หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่วันที่โรสรินแต่งงานจนถึงวันนี้เธอก็ยังไม่เห็นแม่เลี้ยงมาหาเธอเลยสักครั้ง ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยที่ไม่โทรไม่ถามอะไรเธอเลย บางทีเธอก็อดสงสัยไม่ได้หรือความจริงแล้วแม่เลี้ยงของเธอจะหอบเงินสินสอดหนีไปแล้ว
โรสรินได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของฟาร์ริกซ์ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนที่บ้านต่างต้อนรับและดูแลเธอเป็นอย่างดี จากชีวิตที่เคยเงียบเหงาก็เริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง เพราะมีเฟญ่าและฟินนิคซ์คอยพูดคุยและถามไถ่เธออยู่ตลอด
ต่างจากฟาร์ริกซ์ที่เป็นสามีของเธอ ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เคยชมและไม่เคยเห็นค่าในสิ่งที่เธอตั้งใจทำให้เขาด้วยซ้ำ ต่อหน้าคนอื่นก็แกล้งทำดีกับเธอ แต่พอลับหลังกลับพูดจาประชดเธอไม่หยุด
“คิดเหรอว่าที่คนอื่นทำดีด้วยแล้วเขาจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอจริงๆ”
ฟาร์ริกซ์พูดขึ้นมาในขณะที่อยู่กับโรสรินสองต่อสองและเธอก็กำลังเตรียมตักอาหารมาให้เขา ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านโรสรินก็ทำตัวเป็นคนดี อาสาที่จะทำอาหารและทำงานบ้านให้ทุกอย่าง
“หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมาและเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าที่เขาพูดออกมานั้นเขาต้องการอะไรจากเธอ
“ทำไมเธอถึงต้องทำตัววุ่นวายด้วย ก็บอกแล้วไงว่าต่างคนต่างอยู่”
ประโยคที่ฟาร์ริกซ์พูดออกมาทำเอาโรสรินนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอกำลังทำอะไรไม่ถูกใจเขาอยู่หรือเปล่า เขาถึงได้พูดออกมาแบบนี้ แต่ไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน จะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเขาเลยสักครั้ง
“ก็โรสไม่มีอะไรทำหนิคะ”
“ถ้าว่างมากก็เข้าไปทำงานที่บริษัทพ่อเธอสิ” ฟาร์ริกซ์ประชดขึ้นมาเพราะช่วงนี้นอกจากเขาจะทำงานที่บริษัทของตัวเองแล้วเขายังต้องไปช่วยดูแลและจัดการเรื่องปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทของพ่อเธอด้วย
“โรสไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ”
หญิงสาวพูดออกมาเสียงเบา โรสรินพึ่งจะเรียนจบมา แต่เธอก็ไม่ได้เรียนในคณะที่เกี่ยวกับการดูแลและบริหารบริษัท ถ้าหากย้อนเวลาได้โรสรินจะเลือกเรียนคณะบริหาร จะได้มีความรู้มาช่วยทำงานที่บริษัทได้
“ถ้าไม่เก่งก็หัดอยู่เฉยๆ เจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง”
ฟาร์ริกซ์ไม่พอใจที่โรสรินทำตัวดีและวุ่นวายกับเขามากเกินไป ทั้งๆ ที่เขาบอกเธอให้เขาใจทุกอย่างแล้วแต่เธอกลับไม่ฟังและไม่ทำตามที่เขาบอก เขาแค่ต้องการให้เธออยู่เงียบๆ ไม่ต้องมาวุ่นวายและพูดคุยกับใครภายในบ้าน เพียงแค่เห็นหน้าเธอเขาก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ โรสขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ฟาร์ไม่พอใจ” โรสรินก้มหน้าขอโทษชายหนุ่มเสียงเบา บางทีเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำอะไรไปก็ไม่เคยถูกใจเขาสักอย่าง
“รู้ตัวเองก็ดีแล้ว หัดอยู่เงียบๆ บ้าง”
“ค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับหรือว่าเธอจะทำตัววุ่นวายตามที่เขาบอกจริงๆ
“พูดให้มันดีๆ หน่อย” ฟินนิคซ์ที่เดินเข้ามาได้ยินจึงรีบเตือนสติน้องชาย
ฟินนิคซ์เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน เป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่ลึกๆ เขาเป็นคนใจดีมาก ทำงานเก่งมาตั้งแต่เด็ก เมื่อคุณพ่อกับคุณแม่เสียเขาก็ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยังน้อยและทำให้บริษัทเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น แถมยังสร้างผลงานและชื่อเสียงให้บริษัทจนทำให้หุ้นส่วนคนอื่นๆ พอใจและยอมรับเขาในตำแหน่งผู้บริหารมาจนถึงทุกวันนี้
“ยุ่งอะไรด้วย”
ส่วนฟาร์ริกซ์จะมีความแตกต่างจากพี่ชาย เพราะด้วยอายุยังน้อยและมีความเอาแต่ใจสูง เป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าชอบอะไรแล้วจะชอบมาก แต่ถ้าได้เกลียดทุกอย่างก็คือจบ ข้อเสียคือเป็นคนพูดตรง ตรงจนไม่รู้จักรักษาและไม่สนใจความรู้สึกใคร
“หัดให้เกียรติคนอื่นบ้าง”
“ทำไมต้องให้เกียรติด้วย”
“ก็เพราะว่าตอนนี้โรสรินเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของแกไง”
“คุยอะไรกันอยู่คะ ทำไมทำหน้าซีเรียสเชียว”
เฟญ่าน้องสาวคนสุดท้องเดินเข้ามาเห็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดจึงรีบถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้เธอจะเห็นภาพแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่อยากเห็นพี่ชายที่เธอรักมากทั้งสองคนมาทำหน้าเคร่งเครียดใส่กันไปตลอดหรอกนะ
“ไม่มีอะไรหรอก” ฟาร์ริกซ์รีบปฏิเสธ ก่อนจะก้มหน้ากินอาหารเช้าก่อนที่จะออกไปทำงาน
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้ล่ะ” ฟินนิคซ์เปลี่ยนเรื่องทันที เพราะไม่อยากให้เฟญ่ารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ด้วยสักเท่าไหร่
“เฟย์มีเรียนเช้าค่ะ” เฟญ่ารีบตอบก่อนจะนั่งลงข้างพี่ชาย
โรสรินรีบยกอาหารเช้ามาให้ฟินนิคซ์กับเฟญ่าทันที เพราะทุกคนที่นี่ดีกับเธอมาก เธอก็เลยอยากจะทำสิ่งดีๆ ตอบแทนบ้าง
“ขอบคุณค่ะพี่โรส” เฟญ่าขอบคุณพี่สะใภ้พร้อมรอยยิ้ม และเธอก็ยังชอบรสชาติอาหารที่โรสรินทำด้วย
เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มปกติหลังจากที่เฟญ่าเดินเข้ามา เรียกได้ว่าพี่ชายทั้งสองรักและเป็นห่วงความรู้สึกของน้องสาวมาก จนไม่อยากให้มารับรู้เรื่องราวไร้สาระแบบนี้ด้วย
เรียกได้ว่าฟินนิคซ์กับฟาร์ริกซ์นั้นตามใจน้องสาวทุกเรื่อง ยกเว้นก็แต่เรื่องความรักที่เฟญ่านั้นแอบรักเจย์เดนเพื่อนสนิทของฟาร์ริกซ์ ซึ่งเจย์เดนเป็นคนที่เจ้าชู้และเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ซึ่งไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากหน้าตากับฐานะ จนพี่ชายต้องห้ามเอาไว้เพราะเป็นห่วงความรู้สึกและกลัวว่าสักวันเฟญ่าจะต้องมาร้องไห้เสียใจเสียน้ำตาให้กับเจย์เดน
“พี่ฟาร์จะไปไหนคะ” เฟญ่ารีบถามขึ้นมาเมื่อเห็นฟาร์ริกซ์ลุกขึ้นยืน
“ไปทำงาน” พูดจบฟาร์ริกซ์ก็เดินออกไปทันที
“อย่าไปถือสามันเลยนะ” ฟินนิคซ์หันไปบอกโรสรินที่เอาแต่ยืนนิ่งมองตามหลังสามี
“พี่โรสนี่ตรงสเปกพี่ฟาร์ทุกอย่างเลยนะคะ” เฟญ่าพูดขึ้นมาเพราะเธอเป็นน้องสาวที่รู้ใจพี่ชายมากที่สุด
“พูดไปเรื่อย” ฟินนิคซ์พูดแทรกขึ้นมาเพราะคิดว่าน้องสาวขี้โม้ ชอบพูดมั่วไปเรื่อย
“เฟย์พูดจริงๆ ค่ะ” เฟญ่ายังคงยืนยันคำพูดของตัวเอง
“ตลกเหมือนกันนะคะที่ต้องแต่งงานเพราะเงิน” โรสรินพูดเสียงเศร้าและระอายใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ
“ไม่มีใครคิดแบบนี้หรอกค่ะ ที่ต้องแต่งงานเพราะคำสัญญาของคุณพ่อต่างหาก พี่โรสอย่าคิดมากเลยนะคะ”
เฟญ่ารีบให้กำลังใจพี่สะใภ้ ถึงเธอจะยังเด็กแต่เธอก็พอจะดูออกว่าที่โรสรินทำก็เพราะรักและอยากดูแลพี่ชายเธอจริงๆ ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่มาก็เพราะว่าหวังเงินกับเรื่องบนเตียงจากพี่ชายของเธอเท่านั้น
“นั่นสิ อย่าไปคิดมากเลย” ฟินนิคซ์รู้สึกสงสารและเห็นใจโรสริน เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะหวังเงินอย่างที่ฟาร์ริกซ์คิด
“โรสโอเคค่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จะได้หย่ากันแล้ว”
“เฟย์ว่านะ พอถึงวันนั้นพี่ฟาร์อาจจะเปลี่ยนใจไม่หย่าแล้วก็ได้ค่ะ” เฟญ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางมั่นใจ
“มั่นใจอะไรขนาดนั้น” ฟินนิคซ์กลัวว่าเฟญ่าจะพูดมั่ว ซึ่งจะเป็นการให้ความหวังโรสรินเกินไป
“พี่ฟินน์คอยดูได้เลยค่ะ อีกไม่นานพี่ฟาร์ก็ใจอ่อน”
“มั่วไปเรื่อยอะเรา”
“เฟย์ไม่ได้มั่วค่ะ พี่โรสสวยขนาดนี้แถมยังดูแลพี่ฟาร์ดีทุกอย่าง แล้วต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกันอีก เจอกันทุกวัน ทำดีไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพี่ฟาร์ก็เปลี่ยนใจค่ะ สู้ๆ นะคะพี่โรสเฟย์เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
ฟินนิคซ์กับเฟญ่าต่างเห็นใจและพูดให้กำลังใจโรสรินอยู่ตลอด โดยเฉพาะเฟญ่าที่ดูจะอยากได้โรสรินมาเป็นพี่สะใภ้จริงๆ และเธอก็พร้อมที่จะช่วยให้พี่ชายเปลี่ยนใจมารักโรสรินจริงๆ ให้ได้
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ฝากกดหัวใจ กดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือและกดคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
**สามารถอ่านเรื่องของฟินนิคซ์ได้ในเรื่อง
ลวงรักพี่เลี้ยง(จำเป็น) นะคะ**
เมื่อทุกคนออกจากบ้านไปกันหมดโรสรินก็รู้สึกเหงาแปลกๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยู่คุยเป็นเพื่อน จะมีก็แต่แม่บ้านซึ่งบางคนก็มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ จนเธอต้องหลบสายตาไม่กล้าที่จะพูดอะไรด้วย“จะทำอะไรคะ” เสียงแม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่นัก“โรสว่าจะซักเสื้อผ้าให้พี่ฟาร์ค่ะ”หญิงสาวหน้าตาใสซื่อตอบแม่บ้านพร้อมรอยยิ้ม เธอมาอยู่บ้านเขาแล้วจะให้เธออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้ เธอต้องหาอะไรทำบ้างจะได้ไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไป“ซักเป็นเหรอคะ” แม่บ้านเบ้ปากถามเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ดูท่าเป็นคุณหนูแบบนี้จะทำงานบ้านเป็น“ซักเป็นค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่ก็ตามโรสรินถือตะกร้าผ้าไปยังหลังบ้านที่เป็นมุมซักเสื้อผ้าทันที โดยที่มีแม่บ้านคอยยืนมองอยู่ไม่ห่าง คงจะกลัวว่าเธอจะทำอะไรไม่เป็น แต่เรื่องงานบ้านเป็นอะไรที่เธอถนัดมาก เพราะตั้งแต่เสียคุณพ่อไปที่บ้านก็ไม่มีเงินจ้างแม่บ้าน เธอจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างเองกับมือ รวมถึงซักเสื้อผ้าให้แม่เลี้ยงด้วยงานบ้านเป็นอะไรที่ทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา อย่างน้อยก็ไม่อาศัยบ้า
หนึ่งเดือนต่อมาโรสรินเริ่มที่จะปรับตัวเข้ากับทุกคนในบ้านได้ ไม่ว่าเธอจะทำงานบ้านอะไรก็จะมีแม่บ้านมาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดความตั้งใจของโรสรินเริ่มส่งผลในทางที่ดีมากขึ้น จากช่วงแรกๆ ที่เธอทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด แต่ตอนนี้ฟาร์ริกซ์ก็เริ่มชินกับการกระทำของเธอไปแล้ว“อาหารเช้าวันนี้ค่ะ” โรสรินยกถ้วยข้าวต้มวางลงตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวไปหมด โรสรินก็แบ่งเวลาทำอาหารเช้าและอาหารเย็นช่วยแม่บ้านได้เป็นอย่างดี บอกแล้วว่าอะไรที่ทำเพื่อฟาร์ริกซ์เธอก็พร้อมที่จะทำ“ระวังร้อนนะคะโรสพึ่งทำเสร็จ” หญิงสาวบอกด้วยความเป็นห่วงและหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มจะรีบทานรีบออกไปทำงานเหมือนทุกวัน“ขอบใจ” ถึงจะเป็นคำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้บอกเธอร่างบางนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม มือบางกำชายกระโปรงจนยับยู่ยี่ไปหมด เพราะมีสิ่งที่เธออยากรู้แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถาม“มีอะไร” ฟาร์ริกซ์สังเกตเห็นท่าทางที่ปกติของอีกฝ่ายจึงถามและมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ“เอ่อ… โรสขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” เมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสโรสรินจึงตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่เธออยากรู้ออกมาตามตร
ฟาร์ริกซ์นั่งทำงานอยู่ที่บริษัทจนดึกเพื่อรอเวลานัดกับเจย์เดน ซึ่งเขาชอบมากเวลาที่จะได้ไปผับของเพื่อนสนิทอย่างเจย์เดน นอกจากจะมีเครื่องดื่มรสชาติดีแล้วยังมีสาวๆ สวยๆ มาคอยบริการอยู่ตลอดตั้งแต่ฟาร์ริกซ์แต่งงานมา เขายังไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเลยสักครั้ง ซึ่งก็เป็นเวลานานเกือบเดือน วันนี้คงจะเป็นวันที่ทำให้เขามีความสุขมากแน่ๆครืด~ ครืด~ฟาร์ริกซ์ละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วมองไปยังโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาและกดรับสาย“ว่าไง” ชายหนุ่มทักทายคนในสายด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยและสนิทสนม(ทำอะไรอยู่วะ) ปลายสายถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“เคลียร์งานอยู่”(รีบมาได้แล้ววันนี้มีเด็กใหม่มา)“อืม”(รีบมาตอนนี้เลย!)ฟาร์ริกซ์กดวางสายพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้า ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องทำงาน..@JDผับรถยนต์คันหรูขับมาจอดยังลานจอดรถที่ประจำ โดยที่เมื่อก่อนฟาร์ริกซ์จะมาที่นี่แทบทุกวัน เพราะเป็นที่เอาไว้สำหรับผ่อนคลายและระบายความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ ถ้าหากได้มาที่นี่จะทำให้เขาอารมณ์ดีและมีความสุขมากขึ้นร่างสู
หลังจากที่ได้วางสายจากสามี โรสรินก็ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนชุดนอนออกแล้วหยิบชุดที่เธอคิดว่าสวยและดูดีที่สุดในตู้ออกมาใส่ทันที เธอไม่ได้ต้องการที่จะแต่งตัวดูดีและใส่ชุดสวยๆ ไปหาใคร แต่ที่เธอเปลี่ยนชุดก็เพราะว่าสถานที่ที่เธอจะไปนั้นคนเยอะ เธอจึงต้องแต่งตัวให้เหมาะสมและให้เข้ากับสถานที่สักหน่อยรถยนต์คันหรูค่อยๆ ขับออกจากบ้านหลังใหญ่ในเวลากลางดึก ซึ่งเรื่องการขับรถโรสรินก็พอจะขับเป็นอยู่บ้างเพราะเมื่อก่อนเธอก็มีรถยนต์ส่วนตัวที่คุณพ่อเคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่หลังจากที่คุณพ่อจากไปแม่เลี้ยงก็บังคับให้เธอขายรถเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่มีอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดถึงคุณพ่อโชคดีที่บ้านของฟาร์ริกซ์มีรถยนต์หลายคัน ซึ่งทุกคนก็บอกเธอแล้วว่าสามารถใช้ได้ทุกคัน แต่เธอก็เกรงใจไม่เคยขับออกไปไหนเลยสักครั้ง แต่วันนี้มีเรื่องจำเป็นจริงๆ“จะมีที่จอดรถหรือเปล่าเนี่ย”หญิงสาวครุ่นคิดด้วยท่าทางคิดหนักกลัวว่าจะไม่มีที่จอดรถ แต่ก็ยังถือว่าโชคเข้าข้างเมื่อมีคนขับรถออกไป ทำให้เธอมีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าผับพอดีไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอด“ผับใหญ่ขนาดนี้จะหาเจอได้ยังไงนะ”โรสรินลงจากรถพร้อมกับมองสำรวจอยู่ด้านหน้าผับด้วยท่าทางล
บรรยากาศบนรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเมื่อฟาร์ริกซ์แกล้งหลับมาตลอดทาง ส่วนโรสรินก็ตั้งใจขับรถเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัยใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของบ้านหลังใหญ่ ความเงียบในเวลากลางดึกทำให้คนกลัวผีอย่างโรสรินทำตัวไม่ถูก“ถึงบ้านแล้วค่ะ” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ“พี่ฟาร์… ถึงบ้านแล้วค่ะ” โรสรินหันไปพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงหลับอยู่เหมือนเดิมและไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด“พี่ฟาร์” ร่างบางยังคงเรียกชายหนุ่มอีกครั้ง“มีอะไร” ชายหนุ่มถามขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวน แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะแกล้งหลับต่อเพื่อที่จะรอดูว่าเธอจะทำยังไงต่อไป“ถึงบ้านแล้วค่ะ” โรสรินบอกพร้อมกับจ้องมองหน้าชายหนุ่ม“ถึงแล้วก็รีบมาพาฉันเข้าบ้านสิ!” ฟาร์ริกซ์ทำเป็นงัวเงียลืมตาขึ้นมามองสำรวจบรรยากาศด้านนอกราวกับคนที่พึ่งตื่นนอนจริงๆเรื่องการแสดงแบบนี้คงต้องไว้ใจฟาร์ริกซ์ ไม่ว่าจะแกล้งนอนหลับหรือแกล้งเมา เขาก็แสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่าทำสมบทบาทและตีบทแตกสุดๆ“ค่ะ” โรสรินพยักหน้ารับ ถึงจะสงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไร เพรา
โรสรินมองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับสบายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปี่ยมไปด้วยความรัก ความรักบริสุทธิ์ ความรักที่เธอมอบให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ความรักที่เธอไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน ซึ่งเธอก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตที่ทำให้เธอกับเขาได้แต่งงานและได้ใช้ชีวิตร่วมกันเธอยินดีที่จะดูแลและทำทุกอย่างเพื่อให้ชายหนุ่มมีความสุข อะไรที่ทำให้ดีเธอก็พร้อมที่จะทำให้เขา เพื่อเป็นการตอบแทน“เดี๋ยวโรสใส่เสื้อตัวใหม่ให้นะคะพี่ฟาร์จะได้นอนสบาย”โรสรินยิ้มกว้างในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบเสื้อตัวใหม่ ชายหนุ่มใช้โอกาสในจังหวะที่เธอเผลอลุกขึ้นมาคล่อมเธอเอาไว้พรึบ!0.0“พี่ฟาร์จะทำอะไรคะ!” ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม ซึ่งสายตาที่เขาจ้องมองเธอนั้นเป็นสายตาที่น่ากลัวและเธอก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนชายหนุ่มยังคงเงียบไม่ตอบไม่พูดอะไร ทว่าใบหน้าหล่อกลับซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว ตอนแรกฟาร์ริกซ์ตั้งใจจะแกล้งโรสรินเล่นๆ แต่พอได้สูดดมกลิ่นหอมจากตัวเธอแล้วเขากลับทำตัวไม่ถูก ความอดทนในร่างกายก็เริ่มลดน้อยลงทุกที“พี่ฟาร์!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเผื่อว่าจะเรียกสต
แพร๊บ! แพร๊บ!ลิ้นร้อนเลียวนที่จุดอ่อนไหวอย่างเร่าร้อนและถึงใจทำเอาร่างบางดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเรื่องบนเตียงจะทำให้เธอรู้สึกเสียวได้มากขนาดนี้“อะ! อ๊ะ!” ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความเสียวที่เพิ่มมากขึ้นโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าความเสียวนี้จะจบลงที่ตรงไหน“อ่าส์!” ความหอมหวานจากกายสาวทำเอาฟาร์ริกซ์ร้อนลุ่มไปทั้งตัว แก่นกายใหญ่ก็ปวดหนึบจนเขาต้องใช้มือกุมเอาไว้พร้อมกับบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ“สวยมาก!” สายตาหยาดเยิ้มมองสำรวจร่างสวยด้วยความหลงใหลอีกครั้ง แต่ทว่าจะมองอีกกี่ครั้งเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ยิ่งมองก็ยิ่งถูกใจฟาร์ริกซ์มองสำรวจใบหน้าสวยที่นอนหลับตาพริ้มก่อนจะมองต่ำลงไปที่หน้าอกอวบอิ่มจุกสีชมพูสวยงามน่าหลงใหล เอวบางร่างเล็กและผิวพรรณที่ขาวสะอาดชวนมองสายตาคมจับจ้องเนินเนื้อสาวอย่างหลงใหลอีกครั้ง กลีบอวบอูมที่ปิดสนิททำให้คนที่ขาดเซ็กซ์นานรู้สึกตื่นเต้นจนไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไปดี“โรสหนาวค่ะ” โรสรินบอกเสียงอ้อนเมื่อร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ เครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ก่อนหน้าทำให้เธอหนาวเย็นขึ้นมา“อืม…”ทว่าน้ำเสียงและท่าทางออดอ้อนของหญิงสาว
เช้าวันต่อมาโรสรินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกที่ปวดเมื่อยและร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย แค่ขยับตัวเพียงนิดหน่อยร่างกายก็แทบจะหลุดออกจากกันหญิงสาวมองชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ข้างๆ พร้อมรอยยิ้ม เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกับเรื่องราวดีๆ ที่เธอวาดฝันเอาไว้มานาน แต่พอทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ เธอถึงกับทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียวในที่สุดเธอก็ได้เป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์และถูกต้องเหมือนกับสามีภรรยาคู่อื่นๆ ที่เขาเป็นกันสายตาเฉี่ยวคมมองไปดูนาฬิกาติดผนังทำให้เธอต้องรีบตั้งสติและลุกขึ้นไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกับทุกวันทันที ร่างบางพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้รบกวนเวลานอนของชายหนุ่มโรสรินพาร่างกายอันบอบช้ำเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาเตรียมเสื้อผ้าชุดทำงานให้ชายหนุ่ม ตามด้วยการเตรียมอาหารเช้า ซึ่งเธอจะทำแบบนี้ทุกวันเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของภรรยา ที่ต้องเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้สามีส่วนอาหารเช้าวันนี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเพราะเป็นเมนูง่ายๆ ที่มีไข่ดาว ขนมปังและไส้กรอก แต่ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไรโรสรินก็ทำได้หมดทุกอย่าง“แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอคะ” หญิงสาวทักทายชายหนุ่มขึ้นมาเมื่อบรรย
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี
หลังจากที่โรสรินกลับมาอยู่ภูเก็ตเธอก็พยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอรู้สึกรักและผูกพันธ์กับคนที่นี่มาก พอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาว บางทีเธอก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันหลายครั้งที่โรสรินออกไปข้างนอกแล้วเห็นครอบครัวอื่นเลี้ยงลูกให้อยู่ด้วยกัน พี่น้องได้ใช้ชีวิตและเติบโตมาด้วยกันมันทำให้โรสรินอดที่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอมีลูกถึงสองคนนอกจากลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกทั้งสองก็ยังไม่รู้จักกันและยังไม่เคยเจอกันอีกด้วย หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปลูกของเธอก็จะไม่ต่างอะไรจากเด็กทั่วๆ ไป ที่รู้จักกันแบบผ่านๆ ไม่ได้รู้จักและสนิทกันแบบพี่น้องคู่อื่นๆ ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธอยังเด็ก เธอก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ให้รู้จักและสนิทกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า“โรสจะย้ายไปจริงๆ เหรอ?” แพรไหมเดินเข้ามาถามเสียงเศร้าเพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าโรสรินจะย้ายไปทำงานที่อื่นแบบนี้“ค่ะ โรสอยากไปอยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์ส” โรสรินเองก็ตอบเสียงเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเธอเองก็รักและผูกพันกับที่นี่ไม่ต่างจากแพรไหม“แล้วจะไปวันไหน
สามวันต่อมาโรสรินยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ข้างกายมีชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคอยอยู่ข้างๆ น้องสาว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด“ไปกันครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกกับหญิงสาวหลังจากที่ปล่อยให้เธอตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน“ค่ะ” โรสรินพยักหน้าตอบ เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยร่างบางก้าวเดินเข้าไปด้วยความประหม่า เธอไม่ได้บอกใครในบ้านเอาไว้ว่าเธอจะมา แต่ทุกคนต่างนั่งอยู่ในบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจนเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธอโดยเฉพาะสายตาที่อบอุ่นของฟาร์ริกซ์ทำเอาเธอเผลอมองและหาความหมายของแววตาที่เขามองมา แต่เธอก็ดูไม่ออกเลยว่าสายตาคู่นี้กำลังรู้สึกยังไงกับการที่เธอกลับมาในครั้งนี้“พี่โรส”เป็นเสียงของเฟญ่าที่ทักทายขึ้นมาก่อนใคร แต่ครั้งนี้เป็นการทักทายที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งเมื่อทุกคนเห็นว่าโรสรินมากับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หน้าตารวมไปถึงฐานะซึ่งก็พอจะดูออกว่าเขาคงจะรวยมากแน่ๆ“สวัสดีครับ” ภูมิพัฒน์ทักทายทุกคนตามมารยาท“โรสมีเรื่องจะ
หลายวันต่อมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาโรสรินได้คิดไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ้าหากเธอทำงานอยู่ที่นี่ต่อโอกาสที่เธอจะได้เจอน้องเฟิร์สก็ยิ่งมีน้อย เธอจึงคิดเรื่องการหางานใหม่ทำ จากประสบการณ์ที่เธอเคยทำงานมาก็พอที่จะเอาไปเขียนในใบสมัครงานที่ใหม่ได้บ้าง เพราะเธอก็มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีพอสมควรเมื่อมีโอกาสและมีทางเลือกโรสรินก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เธอจึงคิดและตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ภูเก็ต แล้วไปหางานใหม่ทำที่อยู่ในเมืองหลวง จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์สด้วย อีกอย่างลูกชายคนเล็กอย่างน้องไฟท์ก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้วเธอคงจะมีเวลาทำงานมากขึ้นโรสรินตัดสินใจยื่นใบลาออกไว้บนโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์ ถ้าหากจะบอกเขาไปตรงๆ เธอก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“จดหมายอะไร?” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อมีซองจดหมายสีขาววางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งดูเด่นชัดมากกว่าแฟ้มเอกสารอื่นๆ ที่วางอยู่“พี่พัฒน์ลองเปิดดูสิคะ” โรสรินก้มหน้าพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงชายหนุ่มหยิบเปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ด้านในด้วยความตั้งใจอยู่สั