ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ขณะกำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ธาราหลุดจากภวังค์แล้วหันไปมองยังต้นเสียง ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่จัดงานเดินมาแจ้งว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องออกไปหาเจ้าบ่าวแล้ว
“คุณน้ำค้างคะ ถึงเวลาแล้วค่ะ”
“เอ่อ...ค่ะ ตอนนี้เลยใช่ไหมคะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง หัวใจเต้นตึกตัก มือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้น ในจดหมายน้องสาวบอกเอาไว้ว่าพ่อเลี้ยงเหมันต์อายุมาก หล่อนคิดว่าคงจะแก่จนหัวหงอก ลงพุง หัวล้าน ทำให้น้องสาวรับไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอเองก็คงทำใจลำบากที่จะอยู่กับเขาได้ ทำไมต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยนะ ธาราบ่นในใจ
“ค่ะ ตอนนี้เลย” เจ้าหล่อนบอก
ธาราลุกขึ้นยืนแล้วสูดหายใจเข้าปอดจนสุด แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา เพื่อคลายความตื่นเต้นและกังวลใจ
“แล้วของพวกนี้ค่อยกลับมาเอาใช่ไหมคะ” เธอถามถึงสัมภาระที่นำมาด้วย โดยเฉพาะจดหมายฉบับนั้นเธอจะให้ใครเห็นไม่ได้
“ใช่ค่ะ ห้องนี้ไม่มีใครเข้ามาแน่นอน เพราะคุณเหมันต์จองไว้ให้คุณโดยเฉพาะ ตามดิฉันออกมาตอนนี้เลยค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นธาราค่อยวางใจ จึงเดินตามหลังเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นไปอย่างจำยอม ชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง ทำเอาเธอเดินไม่ถนัด แถมยังมีรองเท้าส้นสูงอีกทำให้แย่เข้าไปใหญ่ ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยใส่มันซะที่ไหนกัน ต่างจากน้องสาว รายนั้นชอบแต่งตัว เสื้อผ้าแต่ละชิ้นแฟชั่นจ๋าทั้งนั้น ส่วนเรื่องรองเท้าส้นสูงแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย เพราะชลาลัยใส่มันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
เดินมาได้สักพักก็ถึงห้องโถงใหญ่ เธอคาดเดาว่าระดับพ่อเลี้ยง งานจะต้องใหญ่โตและมีแขกมาร่วมงานอย่างคับคั่ง แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับผิดคาด เพราะในนั้นมีเพียงเจ้าบ่าวที่ยืนจูงมือกับลูกชายตัวน้อยและทีมงานสองสามคนเท่านั้นเอง ด้วยความแปลกใจเธอจึงหันไปมองหน้าเจ้าหน้าที่สาวด้วยความสงสัย
“คุณน้ำค้างสงสัยอะไรเหรอคะ”
“ทำไมในห้องไม่มีคนอื่นเลยล่ะคะ”
“อ้าว! คุณน้ำค้างลืมไปแล้วเหรอคะว่าขอจัดแบบเป็นการส่วนตัว ให้มีเฉพาะเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเท่านั้น ตั้งแต่จัดงานมาดิฉันเพิ่งเคยเห็นนี่ล่ะค่ะ” เธอตอบ
เมื่อได้ยินอย่างนั้นธาราก็ถึงบางอ้อ สรุปว่าเรื่องทั้งหมดน้องสาวเธอได้วางแผนเอาไว้แล้ว น่าจับมาตีก้นสั่งสอนซะให้เข็ดหลาบเสียจริง หลอกคนอื่นไปทั่วไม่เว้นแม้กระทั่งเธอที่เป็นพี่สาวแท้ ๆ
“โทษทีค่ะ ดิฉันคงจะตื่นเต้นจนลืมไปเลย” เธอยิ้มแหย ๆ ให้
“เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ พ่อเลี้ยงเหมันต์รออยู่แล้ว”
ธาราหัวใจเต้นรัวเมื่อเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มเรื่อย ๆ เห็นจากด้านหลังก็ผิดคาดกับภาพที่คิดไว้ในหัว เธอนึกว่าจะผมหงอก แก่คราวพ่อ แต่ทว่าสีผมของชายหนุ่มกลับดำขลับ ดูท่าทางคงจะอายุราวสี่สิบต้น ๆ
“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ”
ธาราสวมชุดเจ้าสาวเดินไปตามพรมแดงที่ถูกปูไว้เป็นทาง ตรงไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนสวมชุดสูทพอดีตัวสีกรมท่า ข้างกันนั้นก็มีลูกชายตัวน้อยและบาทหลวง ในห้องโถงนี้ถูกจำลองให้เป็นโบสถ์สำหรับงานแต่งตามศาสนาคริสต์ แม้จะไม่ได้มีแขกเหรื่อเลยสักคน แต่เหมันต์ก็จัดงานให้สมเกียรติเจ้าสาวคนที่สองในชีวิตของเขา หลังจากภรรยาคนแรกได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปเมื่อหลายปีก่อน และได้ฝากพยานรักวัยห้าขวบไว้ให้เขาได้ชื่นใจ
เหมันต์หันมามองเจ้าสาวที่เขาเฝ้ารอ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมทันที แม้จะมีผ้าขาวบางปกปิดที่ใบหน้าเอาไว้ แต่เขาก็ดูออกว่าวันนี้เจ้าสาวสวยมากกว่าทุกวัน ทว่ากลับดูแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
เมื่อธาราเดินมาถึงแล้ว เจ้าบ่าวก็เอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมสีขาวบางนั้นออก ทำให้ทั้งสองเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจน แวบแรกที่ธาราเห็นเจ้าบ่าวก็ถึงกับอึ้ง เขาคนนั้นไม่ได้ดูสูงวัยเหมือนที่น้องสาวบอกเลยสักนิด แม้จะไม่ได้ดูเด็กเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่เขาก็ดูดีตามฉบับหนุ่มวัยกลางคน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ตรงสเปคเธอมากเหลือเกิน
เมื่อสายตาของคนทั้งสองประสานกันเป็นครั้งแรก ธาราก็หลบตาทันที ไม่กล้าสู้หน้า กลัวเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง
พิธีการดำเนินไปเรื่อย ๆ จนเสร็จสิ้นลงในที่สุด บาทหลวงกลับไปแล้ว ส่วนทีมงานที่รับจัดงานก็เริ่มทยอยเก็บของ ตอนนี้ธาราได้กลายเป็นภรรยาของเหมันต์อย่างเป็นทางการแล้ว จะเหลือก็เพียงการเข้าห้องหอเท่านั้นเองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
ตอนนี้ทั้งสองกลับเข้ามาในห้องพักแล้ว ส่วนลูกชายของเหมันต์หลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา
“วันนี้เธอสวยมากเลยรู้ตัวไหม” สายตาคมจ้องมองที่ใบหน้าสวย โลมเลียอย่างไม่คลาดสายตา
“ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง” เธอตอบแล้วรีบหลบตา
“พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปเชียงใหม่กันแต่เช้าเลยนะ”
ธาราขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัย เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะต้องย้ายไปอยู่เชียงใหม่ แล้วงานของเธอที่นี่ล่ะจะทำยังไง แถมข้าวของในห้องอีก ทำไมเรื่องมันถึงได้วุ่นวายอย่างนี้นะ
“พรุ่งนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าแต่งงานแล้วเธอจะไปอยู่กับฉันที่ไร่”
“โทษทีค่ะฉันลืมไป” เธอยิ้มให้
“ทำไมวันนี้เธอแปลกไป ดูเรียบร้อยขึ้น หรือว่าฉันคิดไปเองนะ” น้ำเสียงโทนอบอุ่นเอ่ยกับเจ้าสาว
“ฉันก็ปกตินี่ค่ะ ไม่เหมือนเดิมตรงไหน” ธาราตอบ ฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย
“ปกติเธอจะอ้อนฉันมากกว่านี้ไงล่ะ ไม่นั่งนิ่งอยู่อย่างนี้หรอก หรือว่าเป็นเพราะชุดเจ้าสาว?” เหมันต์เอ่ย จ้องมองใบหน้าสวยอย่างไม่ละสายตา เขาอยากจะกลืนกินเธอคนนี้ไปทั้งตัวเสียให้ได้ แม้ว่าจะเคยมีอะไรกันมาก่อน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกตื่นเต้นกว่าปกติก็ไม่รู้
“ชะ...ใช่ค่ะเป็นเพราะชุด” เธอตอบอ้ำอึ้ง
“ถ้างั้นก็ถอดมันออกซะสิ เดี๋ยวฉันจะพาคิมหันต์ไปนอนอีกห้อง กลับมาแล้วหวังว่าเธอจะพร้อมมากกว่านี้นะ” เหมันต์ส่งสายตาหื่นให้อีกฝ่ายรับรู้ ว่าในอีกไม่นานเธอกำลังจะโดนเขาเชยชมไปทั้งตัว
“ค่ะ” ธาราตอบรับสั้น ๆ
หลังจากเหมันต์อุ้มลูกชายไปอีกห้อง ธาราก็รีบเดินไปล็อกประตูเอาไว้ แล้วหยิบจดหมายในกระเป๋าออกมา ฉีกมันทิ้งลงในถังขยะทันที เธอไม่มีทางให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง แต่เรื่องที่น่าหนักใจกว่านั้นคือเขาคนนั้นกำลังจะเข้ามาอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่เจ้าบ่าวให้สมบูรณ์แบบ ส่วนตัวเธอเองก็ต้องทำหน้าที่เจ้าสาวด้วยเช่นกัน ธาราได้แต่ทำใจ เพราะคิดว่าคงไม่มีทางหนีอีกฝ่ายพ้น ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเธอก็ต้องเสียตัวให้เขาอยู่ดี
ธาราจึงตัดสินใจถอดชุดเจ้าสาว แล้วไปหยิบชุดนอนที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ มันเป็นชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีขาว เห็นอย่างนั้นธาราก็ถึงกับอึ้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องใส่อะไรอย่างนี้มาก่อน อยู่ห้องเช่าเธอมักจะใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นเท่านั้น แต่เจ้าหล่อนก็ยอมสวมใส่อย่างจำยอม มาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ยอมให้ความลับถูกเปิดเผยอย่างเด็ดขาด เพราะถึงยังไงชลาลัยก็เป็นน้องสาวคนเดียวของเธอ แค่นี้เธอยอมทำให้ได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ธาราที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็ถึงกับสะดุ้ง เธอไม่รู้จะทำตัวยังไงหากอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง เขาบอกว่าน้องสาวเธอชอบอ้อน หรือเธอควรจะต้องทำอย่างนั้น เพื่อให้อีกฝ่ายไม่เอะใจ คิดแล้วก็เดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มแวบแรกที่เหมันต์เห็นเจ้าหล่อนในชุดนอนซีทรู เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ทำเอาความต้องการในตัวมันพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาเดินตามหลังเจ้าหล่อนเข้าไปในห้อง ก่อนจะกอดจากด้านหลัง ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอขาวสูดกลิ่นกายที่หอมละมุนอย่างชื่นใจ“หอมจัง หอมเหมือนเดิมเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า มือหนาก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่ว“ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ” ธาราหายใจไม่ทั่วท้อง หากอีกฝ่ายยังคงรุกเร้าไม่หยุด กลัวว่าตัวเองจะเป็นลมหมดสติไปเสียก่อน“เอาไว้ค่อยอาบทีเดียว มาเสียเหงื่อกันก่อนดีกว่าไหม” ว่าแล้วเหมันต์ก็หมุนตัวเจ้าหล่อนให้มาสบตากัน ก่อนจะผลักร่างลงบนเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนเปลือยกายล่อนจ้อน เผยให้เห็นรูปร่างกำยำสมส่วน หน้าท้องขึ้นซิคแพ็กเป็นลอนชัดเจน ส่วนความเป็นชายที่อยู่ตรงกลางกาย ก็แข็งตัวพร้อมรบเต็มที่ธาราได้เห็นส่วนนั้นเธอถึงกับมองตาโต ในชี
เมื่อรถกระบะสี่ประตูถูกขับเข้ามาในรั้วอาณาเขตนับพันไร่ของไร่เหมันต์ ผู้มาใหม่ก็รู้สึกตื่นตากับภาพที่เห็น ที่นี่มีพื้นที่สีเขียวกว้างใหญ่ไพศาล ถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ช่างเป็นภาพที่งดงามมากเหลือเกิน แถมอากาศที่นี่ยังสดชื่นกว่าในกรุงเทพอยู่มากโขอีกด้วยธาราไม่เคยย่างกรายขึ้นมาที่ภาคเหนือเลยสักครั้ง ครั้งแรกก็มาถึงเชียงรายเกือบเหนือสุดของประเทศไทยเลยทีเดียว เจ้าหล่อนไม่อยากจะคิดเลยว่าชายหนุ่มที่เธอเพิ่งร่วมหอลงโรงด้วย จะร่ำรวยมหาศาลมากขนาดไหน เพราะดูจากที่นี่แล้วถ้านับเป็นมูลค่าคงจะหลายพันล้านบาทเลยทีเดียวความกว้างใหญ่ไพศาลของไร่เหมันต์ทำให้ธารานั่งชมอย่างเพลินตาเพลินใจ จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้จอดสนิทแล้ว คนที่นั่งข้างกันจึงเอ่ยเรียกเพื่อจะได้เข้าไปในบ้าน“น้ำค้าง น้ำค้าง”“คะพ่อเลี้ยง” เจ้าหล่อนรีบหันขวับมามอง ทำหน้าเหลอหลาจนฝ่ายชายอดขำไม่ได้“ถึงแล้วเข้าบ้านกันเถอะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้“ออค่ะ แล้วน้องคิมล่ะคะ ให้ฉันช่วยอุ้มไหม” คิมหันต์นอนหลับปุ๋ยอยู่บนตักผู้เป็นพ่อ แต่ทว่าเธอกลับเอ่ยราวกับว่าแข็งแรงกว่าอีกฝ่ายซะอย่างนั้น“อวดเก่งจัง ลงไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันอุ้มเอง” เหมัน
เข้ามาในห้องนอนแล้ว ธาราก็เดินกวาดสายตามองไปรอบห้อง ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อเห็นระเบียง ก็เปิดประตูออกไปสูดอากาศด้านนอก นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ บนห้องนอนที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวบ้านอย่างนี้ ทำให้สามารถมองเห็นวิวบริเวณโดยรอบ ได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว“สดชื่นจัง” ธารายืนกางแขนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หลับตาพริ้มด้วยความสบายใจ“ทำอย่างกับไม่เคยมาที่นี่อย่างนั้นล่ะ” เหมันต์เดินเข้ามากอดหญิงสาวจากด้านหลัง ก่อนจะซุกใบหน้าคมลงที่ซอกคอขาว นัวเนียอยู่อย่างนั้น“คุณ! ทำอะไรเนี่ย” ด้วยความลืมตัว ธาราจึงพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกโดยเร็ว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอมีสถานะเมียเขาแล้ว จึงไม่ควรจะปฏิเสธการสัมผัสให้อีกฝ่ายระแคะระคายเด็ดขาด ดีไม่ดีถ้าโดนจับได้เธอเองก็จะโดนหางเลขไปด้วย“ทำไมไม่ขัดขืนต่อล่ะ กำลังได้อารมณ์อยู่แล้วเชียว”“ก็ฉันเป็นเมียพ่อเลี้ยงนี่คะ ทำไมจะต้องทำอย่างนั้นด้วย”“แล้วทำไมตอนแรกถึงทำล่ะ” เหมันต์ยังกวนไม่เลิก เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปต่อยังไง“ก็ฉันตกใจนี่นา จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง”“แสดงว่าตอนนี้ฉันจะทำอะไรก็ได้แล้วสิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ข้างใบหู ก่อนจะสูดกลิ่
“ฮัลโหลแก”(ยัยน้ำฟ้าแกอยู่ไหนยะ ทำไมไม่มาทำงาน) มะเหมี่ยวสาวร่างท้วมเพื่อนรักของน้ำฟ้า ตะโกนผ่านสายเข้ามาเสียงดัง ทำให้ปลายสายถึงกับดึงเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นให้ออกห่างจากใบหู“เบา ๆ ดิแกฉันไม่ได้หูหนวกนะยะ”(แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนบอกฉันมา)“ตอนนี้ฉันอยู่เชียงราย” น้ำฟ้าคุยสายอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านจะเข้ามาได้ยินเอาเสียก่อน(เชียงราย! แกไปทำอะไรที่นั่น แล้วทำไมไม่บอกฉัน แล้วงานที่นี่ล่ะจะเอายังไง) มะเหมี่ยวยิงคำถามรัว จนน้ำฟ้าตอบแทบไม่ทัน“ทีละคำถามแก ฉันตอบไม่ทันหรอก”(ถ้างั้นบอกมาว่าแกไปทำอะไรที่นั่น)“ฉัน...ฉันมาทำงาน”(อ้าว! แล้วงานที่นี่ล่ะจะเอายังไง ทำอะไรไม่ปรึกษาฉันเลยเนี่ย)“ฉันขอโทษแต่มันปุบปับจริง ๆ เลยอยากวานแกช่วยแจ้งพี่นกให้หน่อยว่าฉันขอลาออก ฝากขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปลาด้วยตัวเอง”(เออ ๆ ฉันจะบอกให้ แต่ฉันยังไม่หายโกรธแกนะ ทำอย่างกับฉันไม่ใช่เพื่อนซะอย่างนั้น) มะเหมี่ยวเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงงอน ๆ นั่นเพราะทั้งสองคนสนิทกันมาก ไปไหนไปกัน ตัวติดกันแทบตลอดเวลา เจอเข้าอย่างนี้จึงทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกพอสมควร“ฉันขอโทษจริง ๆ แก แต่มันจำเป็นจริง ๆ เอ
เหมันต์ขับรถจิ๊บพาภรรยาและลูกชายเข้าไปในไร่ ที่นี่มีอาณาเขตกว้างขวาง เขาจึงสร้างถนนคอนกรีตเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อให้สามารถนำรถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น คนงานที่นี่อยู่กันอย่างเป็นครอบครัว และจงรักภักดีกับเหมันต์ยิ่งกว่าอะไร เพราะเขาให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน จัดหาสวัสดิการมาให้อย่างเพียงพอระหว่างนั่งรถเหมันต์ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในไร่ให้ภรรยาฟังอย่างละเอียด น้ำฟ้ารู้สึกเพลินตากับทัศนียภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากเป็นพิเศษ เธอเคยฝันว่าอยากมาใช้ชีวิตในไร่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว และตอนนี้ฝันของเธอก็ได้เป็นจริงแล้ว“พ่อเลี้ยงเก่งจังเลยนะคะ ดูแลที่นี่คนเดียวมาตลอด” เธอเอ่ยปากชม แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่สวนองุ่น ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ข้างทาง คนงานที่กำลังพรวนดินใส่ปุ๋ยอยู่ ต่างก็โบกมือทักทายผู้เป็นเจ้าของไร่พร้อมกับรอยยิ้ม“ตอนแรกก็ยังไม่เก่งหรอก แต่พอทำไปได้สักระยะประสบการณ์มันจะสอนให้เราเก่งขึ้นเองยังไงล่ะ” เขาตอบคำถามได้อย่างถ่อมตัวที่สุด“ถ้าอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกนะคะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียนมาสูงแต่ถ้าได้ทำจริง ๆ ฉันก็พร้อมที่จะเรียน
หลังจากพาภรรยาสาวชาวกรุงไปแนะนำให้คนงานในไร่ได้รู้จักแล้ว ในช่วงเย็นของวันเดียวกันเหมันต์ก็ได้เอ่ยปากชวนฉัตรชัยมาทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน ในขณะที่น้ำฟ้าไปเป็นลูกมือช่วยป้าบัวทำกับข้าวในครัว เหมันต์ก็ปล่อยให้แขกนั่งรออยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพัง ส่วนเจ้าตัวแอบย่องขึ้นมาบนห้องนอน เพื่อค้นหาของสำคัญอะไรบางอย่าง ที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเธอคือภรรยาตัวปลอมเหมันต์พยายามค้นหากระเป๋าสตางค์ของน้ำฟ้าในตู้เสื้อผ้า เมื่อเจอแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะรีบเปิดมันออกมาดู เขาอยากจะรู้ความจริงว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หน้าตาเหมือนน้ำค้างเจ้าสาวตัวจริงของเขาราวกับคนเดียวกัน“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร”เหมันต์หยิบบัตรประชาชนของน้ำฟ้าออกมาจากกระเป๋าสตางค์สีชมพูพาสเทล ก่อนจะตั้งใจกวาดสายตาอ่านชื่อที่ปรากฏบนบัตรออกเสียง“นางสาวธารา ภัทรกุล”เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเหมันต์ก็มั่นใจ ว่าสองคนนี้ต้องเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแน่นอน เพราะเขาจำทั้งชื่อและนามสกุลของน้ำค้างได้ดี แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจในตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าน้ำค้างตัวจริงไปอยู่ไหน ทำไมถึงได้ให้เธอคนนี้เข้ามาสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนในวันนั้น
“ดีแล้วครับ ยังไงผมก็ฝากด้วยนะ ของที่พวกมันขโมยไปมีแต่ผลผลิตเกรดเอทั้งนั้นเลย ผมว่าพวกมันคงจะมีความรู้เรื่องการเกษตรพอสมควร”“ครับพ่อเลี้ยงผมจะพยายามสั่งให้คนงานเพิ่มความระมัดระวังขึ้น”“ยังไงก็อย่าหักโหมมากล่ะ ความปลอดภัยของคนงานต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หากเจอพวกมันคุณช่วยรายงานผมทันทีด้วยนะ ผมจะไปจัดการมันด้วยตัวเอง”“ครับพ่อเลี้ยง”“ขอบใจมากที่ช่วยงานผมเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี”ฉัตรชัยทำงานที่ไร่แห่งนี้มาเกือบจะห้าปีแล้ว นั่นทำให้เหมันต์ไว้ใจลูกน้องคนนี้มาก เขาไม่เคยทำให้เหมันต์ต้องผิดหวังเลยสักครั้ง สามารถจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดี เทียบเท่าผู้เป็นเจ้าของไร่เสียด้วยซ้ำ ทำให้คนงานต่างก็รักและให้ความเคารพผู้จัดการคนนี้ไม่ต่างจากเหมันต์เลยการรับประทานอาหารมื้อเย็นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ฉัตรชัยกลับไปยังบ้านพักในไร่ ส่วนน้ำฟ้าพาคิมหันต์ขึ้นไปอาบน้ำและเข้านอน เธออ่านนิยายให้เจ้าตัวเล็กฟังจนหลับไป ก่อนจะห่มผ้าให้ ปิดไฟแล้วเดินออกมาจากห้องมือเรียวเอื้อมไปหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็พบว่าผู้เป็นสามีได้นอนหลับอยู่บนเตียง โดยสวมใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น เห็นอย่างนั้นน้ำฟ้าก็ยิ้ม
วันนี้เหมันต์เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้าตรู่และอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน ส่วนน้ำฟ้าก็อยู่ดูแลคิมหันต์ที่บ้าน เป็นเพื่อนเล่นเหมือนเช่นทุกวัน ใจจริงเธอเองก็อยากจะเข้าไปช่วยงานในไร่บ้าง แต่ทว่าเหมันต์ยังไม่อนุญาตโดยให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เธอจึงได้แต่นั่งรออยู่ที่บ้านพร้อมกับไอ้ตัวเล็ก ที่กำลังวิ่งเล่นซุกซนอยู่ตรงหน้านี้“น้องคิมอยากไปหาคุณพ่อในไร่ไหมครับ”“อยากไปสิครับ” คิมหันต์รีบวิ่งแจ้นเข้ามาหา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปหาคุณพ่อในไร่กันนะครับ”“เย้!” คิมหันต์กระโดดโลดเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้เข้าไปในไร่“ก่อนอื่นเราต้องเข้าไปในครัวก่อน แม่จะทำกับข้าวเที่ยงไปส่งคุณพ่อ เราจะได้ไม่โดนดุไงล่ะครับ” แต่ในใจน้ำฟ้ากลับคิดว่าคงไม่วายที่เหมันต์จะดุให้ แต่การเอาข้าวเที่ยงไปส่งมันน่าจะพอทุเลาลงได้บ้างเท่านั้นเอง“ครับผม”“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะครับ”น้ำฟ้าเดินจูงมือลูกเลี้ยงเข้าไปในครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเข้ามาในห้องครัวแล้ว ก็พบว่าป้าบัวคลี่กำลังงุ่นอยู่กับการเตรียมของ สำหรับทำมื้อเที่ยงอยู่กับคำปอง น้ำฟ้าจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ทว่าเมื่อคำปองเห็นเธอกลับมองด้วยหางตาอย่างขัดใจ“ป
“อา!! แม่งโคตรเสียว ตอดอย่างนี้ไม่รักได้ไงล่ะครับ” เหมันต์เอ่ยกับเจ้าหล่อนพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยอย่างหื่นกระหาย“แรงๆ ได้ไหมคะฉันไม่ไหวแล้ว”“ได้เลยครับที่รัก”เหมันต์ไม่รอช้าเริ่มเร่งจังหวะกระเด้า กระแทกดุ้นใหญ่หัวบานเข้าไปในร่องสวาทไม่ยั้ง ห่างเรื่องอย่างว่าไปนานเขาไม่นึกเลยว่าน้ำฟ้าจะมีความกล้ามากขึ้นอย่างนี้ นั่นทำให้เขายิ่งพอใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีกปับ! ปับ! ปับ!“อ๊ะๆ ๆ ๆ”แรงกระแทกทำให้หน้าอกกลมโตกระเพื่อมไปตามจังหวะ เหมันต์จึงหยุดมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บีบคลึงไปด้วยกระเด้าไปด้วยอย่างสบายอารมณ์กลีบสวาทอวบอูมทั้งสองข้างเริ่มแดงช้ำ เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นอันฉ่ำแฉะเหนียวเป็นเส้น เจ้าหล่อนกระเด้งเอวรับจังหวะเด้าของเหมันต์ไปด้วยอย่างอัตโนมัติ“มะ...ไม่ไหวแล้วแม่งเอ้ย ซี๊ดดด” เหมันต์ทำหน้าเหยเกสูดปากเสียว บั้นท้ายยังคงกระเด้งเด้าไม่ยั้งจนคนที่อยู่ใต้ร่างแทบจะแหลกคาเตียง“พะ...พร้อมกันนะคะฉันก็ไม่ไหวแล้ว” น้ำฟ้าตอบรับสามีด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วเหมันต์ก็กอดตัวภรรยาเอาไว้แน่น พรมจูบไปตามซอกคอขาวอย่างหื่นกระหาย พร้อมทั้งเร่งจังหวะกระเด้าให้แรงและเร็วขึ้น
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างที่กรุงเทพเสร็จแล้วทั้งสามคนก็บินกลับเชียงรายทันที ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นหน้าแม่เลี้ยงของไร่อีกครั้ง เหมันต์รับสาวใช้คนใหม่มาแทนคำปองแล้ว เธอเป็นสาวเหนืออายุราวสี่สิบปี สามารถเข้ากับป้าบัวคลี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ความสุขของคนในบ้านหลังนี้ได้กลับคืนมาสมบูรณ์แบบอีกครั้งแล้ว“ป้าบัวครับทำไมคุณพ่อยังไม่มาอีก” คิมหันต์เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าเพราะนั่งรอผู้เป็นพ่อมานานหลายชั่วโมงแล้ว“อีกแปบนึงค่ะคุณหนูเดี๋ยวคุณพ่อก็มา”“คุณแม่จะกลับมาด้วยไหมครับ”“ป้ามั่นใจว่าคุณแม่ต้องกลับมาด้วยแน่นอนค่ะ”พูดยังไม่ทันขาดคำทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทุกคนจึงรีบวิ่งออกไปรอต้อนรับผู้มาใหม่ทันที“คณแม่กลับมาแล้วเย้!!!”“น้องคิมลูกแม่”เมื่อเห็นเด็กชายที่เธอรักราวกับลูกแท้ๆ น้ำฟ้าก็รีบวิ่งเข้ามากอดทันที เจ้าหล่อนหอมแก้มนุ่มๆ ทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง“น้องคิมคิดถึงคุณแม่ทุกวันเลยครับ”“แม่ก็คิดถึงหนูครับ ต่อไปนี้แม่จะไม่จากหนูไปไหนแล้วนะ”“เย้! น้องคิมดีใจที่สุดในโลกเลย”“อย่ามัวแต่ดีใจจนลืมไหว้เพื่อนแม่สิครับน้องคิม” เหมันต์เอ่ยกับลูกชาย“สวัสดีครับ”“สวัสดีค่
น้ำฟ้ากลับเข้ามาทำงานที่ภัตตาคารแห่งเดิม ส่วนเรื่องที่หลับที่นอนก็กลับมาพักอยู่กับมะเหมี่ยวเพื่อนรัก แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอกลับลืมของสำคัญบางอย่างไว้ที่เชียงราย นั่นคือหัวใจและทำให้การใช้ชีวิตที่กรุงเทพไม่ได้มีความสุขเหมือนแต่ก่อน เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงชายหนุ่มผู้เป็นที่รักยิ่งอยู่ทุกวันเวลา จนมะเหมี่ยวเองก็สังเกตเห็นและพยายามถามไถ่ เธอจึงยอมเล่าความจริงทุกอย่างให้เพื่อนฟัง อย่างน้อยการได้ระบายให้ใครสักคนฟังมันก็รู้สึกดีขึ้นมากอยู่ไม่น้อยเมื่อลงจากรถเมล์สายประจำแล้วสองสาวก็เดินตรงไปยังที่ทำงาน ซึ่งเดินไปตามถนนเส้นนี้อีกไม่ไกลนัก“เร็วๆ แกเดี๋ยวเข้างานสายกันพอดี” มะเหมี่ยวเอ่ยกับเพื่อนรักขณะเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างเร่งรีบ“ไม่สายหรอกน่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้แก” น้ำฟ้าบ่นให้เพื่อนขณะที่เจ้าหล่อนเดินเอ้อระเหอลอยชายอย่างไร้ชีวิตชีวา“ไม่รีบมีหวังนางยักษ์ขมูขีชี้หน้าด่าเราแน่” ที่พูดถึงนั่นคือหัวหน้าเชฟสาวใหญ่เจ้าระเบียบที่ใครๆ ต่างก็หวาดผวาเมื่อได้อยู่ใกล้“เออๆ รีบก็รีบวะ” น้ำฟ้าเอ่ยเสียงเอื่อยก่อนจะถูกเพื่อนดึงมือให้เดินตามไปเดินมาถึงหน้าภัตตาคารแล้วก็พบว่า มีชายหนุ่มหล่อสว
“ขอบคุณจ้ะป้า”เมื่อสาวใช้ทั้งสองเดินออกไปแล้ว ประจวบเหมาะว่าภูวดลก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี“อ้าว! นึกว่าขึ้นข้างบนกันหมดแล้วซะอีก” ภูวดลเลิกคิ้วมองทุกคนก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างคิมหันต์ พร้อมทั้งกอดคอเอาไว้“รอมึงนั่นล่ะไปไหนมาวะ”“กู...ไปเดินเล่นในสวนมา” จริงๆ แล้วเขาคุยสายกับน้ำฟ้าต่างหาก รายงานให้เธอรู้ว่าตอนนี้เหมันต์ปลอดภัยดีและกลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอจะได้สบายใจ“ยังมีอารมณ์สุนทรีย์อีกนะมึงอะ”“นิดหน่อยว่ะ” ภูวดลแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย“เอ่อ...เดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ คุยกันตามสบายค่ะ” น้ำค้างรู้สึกว่าทั้งสองคงอยากมีอะไรคุยกันเป็นการส่วนตัว“ไว้ค่อยคุยกันนะครับ” ภูวดลเอ่ยกับหญิงสาว“ค่ะ” น้ำค้างส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างภูวดล “น้องคิมขึ้นไปดูการ์ตูนข้างบนกันดีกว่าครับ”“ครับคุณแม่” คิมหันต์ตอบรับแล้วก็หันไปเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “น้องคิมขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับอาภู”“ครับผม” ภูวดลเอื้อมมือไปจับแก้มลูกชายเพื่อนอย่างเอ็นดูหลังจากทั้งสองคนเดินไปแล้วภูวดลก็หันไปสนใจเพื่อนต่อทันที เขาอยากให้เพื่อนถามไถ่เรื่องน้ำฟ้าซะเหลือเกิน แต่ทว่าเหมันต์กลับนิ่งเ
ปัง!“คุณฉัตรชัย!”ลูกตะกั่วพุ่งจากปลายกระบอกปืนของเหมันต์เข้าไปที่กลางหลังฉัตรชัย ก่อนที่เขาจะลั่นไกฆ่าลูกเมียตนเอง เหมันต์ไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเลยสักนิด หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่มีทางทำให้พ่อกับแม่ของฉัตรชัยต้องตายเด็ดขาด เพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกร แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจทำเพื่อให้เด็กในท้องคำปองได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกคำปองรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวฉัตรชัยขึ้นไว้บนตักตนเอง แม้ว่าเธอจะไม่ได้รักฉัตรชัยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเขาก็คือพ่อของลูก เธอเองก็อยากให้ลูกเกิดขึ้นมาแล้วมีพ่อเหมือนคนอื่น ๆ“คุณฉัตรชัย ฮือ ๆ”“ฉะ...ฉันขอโทษที่จะทำร้ายเธอ” ฉัตรชัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับลมหายใจใกล้จะหมดลงในอีกไม่ช้า“ฉันอภัยให้คุณทุกอย่าง ฮือๆ อย่าเป็นอะไรไปนะคะคุณต้องอยู่เพื่อลูกของเรา”เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉัตรชัยก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าตนเองยังมีลูกชายไว้สืบสกุลก่อนจะตายไปจากโลกใบนี้“ลูก...ฉันกำลังจะมีลูก เฮือก!”“ใช่ค่ะเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน คุณต้องไม่เป็นไรนะ”“ดูแลลูกแทนฉันด้วยนะ อย่าให้ลูกรู้ว่ามีพ่อเลวๆ อย่างฉัน”“คุณคือพ่อของลูกฉันนะ คุณฉัตรชัย ฮือๆ ๆ” คำ
ทุกคนถูกนำตัวมานั่งรวมกันที่หน้าบ้าน ฉัตรชัยรอให้เหมันต์กลับมาที่นี่ หลังจากนั้นเขาจะจัดการฆ่าทุกคนให้ตายอย่างทรมาน“คุณแม่ครับน้องคิมกลัวฮือๆ ๆ”“ไม่ต้องกลัวนะลูกเดี๋ยวคุณพ่อก็มาช่วยเราแล้ว” น้ำฟ้ากอดปลอบใจคิมหันต์“ใช่! เดี๋ยวพ่อมึงก็จะมาช่วย กูจะได้จัดการพวกมึงไปพร้อมๆ กันยังไงล่ะฮ่าๆ ๆ” ฉัตรชัยเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงตัวคิมหันต์ออกจากอ้อมกอดของน้ำฟ้า“ไม่เอาน้องคิมไม่ไปด้วย น้องคิมเกลียดคนใจร้ายฮือๆ ๆ”“ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้สารเลว”“ปล่อยแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้โว้ย!”“คุณแม่ช่วยน้องคิมด้วยฮือๆ ๆ” ตอนนี้ฉัตรชัยล็อกตัวคิมหันต์เอาไว้ ก่อนจะยิงปืนขึ้นบนฟ้าหนึ่งนัดเพื่อประกาศชัยชนะที่มีต่อเหมันต์“คุณฉัตรชัยปล่อยคุณหนูเถอะนะคะ” คำปองเอ่ยขอร้องด้วยน้ำตา“หุบปาก! เธอไม่มีสิทธิ์มาขอร้องอะไรทั้งนั้น สิทธิ์ของเธอหมดตั้งแต่ไม่ไปตามนัดฉันแล้ว” ฉัตรชัยหันมาตวาดใส่หน้าทันที คำปองกำลังจะเอ่ยปากบอกความจริงว่าเธอกำลังท้อง แต่ทว่าเหมันต์กลับเข้ามาถึงเสียก่อน“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้” เหมันต์เดินเข้ามาเพียงลำพัง ส่วนภูวดลและลูกน้องแอบซุ่มอยู่บริเวณรอบบ้านไม่ให้คนของฉัตรชัยเห็น เพื่อรอเข้าโจมตีเมื่อถึงเ
เมื่อขับรถเข้ามาภายในไร่ก็พบว่าทุกอย่างกำลังอยู่ในความโกลาหล มองไปทางไหนมีแต่กลุ่มควันไฟกำลังแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ ไม่เว้นแม้กระทั่งโซนที่พักอาศัยก็ยังโดนลอบวางเพลิง คนงานต่างกำลังขนของออกจากห้องพักหนีตายกันจ้าละหวั่น นั่นทำให้พวกเขาไม่ได้มีความสนใจเรื่องอื่นๆ เลยสักนิด“แม่งเอ๊ย! มันเล่นกูทุกที่เลยว่ะ” เหมันต์สบถออกมาเสียงดัง ขณะยืนมองทุกอย่างกำลังพังทลายลงไปในพริบตา“ใจเย็นๆ มึง ตามหาตัวไอ้ฉัตรชัยกันก่อนเถอะ กำจัดตัวต้นเหตุให้ได้ก่อน”ในขณะนั้นแคนก็รีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนในสภาพตัวเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากไฟไหม้“พ่อเลี้ยงครับ!”“อ้าว! แคนเอ็งเป็นไงบ้างวะ”“ผมเพิ่งเข้ามาขนของในห้องเสร็จครับ เลยรีบมาหาพ่อเลี้ยงเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วย”“เอ็งไปช่วยคนอื่นๆ ก่อนละกัน ของที่เสียหายก็ไม่ต้องไปสนเอาชีวิตคนให้รอดก่อน ส่วนเรื่องไฟไหม้ข้าโทรขอความช่วยเหลือจากกู้ภัยของจังหวัดแล้วคงใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ครับพ่อเลี้ยง ถ้างั้นผมไปช่วยทางโน้นก่อนนะครับ”“ฝากด้วยนะคนที่ข้าพอจะไว้ใจได้ก็มีเอ็งคนเดียวเท่านั้นล่ะ”“ครับพ่อเลี้ยง”หลังจากแคนเดินไปแล้วทั้งสองก็กำลังจะขึ้นรถไปสำรวจรอบๆ ไร่อีกครั้ง เพื่
หลังจากคุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักแล้ว เหมันต์ก็ขึ้นไปเอาปืนในห้องนอน นั่นทำให้น้ำค้างที่กำลังจะหลับต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากแสงไฟที่สว่างจ้าขึ้นในห้อง“พ่อเลี้ยง” เจ้าหล่อนงัวเงียลุกขึ้นนั่งบนเตียง จ้องมองเหมันต์ที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่างในตู้อย่างเร่งรีบ“ไปนอนเป็นเพื่อนน้องคิมในห้องก่อนเร็ว ล็อกประตูเอาไว้อย่าออกมานอกห้องเด็ดขาด”“เกิดอะไรขึ้นคะ”“ไม่ต้องถามรีบทำตามที่ฉันบอกเร็ว”“ค่ะๆ”เหมันต์ยังไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้เธอฟัง เพราะตอนนี้เขาต้องทำเวลาก่อนที่ฉัตรชัยจะเริ่มต้นทำสงครามในอีกไม่ช้านี้น้ำค้างรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้อง ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนของคิมหันต์ ล็อกประตูเอาไว้ แล้วเดินไปที่หน้าต่างทันที“ไฟไหม้! เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นกลุ่มควันไฟลอยคลุ้งไปทั่วท้องฟ้าตรงบริเวณกลางไร่ เจ้าหล่อนได้แต่ยืนมองอย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องตามคำสั่งของเหมันต์เมื่อเหมันต์เดินลงมาด้านล่างแล้วเพื่อนรักก็มาถึงพอดี“ไอ้เหมมันเล่นมึงแล้วว่ะ ไฟเริ่มลามไปทั่วไร่แล้ว” ภูวดลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกกับเพื่อนป้าบัวคลี่และคำปองยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน“กูกำลังจะออกไป
กลับมาถึงบ้านแล้วคำปองก็รีบเข้าไปในห้องนอน เก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋าเดินทางอย่างรีบร้อน พลางคิดในใจว่าตนเองทำถูกแล้วใช่หรือไม่ที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ เธอจะปล่อยให้พ่อเลี้ยงเหมันต์ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ อย่างนั้นเหรอ คิดได้อย่างนั้นก็หยุดการกระทำดังกล่าวตั้งใจจะไปบอกให้เหมันต์ระวังตัว แต่พอนึกถึงสิ่งที่น้ำค้างพูดกับเธอก็ทำให้เจ้าหล่อนต้องเปลี่ยนใจอีกครั้ง“ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นที่หนึ่งคนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน” คำปองรีบเก็บของต่อจนเสร็จ และนั่งรอให้ถึงเวลาที่ได้นัดหมายกับฉัตรชัยเอาไว้เหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบนาทีก็จะถึงสามทุ่มตรง เจ้าหล่อนจึงถือกระเป๋าเดินทางย่องออกจากห้อง ตอนนี้ภายในบ้านมืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ ทำให้ทุกอย่างดูเป็นใจไปเสียหมด“ถ้าไม่ตายคงได้พบกันใหม่นะป้า” เธอหันไปมองที่ห้องนอนป้าบัวคลี่ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วรีบเดินออกจากบ้านไปแต่ทว่าเดินออกมายังไม่พ้นประตูบ้านไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้นเสียก่อน ทำให้คำปองถึงกับหยุดชะงักมองไปรอบตัวด้วยความตื่นตกใจ“มึงจะหนีไปไหนอีคำปอง!” ป้าบัวคลี่ยืนเท้าสะเอวจ้องมองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ข้างกันนั้นก็เป็นเหมันต์นั่นเอง“ปะ...ป้า! พ่อเลี