ในฐานะเจ้าสำนัก ซ่งซีซีไม่สามารถสอนวิชาอื่นได้ แต่ก็พอจะสอนการต่อสู้ได้บ้างได้ จึงถามพวกนางว่ามีใครอยากเรียนการต่อสู้บ้าง ซึ่งสามารถนำไปใช้ป้องกันตัวได้ด้วยเมื่อนางเสนอ ก็มีนักเรียนมากกว่าครึ่งที่อยากเรียนแต่การเรียนการต่อสู้นั้นต้องดูที่พรสวรรค์ด้วย แม้จะเต็มใจเรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนรู้ได้อย่างไรก็ตาม ซ่งซีซีเห็นว่ามีคนสนใจมากมาย นางจึงตัดสินใจเพิ่มวิชาเรียน เพื่อฝึกฝนความแข็งแกร่งและความคล่องตัว รวมถึงการป้องกันตัวเองและสมรรถภาพทางกายโดยเฉพาะสำหรับการเรียนการต่อสู้จริงๆ นั้น นางจำเป็นต้องเลือกให้ดี บังเอิญว่าเฉินเฉินได้ยินว่าเสิ่นว่านจือสอนกองทัพซวนเจียพวกเขาอยู่ นางจึงอยากมาสอนที่สถาบันการศึกษาสตรีเช่นกัน รบเร้าซ่งซีซีให้นางได้มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกหญิงซ่งซีซีทำตามที่นางต้องการ ทั้งสองก็ผลัดกันสอน สำหรับชั้นเรียนประจำวัน เฉินเฉินก็สามารถสอนได้เช่นกัน เพราะไม่ยากเกินไปคัดเลือกผู้เรียนการต่อสู้ออกมาสิบคน พวกนางทั้งหมดเป็นลูกสาวชาวนา พวกนางไม่มีความคิดอื่นใดเลย บอกว่าหากวันหน้าเอาตัวไม่รอด ก็สามารถไปเป็นผู้คุ้มกันของคุณหนูผู้ดีก็ยังดี ไม่ต้องขายตัวเป็นทาส แถมยังได้
ในเรือนเหวินซี โคมไฟที่อยู่หน้าทางเดินส่องภาพกระดาษตัดบนโครงตาข่ายหน้าต่าง และสะท้อนมันลงบนผนังบ้านราวกับสัตว์ขนาดยักษ์อย่างไรอย่างนั้นซ่งซีซีนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่มีพนักพิง ประสานมือไว้ข้างหน้า ร่างเพรียวบางห่อด้วยเสื้อผ้าเรียบๆ นางมองไปที่คนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นสามีที่เพิ่งต่างงานของนาง ซึ่งนางรอคอยมานานหนึ่งปีชุดเกราะทหารที่ดูค่อนข้างเก่าของจ้านเป่ยว่างยังไม่ได้ถอด และเขาดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความรู้สึกขอโทษแฝงไว้ "ซีซี ได้ออกพระราชกฤษฎีกาให้สมรสกันแล้ว ยี่ฝางจะต้องแต่งเข้ามาอย่างแน่นอน"ซ่งซีซีประสานมือไว้หน้าลำตัว ดวงตาของนางมืดมัว นางถามอย่างสงสัย "ไทโฮ่วเคยกล่าวไว้ว่าแม่ทัพยี่ฝางเป็นแบบอย่างสำหรับผู้หญิงในใต้หล้า นางยอมที่จะเป็นอนุภรรยาหรือ? "ดวงตาที่หนักอึ้งของจ้านเป่ยว่างฉายแววความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย "ไม่ ไม่ใช่อนุภรรยา นางเป็นภรรยาเท่าเทียม ไม่ต่างจากเจ้า"ซ่งซีซียังคงนิ่งเฉยและพูดว่า "ท่านแม่ทัพรู้ดีว่าภรรยาเท่าเทียมแค่ฟังดูดีเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วนางก็เป็นอนุภรรยาอยู่ดี"จ้านเป่ยว่างขมวดคิ้ว "จะอนุอะไรกัน นางกับข้ามีใจให้กันในสนามรบและตกหลุมรักกัน อีกอย่างเ
จ้านเป่ยว่างจนใจเล็กน้อย "ทำไมต้องหาเรื่องด้วยล่ะ? นี่คือพระราชทานสมรสที่ฝ่าบาทออกให้ และแม้ว่ายี่ฝางจะเข้ามา พวกเจ้าก็อยู่คนละเรือนกัน และนางก็จะไม่แย่งชิงสิทธิในการบริหารครอบครัวกับเจ้า ซีซี สิ่งที่เจ้าให้สำคัญนั้นนางไม่สนหรอก""ท่านคิดว่าข้าสนใจอยากกุมอำนาจดูแลบ้านเหรอ?" ซ่งซีซีถามกลับ มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นผู้นำที่ดูแลจวนแม่ทัพ แค่ยาที่หมอมหัศจรรย์ดันออกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินในแต่ละเดือนก็ต้องเสียเงินหลายสิบตำลึง ไหนจะของกินของใช้ของทุกคน ไหนจะมีญาติพี่น้องและเพื่อนต้องติดต่ออีก ต้องใช้เงินไปหมดจวนแม่ทัพมีแค่มีชื่อเสียงเท่านั้น ในปีที่ผ่านมา เงินสินเดิมของนางใช้อุดหนุนไปไม่น้อยเลย แต่นี่คือผลที่นางแลกมางั้นหรือจ้านเป่ยว่างหมดความอดทนโดยสิ้นเชิง "ช่างเถอะ ข้าไม่อยากเสียน้ำลายกับเจ้า ข้าแค่ต้องแจ้งให้เจ้าทราบเรื่องก็เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนใจข้าได้"ซ่งซีซีเฝ้าดูเขาเดินจากไปอย่างเย็นชา รู้สึกตัวเองน่าขำมากทีเดียว"คุณหนู" เป่าจูเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ "ท่านเขยเขารังแกคนมากเกินไปจริงๆ""อย่าเรียกไปมั่ว!" ซ่งซีซีเหลือบมองนางเบาๆ "เขาและข้ายังไม่ได้
เป่าจูหยิบรายการสินเดิมมา "ในเวลาหนึ่งปีนี้ ท่านได้อุดหนุนเงินไปมากกว่าหกพันตำลึง แต่ร้านค้า บ้านพัก และสวนต่างไม่ได้แตะต้องเลย ใบรับรองเงินฝากของฮูหยิงที่เก็บไว้ในร้านฝากเงินตอนมีชีวิต และโฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน ฯลฯ ทั้งหมดอยู่ในกล่องแถมได้ปิดไว้เรียบร้อย""อืม!" ซ่งซีซีดูรายการนั้น ท่านแม่ของนางให้สินเดิมก้อนโตแก่นางในเวลานั้น คงกลัวว่านางจะต้องทนทุกข์ในครอบครัวของสามี และนางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างรุนแรงขึ้นมาเป่าจูถามอย่างเศร้าๆ จากด้านข้าง "คุณหนู เราจะไปที่ไหนได้บ้าง หรือว่าจะกลับจวนโหวเหรอ ไม่งั้นเรากลับภูเขาเหม่ยชานดีไหม"สายตาของนางแวบภาพที่ทั้งจวนเต็มไปด้วยเลือดและศพอันน่าสลดใจของคนในครอบครัว นางรู้สึกเจ็บปวดใจทันที "ไปไหนก็ได้ ยังไงก็ดีกว่าอยู่ที่นี่""พอท่านไปแล้ว มันก็ให้พวกเขาได้สมหวังสินะ"ซ่งซีซีพูดดรียบๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาได้สมหวังเถอะ หากข้าอยู่ต่อ ก็จะใช้ชีวิตอย่างทรมานเมื่อต้องเห็นพวกเขารักใคร่กัน เป่าจู ยามนี้ จวนโหวเหลือข้าเพียงคนเดียว ข้าต้องอยู่ดีกินดีเพื่อที่พ่อแม่และพี่ๆ ของข้าที่อยู่ในสวรรค์ได้หายห่วง""คุณหนู!" เป่าจูร้องไห้อย่างหนัก นางเป็นผู้รับใช้ที่
ฮูหยินผู้เฒ่าฝืนยิ้ม "จะชอบหรือไม่ยังให้คำตอบไม่ได้ เพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ในเมื่อฝ่าบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ต่อไปนางและเป่ยว่างร่วมือกันเพื่อสร้างผลงานในกองทัพ ส่วนเจ้าจัดการดูแลเรื่องฝ่ายในของจวนแม่ทัพ เพลิดเพลินกับความสำเร็จทางการทหารที่พวกเขาต่อสู้มา ช่างดีเหลือเกิน""ดีจริงๆ!" ซ่งซีซียิ้ม "แต่ให้แม่ทัพยี่เป็นแค่อนุภรรยาคงไม่เหมาะกับสถานะของนางสินะ"ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วกล่าวว่า "เจ้าเด็กโง่เอ๊ย นางจะเป็นแค่อนุภรรยาได้ยังไง ในเมื่อฝ่าพระบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว อีกอย่างนางยังเป็นผู้บัญชาการทหาร เป็นข้าราชการในราชสำนักด้วย ข้าราชการจะเป็นอนุภรรยาได้ยังไง เป็นภรรยาที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่า"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่มีใครเหนือกว่างั้นเหรอ ราชวงศ์ของเรามีกฎเช่นนี้หรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าดูเย็นชาเล็กน้อย "ซีซี เจ้าเป็นคนมีเหตุผลเสมอ ในเมื่อเจ้าได้แต่งเข้าตระกูลจ้านแล้ว ควรตามกฏของตระกูลจ้านก่อน หลังจากได้รับตรวจสอบโดยกระทรวงกลาโหมแล้ว ยี่ฝางสร้างผลงานโดดเด่นกว่าเป่ยว่างในสงครามครั้งนี้ ต่อไปสองสามีภรรยาพวกเขามีใจเดียวกันกัน บวกกับมีเจ้าดูแลฝ่าย
คนของตระกูลจ้านต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีมักจะที่อ่อนแอนั้น ยามนี้จะเด็ดขาดเช่นนี้ยิ่งกว่านั้นนางไม่ยอมเชื่อฟังท่านแม่ด้วยซ้ำฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางต้องยอมแน่นอน นางไม่มีทางเลือกอื่น"ใช่ไง บัดนี้นางไม่มีครอบครัวที่ให้พึ่งพา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในตระกูลจ้าน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจ้านไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นางยังเป็นภรรยาเอกเช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีนำเป่าจูกลับจวนโหวเจิ้นเป่ยภายในจวนก็รกร้าง ใบไม้ร่วงหล่นกองอยู่อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนดูแลมาครึ่งปีแล้ว และลานบ้านของจวนโหวมีวัชพืชที่สูงพอๆ กับผู้ใหญ่ได้เมื่อเหยียบเข้าไปในจวนโหวอีกครั้ง ซ่งซีซีก็รู้สึกเจ็บใจจนเหมือนโดนมีดแทงใจเมื่อหกเดือนก่อน นางตกใจเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของนางถูกสังหารไปหมด นางทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าศพของท่านย่าและท่านแม่ พวกนางหนาวมากจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเลย และทุกที่ของจวนก็เปื้อนไปด้วยเลือดหมดมีห้องโถงของบรรพบุรุษอยู่ในจวนโหว และป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลซ่งและท่านแม่ของนางล้วนอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษนางและเป่าจูกำลังเตรียมเครื่องบูชา และน้ำตาของพวกนางก็ไม่เคยหยุด
ซ่งซีซีคุกเข่าในห้องอ่านหนังสือของจักรวรรดิ ลดศีรษะลงพลางหรี่ตาลงจักรพรรดิ์ซูชิงจำได้ว่าทั้งครอบครัวจวนโหวเจิ้นเป่ยตอนนี้เหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมา "ลุกขึ้นค่อยพูด!"ซ่งซีซีประสานมือแล้วกราบ "ฝ่าบาทเพค่ะ ที่หม่อมฉันมาขอพบในวันนี้ถือว่าทำตัวล่วงเกินไปจริงๆ แต่หม่อมฉันอยากขอเรื่องหนึ่งจากฝ่าบาทเพค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงว่า "ซ่งซีซี ข้าได้ออกพระราชโองการแล้ว และไม่สามารถกลับคำได้"ซ่งซีซีส่ายหัวเบาๆ "หม่อมฉันขอร้องฝ่าบาทออกพระราชโองการให้หม่อมฉันกับแม่ทัพจ้านหย่าโดยสันติเพค่ะ"จักรพรรดิ์หนุ่มตกใจ "หย่า? เจ้าต้องการหย่าหรือ?"เดิมทีเขาคิดว่านางมาที่นี่เพื่อขอร้องให้เขาถอนพระราชโองการกาแต่งงาน แต่ไม่ได้คาดคิดว่านางมาขอออกพระราชโองการให้หย่าโดยสันติซ่งซีซีกลั้นน้ำตา "ฝ่าบาทเพค่ะ แม่ทัพจ้านและแม่ทัพยี่ใช้ผลงานการเอาชนะศึกเพื่อขอพระราชทานอภิเษกสมรส วันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของท่านพ่อและพี่ชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้องการใช้ผลงานทางทหารของพวกเขาเพื่อขอพระราชโองการให้หย่า หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้!"ดวงตาของจักรพรรดิ์ซูชิงมีความซับซ้อน "ซีซี เจ้ารู้ห
หลังจากที่ซ่งซีซีจากไป อู๋ต้าปั้นก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากด้านนอกแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท ไทโฮ่วได้ส่งคนมาที่นี่ เพื่อตามหาฝ่าบาทหาเวลาไปพบพะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงถอนหายใจ "อาจเป็นเพราะเรื่องของซีซี ทำให้นางวิตกกังวลเข้าแล้ว ไปกันเลย"ดอกโบตั๋นในตำหนักโซ่วคังกำลังบานสะพรั่ง งดงาม มีกลิ่มหอมด้วยและดอกกุหลาบที่เลื้อยตามกำแพงตำหนักก็บานสะพรั่งอย่างสวยงามเช่นกันไทโฮ่วกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หวงฮวาลีที่มีพนักพิงในห้องโถงใหญ่ สวมชุดคลุมสีม่วง และมีหยกขาวอยู่ในมวยของนาง ด้วยใบหน้าซีดเซียว"กระหม่อมคารวะเสด็จแม่พะย่ะค่ะ!" จักรพรรดิ์ซูชิงก้าวไปข้างหน้าและคารวะด้วยไทโฮ่วมองดูเขา ให้คนรับใช้ต่างๆ ออกไปแล้วถอนหายใจ "พระราชทานอภิเษกสมรสที่เจ้าออกให้นั้น ใช้ไม่ได้จริงๆ เจ้าทำแบบนี้ ทั้งผิดต่อท่านโหวซ่ง ยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับผู้คนในใต้หล้าอีกด้วย"เสียงของไทโฮ่วค่อยๆ เข้มขึ้น "ในราชวงศ์ซางมีกฎหมายอยู่ ขุนนางในราชสำนักไม่ได้รับอนุญาตให้รับอนุภรรยาภายในห้าปีหลังจากแต่งงาน ห้าปีเป็นเวลาที่สั้นมากแล้ว ตามที่ข้าคิด เว้นแต่เกินอายุสี่สิบแต่ยังไม่มีบุตรถึงจะแต่งอนุภรรยาได้ ตอนนี้เจ้าออกพระราชทาน