Share

บทที่ 952

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ก่อนการเจรจามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไป

มันเป็นคืนอดนอนที่หอฮุยตง และทางหอต้าหลี่ก็ดำเนินคดีในคืนนั้น ที่กรมราชทัณฑ์ หลังจากที่ยี่ฝางสารภาพเสร็จแล้วก็โวยวายจะขอพบจ้านเป่ยว่าง ขอพบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย นาง ถึงขนาดก็คุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้ขอร้อง

นางไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เข้ามาในกรมราชทัณฑ์ หลี่ลี่คิดว่าหลังจากการเจรจาเสร็จ ยี่ฝางจะต้องถูกส่งมอบให้กับนักการทูตจากซีจิงอย่างแน่นอน ความตายจะเป็นเรื่องง่าย แต่อาจจะไม่ตายดี

นักโทษที่ถูกประณามสามารถเจอญาติของตนเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายได้ ดังนั้นหลี่ลี่จึงอนุญาตให้ทั้งสองคนพบกันในคืนนี้ แน่นอนว่าเจอกันที่คุกเท่านั้น

เขาส่งคนไปพาจ้านเป่ยว่างไปที่คุก เจ้าหน้าที่เปิดประตูคุกแล้วถอยตัวออกไปข้างนอก

แน่นอนว่าก่อนที่จ้านเป่ยว่างเข้าไปนั้นก็ถูกค้นตัวไปหมดแล้ว และไม่อนุญาตให้นำของมีคมเข้าไป เผื่อยี่ฝางจะฆ่าตัวตาย งั้นพวกเขาก็งานเข้าแล้ว

ปัจจุบันี้ยี่ฝางถูกคุมขังเพียงลำพังในเรือนจำหญิง เหตุผลหลักก็คือนางเป็นนักโทษที่สำคัญมาก และไม่อนุญาตให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ดังนั้นหลี่ลี่จึงส่งกองกำลังแข็งแกร่งมาเฝ้าดูอย่างหนักแน่น

แสงส่องลงบนใบหน้าที่ซีดเ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 953

    นางไม่ใช่คนยอมทอดทิ้งชีวิตของตนเองอย่างง่ายดาย ต่อให้ใช้ชีวิตอย่างน่าอนาถแต่ก็ดีกว่าตายไปนางเชื่อมั่นว่าคนๆ หนึ่งจะไม่โชคร้ายไปตลอดชีวิต ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่ นางจะมีโอกาสพลิกผันได้ แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพหญิงไม่ได้อีก งั้นนางก็สามารถเลือกเส้นทางอื่นได้ โลกมันใหญ่ขนาดนี้ แค่นางเข้มแข็งมากพอ สักวันหนึ่งนางจะประสบความสำเร็จได้เพราะงั้นนางจึงตายไม่ได้จ้านเป่ยว่างคิดว่านางกำลังพูดเพ้อเจ้อ "การมีเส้นทางจะมีประโยชน์อะไร? เจ้ารู้ไหมว่าครั้งนี้มีคนจากซีจิงมากันกี่คน มีทั้งหมดมากกว่าร้อยคนและมีองครักษ์อย่างน้อยหกสิบหรือเจ็ดสิบคน ข้าไม่มีทางช่วยจเจ้าได้""ไม่ได้ลำพังเจ้าผู้เดียวหรอก ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะช่วยเจ้า" ยี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ และมันเบามากจนมีแต่จ้านเป่ยว่างคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินได้ "หลังจากที่ข้าตกไปอยู่ในกำมือของชาวซีจิง ข้ามีวิธีให้พวกเขาเอาเซียวเฉิงไปด้วย ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะไม่เพิกเฉยต่อเซียวเฉิง เจ้าเพียงแค่ต้องติดตามพวกเขาและช่วยเหลือข้าในขณะที่พวกเขาช่วยเซียวเฉิงอยู่"จ้านเป่ยว่างรู้สึกตัวหนาวสั่งเมื่อได้ยินคำพูดของนาง "เจ้าว่าอะไรนะ เจ้ามีวิธีให้ชาวซีจิงจับตัวแม่ทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 954

    อาจารย์หยูลูบท้องน้อยและถูมือไปมาบนใบหน้า เห้อ ยากเหลือเกิน "เกิดอะไรขึ้นกับจวนอ๋องฮวย""มีรถม้าสามคันถูกระดมมาจอดที่ประตูหลัง และพวกมันก็ขนของเข้าไปข้างในรถ เมื่อมองจากระยะไกล ดูเหมือนจะเป็นทองคำและพวกของมีค่า"อาจารย์หยูกล่าวว่า "เขากำลังจะหนี""อาจารย์อู อาจารย์หยู จะส่งคนไปหยุดพวกเขากลางทางหรือไม่?"อาจารย์หยูต้องถามศิษย์อาอย่างนอบน้อม "อาจารย์อูคิดว่าไง""เขาจะหนีไปไหนได้อีกเล่า จะต้องไปที่เยี่ยนโจวแน่ๆ ส่งคนไปติดตามเขา ในระหว่างทางก็ขโมยทองคำและพวกของมีค่าทั้งหมดไปและปล่อยให้เขาไปที่เยี่ยนโจวโดยมือเปล่า หลังจากถึงเยี่ยนโจว... " เขามองไปที่ผิงหวูจูงอย่างเรยบๆ แล้วพูดว่า "ส่งคนของเจ้าจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด และบันทึกและรายงานทุกสิ่งที่เขาทำ"ผิงหวูจูงกัดฟันแล้วตอบว่า "เจ้าค่ะ!"อาจารย์หยูรู้ว่าต้องการส่งคนไปจับตาดูพวกเขาเอาไว้ แต่ที่อาจารย์อูสั่งให้ไปขโมยทองคำและพวกของมีค่าทั้งหมด นี่ก็อุบายร้ายกาจจริงๆ แต่เขาชอบมากอูโซเว่ยชำเลืองมองพวกเขา ในที่สุดก็มีเมตตาขึ้นมา "รักษาท่านี้แล้วเดินออกไปวางถังลง จากนั้นก็ไปสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำต่อไป"ราวกับว่าพวกเขาได้รับการนิรโทษกรรม ทั้ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 955

    เซี่ยหลูโม่ไม่กล้าพูดต่อจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง "มาถึงเมื่อไหร่เล่า? ทำไมไม่ส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบด้วยขอรับ?""พวกเจ้าก็ทำงานของตนเองไป ข้าจะคอยให้คำปรึกษาเจ้าที่นี่ แล้วเรื่องเป็นไงบ้าง ได้จับตัวไว้หรือเปล่า?"เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้เกี่ยวกับการลอบสังหารในคืนนี้ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "พวกซีซีสามคนนั้นได้จับเจิ้งหยงโซวเอาไว้แล้วส่งเขาไปที่หอต้าหลี่แล้ว เจิ้งหยงโซวคนนั้นเอาแต่ชมว่าตนเองเป็นนักรบอันดับหนึ่งแห่งเมืองซีจิง แต่เมื่อพบกับซีซี ก็ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่""อืม" อูโซเว่ยตอบรับเบาๆ จากนั้นมองไปที่ซ่งซีซี "นางไม่มีข้อดีอะไรทั้งนั้นเลย ยกเว้นมีวรยุทธ์ที่ค่อนข้างไม่เลว แล้วเจิ้งหยงโซวก็มิใช่นักรบอันดับหนึ่งแห่งซีจิงเลย นักรบแข็งแกร่งที่ซีจิงส่วนมากจะไม่เข้าราชการหรอก การเอาชนะเขาก็ไม่เห็นจะเก่งอะไรกัน ไม่ควรทะนงตน""เจ้าค่ะ" ซ่งซีซีตอบรับอย่างว่าง่ายซ่งซีซีผ่านอะไรมามากมาย และทุกคนที่มองนางมีความรู้สึกต่างๆ นานา บางคนรู้สึกเห็นใจกับนาง บางคนชื่นชมนาง และบางคนก็อิจฉานางแต่มีเพียงอูโซเว่ยยังคงปฏิบัติต่อนางในแบบเดียวกับที่เขาทำตอนที่นางยังอยู่ในภูเขาเหม่ยชาน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 956

    คำให้การทั้งหมดเป็นภาษาซาง และพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด ล่ามทั้งสองคนอ่านให้พวกเขาฟังเป็นภาษาซีจิงอย่างนุ่มนวลเจิ้งหยงโซวยอมรับความผิดทุกอย่างไว้กับตัวเองโดยบอกว่าเป็นเพราะซ่งฮวยอันเอาชนะซีจิงใตหลายปีก่อน และสังหารทหารซีจิงเป็นจำนวนมาก บวกกับท่านตาของเซียวเฉิงเฝ้าอยู่ชายแดนเฉิงหลิงมานานหลายปี เคยทำสงครามทั้งเล็กทั้งใหญ่นับไม่ถ้วน ทำให้เขาเกลียดชังตระกูลเซียว เกลียดซ่งซีซีมากจนใช้ประโยชน์จากการเดินทางครั้งนี้เพื่อหาโอกาสฆ่าซ่งซีซีเพื่อระบายความโกรธหลังจากได้ยินคำสารภาพเสร็จ สีหน้าของพวกนักการทูตซีจิงก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใดกล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่เขาลอบสังหารซ่งซีซีมันก็ยังเกี่ยวข้องกับชายแดนเฉิงหลิงนักการทูตคิดว่าเป่ยหมิงอ๋องได้ทำอะไรอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา และไม่เอาเรื่องคุยตอนเจรจา แต่คุยก่อนการเจรจาคือต้องการเรียกร้องความยุติธรรมทว่าสิ่งนี้ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกหนักใจมากขึ้น พวกเขาอยากจะให้อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์หน่อย เอาเรื่องนี้คุยตรงๆ ในประชุมการเจรจา งั้นก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอะไรให้ยกเว้นเหลียงอัน นักการทูตคนอื่นๆ ได้ด่าทอซูลันซือในใจยกใหญ่ และยังเฟ้อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 957

    ซูลันซืออึดอัดมาก ในการเจรจาวันนี้ เดิมทีเขาต้องการสร้างอานุภาพขู่ขวัญไว้ก่อน เอาเรื่องเอาความอีกฝ่าย เสนอข้อแม้ที่พวกเขาทำไม่ได้ จากนั้นประกาศว่าการเจรจาล้มเหลวและกลับประเทศเพื่อประกาศทำสงครามตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่การเจรจายังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งไปหว่านั้นยังถูกองค์หญิง หลานสาวของตนเองดูถูก เขารู้สึหงุดหงิดอย่างยิ่งเสนาบดีมู่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นฉากเปิดงานแบบนี้ จิตใจของเขาก็สงบลงคงจะดีถ้าพวกเขาสามารถเจรจาอย่างสันติเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์ มันคือความผิดของทางแคว้นซาง แคว้นซางยินดีที่จะขอโทษและชดเชยให้ แต่จำเป็นต้องมีโอกาสในการเจรจาอย่างสันติทางซีจิงได้แจกจ่ายเอกสารบันทึกคดีของเหตุการณ์เมืองลู่เปินเอ่อร์ให้กับพวกเขา เอกสารชุดนั้นประกอบด้วยบันทึกปากเปล่ามากมาย พวกทหารที่ถูกจับพร้อมกับรัชทายาทซีจิง และมีโอกาสได้รอดชีวิตมาได้จึงได้เล่าสถานการณ์ที่แท้จริงในตอนนั้นให้ไม่ใช่ทุกคนในหมู่บ้านถูกสังหารอย่างน่าอนาถไปหมด มีบางคนที่หลบหนีได้ และผู้ที่หลบหนีก็ได้เห็นฉากโหดร้ายบางส่วนเช่นกันในเอกสารบันทึกคดี ทหารตัวน้อยคนนั้นถูกเรียกชื่อว่าโหย่วห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 958

    องค์หญิงใหญ่พูดก่อน นางคิดว่าทางแคว้นซางไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศที่จะไม่ทำร้ายพลเรือนหรือฆ่านักโทษก่อน สังหารพลเรือนและทรมารผู้ถูกจับในช่วงเวลาทำสงคราม เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สายลับซีจิงสังหารทั้งตระกูลซ่งก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นกัน"หากเราต้องการเจรจาอย่างสันติ ทั้งสองฝ่ายจะต้องเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงนี้ เราสามารถทำการเจรจาอย่างสันติระหว่างทั้งสองประเทศได้โดยอิงตามข้อเท็จจริงนี้"หลังจากล่ามแปลเสร็จแล้ว เซี่ยหลูโม่และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการเจรจาจากแคว้นซางต่างก็ตกลงกันอย่างเป็นเอกฉันท์จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการทางซีจิงเสนอเงื่อนไขห้าประการ ประการแรก แคว้นซางขอโทษกับประชาชนซีจิงที่โดนสังหารอย่างเป็นทางการประการที่สอง ค่าชดเชยคือทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงประการที่สาม จำเป็นต้องชดเชยธัญพืชสามแสนสือ และทางแคว้นซางจัดส่งไปที่เมืองซีจิงประการที่สี่ สนธิสัญญาสันติภาพที่ตกลงกันในเมืองลู่เปินเอ่อร์นั้นไร้ผล ซึ่งหมายความว่ายังคงต้องกำหนดเส้นเขตแดนเหมือนก่อนสนธิสัญญาสันติภาพประการที่ห้า จ้านเป่ยว่าง ยี่ฝางและเซียวเฉิงจะต้องถูกส่งมอบให้กับซีจิงจัดการเอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 959

    หลังจากที่นักการทูตซีจิงออกจากสำนักหงลู่และกลับมาที่หอฮุยตง ผู้รับผิดชอบการเจรจาจากแคว้นซางยังไม่ได้จากไป ยังอยู่ที่สำนักหงลู่เพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาครั้งต่อไปต่อเสนาบดีมู่ยังได้ร่วมอภิปรายด้วยว่า "หากจำเป็นต้องชดเชยธัญพืช ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชดเชยมากขนาดนั้น ปีที่แล้วพวกเขาไม่ได้เกี่ยวธัญพืชอะไรมากนัก มีอาหารที่กองทัพไม่พอกิน หากเราชดเชยไปให้พวกเขาสามแสนซือ เทียบเท่ากับให้กำลังพวกเขาทำสงคราม ดังนั้นเรื่องธัญพืชนี้เราต้องไม่ปล่อย ชดเชยให้ได้ แต่ต้องไม่เกินสามหมื่นซือ"หลังจากหยุดชั่วคราว เสนาบดีมู่ก็พูดต่อ "อีกอย่าง ฝ่าบาทบอกว่าเราไม่สามารถยอมเรื่องเขตชายแดนด้วย"หลังจากพูดสองประโยคนี้แล้ว เขาก็จากไป เมื่อเห็นจังหวะการเจรจาของเป่ยหมิงอ๋อง เขาก็รู้สึกโล่งใจที่กรมราชทัณฑ์ จ้านเป่ยว่างต้องการไปพบหลี่ลี่หลังจากพูดคุยกับยี่ฝางเมื่อคืนนี้ ที่ยี่ฝางบอกว่าเขามีวิธีที่ทำให้ซีจิงพาตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้ ซึ่งทำให้เขากังวลมาก แต่เมื่อเขากลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็คิดไม่ออกเลยว่ายี่ฝางสามารถทำให้ซีจิงพาแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอพบหลี่ลี่"นางพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?" ห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 960

    เมื่อไปตามหานางจีที่จวนป๋อผิงซี นางจีพูดเพียงประโยคเดียวว่า "มันเกี่ยวข้องกับแม่ทัพใหญ่เซียว ไม่สามารถล่าช้าได้ ข้าจะไปเกี๋ยวนี้"หวังชิงหลูเริ่มกระสับกระส่ายตั้งแต่จ้านเป่ยว่างถูกนำตัวไปที่กรมราชทัณฑ์ นางยังได้กลับไปบ้านพ่อแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยหวังว่าพวกเขาจะช่วยจ้านเป่ยว่าง แต่ถูกนางจีปฏิเสธนี่เป็นเหตุการณ์สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้หญิงอย่างนางจะช่วยเขาได้อย่างไร?แต่นางจีก็ส่งคนไปสืบข่าว โดยบอกว่าแม้ว่าจ้านเป่ยว่างจะถูกควบคุมตัวในกรมราชทัณฑ์ แต่เขาก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษและไม่ได้รับความทุกข์ยากใดๆหลังจากสืบข่าวแล้ว นางก็บอกทุกอย่างให้กับหวังชิงหลู และหวังชิงหลูก็บ่นต่อหน้านาง โดยบอกว่ากว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการขององครักษ์ซวนเท่ ตอนนี้ต้องถูกจำคุกเพราะยี่ฝาง นางโทษมู่ฮูหยินจัดการแต่งงานนี้ให้นาง และโทษที่ท่านแม่รับปากกับงานแต่งงานนี้ด้วยนางจียังตำหนินาง และบอกนางไม่ใช่พอเจอกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาแต่บ่น นางเองควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้เมื่อเห็นพี่สะใภ้โกรธขึ้นมา หวังชิงหลูไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปก็กลับไปที่จวนแม่ทัพ แต่หากนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปล่อยให่จ้านจี้ซึ่งเ

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1540

    ซ่งซีซีในวันนี้ยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ต่างสามารถมองเห็นเงาของนางที่ก้าวเดินเร่งรีบไปมา ตอนนี้นางพาผู้คนมาปรากฏตัวที่ลานแข่งม้าอีกครั้ง กำลังจัดวางกำลังป้องกันโดยรอบ การแข่งขันขี่ม้ากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ขุนนางฝ่ายบู๊และบุตรหลานของตระกูลขุนนางจำนวนมากต่างจูงม้าของตนยืนรออยู่หน้าลาน การแข่งขันขี่ม้าในครั้งนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก เพียงแค่ควบม้าวิ่งรอบสนามสามรอบ ในแต่ละรอบจะมีรั้วสูงหกสิบหกเซ็นติเมตร ผู้เข้าแข่งขันจะต้องบังคับม้ากระโดดข้ามรั้วเหล่านั้น โดยต้องไม่ทำให้รั้วล้มลง และผู้ที่เข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ ที่จริงแล้วสิ่งนี้แทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันขี่ม้า เพราะอุปสรรคที่สูงเพียงหกสิบหกเซ็นติเมตรนั้น สำหรับม้าศึกที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี และผู้ขี่ที่มีฝีมือชำนาญแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม การกำหนดความสูงของรั้วไว้ที่สองฉื่อนั้น ก็เพื่อองค์ชายทั้งสามพระองค์ หรือให้พูดให้ถูกก็คือเพื่อองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง เพราะองค์ชายสามอาจไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ต่อให้เข้าร่วม ซ่งซีซีก็จะจัดคนให้คอยจูงม้าพระองค์ ตามตารางการแข่งขัน องค์ชา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1539

    ในโรงม้า ม้าทุกตัวได้รับการตรวจสอบและให้อาหารเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งสี่คนส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะที่ลูบไล้ม้าของตนไปด้วย พลางพูดคุยถึงเรื่องราวอันคึกคักของวันนี้ องค์ชายสามดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่เสด็จแม่สูญเสียความโปรดปราน พระพักตร์ของพระองค์ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใสร่าเริง วันนี้ ซูเฟยย่อมเสด็จมาเช่นกัน ไม่ว่าในตำหนักฝ่ายในจะทรงถูกปฏิบัติอย่างไร แต่ต่อหน้าผู้อื่น นางยังคงเป็นเสด็จแม่ขององค์ชายสาม เป็นพระนางซูเฟยผู้ทรงเกียรติ ส่วนฝูเจาอี๋นั้น ด้วยพระวรกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดี จึงไม่ได้เสด็จมาด้วย พวกเขาจูงม้าออกไปตั้งใจจะเดินเล่นสักหน่อย เดิมทีองค์ชายสามไม่สามารถปีนขึ้นหลังม้าได้เอง ทว่าเมื่อทดลองดูครั้งนี้ กลับปีนขึ้นไปได้สำเร็จ ทำเอาพระองค์ทรงปลื้มปีติยิ่งนัก พระองค์ทรงร้องเรียกเสียงดัง “เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่รอง พี่รุ่ยเอ่อร์ ดูข้าสิ เร็วเข้า ข้าขึ้นมาเองได้แล้ว!” ทุกคนเห็นท่าทีภาคภูมิใจของพระองค์แล้วต่างหัวเราะจนตัวงอ พร้อมกันเอ่ยชมว่าเก่งยิ่งนัก องค์ชายรองกำแขนเสื้อพลางหัวเราะแล้วตรัสว่า “ก็เพราะม้าของเจ้าเตี้ยกว่าน่ะสิ ถ้าเจ้าขึ้นหลังม้าของพวกเราทุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1538

    รุ่งเช้าวันใหม่ องค์ชายใหญ่และรุ่ยเอ่อร์ลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความกระปรี้กระเปร่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตรงกันข้าม องค์ชายรองกลับซูบเซา อิดโรย รอยคล้ำใต้ตาชัดเจน เมื่อคืนเขาฝันร้ายไม่หยุด ไม่ใช่ฝันว่าตัวเองถูกตัดหัว เลือดสาดกระเซ็น ก็เป็นฝันว่าพระเชษฐาของเขาถูกตัดขาทั้งสองข้าง ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสะพรึงกลัว แม้แต่คำพูดของขันทีที่ถูกแขวนคอเมื่อคืน ก็ยังคงดังก้องในความฝันของเขาซ้ำไปซ้ำมา ไม่ว่าจะในฝันหรือตอนตื่น เขาก็ยังคงหวาดกลัวไปทั้งร่าง จนตัวสั่นไม่หยุด พระสนมเต๋อเฟยพาชิงหลันมาแต่งตัวให้เขาด้วยตนเอง พลางกระซิบเตือนสติว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง และปลอบใจให้คลายความวิตกกังวล ให้เขาไม่ต้องห่วง ไม่ได้จะเอาชีวิตองค์ชายใหญ่เมื่อเห็นว่าเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางจึงเริ่มกล่าวถึงข้อดีของอำนาจ ว่าหากมีอำนาจอยู่ในมือ เขาจะสามารถปกครองแคว้นซางให้สงบสุขรุ่งเรือง กลายเป็นจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่า พระสนมเต๋อเฟยย่อมรู้จักพระโอรสของตนดีที่สุด เขามิใช่คนไร้ความทะเยอทะยาน เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ ไทเฮาตั้งใจให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน ทั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1537

    เรื่องราวที่อยู่ในพระทัยนั้นใหญ่หลวงและมากมายเกินไป พระสนมเต๋อเฟยจึงมิอาจข่มพระบรรทมได้เลย นางลุกขึ้นคลุมเสื้อ ก่อนจะพาชิงหลันไปยังตำหนักบรรทมขององค์ชายรอง นางให้ข้าราชบริพารที่อยู่เวรยามออกไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียง มองดูพระพักตร์ของพระโอรสที่ยังคงเยาว์วัย ทว่าแม้จะหลับตาอยู่ ก็ยังสามารถรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขา พระสนมเต๋อเฟยทอดถอนใจเบาๆ ความขุ่นเคืองแล่นขึ้นมาในพระทัย ชื่อรองจ้งข่ายที่ท่านไท่ฟู่มอบให้นั้น หมายให้เขาเป็นคนมีเมตตา แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็นการสอนให้เขาไม่แย่งชิง ไม่ต่อสู้ และต้องพึงพอใจกับการเป็นขุนนางที่อยู่ใต้คนอื่น เหตุใดกัน? พระโอรสของนาง นอกจากมิได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเหนือกว่าพระโอรสของฮองเฮาทั้งสิ้น มิใช่ว่านางต้องการแย่งชิง แต่หากไม่แย่งชิง ก็ไม่มีหนทางรอด ฮองเฮานั้นใจแคบและเห็นแก่ตัวโดยแท้ มิอาจทนให้ผู้ใดเป็นภัยต่อตำแหน่งของนางได้ หากพระโอรสของนางโง่เขลาเสียหน่อย ไม่แย่งชิงก็คงไม่เป็นไร ทว่ากลับเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสาม บนเตียงของตน จะให้ผู้อื่นมาหลับนอนได้อย่างไร?องค์ชายใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1536

    ดอกหนามถูกส่งมายังมือขององค์ชายรอง พระองค์รับมันมาด้วยมือที่สั่นสะท้าน มองมันอย่างละเอียด และแน่ใจว่านี่คืออันเดียวกับที่น้องสามเคยเล่น "พวกเขาทำกับเจ้าอย่างไร เจ้าก็ทำกับพวกเขาอย่างนั้น" เสียงของเสด็จแม่กระซิบข้างหู ทำให้พระองค์สะดุ้งเฮือก รีบขว้างดอกหนามออกไปทันที พระสนมเต๋อเฟยก้มลงเก็บดอกหนามกลับมา ก่อนจะจูงมืออันเย็นเฉียบของพระองค์เดินจากไป "ตอนนี้เสด็จแม่ไม่ได้กุมอำนาจในวังหลัง ฮองเฮาจึงคิดว่าตนสามารถทำร้ายเจ้าได้ตามอำเภอใจ แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จแม่ยังมีเครือข่ายในแต่ละตำหนัก แผนการของแม่ลูกคู่นี้จึงถูกข้าจับได้ ข้าจึงนำตัวคนของพวกเขามาสอบสวน ซึ่งเจ้าก็เห็นแล้ว คนผู้นั้นเจ้าก็คงจำได้ดี เป็นคนของตำหนักฉางชุนมิใช่หรือ?" องค์ชายรองรู้สึกวุ่นวายไปหมด ทั้งหวาดกลัว ทั้งสับสน พระนางฮองเฮาต้องการฆ่าเขาจริงหรือ? เสด็จพี่ใหญ่ก็ด้วยหรือ? ทุกสิ่งที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสร้งทำเป็นมิตรภาพอย่างนั้นหรือ? เมื่อกลับมาถึงตำหนัก พระองค์ยังคงตกอยู่ในภวังค์ของความคิด พระสนมเต๋อเฟยนั่งลงข้างๆ เอ่ยกระซิบข้างหู "พรุ่งนี้ เจ้าต้องทำเช่นนี้..." เมื่อฟังแผนการจบ ร่างกายขององค์ชายรองก็เริ่มสั่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1535

    องค์ชายรองถูกคำพูดของพระสนมเต๋อเฟยทำให้หน้าซีดเผือดโดยไม่รู้ตัว มือของเขาเผลอกุมหน้าท้องแน่น ราวกับว่ายาพิษนั้นยังคงอยู่ แต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยภาพในช่วงเวลาที่ได้เรียนและฝึกยุทธ์ร่วมกับเสด็จพี่ใหญ่และพี่รุ่ยเอ่อร์ แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาก็ช่วยเหลือและให้กำลังใจกันตลอด เขาลังเล “เสด็จแม่ บางทีนี่อาจเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด? ตอนนี้เสด็จพี่ใหญ่ก็ดีกับลูกมากพ่ะย่ะค่ะ” พระสนมเต๋อเฟยทอดถอนพระทัย ดวงเนตรเต็มไปด้วยความเมตตาและเวทนา "เจ้ากินข้าวให้เสร็จก่อน เสด็จแม่จะพาเจ้าไปที่หนึ่ง" "ไปที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?" องค์ชายรองถามด้วยความสงสัย "กินให้เสร็จก่อนเถิด กินเสร็จแล้วเสด็จแม่จะพาไป" พระสนมเต๋อเฟยตรัสพลางนั่งลงข้างเขาอย่างสงบ ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้ชิงหลันที่ยืนอยู่ข้างๆ องค์ชายรองรู้สึกไม่สบายใจนัก เคี้ยวอาหารช้าลง ดวงหน้าเต็มไปด้วยความคิดมาก ที่จริงแล้ว พระองค์รู้มาโดยตลอดว่าพระองค์ต้องแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทกับเสด็จพี่ใหญ่ เสด็จแม่ก็พร่ำสอนให้พระองค์คิดเช่นนั้นตลอดมา พระนางย้ำเสมอว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทสำคัญเพียงใด ในอดีต พระองค์เคยคิดว่า หากเสด็จพี่ใหญ่ไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1534

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงกำหนดให้จัดพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาขึ้นที่อุทยานบุปผาหลวง สำนักพระคลังได้เตรียมการล่วงหน้ามาเป็นเวลานาน ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อย เหลือเพียงรอวันพิธีมาถึงเท่านั้น ในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนสิบสอง องค์ชายทั้งหลายยังคงฝึกซ้อมขี่ม้าอย่างเข้มงวด แม้แต่องค์ชายสามก็ยังเข้าร่วมการฝึก องค์ชายสามยังต้องให้คนอุ้มขึ้นหลังม้า แต่ข้อดีของพระองค์คือความกล้าหาญ พระองค์ปฏิบัติตามที่เสด็จอาสอนอย่างเคร่งครัด จับบังเหียนแน่นแล้วควบม้าไปข้างหน้า อย่างไรก็ดี ในขณะที่พระองค์ควบม้า เซี่ยหลูโม่ก็จัดให้มีคนคอยประกบตลอด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ส่วนองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองนั้น ฝึกจนชำนาญแล้ว การควบม้าตะลุยไปข้างหน้าหาใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา ม้าของพวกเขาล้วนเป็นลูกม้าพันธุ์จ้าวหง (ม้าแดงด่าง) ซึ่งอุปนิสัยอ่อนโยนและควบคุมได้ง่าย เมื่อถึงสองทุ่ม เซี่ยหลูโม่ได้กล่าวเตือนพวกเขาเกี่ยวกับข้อควรระวังในวันพรุ่งนี้ และสอนวิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่งกล่าวจบ พระสนมเต๋อเฟยก็ส่งคนมารับองค์ชายรอง เดิมทีองค์ชายรองคิดจะกลับไปตำหนักฉือหนิงพร้อมกับพี่ชายทั้งสองเพื่อกินอาหารว่างยามดึก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1533

    องค์ชายใหญ่โอบต้นไม้ไว้ทั้งสองมือ ขยับเข้าไปแนบใบหน้ากับลำต้น แววตาเต็มไปด้วยความสับสน "ไม่รู้สิ เสด็จแม่ดีกับข้ามาโดยตลอด แต่วันนั้น…ท้องของข้าปวดมาก ปวดจนอยากตายเลย" องค์ชายใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วหันไปถามรุ่ยเอ่อร์ "ท่านอาน้อยของเจ้าดีต่อเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่รู้อยู่แล้วว่ามารดาของรุ่ยเอ่อร์สิ้นไปแล้ว เดิมทีพระองค์เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อโตขึ้น พระองค์ก็เริ่มเข้าใจจิตใจผู้อื่น และรู้ว่ารุ่ยเอ่อร์เป็นสหายที่ดี จึงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่อาจทำให้เขาเศร้า เสด็จย่าเคยตรัสไว้ว่า การเป็นสหายที่ดี ต้องรู้จักใส่ใจความรู้สึกของกันและกัน รุ่ยเอ่อร์ตอบว่า "ท่านอาน้อยดีกับข้ามาก ดีเป็นพิเศษเลยล่ะ" "แล้วเจ้าคิดว่าท่านอาน้อยของเจ้าจะยอมวางยาพิษเจ้าเพียงเพราะเป้าหมายบางอย่าง ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานจนแทบเอาชีวิตไม่รอดหรือไม่?" รุ่ยเอ่อร์แทบไม่ต้องคิด รีบตอบทันทีว่า "ไม่มีทาง!" "แล้วถ้าเพื่ออนาคตของเจ้าเล่า?" ครานี้รุ่ยเอ่อร์นิ่งไปเล็กน้อย มิได้ตอบในทันที เขาเคยใช้ชีวิตเร่ร่อนเป็นขอทานมาก่อน ย่อมเข้าใจโลกเร็วกว่าเด็กทั่วไป หากเขาตอบว่า ‘ไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1532

    องค์ชายใหญ่ถูกบังคับให้อยู่ต่อ ได้แต่มองซ่งรุ่ยและองค์ชายรองเดินออกไปเพื่อเสวย ภายในใจของพระองค์รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่เสด็จย่าเคยสั่งสอนไว้ว่า แม้จะโกรธก็อย่าได้แสดงออกมาโดยง่าย พระองค์จึงเพียงแค่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “เสด็จแม่มีสิ่งใดจะตรัสกับลูกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” "เจ้า..." ฮองเฮามองดูพระโอรสด้วยความเจ็บปวดและขุ่นเคือง "เจ้าไม่ได้พบเสด็จแม่มานานถึงเพียงนี้ เจ้าไม่คิดถึงเสด็จแม่บ้างหรือ? ไม่มีสิ่งใดจะพูดกับเสด็จแม่เลยหรือ?" องค์ชายใหญ่เหลือบมองพระนาง ก่อนจะหันไปมองหลานเจี่ยนกูกู สายตาของหลานเจี่ยนกูกูเต็มไปด้วยความอ้อนวอน องค์ชายใหญ่เห็นดังนั้นจึงเกิดความลังเล ก่อนจะรีบกล่าวว่า “แน่นอนว่าลูกคิดถึงเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกหิวมาก อยากรีบไปเสวย” กล่าวจบ พระองค์ยังไม่ลืมที่จะถวายบังคมลาไทเฮา จากนั้นก็วิ่งออกไปดั่งสายลม ไล่ตามรุ่ยเอ่อร์และองค์ชายรอง ฮองเฮานั่งนิ่งอยู่นาน ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ดังลอดออกมาเป็นระยะ "เขาไม่เห็นหม่อมฉันเป็นมารดาอีกแล้ว เสด็จแม่พอพระทัยแล้วหรือยัง?" พระนางกล่าวขึ้นในที่สุด เช็ดน้ำตาด้วยท่วงท่าที่แข็งกระด้าง คำพูดนั้น

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status