ความเกลียดชังที่เซียวเสวี่ยหลิงมีต่อชุยอันหรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นึกถึงปัจจุบันผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตที่ดี ก็รู้สึกไม่มีความสุขแล้วลูกพี่ลูกน้องคนนั้นยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่จริงในใจพวกเขารู้ดี“ตระกูลหลินก็รู้แล้วกระมัง?” เซียวเสวี่ยหลิงถามอีก“ไม่ใช่แค่ตระกูลหลิน มหาราชครูเวินกับอัครมหาเสนาบดีเวินก็อยู่ ตอนขี้นกถล่มลงมาใส่ขบวนรับเจ้าสาวแบบมืดฟ้ามัวดิน พวกเขาก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด…”ขี้นกที่มืดฟ้ามัวดิน…เมื่อเซียวเสวี่ยหลิงได้ยินสามารถเอาสองคำนี้มารวมกัน ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นน่าสะอิดสะเอียนเพียงใด“พอแล้ว เลิกพูดได้แล้ว เอาเป็นว่าชุยอันหรูล่วงเกินตระกูลเวินไม่ไหวแน่นอน ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่า นางสามารถรับเพลิงโทสะของมหาราชครูเวินไหวหรือไม่”สีหน้าของแขกเหรื่อแตกต่างกันไป ผู้คนส่วนใหญ่กำลังพยายามกลั้นขำประเด็นคือกลิ่นมูลนกนี้ฉุนมาก ธูปหอมในห้อง และของต่างๆ ที่ทาทาบบนร่างกายเจ้าสาวก็กลบกลิ่นไม่ได้ตอนที่คู่บ่าวสาวคำนับ ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ตรงนั้น แม้แต่ฝืนยิ้มก็ทำไม่ได้นางหยางพยายามรักษาภาพพจน์ อย่างไรก็มีคนมากมายกำลังดูอยู่นางก็ขี้เกียจไปสนใจแล้วว่าพวก
คราวนี้แม่สื่อถึงกับคิดไว้แล้วว่า หลังออกจากเมืองหลวงจะไปใช้ชีวิตบ้านปลายที่ไหนอัปมงคลนางเคยไปกับงานแต่งมากมาย ไม่เคยมีครอบครัวไหนที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ผีสางเทวดาโหยไห้เช่นนี้เซียวเสวี่ยหลิงเอาแต่กรีดร้อง ไม่มีประโยชน์อันใด ผู้คนที่มาชมพิธีก็คิดไม่ถึงเช่นกัน พวกเขามาร่วมงานแต่งของคนทั้งสองที่ชื่อเสียงป่นปี้นี้เพราะเห็นแก่หน้าตระกูลเวิน คนของตระกูลเซียวเหล่านี้ ตั้งแต่คู่บ่าวสาวตลอดจนผู้อาวุโสสองท่านได้ทิ้งความทรงจำตราตรึงใจไว้ให้พวกเขา...“เหตุใดงานแต่งเป็นเช่นนี้…”“เมืองหลวงไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลย ในอนาคตก็จะไม่มีเช่นกัน”“รีบประคองฮูหยินใหญ่ไปข้างหลังเถอะ โชคดีที่เมื่อครู่เชิญหมอมาแล้ว”ทุกคนเจ็ดปากแปดลิ้นแย่งกันพูด เลือดขึ้นหน้าเซียวรั่งอย่างต่อเนื่อง สติสัมปชัญญะค่อยๆ ถูกไฟแห่งโทสะกลืนกิน“ชุยอันหรู…”แม้ไม่มีหลักฐาน แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของชุยอันหรูหลินจืออินรู้สึกว่างานแต่งของตัวเองถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตั้งแต่เริ่ม ระหว่างนั้น ตอนท้าย วันข้างหน้าเมื่อนึกย้อนกลับมา ไม่ว่าตอนไหนก็น่าอับอาย“ท่านพี่ เสร็จพิธีแล้ว เปิดผ้าคลุมศีรษะ
หนึ่งก้านธูปแล้วหมอยังไม่มา ฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางกลับฟื้นตามลำดับ“นี่พวกเราเป็นอะไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าเหมือนกับฝันหลังจากนางหยางฟื้น มองดูเซียวรั่งกับหลินจืออินที่มีมูลนกติดตามร่างกาย ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดก็มีสีหน้ารู้สึกผิด“วันนี้แม่ทำให้งานแต่งของพวกเจ้าพัง…”หลินจืออินรีบกล่าว “ท่านแม่ ต้องเป็นฝีมือของชุยอันหรูแน่ๆ นางริษยาชีวิตที่ดีของจวนอันหนานโหว และได้เตรียมการไว้นานแล้ว ก็เพื่อแก้แค้นจวนอันโหว”เซียวเสวี่ยหลิงที่ไร้ประโยชน์มาโดยตลอด ก็ใส่ฟืนใส่ไฟอย่างบ้าคลั่ง “ใช่ ท่านแม่ ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ ชุยอันหรูเสียใจที่หย่ากับท่านพี่ด้วยอารมณ์ชั่ววูบในตอนนั้น ก็เลยคิดวิธีเช่นนี้แน่ๆ ช่างไร้ยางอายจริงแท้” เซียวรั่งเงียบ สายตากลับฟ้องทุกอย่างแล้วนางหยางแสร้งทำทีพูดแทนชุยอันหรู “ไม่กระมัง แม้ตระกูลเซียวของพวกเราทำเรื่องที่ผิดต่อนาง แต่ทุกอย่างก็ทำตามที่นางขอแล้ว เหตุใดนางต้องวุ่นวายไม่เลิก?”“ฮึ มันก็ต้องเป็นเพราะนางไม่มีสมดั่งใจหมายก็เลยไม่อยากให้พวกเราไม่มีสมปรารถนาด้วย…นางอำมหิตจนสามารถทำร้ายผู้หญิงในเรือนส่วนหลัง ยังมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก? ตอนนั้นสมาชิกสกุลเซียวก็ถูกนาง
เซียวเสวี่ยหลิงงงงวยแล้ว ท่านแม่พูดมาโดยตลอดว่า บัวหิมะเป็นของหายาก มอบให้ท่านย่าทั้งหมด พวกนางห้ามแตะต้องแม้แต่เสี้ยวเดียวไม่ใช่หรือ?ในสองปีนี้ มีแต่นางที่โง่อยู่คนเดียว ไม่ได้กินบัวหิมะที่ชุยอันหรูจัดสรรให้?นางหยางกระแอมอย่างกระอักกระอ่วนทีหนึ่ง และกล่าวอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ “ท่านแม่อย่าเข้าใจผิดนะ อย่างไรบัวหิมะก็เป็นของที่ใช้ในจวนน้อยมาก อีกทั้งตอนที่อันหรูอยู่ ก็ล้วนซื้อมาในราคาสูง ข้ากลัวว่าร้านยาจะปนของปลอมมาด้วย จึงลองชิมก่อนในปริมาณที่เล็กน้อยทุกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีปัญหาจึงจะ…”“พอแล้ว ข้ารู้แล้ว เจ้าเองก็ทำด้วยความหวังดี”ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลินจืออินแวบหนึ่ง อย่างน้อยอยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้ใหม่ ก็ต้องไว้หน้านางหยางบ้างส่วนคำพูดเมื่อครู่ของนางหยาง นางย่อมไม่เชื่ออยู่แล้วหมอแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ เขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ของจวนโหว“ในเมื่อท่านทั้งสองฟื้นแล้ว แค่ดูแลตัวเองให้ดี ไม่จำเป็นต้องกินยา”เขากล่าวในเวลาที่เหมาะสม และหลินจืออินที่นึกขึ้นได้ก็รีบปลดถุงหอมตรงเอวลงมาจากนั้นนางถือโอกาสหาข้ออ้าง “ท่านโหว พวกเราไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้ากันเถอะ พวกเราจะต้องให้ชุยอันหรูชดใช้เ
หลังจากช่างทำธูปหอมที่ปลอมตัวเป็นหมอออกจากตระกูลเซียว ก็ไปทำภารกิจที่เหลือของเขาต่ออย่างไรก็ตามความคึกคักของตระกูลเซียวครึกโครมมาก พิธีแต่งงานที่ทุลักทุเล แขกเหรื่อจากไปกลางคัน ไม่เหลือสักคนเช่นนั้น ยากที่หลีกเลี่ยงทำให้ผู้คนยิ่งอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างในดังนั้นตอนที่เขาออกมา ก็มีคนดึงเขาไปที่ข้างๆ เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ช่างทำธูปหอมทำหน้าไม่อยากพูด ท่าทางกลับอยากพูดแต่ก็ไม่พูด กลุ่มคนที่ดึงเขามองเห็นความหวังแล้ว จึงหว่านล้อมอีกสองสามประโยค“วันนี้ตอนไหว้ฟ้าดิน ฮูหยินผู้เฒ่ากับฮูหยินใหญ่เป็นลมติดต่อกัน”ช่างทำธูปหอมทำหน้าเหมือนต้านไม่ไหว เขากล่าวเสียงเบา“หลังจากนั้นล่ะ หลังจากนั้นล่ะ?”เป็นอย่างที่คิด ความโลภของมนุษย์มักจะเริ่มจาก ‘อีกนิด’ ค่อยๆ ขยายใหญ่“หลังจากข้าตรวจดู เป็นเพราะถุงหอมที่ฮูหยินใหม่พกติดตัวมีกลิ่นพิเศษ ไปทำปฏิกิริยากับฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่ที่กินบัวหิมะตลอดปี จึงเป็นลม”ช่างทำน้ำหอมกุเรื่องด้วยท่าทางจริงจัง ชาวบ้านประเด็นสำคัญได้ทันที“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฮูหยินผู้เฒ่ายังประกาศว่าต่อโลกภายนอกว่าไม่มีบัวหิมะให้กิน แล้วยังเพราะท่านหญิงอันก
ดวงตะวันถูกเงามืดใต้เส้นขอบฟ้าดึงหายลับไปอีกครา ม่านราตรีเวียนมาปกคลุมผืนฟ้าในจวนเจิ้นกั๋วกงอันเงียบสงัด ห้องของชุยอันหรูยังคงสว่างไสว“ท่านหญิง พวกเขาจะมาจริงหรือเจ้าคะ?”ตันชิงถามเสียงเบา กังวลว่าจะดังเกินไปจนผู้มาเยือนยามราตรีที่ชุยอันหรูกล่าวถึงหนีเตลิด“วันนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ดูจากนิสัยของคนตระกูลเซียวและวิธีการลงมือของตระกูลหลิน หากว่าไม่ตอบโต้ข้า นั่นต่างหากที่เรียกว่าแปลก”ตันจูเติมชาร้อนให้นาง “ท่านหญิงเจ้าคะ รอต่อไปเช่นนี้หาใช่ทางออกไม่ พวกบ่าวจะคอยอยู่ตรงนี้เอง ท่านไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”แต่ชุยอันหรูตอบว่า “รออีกสักประเดี๋ยวเถิด”ทุกคนต่างสงบปากคำ ไม่มีใครยืนยันอะไรอีกต่อไป ขณะที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้าแม้พวกตันชิงจะยังมีความคลางแคลงใจ แต่ก็ยังรออยู่เป็นเพื่อนชุยอันหรูเวลาล่วงเลยไปถึงครึ่งคืนหลัง กระทั่งชุยอันหรูเองก็เริ่มสงสัยว่าตนคาดการณ์ผิดไป ในที่สุด เสียงเคลื่อนไหวภายนอกก็ดังขึ้น“ท่านหญิง มีคนเข้ามาแล้วขอรับ...”คนที่ชุยอันหรูจัดให้ซุ่มซ่อนตัวไว้รีบเข้ามารายงาน“ในที่สุดก็มาได้เสียที...” ชุยอันหรูเอ่ยด้วยสติที่ยังเต็มร้อยตันชิงและคนอ
มีองครักษ์เข้ามารายงานเพิ่มเติมว่าพบ แผ่นป้ายประจำตัวของกองทหารรักษาการณ์บนตัวของคนเหล่านั้นชุยอันหรูหัวเราะเย็นชา เซียวรั่งนะเซียวรั่ง ช่างไม่ระมัดระวังเสียเลย เพิ่งได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์ กลับกล้าใช้คนเหล่านี้มาก่อเรื่องชั่วเสียแล้ว?“ในเมื่อท่านอ๋องมีคำสั่ง เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าและพี่น้องของเจ้าช่วยข้าจัดการบางเรื่องด้วย”“น้อมรับคำสั่งท่านหญิง”ในจวนอันหนานโหว ยามค่ำคืนอันเงียบสงัด บรรดาเจ้านายในจวนกลับกระวนกระวายใจฮูหยินผู้เฒ่าเอาใจออกหากจากนางหยาง ใช้เวลาทั้งคืนครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางหยางได้หลอกลวงและเสแสร้งต่อตนมาตลอดหลายปีด้านนางหยางเองก็หวาดหวั่นใจยิ่งนัก ภาพลักษณ์ของนางสูญสิ้น วันข้างหน้าจะยืนหยัดอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไรเซียวเสวี่ยหลิงกลัวว่าตนเองจะไร้โอกาสได้แต่งกับหลินชวน เพราะเรื่องราวของพี่ชายและพี่สะใภ้ลงเอยในสภาพเช่นนี้ด้านหลินจืออินที่ตั้งกำลังครรภ์และได้แต่งเข้าจวนของบุรุษที่นางแย่งชิงมา แต่ยังมิทันได้ลิ้มรสความสุข เรื่องวุ่นวายที่ประดังประเดเข้ามากลับทำให้นางเริ่มตั้งคำถามถึงชีวิตของตนเองส่วนเซียวรั่ง แม้ภายในใจเต็มไปด้วยความเคียด
ในหัวของเซียวรั่งราวกับถูกระเบิดเสียงดังสนั่น เรื่องราวมันคลาดเคลื่อนเกินกว่าที่เขาคิดไว้มากนักเขาสั่งคนของตนให้ไปจับตัวชุยอันหรู หวังจะทำลายชื่อเสียงของนางจนย่อยยับ แต่เหตุใดจึงกลับกลายเป็นเรื่องบุกโจมตีค่ายทหารรักษาการณ์กลางดึกไปได้?“ทูลฝ่าบาท งานสมรสเมื่อวานนี้วุ่นวายมากนักพ่ะย่ะค่ะ ท่านย่าและมารดาของกระหม่อมต่างก็เป็นลมหมดสติในงาน กระหม่อมแทบไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องอื่นใด... อีกทั้งกระหม่อมเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์มาไม่นาน จะกล้าทำเรื่องที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ...”เหตุผลนี้ของเขาฟังดูสมเหตุสมผลพอควร ทว่าเหล่าขุนนางในท้องพระโรงกลับพากันหันไปสนใจเรื่องความวุ่นวายในงานสมรสของเขาเมื่อวานมากกว่าขุนนางหลายคนที่ไปร่วมงานเมื่อวานนี้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นก็รู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องแปลกใหม่โดยแท้เวินจี้หลี่ซึ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตระกูลเซียวเมื่อวันก่อน ก็อดรู้สึกอายแทนไม่ได้ถึงอย่างไร เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเซียวรั่งจะมีความกล้าถึงเพียงนี้“ดังนั้น พวกทหารคนสนิทที่ติดตามเจ้าเข้าสนามรบ สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา พอเจ้าได้รับต
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด