรอกนะว่าจางหนิงหนิงคิดจะเอ่ยสิ่งใด จางหนิงหนิงที่ถูกขัดก็หันมาถลึงตาใส่จางจิ้งเฉวียนคราหนึ่ง

         “วันนี้ขอบใจเจ้ามากนะแม่นาง”

         “เพคะ”

         นางยิ้มให้จางจิ้งเฉวียนคราหนึ่ง ก่อนจะหันมามองจางหนิงหนิงที่ยืนส่งยิ้มหวานให้นาง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางครุ่นคิดในใจ

         เหตุใดองค์หญิงจึงมองนางเช่นนี้?

“พวกเจ้ารีบกลับวังไปเสีย ข้าจะให้ทหารของข้าติดตามไปอารักขาเจ้า”

“ขอรับท่านพี่ ข้าไปก่อนนะไป๋เหมยเหม่ย”

จางจิ้งเฉวียนพยักหน้าให้จางเหยียนเหว่ย ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ยอย่างอ่อนโยน ด้านจางหนิงหนิงนั้นหันมาเอ่ยกับนางอีกหนึ่งประโยค

“แล้วพบกันใหม่นะแม่นางคนงาม”

ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้คนทั้งสองคราหนึ่ง ก่อนจะมองพวกเขาจากไปจนลับสายตา 

จางเหยียนเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นจึงหันมาเอ่ยกับไป๋จินเซียงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“หากเรามาไม่ทันและเกิิดเร่ื่องขึ้นกับอาจิ้งและหนิงหนิง ข้าไม่อยากคาดคิดเลยว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตระกูลไป๋ของเจ้า”

ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในคำพูดของจางเหยียนเหว่ยในทันที 

หากพวกเขามาไม่ทันและจางจิ้งเฉวียนถูกสังหาร อีกทั้งยังถูกสังหารในร้านหม้อไฟของไป๋เหมยเหม่ยน้องสาวของเขา ย่อมต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องสงสัยว่าคนตระกูลไป๋มีส่วนในการลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทและองค์หญิงของราชสำนัก แม้ที่ผ่านมาฝ่าบาทจะได้ชื่อว่าเป็นสหายสนิทกับท่านพ่อของเขา แต่อย่างไรย่อมระแวดระวังเหล่าขุนนาง เกรงว่าจะหวังโค่นล้มราชบัลลังก์

ตระกูลไป๋อาจจะถูกเนรเทศโทษฐานก่อกบฏ หรือที่แย่กว่านั้นก็คือการถูกสำเร็จโทษด้วยการประหารชีวิตทั้งตระกูล

เพียงแค่คิดก็น่ากลัวยิ่งนัก!!! แม้จะมีความดีความชอบในการปกป้องแว่นแคว้น แต่เมื่อใดที่ฝ่าบาททรงหวาดระแวง ก็ย่อมร่วงตกลงจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ำได้เช่นเดียวกัน

ไป๋เหมยเหม่ยเองก็ตกใจไม่ต่างกัน เรื่องราวมันเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ติด นางรีบหันไปสั่งเฉียวเหลียนให้เก็บของในร้านทันที

“เหมยเหม่ย พี่จะส่งคนมาเฝ้าดูที่ร้านของเจ้า คล้ายว่าเมืองหลวงของเราจะเริ่มไม่ปลอดภัยเสียแล้ว”

ไป๋เหมยเหม่ยพยักหน้าให้ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อ

เมื่อกลับมาถึงจวนนางก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย จึงขอตัวไปนอนหลับพักผ่อนทันที

ข่าวเรื่องจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิงถูกลอบปลงพระชนม์นั้นล่วงรู้มาถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้จางเหลียนไห่ ทำให้ทรงพิโรธไม่น้อย จึงมีคำสั่งเรียกตัวเหล่าขุนนางเข้าร่วมประชุมไม่เว้นแม้แต่จางเหยียนเหว่ย

ในท้องพระโรงยามนี้คล้ายมีเมฆหมอกหนาทึบปกคลุม เหล่าขุนนางต่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง

“ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก แม่ทัพใหญ่ไป๋ ได้ยินว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านหม้อไฟของบุตรสาวเจ้า เจ้าสืบความมาได้หรือไม่ว่าผู้ใดส่งนักฆ่ามา”

ไป๋จินเซียงหันไปสบตากับบิดาตนคราหนึ่ง แม่ทัพใหญ่ไป๋พยักหน้าให้บุตรชายตนเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมเอ่ย

“คนร้ายยังไม่ยอมรับสารภาพว่าผู้ใดส่งมันมาพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังฆ่าตัวตายในคุกหลวงไปแล้ว”

สิ้นสุดคำพูดถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะก็ถูกเขวี้ยงแตกกระจัดกระจายบนพื้นทันที

“ทำงานไม่ได้เรื่อง!!!”

ทุกคนในท้องพระโรงต่างนิ่งเงียบ จางเหยียนเหว่ยเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เป็นจางจิ้งเฉวียนที่เอ่ยปากขึ้นมาทำลายบรรยากาศตึงเครียด

“ทูลเสด็จพ่อ อย่ากล่าวโทษผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีก็เป็นความผิดของลูกและน้องหญิงเองที่อยากออกไปเที่ยวเล่น อีกทั้งยังเกือบจะนำความเดือดร้อนไปสู่ไป๋เหมยเหม่ย นางปกป้องลูกทั้งที่ตนเองก็ไม่มีวรยุทธ์ อีกทั้งรองแม่ทัพไป๋และท่านพี่จางเหยียนเหว่ยก็ปกป้องลูกเป็นอย่างดี ขอเสด็จพ่อโปรดระงับโทสะด้วย”

ฮ่องเต้จางเหลียนไห่หันมามองบุตรชายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว นอกวังหลวงอันตรายเพียงใดแต่พวกเจ้ากลับไม่ฟัง!!! ต่อไปห้ามออกนอกวังหลวงโดยไม่มีทหารคอยติดตามอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคุณหนูไป๋ช่วยเหลือพวกเจ้าทั้งสองเช่นนั้นหรือ นางช่วยเช่นไร”

จางจิ้งเฉวียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยตอบทันที

“นางใช้ตนเองกำบังลูกและน้องหญิงเอาไว้ อีกทั้งยังใช้กระทะเขวี้ยงใส่นักฆ่าจนแทบล้มเลยพ่ะย่ะค่ะ นางช่วยถ่วงเวลามันเอาไว้จนท่านพี่และท่านรองแม่ทัพไป๋มาถึง”

ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วคราหนึ่ง ระยะหลังมานี้รู้สึกว่าเขาจะได้ยินเรื่องของสตรีนางนี้ไม่น้อยเลย เขาถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองจางเหยียนเหว่ยที่มีสีหน้าเรียบเฉยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“พวกเจ้าทุกคนออกไปเถิด จางเหยียนเหว่ย เจ้าอยู่ก่อน”

         จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วพลางจ้องมองฮ่องเต้จางเหลียนไห่คราหนึ่ง เมื่อคนอื่นๆ ออกไปจนหมดแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

         “เรียกให้ข้าอยู่มีเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

         ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงไม่ตก เห็นทีในใต้หล้าแห่งนี้คงจะมีเพียงจางเหยียนเหว่ยที่เอ่ยวาจาไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่ไว้หน้าเขาอีกด้วย

         จางเหยียนเหว่ยที่รออยู่นานก็ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จางเหลียนไห่จะเอ่ยสิ่งใด จึงเอ่ยขึ้นมาทันที

         “หากไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นข้าจะไปแล้ว ข้ามีงานต้องทำ”

         “อาเหยียน เจ้าอยู่ก่อนเถิด”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 15 ความบาดหมาง

    จางเหยียนเหว่ยที่ถูกเรียกเช่นนั้นก็หันขวับมาจ้องมองฮ่องเต้จางเหลียนไห่ในทันที แววตาของเขาเย็นชาห่างเหินเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่มองเห็นท่าทีเช่นนี้ของหลานชายก็รู้สึกทอดถอนใจยิ่งนักตั้งแต่ที่จางเหยียนเหว่ยรู้เรื่องนั้นก็ไม่มีท่าทีสนิทสนมกับเขาเช่นกาลก่อนอีก เขาเองก็หมดหนทางเช่นกัน เรื่องในอดีตเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เขาจ้องมองหลานชายของตน ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่มือซ้ายของจางเหยียนเหว่ย ก่อนจะเอ่ย“มือเจ้าไปโดนสิ่งใดมา หรือว่าเจ้าทำร้ายตนเองอีกแล้ว!!!”ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ตรงเข้ามาหาจางเหยียนเหว่ย แต่ทว่าจางเหยียนเหว่ยกลับถอยหลังหนีราวกับคนแปลกหน้า ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ชะงักฝีเท้า พลางมองจางเหยียนเหว่ยด้วยแววตาที่โศกเศร้าวันที่เขารู้ข่าวว่าจางเหยียนเหว่ยตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพออกรบตั้งแต่อายุสิบห้าปีโดยไม่กล่าวลาหรือบอกเขาสักคำ เขาตกใจมาก เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยทำสงคราม กลับเลือกเข้าสู่สมรภูมิรบ ใจของเขาย่อมไม่อาจสงบสุขได้เลยสักวัน ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้เห็นหน้าจางเหยียนเหว่ยอีกตลอดกาล ปีแล้วปีเล่าเขาส่งคนออกไปติดตามความเป็นไปของจางเหยียนเหว่ยอย่างลับๆ เมื่อรู้ข่าวว่าหลานชายผู้น

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 16 สิ่งกีดขวางทางความรู้สึก

    ด้านไป๋กู้ชวนนั้นหลังจากที่อ่านตำราจนเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว จึงเดินออกมาสูดอากาศเสียหน่อย ยิ่งเข้าใกล้ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศก็เริ่มดีขึ้น ไม่หนาวมากเท่าใดนัก เขาก้าวเดินออกมาจากห้องนอนของตนเอง ก่อนจะพบกับไป๋เหมยเหม่ยที่เดินผ่านมาพอดี เขาปรายตามองพี่สาวตนคราหนึ่ง ระยะหลังมานี้เขาคุ้นชินกับการวิ่งไปทั่วจวนของไป๋เหมยเหม่ยเสียแล้วไป๋เหมยเหม่ยหันมาจ้องมองน้องชายตนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย“กู้ชวน วันนี้เจ้าอยากกินสิ่งใด ข้าจะทำให้เจ้ากิน”ไป๋กู้ชวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น นับตั้งแต่พี่สาวตัวดีกลับมาอยู่ที่จวน นอกจากนางจะไม่อาละวาดด่าทอตบตีบ่าวไพร่แล้ว ยังทำอาหารอร่อยมากอีกด้วย เขาหรี่ตามองนางคราหนึ่ง รู้สึกว่าพี่สาวของเขาตั้งแต่หย่าขาดจากสามีก็มีท่าทางแปลกไปไม่น้อยแต่เขากลับรู้สึกดีกับนางกว่าแต่ก่อนมากนักเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ยทันที“ทำสิ่งใดก็ทำมาเถิด กินได้ก็พอ”ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตาหยีก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงเดินตรงไปโรงครัวทันที เมื่อมาถึงโรงครัวเหล่าบ่าวไพร่ก็ช่วยนางเตรียมวัตถุดิบ นางคอยบอกเหล่าสาวใช้ให้ช่วยเตรียมสิ่งของต่าง ๆ อย่างใจเย็น ไม่ได้มีท่าทีเกรี

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 17 ทุบตีคนชั่ว

    หลังจากวันนั้นจางเหยียนเหว่ยก็ไม่ได้พบเจอกับไป๋เหมยเหม่ยอีก เขาเองก็มีงานให้ต้องไปทำเช่นเดียวกัน นั่นคือตามล่าหาตัวคนบงการที่ส่งคนมาลอบสังหารจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาตัวผู้บงการไม่พบ จางเหยียนเหว่ยขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปน่าแปลกยิ่งนัก เขาส่งคนไปสืบหาทั้งในเมืองหลวงและนอกเมืองหลวง แต่กลับไม่พบเบาะแสใดที่จะโยงถึงตัวผู้สั่งการได้ พวกมันกลับเก็บตัวเงียบซ่อนเร้นแฝงกายได้อย่างไม่น่าเชื่อวังหลวงด้านฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่ได้ทราบว่าจางเหยียนเหว่ยยังไม่พบเบาะแสใดก็ค่อนข้างกังวลใจไม่น้อย เขารู้ดีว่าหลานชายผู้นี้มีฝีมือไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีทหารรับใช้ที่ไม่ขึ้นตรงต่อราชสำนักอีกหลายแสนนาย เป็นทหารที่จางเหยียนเหว่ยฝึกฝนขึ้นมาเองกับมือ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาเองก็มีความหวาดกลัวในตัวหลานชายผู้นี้ว่าอาจมีใจคิดก่อกบฏ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกไป เพราะเกรงว่าจะทำร้ายจิตใจของจางเหยียนเหว่ยเอาได้ยิ่งรู้ว่าจางเหยียนเหว่ยตั้งแต่กลับเมืองหลวงก็ไม่เคยกลับเข้าไปที่จวนจวิ้นอ๋องเลย อยู่แต่ที่โรงน้ำชาเขาก็ยิ่งไม่สบายใจ จวนอ๋องยามนี้ราวกับจวนร้าง โชคดีท

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 18 จูบแรก

    ไป๋เหมยเหม่ยถูกจางเหยียนเหว่ยพามาที่โรงน้ำชาของเขา นางพลันขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะครุ่นคิดในใจเหตุใดจึงพามาที่นี่กันนะจางเหยียนเหว่ยยังคงมีใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่นมเหลียน“ปิดร้าน”แม่นมเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันมาเอ่ยถามเจ้านายของตนทันที“เอ? ปิดแล้วหรือเพคะ อีกเดี๋ยวคงจะมีลูกค้าเข้ามาไม่น้อยเลย”“ปิดเถิด ปิดสักวันร้านคงไม่ขาดทุนหรอกกระมัง”ไป๋เหมยเหม่ยหันมามองแม่นมเหลียนคราหนึ่ง แม่นมเหลียนเองก็หันมามองนางเช่นเดียวกัน หญิงชรายิ้มให้นางเล็กน้อย ก่อนจะรีบทำตามคำสั่งเจ้านายของตน หลังจากปิดร้านแล้ว เขาก็สั่งให้แม่นมเหลียนไปนำกล่องยามาแล้วจึงสั่งให้ทุกคนออกไปจนหมด ก่อนจะพาไป๋เหมยเหม่ยมานั่งลงที่เก้าอี้ ไป๋เหมยเหม่ยทิ้งกายลงนั่งก่อนจะมองไปโดยรอบคราหนึ่งครั้งที่แล้วที่นำหม้อไฟมาให้เขานางไม่ได้สังเกตโดยรอบให้ดีเท่าใดนัก ครั้งนี้ที่ได้มาก็รู้สึกว่าการตกแต่งของที่นี่ไม่เลวเลย ภายในร้านมีต้นไผ่ประดับตกแต่ง อีกทั้งยังมีภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกว่ากำลังดื่มด่ำชาชั้นดีท่ามกลางธรรมชาติเสียอย่างนั้นจางเหยียนเหว่ยจ้องมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาทิ้งกายลงน

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 19 อาการกำเริบ

    จวนตระกูลฟ่านฟ่านเหลียนถูกคนแบกกลับมาส่งที่จวน เสนาบดีฟ่านฉีที่เห็นสภาพบุตรชายก็กำมือแน่น ดวงตาชราฉายแววเย็นเยียบ เขาได้รับรู้เรื่องราวจากปากบ่าวทีี่ติดตามฟ่านเหลียนไป ว่าฟ่านเหลียนนั้นไปที่ร้านหม้อไฟของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ไป๋ อีกทั้งยังเอ่ยวาจาแทะโลมนางจึงถูกนางทุบตีกลับมา ที่เหนือความคาดหมายกว่านั้นก็คือจวิ้นอ๋องจางเหยียนเหว่ยร่วมทุบตีบุตรชายเขาจนสลบด้วย อีกทั้งยังส่งคนมาบอกว่าฟ่านเหลียนไม่เคารพท่านอ๋อง เขาทำได้เพียงกัดฟันกรอด เอ่ยวาจาข่มขู่คนเช่นนี้แล้วผู้ใดกันจะกล้าไปหาเรื่องผู้มีศักดิ์เป็นถึงท่านอ๋องไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าบุตรชายตนหลงใหลในตัวของไป๋เหมยเหม่ย สตรีนางนั้นมีดีก็เพียงใบหน้างดงามเท่านั้น เรื่องราวของนางเน่าเหม็นฉาวโฉ่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าบุตรชายเขาหน้ามืดตาบอดหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นไปเพราะเหตุใด คราก่อนก็ถูกนางทุบตีกลับมา เขาจำต้องแบกหน้าชราทำทีไปขอโทษแม่ทัพใหญ่ไป๋ ทั้งที่ในใจเคียดแค้นเหลือเกินเขาต้องอดทนเฝ้ารอเวลา แกล้งทำตัวเป็นขุนนางที่ใจเย็น ไม่เข้าข้างบุตรชายที่ไม่เอาไหน ทำงานอย่างซื่อตรงเพื่อรอเวลารอเวลาที่จะล้มตระกูลไป๋!!!ตระกูลไป๋เสพสุขกับอำนาจมานานเกินไปแล้ว เป็นแม่ทัพให

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 20 แผนการของฟ่านกุ้ยเฟย

    วันนี้เป็นอีกวันที่ค่อนข้างยุ่งวุ่นวายไม่น้อย ไป๋เหมยเหม่ยหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงเข้ามานั่งพักในร้าน เมื่อหลายวันก่อนนางเพิ่งรับคนงานเข้ามาใหม่สองคน เป็นชายวัยกลางคนหนึ่ง และหญิงสาวอายุราวสิบหกปีคนหนึ่ง จึงนับว่าช่วยทุ่นแรงนางไปได้ไม่น้อย ร้านหม้อไฟของนางกำลังไปได้ดี ไป๋เหมยเหม่ยคาดว่าจะขยายสาขาเร็วๆ นี้เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ทำ นางจึงนั่งพักและเหม่อมองสิ่งต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย หลายวันนี้ไม่ได้พบกับจางเหยียนเหว่ยเลย เขาเองก็ไม่ได้ไปที่จวนของนางเช่นกัน เมื่อคิดถึงเรื่องราวในวันนั้นที่เขาจูบนาง ไป๋เหมยเหม่ยก็รู้สึกว่าตนเองหายใจติดขัดยิ่งนัก“เหมยเหม่ย ข้าอยากกินหม้อไฟ”ไป๋เหมยเหม่ยเอาแต่เหม่อลอยจนแม้กระทั่งไป๋กู้ชวนเดินมาตั้งแต่เมื่อใดนางยังไม่รู้ตัว ไป๋กู้ชวนที่เห็นท่าทีของพี่สาวตนดูแปลกไป จึงยื่นมือไปจับไหล่ของไป๋เหมยเหม่ยเขย่าคราหนึ่งจนนางตกใจ รีบหันมามอง“กู้ชวน”“ข้าเองน่ะสิ เจ้าเหม่อหาสิ่งใดอยู่จึงไม่รู้ว่าข้ามาน่ะ หรือว่าไปถูกใจบุตรชายพ่อค้าร้านใดเข้า เอาอีกแล้วนะเจ้าเนี่ย”ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาถลึงตาใส่ไป๋กู้ชวนคราหนึ่ง น้องชายของนางผู้นี้ระยะหลังดีกับนา

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 21 ขัดขวางราชโองการ

    สองวันต่อมาแม่ทัพใหญ่ไป๋ก็ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้ามาพบในวังหลวง หลังจากอยู่สนทนากันไม่นาน แม่ทัพใหญ่ไป๋ก็เดินออกมาจากตำหนักมังกรด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนักฝ่าบาทเขียนราชโองการพระราชทานงานสมรสให้ไป๋เหมยเหม่ยและฟ่านเหลียนแล้ว ขอเพียงเขาตอบตกลงก็จะลงตราประทับเป็นอันเสร็จสิ้นเรื่องราว แต่ทว่าเขากลับขอมาถามบุตรสาวก่อน ด้วยความเป็นสหายกันมานาน ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ย่อมไม่ต้องการบีบบังคับเขา จึงบอกว่าจะรอคำตอบจากเขาภายในสองวันนี้มีหรือเขาจะไม่รู้เรื่องราวด้านนอกที่เล่าลือกันมาระหว่างบุตรสาวของเขาและจางเหยียนเหว่ย คาดว่าที่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เพราะกำลังหาทางกีดกันบุตรสาวของเขาที่เป็นเพียงสตรีหม้ายให้พ้นไปจากหลานชายของตน เพราะไม่อยากรับสตรีที่มีตำหนิเข้าไปร่วมวงศ์ตระกูลด้วยแต่เขาไม่เคยบังคับบุตรสาว เขารักไป๋เหมยเหม่ยบุตรสาวผู้นี้ราวกับแก้วตาดวงใจของตน และไม่ยินดีที่นางจะแต่งกับฟ่านเหลียนบุรุษเสเพลผู้นั้น มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าตระกูลฟ่านคิดจะทำสิ่งใด คงคิดจะใช้บุตรสาวเขาเป็นเครื่องมือให้เขายินดีสนับสนุนองค์ชายรอง หวังจะเปลี่ยนตำแหน่งองค์รัชทายาทสินะ แผนบัดซบเช่นนี้ก็ช่างจะคิดออกมาได้ เดิมทีเขาไม่

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 22 ล่องเรือ

    หลังจากนั้นเพียงสามวัน แม่ทัพใหญ่ไป๋ก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวเข้าวังอีกครา ครานี้สร้างความแปลกใจให้แก่เขาไม่น้อย เดิมทีคิดจะเอ่ยปากเรื่องขอลาออกจากราชการเพราะต้องการปกป้องบุตรสาวของตนเอาไว้ แต่ทว่าฮ่องเต้จางเหลียนไห่กลับเอ่ยเพียงว่า ตนใจร้อนเกินไป ฟ่านเหลียนนั้นแต่ไหนแต่ไรก็ได้ยินว่าเป็นคุณชายเสเพล ไม่เอาการเอางาน ไป๋เหมยเหม่ยแต่งเข้าไปย่อมต้องทุกข์ใจไม่น้อย จึงไม่อาจตัดใจให้นางแต่งเข้าตระกูลฟ่านได้ เพราะเกรงว่าจะผิดต่อเขา แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ทั้งที่ในใจค่อนข้างสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะเหตุใดกันฮ่องเต้จึงทรงเปลี่ยนพระทัยรวดเร็วเช่นนี้แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีด้านฟ่านกุ้ยเฟยที่รู้ว่าแผนการของตนไม่สำเร็จก็โมโหพาลไปลงไม้ลงมือกับนางกำนัลในตำหนัก ก่อนจะครุ่นคิดในใจได้ยินว่าไม่กี่วันก่อน จวิ้นอ๋องมาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท หลังจากที่เขากลับไปแล้วฝ่าบาทก็เปลี่ยนใจไม่ยอมรับข้อเสนอของนาง นางเองก็รบเร้าฝ่าบาทไม่ได้ เพราะหากฝ่าบาททรงกริ้วแผนการของนางย่อมไม่อาจลุล่วงไปได้ หรืออาจจะถึงขั้นล้มเหลวเลยก็เป็นได้เสนาบดีฟ่านฉีก็รู้สึกหัวเสียไม่น้อย ในเมื่อแผนนี้ไม่ได้ผลก็คือต้องใช้แผนเดิม

    Last Updated : 2025-04-22

Latest chapter

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   ตอนพิเศษ

    งานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ร่วมเดือนแล้ว ยามนี้จางเหยียนเหว่ยเข้ามาอยู่ที่จวนของไป๋เหมยเหม่ยอย่างเต็มตัวในฐานะบุตรเขยแล้ว เขาไม่ได้กลับไปพักที่โรงน้ำชาอีกเมื่อแต่งงานกันกิจการต่างๆ ของเขาก็ยกให้ไป๋เหมยเหม่ยทั้งหมด ไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเลยแม้แต่น้อย มีคราหนึ่งเขาออกเดินทางไปที่นอกเมืองหลวง พบสตรีน้อยนางหนึ่งมาบอกรักเขา บอกว่ายินดีจะเคียงคู่เป็นภรรยาของเขาไปชั่วชีวิต เขากลับตอบเพียงว่า“ขออภัยด้วย เงินข้าอยู่กับภรรยาหมดแล้ว ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าหรอก ลำพังตัวข้าเองยังต้องขอเงินนางเลย เจ้าไปหาสามีคนอื่นเถิด ข้าจนมากทุกวันนี้ยังอาศัยบ้านภรรยาอยู่เลย”สตรีน้อยนางนั้นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางมองเขาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่เสื่อมคลายจางเหยียนเหว่ยคร้านจะสนใจสิ่งใดอีก วันนี้เขาไปพบท่านแม่มาและนำยาบำรุงไปให้นาง หน้าตาท่านแม่ดูสดใสขึ้นมาก อีกทั้งยังบอกให้เขารีบมีหลานเร็วๆ จางเหยียนเหว่ยเพียงยิ้ม ก่อนจะรีบกลับจวนมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที ระหว่างนั้นเขาพบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินว่าระยะหลังมานี้เขามักสนใจการทำอาหารเป็นอย่างมากในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากทักไป๋กู้ชวนอยู

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 44 บทส่งท้าย

    จางเหยียนเหว่ยเดินมาพร้อมกับไป๋เหมยเหม่ย ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้าก็พลันเห็นฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า ชายชราชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาที่วูบไหวจางเหยียนเหว่ยไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังไม่คิดจะบอกเรื่องราวของท่านแม่ให้คนผู้นี้ได้รับรู้ คนเช่นเขานี่คือการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้ว จมอยู่กับความทุกข์ใจของตนไปเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยฮ่องเต้จางเหลียนไห่เพิ่งกลับมาจากที่ฝังศพของหลัวหลินฮวา คิดจะแวะมาไหว้พระที่วัดไป๋หวา แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของตนเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม"อาเหยียน"ฮ่องเต้จางเหลียนไห่เอ่ยเรียกบุตรชายตนอย่างอ่อนโยน จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่คิดว่าคนเช่นท่านจะเข้าวัดด้วย คิดจะมาสนทนาธรรมหรือสารภาพบาปกันเล่า"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกแขนเสื้อจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่งพลางส่งสายตาห้ามปรามเขา ฮ่องเต้จางเหลียนไห่คร้านจะใส่ใจคำพูดประชดประชันของลูกชายตน จึงเอ่ยตอบ"เจ้าจะแต่งงานแล้วนี่ ไม่คิดบอกข้าสักคำหรือ""ไม่จำเป็น ข้าจัดงานเองไ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 43 พบกันอีกครา

    เรือนหลังหนึ่งท้ายวัดไป๋หวายามนี้แม่นมหลัวกำลังพาจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ยมาที่เรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังวัดไป๋หวา เรือนหลังนี้ค่อนข้างเล็ก เขามองไปโดยรอบก่อนจะครุ่นคิดเหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ในวัดไป๋หวาด้วย"พระชายาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่นเทาไม่น้อย เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ยื่นมือไปเปิดประตูบานนั้นออก ความกลัวเริ่มปกคลุมในจิตใจ เขาเกรงว่าหากเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับท่านแม่ นางจะรังเกียจเขาหรือไม่ นางจะด่าทอทุบตีเขาหรือไม่ระหว่างทางที่มาแม่นมหลัวเล่าว่าในวันที่ท่านแม่ป่วยตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่ให้แม่นมหลัวไปหายาชนิดหนึ่งมา ยานั้นหากกินเข้าไปแล้วจะหลับสนิท ไร้ลมหายใจราวกับตาย ต้องรีบใช้ยาแก้ภายในสองชั่วยาม มิเช่นนั้นจะตายจริงๆเขาเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดแม่นมหลัวจึงเร่งให้นำศพของท่านแม่ไปฝัง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดตามความเป็นไปของท่านแม่อีก ไม่ได้รับรู้ว่าคนของท่านแม่แยกย้ายไปอยู่ที่ใดกันบ้างหลังจากนำศพไปฝัง แม่นมหลัวก็นำคนที่ไว้ใจได้มาขุดหลุมศพและช่วยท่า

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 42 แม่นมหลัว

    จางเหยียนเหว่ยที่กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที เมื่อได้พบนางอีกคราเขาก็ปวดใจไม่น้อย คล้ายว่านางจะผอมลงไปมาก"เหมยเหม่ย""เหยียนเหยียน"เขารีบสั่งให้คนเปิดประตูคุกหลวงออก ก่อนจะรีบโผเข้าไปกอดนางทันที ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นว่าจางเหยียนเหว่ยกลับมาแล้วก็ดีใจจนร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย "ท่านกลับมาแล้ว ฮึก ข้ากลัวมากเลย มีแต่คนมารังแกข้า ฮือ"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเหลือเกิน เขาไม่ได้บอกแผนการนี้กับนาง ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อความปลอดภัยของนาง หากนางยังอยู่สุขสบาย คนตระกูลฟ่านย่อมไม่มีทางตายใจจนโผล่หางตนออกมา อีกทั้งยังอาจส่งคนมาลอบสังหารและทำร้ายนางกับครอบครัวอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ย"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะ"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผละออกจากเขาทันที จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้นางก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโมโหทั้งดีใจในคราเดียวกัน"ท่านไม่บอกข้า!!! ข้าจะตีท่าน""ตีเลย ตีเลย ขอเพียงเจ้าหายโกรธข้าก็พอ"ไป๋เหมยเหม่ยยิ้ม

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 41 จุดจบฟ่านกุ้ยอิง

    วันคืนผ่านไปเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า ไป๋เหมยเหม่ยไม่อาจรับรู้ข่าวคราวจากภายนอกได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว จวบจนคืนหนึ่งที่ฟ่านเหลียนมาพบกับนาง เขาสั่งให้คนเปิดประตูห้องขังออก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหานาง ฟ่านเหลียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ย"เป็นเช่นไรบ้างเล่าน้องเหมยเหม่ย รู้สำนึกแล้วหรือยัง หากว่าเจ้าเลือกข้าตั้งแต่วันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องพบจุดจบเช่นวันนี้ เมื่อใดที่หลักฐานว่าบิดาและพี่ชายเจ้ายอมมอบข้อมูลทางการทหารให้แคว้นเซียวชัดเจน เจ้าจะถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ!!! น่าเสียดายความงามของเจ้ายิ่งนัก"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ทำราวกับไม่สนใจคำพูดของฟ่านเหลียน ฟ่านเหลียนที่เห็นว่านางยังคงเฉยชาก็เริ่มมีโทสะ เขายื่นมือไปบีบคอของนาง ก่อนจะเอ่ย"อย่าอวดเก่งให้มากนัก!! ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า หากเจ้ายอมเป็นของเล่นของข้าและจางหลิงหยาง ข้ารับรองว่าจะหาทางช่วยเจ้า เป็นเช่นไร ข้อเสนอดีหรือไม่ รีบตัดสินใจเสียสิ เจ้าจะได้บุรุษมาครอบครองทีเดียวสองคนเลยนะ ไม่ดีหรือ อ้อ หรือว่าเจ้าจะรอว่าที่สามีใหม่ที่เป็นถึงท่านอ๋องมาช่วย โอ้ว เขาจะมาทันหรือ ยามนี้จะตายอยู่ในสนามรบ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 40 ถูกจับ

    ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ด้านจางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบหันมามองไป๋เหมยเหม่ยในทันที"เรารีบไปดูกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนตระกูลไป๋พร้อมจางเหยียนเหว่ยในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้จวนตระกูลไป๋ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เหล่าทหารจากวังหลวงยามนี้กำลังบุกเข้าไปในจวน ก่อนจะจับตัวคนในจวนออกมาทั้งหมด"ท่านแม่ กู้ชวน!!!"ไป๋เหมยเหม่ยร้องเรียกไป๋ฮูหยินและไป๋กู้ชวนที่ยามนี้ถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนเหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนถูกกักบริเวณไม่สามารถออกไปที่ใดได้ จางเหยียนเหว่ยจ้องมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกมาจับคนเช่นนี้ คำสั่งฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ""ท่านอ๋องโปรดวางใจ หากการตรวจสอบพบว่าคนตระกูลไป๋บริสุทธิ์ ย่อมถูกปล่อยตัวในเร็ววัน"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงปรายตามองไปที่ด้านหน้าตนคราหนึ่ง พบว่าเป็นเสนาบดีฟ่านฉีนั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เสด็จลุงส่งท่านมาหรือ"เสนาบดีฟ่านฉียิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านอ๋องคิดจะขัด

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 39 ความคิดของหยางเจ๋อหยวน

    หากนับย้อนไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน ยามนั้นเขายังเป็นองค์รัชทายาทแคว้นเซียว แคว้นเซียวนั้นแต่เดิมรุ่งเรืองและรักสงบ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับแคว้นไท่เหลียง ยามที่จางเหยียนเหว่ยมาทำสงครามรบกับแคว้นเยี่ยนนั้น เขาก็ได้พบกับสหายผู้นี้โดยบังเอิญ นับแต่นั้นคนทั้งสองก็สนิทสนมกันเรื่อยมา ชายแดนแคว้นเซียวและแคว้นไท่เหลียงอยู่ใกล้กัน ทำให้เขามาพบเจอกับจางเหยียนเหว่ยได้ทุกเมื่อ อีกทั้งบางครายังช่วยส่งทหารมาร่วมรบต่อต้านกบฏด้วยกันแต่ทว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน สามปีก่อนชายแดนสงบ แต่ทว่าแคว้นเซียวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เซียวหลิ่น น้องชายต่างมารดาลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ และสังหารเสด็จแม่ของเขา ใช้กำลังคนไล่ล่าทำร้ายเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาพ่ายแพ้เพราะไม่ได้เตรียมการรับมือ ท้ายที่สุดเซียวหลิ่นก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเซียวพระองค์ใหม่ ความละโมบทำให้เซียวหลิ่นคิดก่อสงคราม สังหารผู้คนไปทั่ว แคว้นใดไม่ยอมศิโรราบก็บุกตีแคว้นนั้นจนราบคาบ ไฟสงครามคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ในขณะที่เขาเองทำได้เพียงมองดูภาพนั้นอย่างโศกเศร้าโดยที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้เขาหนีไปซ่อนตัวหลายต่อหลายแห่ง คนที่ภักดีล้วนตายเพราะปกป้องเขา ครั้นจะกลับไปหาจ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 38 สหายที่หายตัวไป

    วันเวลาล่วงเลยมาร่วมเดือน จวบจนเข้าสู่ช่วงปลายฤดูหนาวอีกครา ไป๋เหมยเหม่ยมองดูหิมะที่ตกลงมาประปราย ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ป่านนี้ไม่รู้ว่าท่านพ่อและพี่ชายของนางจะเป็นเช่นไรบ้างด้านจางเหยียนเหว่ยนั้นนางกับเขาได้พบกันบ้าง แต่ระยะหลังมานี้เขามีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย จึงไม่ได้มาพบหน้านางหลายวัน นางเองก็ไม่ได้รบเร้าสิ่งใดจากเขาเพราะเข้าใจว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนนางเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการดูแลกิจการหม้อไฟทั้งสองสาขา ยามนี้ร้านของนางขยายกิจการแล้ว บางคราก็มีเย่เพ่ยมาคอยช่วยเหลือ นางกับเย่เพ่ยสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย ทุกๆ วันเย่เพ่ยมักจะมาเที่ยวหานางทั้งที่จวนและที่ร้านหม้อไฟ "คุณหนูเจ้าคะ ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ อย่าออกไปตากหิมะเลย"เฉียวเหลียนเดินเข้ามาหานางก่อนจะส่งเตาอุ่นมือมาให้ พร้อมกับหาผ้าคลุมมาคลุมกายให้ความอบอุ่นแก่นาง ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้เฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ขอบใจเจ้ามาก""วันนี้คนเข้าร้านไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ""อืม ดูแลลูกค้าให้ดีเล่า""เจ้าค่ะ"เฉียวเหลียนพยักหน้าก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ไป๋เหมยเหม่ยมองออกไปที่นอกร้าน พบว่ายามนี้หิมะเริ่มตกหนักเ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 37 สมคบคิดกบฏ

    จวนตระกูลไป๋ยามนี้ไป๋เหมยเหม่ยกำลังนั่งอยู่ข้างจางเหยียนเหว่ย นางกำมือแน่นไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด ไป๋จินเซียงเล่นถีบประตูห้องโผล่เข้าไปในขณะที่เขาและนางกำลังพลอดรักกัน นางจึงไม่อาจแก้ตัวได้แม่ทัพใหญ่ไป๋จ้องมองจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง แม้ในใจจะโกรธแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ทำได้เพียงหันไปกระซิบกับไป๋จินเซียงที่นั่งอยู่ข้างกัน"เจ้าแน่ใจนะว่าท่านอ๋องรังแกนาง ไม่ใช่นางไปฉุดท่านอ๋องหรอกนะ"เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีหรือเขาจะไม่รู้นิสัยของบุตรสาวตน ไป๋เหมยเหม่ยหากอยากได้สิ่งใดย่อมต้องทำทุกวิถีทางจนได้มาครอบครอง เขาเกรงว่าครั้งนี้นางจะใช้อุบายหลอกจางเหยียนเหว่ยเสียมากกว่าไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะพ่นชาร้อนออกมาจากปาก เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย"ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ แต่ตอนที่ข้าเข้าไปก็เห็นอาเหยียนอยู่บน ส่วนเหมยเหม่ย เอ่อ นางนอนอยู่ข้างล่าง สองมือโอบรอบคอของอาเหยียนเอาไว้และส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเลยขอรับ"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามองเห็นชัดหรือไม่ โอบลำคอแน่หรือ ไม่ใช่รัดคอหรอกนะ!!!"ไป๋จินเซียงที่ถูกบิดาตนเอ่ยถามเช่นนั้นก็เร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status