หลังจากที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จแขกที่มาก็เริ่มทยอยออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองตามพิธี
ภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บนเตียงนอนมีดอกไม้โรยเอาไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องนี้ไปอีกหลายคืนตามความเชื่อของการแต่งงาน
โรสรินยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเธอคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กมาตลอด แต่พอได้ใส่ชุดแต่งงานแบบนี้เธอก็ดูสวยและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเหมือนกัน
ชุดราตรีสีขาวสะอาดที่ปักด้วยคริสตอลทำให้ดูสวยสง่าและเล่นไฟวิบวับเวลาที่โดนแสงไฟ เธอเป็นคนเลือกชุดนี้ซึ่งก็มีทีมงานอีกหลายคนที่เชียร์และเห็นด้วยว่าเธอเหมาะกับชุดนี้
หากความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนคือการได้แต่งงาน ตอนนี้โรสรินคงทำตามฝันได้สำเร็จ ถึงจะไม่ใช่การแต่งงานที่เกิดจากความรักแต่เธอก็พร้อมที่จะทำให้เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนใจมารักเธอให้ได้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่เธอก็พร้อมที่จะทำตราบใดที่เขายังไม่มีแฟน เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะดูแลและทำหน้าที่ของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ดีที่สุด
ร่างบางเผลอมองเจ้าบ่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังยิ้มให้เขาอยู่จนกระทั่ง…
“ยิ้มอะไร”
“ปะ เปล่าค่ะ” หญิงสาวสะดุ้งตกใจแล้วรีบปฏิเสธก่อนจะหันมองไปทางอื่น ซึ่งท่าทางของเธอตอนนี้ดูมีพิรุธสุดๆ
“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
“ได้ค่ะ” โรสรินตอบรับพร้อมกับมองตามหลังของชายหนุ่มที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ฟู่ววว~
ร่างบางพ่นลมหายใจออกมาด้วยท่าทางโล่งอก เพราะตอนอยู่กับเขามันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก ไม่ว่าจะพูดจะเดินจะทำอะไรก็ไม่มีความเป็นตัวเองเลยสักนิด
โรสรินทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ชุดก็หนักขาก็ปวดไปหมดจนแทบจะหลุดออกจากกัน ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย
นั่งพักในท่าสบายได้ไม่นานหญิงสาวก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เธอรีบดีดตัวนั่งตรงทันที ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าอยู่ในสายตาเขาเธอก็ต้องสวยและดูดีอยู่ตลอด
“ไปอาบน้ำสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำตามที่เขาบอก
“ค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
โรสรินมองตัวเองที่อยู่ในชุดเจ้าสาวอีกครั้งและเธอก็รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้มอง อย่างน้อยการแต่งงานของเธอในครั้งนี้ก็ทำให้เธอสามารถรักษาบริษัทของคุณพ่อต่อไปได้
แขนเรียวพยายามเอื้อมไปรูดซิปที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงเธอก็เอื้อมไม่ถึงอยู่ดี พอนึกย้อนไปตอนที่ใส่ชุดนี้ก็ยังต้องมีคนช่วยถึงสามคน พอถึงตอนจะถอดเธอจะถอดคนเดียวได้ยังไง
“ช่วยรูดซิปข้างหลังให้หน่อยได้ไหมคะ” ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม เพราะในห้องมีกันอยู่แค่สองคนและถ้าหากว่าเขาไม่ช่วยวันนี้เธอคงไม่ได้อาบน้ำอย่างแน่นอน
ฟาร์ริกซ์มองหญิงสาวด้วยสายตาสุดปลง เรื่องง่ายๆ แค่นี้เธอยังขอให้เขาช่วย แล้วต่อไปเธอจะทำอะไรเองได้บ้าง ไม่ใช่เอะอะจะเรียกให้เขาช่วยอยู่ตลอดนะ
สุดท้ายชายหนุ่มก็เป็นคนช่วยรูดซิปให้ มือหนาค่อยๆ รูดซิปลงเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนแถมยังนุ่มเหมือนผิวเด็กอีกด้วย
“ขอบคุณค่ะ” โรสรินขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหอบชุดเข้าไปถอดในห้องน้ำอีกครั้ง
ฟาร์ริกซ์มองตามแผ่นหลังขาวเนียนด้วยความหลงใหล ก่อนที่เขาจะตั้งสติเพื่อที่จะปรับความคิดตัวเองใหม่ ให้เลิกคิดเลิกมองอะไรที่ทำให้เขาเสียสมาธิ
ใช้เวลาไม่นานโรสรินก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางอยู่ในชุดนอนแขนยาวบวกกับกางเกงขายาวลายเจ้าหญิง ใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางแต่กลับดูมีเสน่ห์และดึงดูความสนใจจากเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
เขาจะไม่โดนคดีพรากผู้เยาว์ใช่ไหม? ทำไมยิ่งมองเธอก็ยิ่งเหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แค่คิดฟาร์ริกซ์ก็ปวดหัวแล้ว ไม่ใช่ว่าแต่งงานแล้วจะเอาตำรวจมาจับเขาคดีพรากผู้เยาว์เพื่อเรียกเงินค่าเสียหายหรอกนะ
“มีอะไรติดหน้าโรสหรือเปล่าคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเสียความมั่นใจ
“เปล่า”
“พี่ฟาร์มีเรื่องอะไรจะคุยกับโรสเหรอคะ” หญิงสาวถามเข้าประเด็นทันทีจะได้ไม่เสียเวลา เพราะตอนนี้เธอก็เริ่มง่วงนอนแล้ว
“เธอรู้ใช่ไหมที่ฉันยอมแต่งงานด้วยก็เพราะคำสัญญาของคุณพ่อ” ฟาร์ริกซ์ถามออกมาตรงๆ ระหว่างเธอกับเขาไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องปิดบัง
“โรสรู้ค่ะ” โรสรินก้มหน้าตอบเสียงเบา
“ดี! จะได้คุยกันง่ายๆ หน่อย”
“….” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาต้องการที่จะคุยเรื่องอะไรกับเธอกันแน่
“ฉันกับเธอไม่ได้รักกันและไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันนอกจากทะเบียนสมรสแผ่นเดียว ซึ่งพอครบสามเดือนเราจะหย่ากันทันทีและแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างอิสระ” ฟาร์ริกซ์อธิบายยาวเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจตรงกันเพราะเขาไม่ได้รักเธอ
“….” โรสรินนั่งฟังด้วยความตั้งใจ โดยที่เธอไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ระหว่างนี้ฉันกับเธอก็จะเป็นแค่คนรู้จักที่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่ จะไปไหน จะทำอะไรก็ไม่ต้องมาสนใจกัน เข้าใจไหม?”
เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกันก็ต้องพูดกันให้เข้าใจอย่างตรงไปตรงมา จะได้ไม่สับสนหรือเสียเวลามานั่งอธิบายเรื่องเดิมซ้ำๆ อีก
“เข้าใจค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าตอบรับเป็นเชิงเข้าใจ
“อ้อ! มีอีกเรื่อง! เธอไม่จำเป็นต้องทำดีอะไรให้ฉันเห็น เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันรักผู้หญิงเห็นแก่เงิน!” ฟาร์ริกซ์พูดออกมาตรงๆ เพื่อตัดบทสนทนานี้ให้จบลงทันที จะได้ไม่ต้องมาคอยพูดคอยถามกันอีก
โรสรินมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกน้อยใจ เพียงแค่เริ่มต้นเขากลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอเลย สงสัยว่างานนี้เธอคงจะหมดหวังแล้วจริงๆ
“พี่ฟาร์จะไปไหนคะ” ร่างบางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องนอน
“ฉันจะไปนอนที่โซฟาข้างนอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ฟาร์นอนบนเตียงเลยค่ะ เดี๋ยวโรสจะออกไปนอนที่โซฟาเอง” โรสรินยอมเสียสละเพื่อความสบายของผู้ชายเธอยอมได้ทุกอย่าง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ต้องใส่ใจและดูแลเขาให้ดีที่สุด
“ก็ดีเหมือนกัน” ฟาร์ริกซ์กระตุกยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงกว้าง
โรสรินหอบผ้าห่มเดินออกมาที่ห้องรับแขกที่มีโซฟาขนาดใหญ่ ขนาดอยู่ด้วยกันวันแรกเขายังพูดตัดความหวังเธอขนาดนี้ แล้วเธอจะทำให้เขาเปลี่ยนใจมารักเธอได้ยังไง
แต่คนสู้ชีวิตอย่างโรสรินจะหมดหวังได้ยังไง อย่างน้อยเธอก็ยังมีเวลาอีกตั้งสามเดือนที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเขา ถึงจะไม่รักแต่ก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง เพราะเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้เสน่ห์
มาดูกันสิว่าภายในเวลาสามเดือนโรสรินจะเปลี่ยนใจฟาร์ริกซ์ให้มารักเธอได้หรือเปล่า…
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เช้าวันต่อมาโรสรินตั้งใจตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อที่จะทำอาหารเอาไว้รอชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ในห้องนอน เรื่องทำอาหารเธอก็พอจะทำเป็นอยู่บ้าง แต่ก็ทำเป็นแค่เมนูง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรแต่พอเข้าไปในห้องครัวก็พบกับความว่างเปล่า โรสรินลืมไปเลยว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงแรมไม่ใช่ที่บ้าน จึงไม่มีเนื้อสัตว์หรือผักต่างๆ ที่เอาไว้ทำอาหารร่างบางนั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะมองไปเห็นเบอร์โทรที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สั่งของกินของใช้ ไม่ว่าจะต้องการอะไรทางโรงแรมก็มีบริการหมดโรสรินไม่รอช้ารีบกดเบอร์และโทรสั่งของที่เธอต้องการทันที ถ้าเป็นคนอื่นคงโทรสั่งอาหารเช้าแบบสำเร็จจากทางโรงแรมมาเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำ แค่วางบนโต๊ะสวยๆ ก็จบทว่าโรสรินไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นและเธอเลือกที่จะโทรสั่งให้พนักงานไปซื้อของและเครื่องปรุงสำหรับทำอาหารเช้าง่ายๆ ซึ่งจะเป็นเมนูอะไรไปไม่ได้นอกจากเมนูข้าวต้มนั่งรอไม่นานพนักงานก็เอาของมาส่งถึงห้อง โรสรินมีหน้าที่แค่รอจ่ายตังค์ ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของเองด้วย ทำอะไรก็ง่ายและสะดวกสบายไปหมดหญิงสาวเริ่มทำอาหารด้วยความตั้งใจและเธอก็สั่งของมาครบทุกอย่างไม่มีขาด ถึ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันที่โรสรินแต่งงานจนถึงวันนี้เธอก็ยังไม่เห็นแม่เลี้ยงมาหาเธอเลยสักครั้ง ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยที่ไม่โทรไม่ถามอะไรเธอเลย บางทีเธอก็อดสงสัยไม่ได้หรือความจริงแล้วแม่เลี้ยงของเธอจะหอบเงินสินสอดหนีไปแล้วโรสรินได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของฟาร์ริกซ์ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนที่บ้านต่างต้อนรับและดูแลเธอเป็นอย่างดี จากชีวิตที่เคยเงียบเหงาก็เริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง เพราะมีเฟญ่าและฟินนิคซ์คอยพูดคุยและถามไถ่เธออยู่ตลอดต่างจากฟาร์ริกซ์ที่เป็นสามีของเธอ ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เคยชมและไม่เคยเห็นค่าในสิ่งที่เธอตั้งใจทำให้เขาด้วยซ้ำ ต่อหน้าคนอื่นก็แกล้งทำดีกับเธอ แต่พอลับหลังกลับพูดจาประชดเธอไม่หยุด“คิดเหรอว่าที่คนอื่นทำดีด้วยแล้วเขาจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอจริงๆ”ฟาร์ริกซ์พูดขึ้นมาในขณะที่อยู่กับโรสรินสองต่อสองและเธอก็กำลังเตรียมตักอาหารมาให้เขา ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านโรสรินก็ทำตัวเป็นคนดี อาสาที่จะทำอาหารและทำงานบ้านให้ทุกอย่าง“หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมาและเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าที่เขาพูดออกมานั้นเขาต้องการ
เมื่อทุกคนออกจากบ้านไปกันหมดโรสรินก็รู้สึกเหงาแปลกๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยู่คุยเป็นเพื่อน จะมีก็แต่แม่บ้านซึ่งบางคนก็มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ จนเธอต้องหลบสายตาไม่กล้าที่จะพูดอะไรด้วย“จะทำอะไรคะ” เสียงแม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่นัก“โรสว่าจะซักเสื้อผ้าให้พี่ฟาร์ค่ะ”หญิงสาวหน้าตาใสซื่อตอบแม่บ้านพร้อมรอยยิ้ม เธอมาอยู่บ้านเขาแล้วจะให้เธออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้ เธอต้องหาอะไรทำบ้างจะได้ไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไป“ซักเป็นเหรอคะ” แม่บ้านเบ้ปากถามเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ดูท่าเป็นคุณหนูแบบนี้จะทำงานบ้านเป็น“ซักเป็นค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่ก็ตามโรสรินถือตะกร้าผ้าไปยังหลังบ้านที่เป็นมุมซักเสื้อผ้าทันที โดยที่มีแม่บ้านคอยยืนมองอยู่ไม่ห่าง คงจะกลัวว่าเธอจะทำอะไรไม่เป็น แต่เรื่องงานบ้านเป็นอะไรที่เธอถนัดมาก เพราะตั้งแต่เสียคุณพ่อไปที่บ้านก็ไม่มีเงินจ้างแม่บ้าน เธอจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างเองกับมือ รวมถึงซักเสื้อผ้าให้แม่เลี้ยงด้วยงานบ้านเป็นอะไรที่ทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา อย่างน้อยก็ไม่อาศัยบ้า
หนึ่งเดือนต่อมาโรสรินเริ่มที่จะปรับตัวเข้ากับทุกคนในบ้านได้ ไม่ว่าเธอจะทำงานบ้านอะไรก็จะมีแม่บ้านมาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดความตั้งใจของโรสรินเริ่มส่งผลในทางที่ดีมากขึ้น จากช่วงแรกๆ ที่เธอทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด แต่ตอนนี้ฟาร์ริกซ์ก็เริ่มชินกับการกระทำของเธอไปแล้ว“อาหารเช้าวันนี้ค่ะ” โรสรินยกถ้วยข้าวต้มวางลงตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวไปหมด โรสรินก็แบ่งเวลาทำอาหารเช้าและอาหารเย็นช่วยแม่บ้านได้เป็นอย่างดี บอกแล้วว่าอะไรที่ทำเพื่อฟาร์ริกซ์เธอก็พร้อมที่จะทำ“ระวังร้อนนะคะโรสพึ่งทำเสร็จ” หญิงสาวบอกด้วยความเป็นห่วงและหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มจะรีบทานรีบออกไปทำงานเหมือนทุกวัน“ขอบใจ” ถึงจะเป็นคำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้บอกเธอร่างบางนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม มือบางกำชายกระโปรงจนยับยู่ยี่ไปหมด เพราะมีสิ่งที่เธออยากรู้แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถาม“มีอะไร” ฟาร์ริกซ์สังเกตเห็นท่าทางที่ปกติของอีกฝ่ายจึงถามและมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ“เอ่อ… โรสขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” เมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสโรสรินจึงตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่เธออยากรู้ออกมาตามตร
ฟาร์ริกซ์นั่งทำงานอยู่ที่บริษัทจนดึกเพื่อรอเวลานัดกับเจย์เดน ซึ่งเขาชอบมากเวลาที่จะได้ไปผับของเพื่อนสนิทอย่างเจย์เดน นอกจากจะมีเครื่องดื่มรสชาติดีแล้วยังมีสาวๆ สวยๆ มาคอยบริการอยู่ตลอดตั้งแต่ฟาร์ริกซ์แต่งงานมา เขายังไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเลยสักครั้ง ซึ่งก็เป็นเวลานานเกือบเดือน วันนี้คงจะเป็นวันที่ทำให้เขามีความสุขมากแน่ๆครืด~ ครืด~ฟาร์ริกซ์ละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วมองไปยังโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาและกดรับสาย“ว่าไง” ชายหนุ่มทักทายคนในสายด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยและสนิทสนม(ทำอะไรอยู่วะ) ปลายสายถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“เคลียร์งานอยู่”(รีบมาได้แล้ววันนี้มีเด็กใหม่มา)“อืม”(รีบมาตอนนี้เลย!)ฟาร์ริกซ์กดวางสายพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้า ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องทำงาน..@JDผับรถยนต์คันหรูขับมาจอดยังลานจอดรถที่ประจำ โดยที่เมื่อก่อนฟาร์ริกซ์จะมาที่นี่แทบทุกวัน เพราะเป็นที่เอาไว้สำหรับผ่อนคลายและระบายความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ ถ้าหากได้มาที่นี่จะทำให้เขาอารมณ์ดีและมีความสุขมากขึ้นร่างสู
หลังจากที่ได้วางสายจากสามี โรสรินก็ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนชุดนอนออกแล้วหยิบชุดที่เธอคิดว่าสวยและดูดีที่สุดในตู้ออกมาใส่ทันที เธอไม่ได้ต้องการที่จะแต่งตัวดูดีและใส่ชุดสวยๆ ไปหาใคร แต่ที่เธอเปลี่ยนชุดก็เพราะว่าสถานที่ที่เธอจะไปนั้นคนเยอะ เธอจึงต้องแต่งตัวให้เหมาะสมและให้เข้ากับสถานที่สักหน่อยรถยนต์คันหรูค่อยๆ ขับออกจากบ้านหลังใหญ่ในเวลากลางดึก ซึ่งเรื่องการขับรถโรสรินก็พอจะขับเป็นอยู่บ้างเพราะเมื่อก่อนเธอก็มีรถยนต์ส่วนตัวที่คุณพ่อเคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่หลังจากที่คุณพ่อจากไปแม่เลี้ยงก็บังคับให้เธอขายรถเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่มีอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดถึงคุณพ่อโชคดีที่บ้านของฟาร์ริกซ์มีรถยนต์หลายคัน ซึ่งทุกคนก็บอกเธอแล้วว่าสามารถใช้ได้ทุกคัน แต่เธอก็เกรงใจไม่เคยขับออกไปไหนเลยสักครั้ง แต่วันนี้มีเรื่องจำเป็นจริงๆ“จะมีที่จอดรถหรือเปล่าเนี่ย”หญิงสาวครุ่นคิดด้วยท่าทางคิดหนักกลัวว่าจะไม่มีที่จอดรถ แต่ก็ยังถือว่าโชคเข้าข้างเมื่อมีคนขับรถออกไป ทำให้เธอมีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าผับพอดีไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอด“ผับใหญ่ขนาดนี้จะหาเจอได้ยังไงนะ”โรสรินลงจากรถพร้อมกับมองสำรวจอยู่ด้านหน้าผับด้วยท่าทางล
บรรยากาศบนรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเมื่อฟาร์ริกซ์แกล้งหลับมาตลอดทาง ส่วนโรสรินก็ตั้งใจขับรถเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัยใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของบ้านหลังใหญ่ ความเงียบในเวลากลางดึกทำให้คนกลัวผีอย่างโรสรินทำตัวไม่ถูก“ถึงบ้านแล้วค่ะ” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ“พี่ฟาร์… ถึงบ้านแล้วค่ะ” โรสรินหันไปพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงหลับอยู่เหมือนเดิมและไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด“พี่ฟาร์” ร่างบางยังคงเรียกชายหนุ่มอีกครั้ง“มีอะไร” ชายหนุ่มถามขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวน แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะแกล้งหลับต่อเพื่อที่จะรอดูว่าเธอจะทำยังไงต่อไป“ถึงบ้านแล้วค่ะ” โรสรินบอกพร้อมกับจ้องมองหน้าชายหนุ่ม“ถึงแล้วก็รีบมาพาฉันเข้าบ้านสิ!” ฟาร์ริกซ์ทำเป็นงัวเงียลืมตาขึ้นมามองสำรวจบรรยากาศด้านนอกราวกับคนที่พึ่งตื่นนอนจริงๆเรื่องการแสดงแบบนี้คงต้องไว้ใจฟาร์ริกซ์ ไม่ว่าจะแกล้งนอนหลับหรือแกล้งเมา เขาก็แสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่าทำสมบทบาทและตีบทแตกสุดๆ“ค่ะ” โรสรินพยักหน้ารับ ถึงจะสงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไร เพรา
โรสรินมองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับสบายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปี่ยมไปด้วยความรัก ความรักบริสุทธิ์ ความรักที่เธอมอบให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ความรักที่เธอไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน ซึ่งเธอก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตที่ทำให้เธอกับเขาได้แต่งงานและได้ใช้ชีวิตร่วมกันเธอยินดีที่จะดูแลและทำทุกอย่างเพื่อให้ชายหนุ่มมีความสุข อะไรที่ทำให้ดีเธอก็พร้อมที่จะทำให้เขา เพื่อเป็นการตอบแทน“เดี๋ยวโรสใส่เสื้อตัวใหม่ให้นะคะพี่ฟาร์จะได้นอนสบาย”โรสรินยิ้มกว้างในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบเสื้อตัวใหม่ ชายหนุ่มใช้โอกาสในจังหวะที่เธอเผลอลุกขึ้นมาคล่อมเธอเอาไว้พรึบ!0.0“พี่ฟาร์จะทำอะไรคะ!” ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม ซึ่งสายตาที่เขาจ้องมองเธอนั้นเป็นสายตาที่น่ากลัวและเธอก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนชายหนุ่มยังคงเงียบไม่ตอบไม่พูดอะไร ทว่าใบหน้าหล่อกลับซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว ตอนแรกฟาร์ริกซ์ตั้งใจจะแกล้งโรสรินเล่นๆ แต่พอได้สูดดมกลิ่นหอมจากตัวเธอแล้วเขากลับทำตัวไม่ถูก ความอดทนในร่างกายก็เริ่มลดน้อยลงทุกที“พี่ฟาร์!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเผื่อว่าจะเรียกสต
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี
หลังจากที่โรสรินกลับมาอยู่ภูเก็ตเธอก็พยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอรู้สึกรักและผูกพันธ์กับคนที่นี่มาก พอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาว บางทีเธอก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันหลายครั้งที่โรสรินออกไปข้างนอกแล้วเห็นครอบครัวอื่นเลี้ยงลูกให้อยู่ด้วยกัน พี่น้องได้ใช้ชีวิตและเติบโตมาด้วยกันมันทำให้โรสรินอดที่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอมีลูกถึงสองคนนอกจากลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกทั้งสองก็ยังไม่รู้จักกันและยังไม่เคยเจอกันอีกด้วย หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปลูกของเธอก็จะไม่ต่างอะไรจากเด็กทั่วๆ ไป ที่รู้จักกันแบบผ่านๆ ไม่ได้รู้จักและสนิทกันแบบพี่น้องคู่อื่นๆ ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธอยังเด็ก เธอก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ให้รู้จักและสนิทกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า“โรสจะย้ายไปจริงๆ เหรอ?” แพรไหมเดินเข้ามาถามเสียงเศร้าเพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าโรสรินจะย้ายไปทำงานที่อื่นแบบนี้“ค่ะ โรสอยากไปอยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์ส” โรสรินเองก็ตอบเสียงเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเธอเองก็รักและผูกพันกับที่นี่ไม่ต่างจากแพรไหม“แล้วจะไปวันไหน
สามวันต่อมาโรสรินยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ข้างกายมีชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคอยอยู่ข้างๆ น้องสาว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด“ไปกันครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกกับหญิงสาวหลังจากที่ปล่อยให้เธอตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน“ค่ะ” โรสรินพยักหน้าตอบ เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยร่างบางก้าวเดินเข้าไปด้วยความประหม่า เธอไม่ได้บอกใครในบ้านเอาไว้ว่าเธอจะมา แต่ทุกคนต่างนั่งอยู่ในบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจนเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธอโดยเฉพาะสายตาที่อบอุ่นของฟาร์ริกซ์ทำเอาเธอเผลอมองและหาความหมายของแววตาที่เขามองมา แต่เธอก็ดูไม่ออกเลยว่าสายตาคู่นี้กำลังรู้สึกยังไงกับการที่เธอกลับมาในครั้งนี้“พี่โรส”เป็นเสียงของเฟญ่าที่ทักทายขึ้นมาก่อนใคร แต่ครั้งนี้เป็นการทักทายที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งเมื่อทุกคนเห็นว่าโรสรินมากับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หน้าตารวมไปถึงฐานะซึ่งก็พอจะดูออกว่าเขาคงจะรวยมากแน่ๆ“สวัสดีครับ” ภูมิพัฒน์ทักทายทุกคนตามมารยาท“โรสมีเรื่องจะ
หลายวันต่อมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาโรสรินได้คิดไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ้าหากเธอทำงานอยู่ที่นี่ต่อโอกาสที่เธอจะได้เจอน้องเฟิร์สก็ยิ่งมีน้อย เธอจึงคิดเรื่องการหางานใหม่ทำ จากประสบการณ์ที่เธอเคยทำงานมาก็พอที่จะเอาไปเขียนในใบสมัครงานที่ใหม่ได้บ้าง เพราะเธอก็มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีพอสมควรเมื่อมีโอกาสและมีทางเลือกโรสรินก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เธอจึงคิดและตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ภูเก็ต แล้วไปหางานใหม่ทำที่อยู่ในเมืองหลวง จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์สด้วย อีกอย่างลูกชายคนเล็กอย่างน้องไฟท์ก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้วเธอคงจะมีเวลาทำงานมากขึ้นโรสรินตัดสินใจยื่นใบลาออกไว้บนโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์ ถ้าหากจะบอกเขาไปตรงๆ เธอก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“จดหมายอะไร?” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อมีซองจดหมายสีขาววางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งดูเด่นชัดมากกว่าแฟ้มเอกสารอื่นๆ ที่วางอยู่“พี่พัฒน์ลองเปิดดูสิคะ” โรสรินก้มหน้าพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงชายหนุ่มหยิบเปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ด้านในด้วยความตั้งใจอยู่สั