Share

บทที่ 1047

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จวนโหวผิงหยางใช้เวลาหนึ่งคืนเพื่อสำรวจทุกอย่างให้ชัดเจน

หลังจากสอบสวนชัดเจนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตามหาโหวผิงหยางมา และบอกแผนการของตนเองว่า "หย่ากับจ้านเส้าฮวน และรับเจียอี้กลับมา ในขณะเดียวกันก็ตามหานักเล่าเรื่องพวกนั้นมาบอกความจริงให้พวกเขารู้และให้พวกเขาออกไปชี้แจง"

จริงๆ แล้ว ในใจของโหวผิงหยางก็ไม่ชอบเจียอี้มาก เขาไม่อยากไปรับเจียอี้กลับ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน

"ลูกไม่เห็นด้วย ไหนๆ ก็ผิดแล้วควรเล่นไปตามน้ำ ปกติลูกมักจะถูกนินทาเนื่องจากเรื่องของกู้ชิงเล่อ กว่าจะไล่นางออกไปแล้วได้สงบสักที คนนอกจะลือกันอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหวของเรานี่ มันมีแต่ด่าทอกู้ชิงเล่อ หากเราไปชี้แจง ไม่เพียงแต่ทำให้ทางจวนโหวสูญเสียชื่อเสียง ยังทำให้ชื่อเสียงของอาหลูเสียหาย ถึงยังไงนางเป็นหลานของท่านแม่ เป็นแม่ของหลานท่าน ท่านแม่ทำเช่นนี้ก็ใจร้ายไปหน่อย ไม่ว่ายังไงลูกจะไม่ไปรับนางเลย หย่าก็คือหย่าแล้ว"

ฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยางมองดูเขาและรู้สึกอึดอัดใจมากอีกทั้งก็รู้สึกเศร้าอย่างยิ่งเช่นกัน

เขามีหัวตัวหนึ่งและตาคู่หนึ่ง แค่ดูเป็นมนุษย์เฉยๆ เท่านั้น เขาไม่ได้ใช้สมองคิดและไม่ลืมตาด
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1048

    ข่าวลือก็ยุติลงหลังจากนั้นไม่กี่วันความคิดของคนเราก็แปลกด้วย หลังจากประสบกับข่าวลือและการโจมตีด้วยวาจาไม่รู้จบ บางคนก็เริ่มพิจารณาความหมายของโรงงานเย็บปักซู่เจินอย่างจริงจังอาจเป็นเพราะบทความของนักวิชาการเหล่านั้นได้ผล ผู้เรียนบางคนก็อ่านใจความในแง่ดีอย่างกับนักเล่าเรื่องของร้านชาว่า จะว่าไปโรงงานเย็บปักซู่เจินนั้นก็แค่ให้ทางออกทางหนึ่งแก่เหล่าผู้หญิงที่ถูกหย่า และไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่ผิดคุณธรรมอะไรสักหน่อย หรือว่าพวกสุภาพบุรุษไม่มีความเมตตากรุณาเช่นนี้เหรอ?แต่คนที่คิดเช่นนี้ก็มีแค่ส่วนน้อย คนส่วนมากยังคงไม่เห็นด้วยกับมัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต่อต้านหรือดูหมิ่นมันมากเหมือนแต่ก่อน และสามารถตั้งสติมาวิเคราะห์อย่างใจเย็นในเวลานี้ เซี่ยหลาน ท่านหญิงหยงอันเข้าสู่โรงงานเย็บปักซู่เจิน นางประกาศว่าตนเองจะออกจากจวนอ๋องฮวย ตัดขาดความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกับอ๋องฮวย จากนี้ไปโรงงานก็จะเป็นบ้านของนางการตัดสินใจนี้ นาง นางไม่ได้คิดขึ้นมาอย่างกะทันหันตอนที่ไม่มีใครยอมเข้าพักโรงงาน นางก็อยากไปแล้ว ได้ปรึกษากับศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวมาหลายครั้ง พวกนางคัดค้าน โดยคิดว่ามันดูจงใจไปหน่อย ช่วยโร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1049

    ใบหน้าของเจียอี้ค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมา มีสีหน้าหงุดหงิด "โอ้ย ข้าพูดกับเจ้าตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าจู้จี้ อย่าจู้จี้อย่ามาพูดไม่หยุด เจ้าทำตัวเช่นนี้มันน่ารังเรียจนะ หากข้าเป็นนายหญิง ข้าไม่เอาคนใช้อย่างเจ้าหรอก"ป้าซุนโต้แย้งกลับว่า "งั้นเจ้าก็กลับไปเป็นนายหญิงของเจ้าแล้วหาคนใช้ที่เอาใจเอาใจคอยรับใช้เจ้าสิ"เจียอี้สบถขึ้นมา "แน่นอนว่าข้าจะกลับ มีชีวิตดีๆ ไม่ใช้ อยู่ที่นี่ต่อมาให้คนใช้อย่างเจ้ารังแกหรือไง""ไปๆๆ ไม่ต้องเก็บเสื้อผ้าข้าวของอะไร กลับไปมีแต่ใช้ของดีๆ" ป้าซุนกล่าวเจียอี้เงยหน้าขึ้นทันที "ข้าขอเตือนเจ้า อย่าคิดจะแตะต้องเสื้อผ้าของข้า ในเมื่อมอบให้ข้าแล้ว งั้นก็เป็นของข้าแล้ว"ป้าซุนทั้งยิ้มและดุว่า "เจ้านี่ใจแคบจริงๆ เสื้อผ้าพวกนั้นเอากลับไปก็ใส่ไม่ได้ จะเอาไปทำไม เสื้อผ้าที่คนใช้ของทางจวนโหวก็ไม่ยอมใส่ด้วยซ้ำ"เจียอี้กล่าวว่า "ไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ ข้าก็จะเอากลับไป""ก็ได้ๆๆ งั้นข้าไปจัดเก็บให้ รีบกลับไปเถอะ" ป้าซุนหันหลังกลับ"หยุดนะ" เจียอี้กระโดดขึ้น ทำหน้าตาเหมือนเสือโคร่ง "อย่าแตะต้องสิ่งของของข้า ข้าจะจัดเก็บเอง"นางพูดอย่างนั้น จากนั้นก็วิ่งกลับไปห้องของตนเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1050

    เจียอี้มองดูผู้หญิงที่มีสีหน้าเศร้าโศกตรงหน้าแล้วพูดว่า "หากเจ้ากำลังมองหาทางออกเพื่อเอาชีวิตรอด ก็เข้าไปเถอะ แม้ว่าอาจจะใช้ชีวิตลำบากหน่อย แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้อีกเลย"น้ำตาของผู้หญิงคนนั้นก็พรั่งพรูจากก้นดวงตาทันทีราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่งนางชื่อของเธอคือโม่หลานจวิน เดิมทีนางกับสามีเฉินเซิ่งเปิดร้านย้อมผ้าที่เมืองหลวง มีลูกสาวคนหนึ่ง ไม่เชิงว่าร่ำรวยมาก แต่สามีภรรยาสองคนรักใคร่กัน ไม่ขาดแคลนเงิน ถือว่ามีชีวิตที่ดีเพียงแต่ตอนนางให้กำเนิดลูกสาวคนั้นมีเลือดออกเยอะ หมอบอกว่าสามารถมีชีวิตรอดได้ก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้ว น่าเสียดายที่นางจะไม่สามารถมีบุตรได้อีกนางเสียใจมาก แต่สามีของนางก็คอยปลอบใจนาง โดยบอกว่าการมีลูกสาวหนึ่งคนก็เพียงพอแล้ว และเขามีน้องชายสองคนที่สามารถสืบเชื้อสายตระกูลเฉินได้ในฐานะพี่สะใภ้คนโต ทั้งยังมีเงินด้วย จึงช่วยน้องสามีจัดเรื่องการแต่งงานด้วย พวกเขทั้งสองต่างให้กำเนิดบุตรชาย ในเวลานั้น น้องสามีทั้งสองยังเคารพนางมาก ทุกๆ เรื่องก็จะถามความเห็นของพี่สะใภ้ก่อนหนึ่งปีที่แล้ว สามีและลูกสาวพบกับโจรในระหว่างทางกลับบ้านเกิดเยี่ยมญาติ ตอนไปยังเป็นคนเป็นๆ อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1051

    โม่หลานจวินย้ายเข้าไปอยู่ในห้องที่สามของแถวผิง และโรงงานเย็บปักซู่เจินได้รับคนแรกมาอย่างแท้จริงเมื่อเสิ่นว่านจือเห็นนางนั่งข้างเครื่องปักและเริ่มเย็บปักถักร้อย นางก็ยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจการเริ่มต้นมันยากลำบากมากจริงๆ แต่อย่างน้อยมันก็เริ่มแล้ว หวังว่าพวกผู้หญิงที่สิ้นหวังนั้นจะนึกถึงโรงงานเย็บปักซู่เจินก่อนที่พวกนางจะแสวงหาความตายจ้านเส้าฮวนถูกหย่า และได้กลับไปบ้านพ่อแม่ของนาง หวังชิงหลูรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก แต่เกิมก็ไม่อยากให้นางเข้าไป แต่จ้านเป่ยว่างยืนกรานที่จะรับนางกลับจวน นางโกรธมากจนกลับบ้านพ่อแม่อีกครั้งนางบ่นกับแม่ตนเองว่าบัดนี้จ้านเป่ยว่างไม่มีเงินเดือนอีก จึงทำงานไม่จริงจังด้วย วันๆ ทำตัวเหมือนคนไร้ต่า นางไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกต่อไปฮูหยินผู้เฒ่าก็ชินแล้ว และปล่อยให้นางร้องไห้แต่นางจีตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ถ้าไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ต่อได้ งั้นก็หย่ากับเขาสิ หลังหย่าก็อย่ากลับมาบ้านนี้อีก ไปโรงงานเย็บปักซู่เจินเถอะ แต่เกรงว่าโรงงานเย็บปักซู่เจินคงไม่รับเจ้า ที่นางหมินกระโดดลงแม่น้ำ เจ้าได้ออกแรงมาไม่น้อยด้วย"หวังชิงหลูกลัวที่จะได้ยินชื่อของหมินซู่เจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1052

    ต้องขอบคุณซ่งซีซีทำให้หอต้าหลี่เริ่มมีงานยุ่งอีกครั้งซ่งซีซีก็คอยดูแลอย่างเอาใจใส่ ได้ส่วกับข้าวให้กับเซี่ยหลูโม่ด้วยตนเอง ดูแลเขาเป็นอย่างดีมีหลักฐานแล้ว หอต้าหลี่แค่ต้องตรวจสอบทบทวน จากนั้นไปนำคนหลับมาสอบสวนจริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ได้ให้เซี่ยหลูโม่เสียแรงอะไรมากนัก แต่คนเหล่านี้ล้วนมีที่พึ่งพาอยู่เบื้อนหลัง แทนที่จะให้ซีซีไปรุกราน งั้นให้เขาไปทำจะดีกว่าปล่อยให้ตระกูลขุนนางเหล่านี้ไปเกลียดชังเขาเถอะคนที่มีความสุขที่สุดก็คือลู่เจิน ช่วงนี้เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างขยันขันแข็งมากขึ้น เขามั่นใจมากว่าหลังจากการปรับปรุงค่ายลาดตระเวนแล้ว มันจะกลายเป็นหน่วยงานที่ปกป้องความปลอดภัยของเมืองหลวงอย่างแท้จริงอีกครั้งทว่าเขาดีใจเร็วไปหน่อย หลังจากที่หอต้าหลี่เริ่มสอบสวน ก็มีผู้คนทยอยรายงาน โดยบอกว่าหน้าที่ของค่ายลาดตระเวนซ้ำกันกับกองกำลังเมืองหลวง และขอให้ยกเลิกค่ายลาดตระเวนนี่เป็นเรื่องจริงจริง ดังนั้นซ่งซีซีจึงยื่นคำร้องให้แยกหน้าที่ระหว่างค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงมาใหม่จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ได้ตอบตกลงในการประชุม หลังเลิกประชุมก็เรียกซ่งซีซีไปที่ห้องทรงพระอักษร"เมื่อวานข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1053

    หลังจากที่ยี่ฝางถูกนักการทูตของซีจิงนำตัวไป เขาเกือบจะฝันร้ายทุกคืน ฝันว่าชาวซีจิงสับยี่ฝางเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง และเนื้อบนร่างกายของนางก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ และเลือดเหมือนคลื่นลูกใหญ่ทำให้เขาจมอยู่กับมันแม้ว่าตอนปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างวัน บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงของยี่ฝาง บางครั้งเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ บางครั้งก็ด่าว่าเขาใจจืดใจดำ และบางครั้งก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวชเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้าเขารู้สึกผิดกับยี่ฝางในใจ แต่ก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง การต่อสู้ระหว่างศีลธรรมกับความปรารถนาส่วนตัวมันก็ทำให้เขาเหนื่อยล้ามากพอและหมดกำลังแล้วเขาก็รู้ดีว่าตำแหน่งที่ว่ารองผู้บัญชาการของตนเองนั้นจริงๆ แล้วมันก็แค่ในนาม ฝ่าบาทไม่ได้ให้เขาทำงานสำคัญอะไร วันๆ ก็แค่เดินเล่นไปทั่ว พอกลับจวนก็อย่ไม่สงบอีก ไม่ใช่หวังชิงหลูก่อวุ่นวาย ก็เป็นจ้านเส้าฮวนที่โน้มน้าวให้เขาไปเรียกร้องความยุติธรรมที่จวนโหวอยู่ที่ไหนก็ไม่สงบเลย อยากจะหาใครมาคุยเล่นเพื่อระบายความคับข้องใจของตนเอง แต่เขาไม่มีเพื่อนแล้ว ไม่มีใครอยากจะสุงสิงกับเขาจริงๆ แล้ว ซ่งซีซีรู้ว่ายี่ฝางยังไม่ตาย มีข่าวมาจากร้านอวี๋นยี่ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1054

    เซี่ยหลูโม่โกรธเล็กน้อยเพราะจ้านเป่ยว่างไม่รู้ความจริงๆ แต่ไม่ได้หึงซีซีเพิ่งออกมาจากห้องทรงพระอักษร เขาก็หยุดนางเพื่อซักถาม ไม่มีสมองจริงๆ ผู้คนที่เข้าออกห้องทรงพระอักษรมีมากมาย ไม่เพียงแต่ขันทีและนางกำนัลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขุนนางที่กำลังรอเข้าเฝ้าอยู่ซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้าไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่เขายังมาถามเกี่ยวกับยี่ฝาง ซึ่งทำให้ข้าประหลาดใจหน่อย""อย่าไปสนใจเลย" เซี่ยหลูโม่กางแขนออกแล้วจับนางไว้ในอ้อมแขนของเขา "ไปรับรุ่ยเอ๋อร์เลย"รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และแสงระเรื่อของพระอาทิตย์ตกก็ส่องผ่านช่องว่างในม่านรถม้า กระทบใบหน้าของพวกเขาสองคนราวกับว่าถูกเคลือบด้วยชั้นทองคำอันอบอุ่นไม่มีผิดเมื่อเขามาถึงสถาบัน จางต้าจ้วงก็หยุดรถม้าเรียบร้อยและเข้าไปในสถาบันเพื่อรับคน หลังจากนั้นไม่นาน เขาจับมือรุ่ยเอ๋อร์ออกมาตอนนี้รุ่ยเอ๋อร์ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อเขาเพิ่งไปสถาบันแรกๆ ถ้าได้เห็นอาและอาเขยมารับ เขาจะกระโดดออกมา ตอนนี้แม้ว่าเขาจะดูตื่นเต้นด้วย แต่ก็ยังเดินอย่างเรียบร้อยจนกระทั่งขึ้นรถม้า และคารวะให้อาเขยเสร็จ จากนั้นก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของท่านอา "ท่านอา วันนี้อาจารย์ได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1055

    ทันทีที่องค์ชายใหญ่พูดเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปรุ่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างท่านอาขอเขาและบีบมุมเสื้อผ้าด้วยกระดากใจ ตัวเขามีกลิ่น ทุกครั้งที่เขากลับจวนจะต้องแช่ตัวในอ่างน้ำยา ซึ่งเป็นยาที่หมอมหัศจรรย์ดันจ่ายให้ เขาดมจนชินแล้วเลยคิดว่าไม่มีกลิ่นความรู้สึกอับอายเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนที่เขาเป็นขอทาน คำพูดที่เขาได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ "เจ้าตัวเหม็น ออกไป"ซ่งซีซีจับมือเล็กๆ ของเขาแล้วใช้มืออีกข้างลูบแก้มของเขา "อาชอบกลิ่นหอมของยานี้นะ"รุ่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น และพบความหาความหวังจากดวงตาอันอบอุ่นของท่านอา จริงสิ แค่โดนหาว่าไม่กี่คำเอง แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอเขายิ้มให้ท่านอาตรงๆ เขาไม่สนใจคนอื่นจะพูดอะไรทั้งนั้นเมื่อเห็นไทเฮามีสีหน้าไม่พอใจ ฮองเฮาฉีก็รีบลุกขึ้นและดึงองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ จากนั้นดุขึ้นมาว่า "ใครสอนให้เจ้าพูดแบบนี้? ขอโทษกับเสนาบดีกั๋วกงซ่งตัวน้อยเร็วเข้า"องค์ชายใหญ่ยคางขึ้นแล้วพูดว่า "ข้าไม่ต้องการขอโทษคนขอทานหรอก"ทันทีที่เขาพูดจบ องค์ชายใหญ่ก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ที่ก้นก็โดนตบอย่างจังไปสองฉาด เขาเจ็บมากจนร้องไห้ออกมา"กลั้

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1593

    ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1592

    ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1591

    ซ่งซีซีหยุดฝีเท้า หันกลับมากล่าวว่า “คนในครอบครัวของนางปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี เพียงแต่ตอนที่หลานสาวของนางจะออกเรือน เกิดเรื่องสะดุดอยู่บ้าง โชคดีที่ท้ายที่สุดก็แต่งกับบุรุษที่ดี นางคงกลัวว่าตนเป็นหญิงโสดสูงวัย เคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง จะถูกผู้คนติฉินนินทา พลอยทำให้หลานๆ เดือดร้อน และไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่ของนางเป็นกังวลด้วย”ข้าตอบรับในลำคอ พลางนึกถึงฮูหยินจีผู้เด็ดเดี่ยวแต่จิตใจดีงามฮูหยินจีมีบุตรชายหนึ่ง บุตรหญิงหนึ่ง ด้านหลังยังมีลูกอนุอีกหลายคน เรือนรองก็เช่นกัน บัดนี้คงยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนข้านึกถึงตอนที่ฮูหยินจีจะต้องไปเจรจาสู่ขอให้พวกเขา คงยากลำบากไม่น้อย ต้องเผชิญกับเสียงนินทานานัปการจากภายนอกข้าเห็นนางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยใจจริง และรู้สึกสงสารในสิ่งที่นางต้องพบเจอ“เจ้าลองคิดดูเถิด” ซ่งซีซีกล่าวข้าพยักหน้า แล้วเหลือบมองภายนอก เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถบนั้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ามาอยู่กับข้าสองต่อสองเช่นนี้ มิกลัวเนี่ยเจิ้งอ๋องหึงหรือ? เขาไม่รู้หรือไร?”ซ่งซีซีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าข้าจะถามเรื่องเช่นนี้นางอาจไม่คิดจะตอบ เพราะนางก้าวเท้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1590

    เมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวได้ฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี ข้าก็ได้พบกับซ่งซีซีอีกครั้งก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยพบนางหลายครั้ง นางเคยมาที่ชายแดนเฉิงหลิงข้ากับนางดูเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ทุกครั้งที่นางจากไปจากชายแดนเฉิงหลิง ข้าก็มักจะแอบตามส่งนางอยู่ห่างๆใจลึกๆ ที่ทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใดข้ามักรู้สึกผิดกับนางอยู่เสมอกับยี่ฝางและหวังชิงหรู ข้าก็มีสิ่งที่รู้สึกผิดอยู่เช่นกัน แต่ระหว่างข้ากับพวกนางต่างฝ่ายต่างบาดหมาง โต้เถียงกัน พวกนางเคยทำร้ายข้า ข้าก็เคยทำร้ายพวกนางแต่กับซ่งซีซี มีเพียงข้ากับคนในครอบครัวที่ทำร้ายนาง นางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายพวกเราเลยสักครั้ง แม้แต่หลังจากหย่าขาดกันแล้ว นางจะไม่สนใจอาการป่วยของท่านแม่ก็ได้ แต่นางกลับสอนพี่สะใภ้ใหญ่ให้รู้วิธีขอยาดันเสวี่ยเมื่อข้าได้พบกับนางในงานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของแม่ทัพใหญ่เซียว นางได้กลายเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว เรื่องราวในราชสำนักนั้น พวกทหารชายแดนอย่างพวกข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ครบครัน แม้แต่เงินเดือนที่เราได้รับก็เพิ่มขึ้น นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นได้ชัด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1589

    หลายปีที่ข้าประจำการอยู่ชายแดนเฉิงหลิง ข้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งถึงสองครั้ง บัดนี้ข้ามียศเป็นแม่ทัพ ดูแลทหารนับพันนายข้าไม่เคยกลับเมืองหลวงอีกเลย เมื่อประจำอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง หากไม่มีพระราชโองการ ย่อมมิอาจกลับได้ตามอำเภอใจข้ายังคงโดดเดี่ยว ไร้ภรรยา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างลมทรายแห่งเฉิงหลิงพัดผ่านปีแล้วปีเล่า ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าข้า จนข้าดูแก่กว่าอายุจริงไปหลายปีข้าเป็นโรคนอนไม่หลับมาหลายปี ต้องพึ่งยาเพื่อระงับจิตใจจึงจะหลับได้บางครั้ง ข้าก็อดไม่ได้ที่จะคิด...หากวันนั้นข้าไม่ก่อเรื่องกับยี่ฝาง ชีวิตของข้าในวันนี้จะเป็นเช่นไร?ข้ากับซ่งซีซี อาจได้เป็นสามีภรรยาที่เปี่ยมด้วยความรัก เป็นที่อิจฉาของผู้คนกระมัง?พวกเราอาจมีลูกที่น่ารัก ข้าทุ่มเทอยู่ในกองทัพ ส่วนซีซีก็ดูแลบ้าน เฝ้ารับใช้พ่อแม่ ดูแลลูกๆ แม้ว่าข้าจะไม่เจริญก้าวหน้าในตำแหน่ง คงเป็นเพียงแม่ทัพชั้นผู้น้อยตลอดชีวิต...แต่นางก็คงจะไม่จากข้าไปแต่ก่อน ข้าไม่รู้เลยว่านางคืออินทรีที่โผบินบนฟากฟ้า ทว่าเต็มใจหักปีกเพื่อข้าคนเดียว คอยดูแลมารดาที่ป่วยหนัก จัดการทุกเรื่องจุกจิกในจวนแม่ทัพของข้าเมื่อข้ารู้ตัว...ข้าจะเสียใจหรื

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1588

    ข้าขอร้องท่านแม่ไม่สำเร็จ ก็หันไปพึ่งท่านพ่อ แต่กลับได้รับการตำหนิที่รุนแรงยิ่งกว่ามิใช่เพียงเท่านั้น พวกท่านเห็นว่าข้าคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ เพราะยังไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับเหลียงจือชุน จึงตัดสินใจให้เขาพาข้าออกไปเที่ยว เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นข้าไม่เต็มใจจะไป แต่ก็ถูกคุณนางข้างกายท่านแม่บังคับให้ขึ้นรถม้าไป อีกทั้งยังกำชับสาวใช้ให้จับตาข้าไว้ อย่าให้พูดจาเสียหายเหลียงจือชุนหน้าตามันเยิ้ม ตอนแรกก็แสดงความเคารพต่อข้าบ้างเล็กน้อยแต่ไม่นานก็เผยนิสัยแท้ วิจารณ์หน้าตาข้าอย่างไร้มารยาท บอกว่าหากข้ามิใช่หญิงงามเช่นนี้ และมิใช่บุตรีตระกูลเสิ่น เขาคงไม่ยอมรับข้าเป็นภรรยาแน่นอนท่าทางอวดดีของเขาทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หากมีแค่เพียงเท่านี้ ข้าอาจไม่ถึงขั้นคิดทำสิ่งร้ายแรงนักแต่ระหว่างทางกลับ เขาอ้างว่าจะช่วยพาข้าขึ้นรถ แล้วแอบหยิกก้นข้าเข้าอย่างหนึ่งในขณะนั้น เลือดทั้งร่างข้าพุ่งขึ้นหัวเมื่อสบตากับสายตาหยอกล้อของเขา น้ำตาข้าก็พรั่งพรูออกมา ความอัปยศทำให้ข้าทั้งตัวสั่นเทิ้ม เอ่ยวาจาใดไม่ออกเลยสักคำสาวใช้กับสารถีไม่เห็นเหตุการณ์นั้น กลับคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status